Snow Eagle Lord อินทรีหิมะเจ้าดินแดน ตอนที่ 20 เยือนหอม่านเมฆเป็นครั้งแรก
“ห้าล้านปีแล้ว ตอนนี้ข้าสามารถเปิดเผยสู่สาธารณะได้แล้วว่าไปถึงพลังยุทธ์ระดับชั้นที่ห้าของวังปฐมเทพแล้ว อาศัยสิ่งนี้ก็สามารถไปยังเมืองหลวงของรัฐเมฆทักษิณา ไปรับวิชาเมฆทักษิณาทิพย์สิบสองกระบวนท่าฉบับสมบูรณ์ได้แล้ว” ตงป๋อเสวี่ยอิงเอ่ยพึมพำเขายังมีความมุ่งมาดเป็นอย่างยิ่งกับฉบับสมบูรณ์ของการที่ขั้นรวมเป็นหนึ่งสามารถสำแดงพลังยุทธ์ระดับชั้นที่แปด ขั้นอลวนสามารถสำแดงพลังยุทธ์ระดับชั้นที่สิบได้เพราะสำหรับผู้อื่นแล้วการได้มานั้นก็เป็นการสิ้นเปลืองเปล่าๆ ถึงอย่างไรขั้นอลวนชั้นที่เก้าโดยทั่วไปต่างก็ไปไม่ค่อยถึงกันสักเท่าใดนักแต่ตงป๋อเสวี่ยอิงนั้นไม่เหมือนกัน เขาจะต้องได้ศาสตร์ลับที่ขั้นอลวนสำแดงชั้นที่สิบนั้นมาให้จงได้! ศาสตร์ลับพรรค์นี้นั้นเขาก็ต้องยอมรับว่าตนเองไม่สามารถคิดค้นออกมาได้ตอนที่เป็นขั้นอลวน อันที่จริงแล้วศาสตร์ลับที่ขั้นอลวนสำแดงพลังยุทธ์ชั้นที่สิบออกมานั้น เหล่าเทพจักรวาลส่วนใหญ่ต่างก็คิดค้นออกมามิได้กันทั้งสิ้น ผู้ที่สามารถคิดค้นออกมาได้นั้นมีอยู่น้อยนิดเหลือเกินในดินแดนจิตโลกา“ลูกพ่อ” เสียงตะโกนอย่างกระตือรือร้นเสียงหนึ่งดังขึ้นตงป๋อเสวี่ยอิงหันหน้าไปมอง อิงซานเลี่ยฮู่และหรงซิงหลันสองสามีภรรยากำลังเข้ามาพร้อมกัน อิงซานเลี่ยฮู่กำลังตะโกนอย่างกระตือรือร้นถึงแม้ว่าในตอนแรกจะมิได้มีความรู้สึกอันดีต่อบิดาผู้นี้เลย แต่เขาก็นับถืออิงซานเลี่ยฮู่ผู้นี้ ห้าล้านปีมานี้อิงซานเลี่ยฮู่ก็เอาอกเอาใจหรงซิงหลันมาโดยตลอด เอาใจเสียจนหรงซิงหลันเบิกบานใจเป็นอย่างยิ่ง ต่อให้จงใจแสร้งทำ แต่สามารถเอาอกเอาใจมาได้ถึงห้าล้านปี… ก็สามารถคิดว่าเป็นความจริงได้แล้ว อย่างน้อยความรู้สึกที่หรงซิงหลันมีต่อสามีของตนเองก็ล้ำลึกขึ้นเป็นอย่างมากแล้วจริงๆ“ท่านพ่อ ท่านแม่” ตงป๋อเสวี่ยอิงลุกขึ้นยืนลูกข้าบำเพ็ญอย่างยากลำบากเหลือเกิน พ่อเห็นแล้วช่างเจ็บปวดใจนัก” อิงซานเลี่ยฮู่เอ่ยอย่างอ่อนไหว วาจานี้ของเขามาจากน้ำใสใจจริง ตอนนี้ข้างนอก ผู้ใดไม่ยกย่องเขาอิงซานเลี่ยฮู่ผู้นี้เป็นอย่างยิ่งบ้างเล่า เพราะเหตุใดน่ะหรือ ก็มิใช่เพราะมีบุตรชายที่ล้ำเลิศหาใดเปรียบอยู่คนหนึ่งหรืออย่างไรเล่าบุตรชายที่จะต้องได้เป็นโหวขั้นอลวนอย่างแน่นอน! อิงซานเลี่ยฮู่เองก็ทระนงในตัวบุตรชายของตนเองเป็นอย่างยิ่งคิดๆ ดูแล้วตัวเองเอาแต่เสพสุข แล้วมองดูบุตรชายปลีกวิเวกบำเพ็ญอยู่ตลอดแล้วอิงซานเลี่ยฮู่ก็เจ็บปวดใจอย่างแท้จริง บุตรชายก็ช่างสุดโต่งเหลือเกินจริงๆ“เสวี่ยอิง ที่ท่านพ่อของเจ้าพูดก็ถูกนะ เจ้าควรจะออกไปเดินเล่นข้างนอกให้มากหน่อย อย่าเอาแต่บำเพ็ญอย่างเดียวสิ” หรงซิงหลันก็พูดขึ้นเช่นนั้น นางเป็นห่วงบุตรชายอย่างแท้จริงห้าล้านปีแล้วบุตรชายของตนก็ไม่เคยชอบพอสตรีนางใดเลยแม้แต่คนเดียว!นี่ไม่ปกติเป็นอย่างยิ่ง! ชมชอบบุรุษหรืออย่างไร ก็มิใช่เสียหน่อย!“ดีๆๆ ออกไปเดินเล่นสักหน่อยก็ดีเหมือนกัน ข้าจะออกไปเดินเล่นอย่างแน่นอน” ตงป๋อเสวี่ยอิงพูด เขาจะออกไปเดินเล่นจริงๆ นอกจากนี้จะยังไปยังนครที่ใหญ่ที่สุดของรัฐเมฆทักษิณาที่อยู่ห่างไกลออกไปอีกด้วย…เมืองหลวง! จะไปศีกษาวิชาเมฆทักษิณาทิพย์สิบสองกระบวนท่าฉบับสมบูรณ์ที่นั่น“เจ้าอย่ามาหลอกข้าเลย ก่อนหน้านี้ก็รับปากอย่างเดียว พอหันหน้าไปเจ้าก็กลับไปบำเพ็ญอีกแล้ว” หรงซิงหลันพูด “เลี่ยฮู่ ท่านนำทางเสวี่ยอิงที พาเขาออกไปเดินเล่นสักหน่อยสิ”“ได้สิ” อิงซานเลี่ยฮู่พยักหน้าตั้งแต่บุตรชายได้เป็นขั้นรวมเป็นหนึ่ง ชื่อเสียงก็ขจรขจายไปทั่วทั้งรัฐเมฆทักษิณาแล้ว ตระกูลอ๋องโหวจำนวนมากมายของรัฐเมฆทักษิณาต่างก็รู้ว่าตระกูลอิงซานมีเด็กน้อยที่ร้ายกาจเพิ่มขึ้นมาอีกคนหนึ่ง ทว่าตั้งแต่ได้เป็นขั้นรวมเป็นหนึ่ง ตงป๋อเสวี่ยอิงกลับไม่เคยออกไปพ้นจวนโหวอีกเลย ถ้าหากพาบุตรชายออกไปจากจวนจะต้องเป็นจุดสนใจอย่างแน่นอนอิงซานเลี่ยฮู่นั้นชมชอบการเป็นจุดสนใจเป็นอย่างยิ่งเลยทีเดียว……เพียงไม่นาน อิงซานเลี่ยฮู่ก็ลากตัวตงป๋อเสวี่ยอิงออกมาจากจวนโหว ทั้งยังนั่งรถม้าที่หรูหราเป็นอย่างยิ่งของอิงซานเลี่ยฮู่อีกด้วย รถม้าของตงป๋อเสวี่ยอิงนั้นเรียบง่ายกว่าเป็นอย่างมาก อิงซานเลี่ยฮู่นี้มีความโดดเด่นระยับจับตาเป็นอย่างยิ่ง ทำให้ผู้บำเพ็ญจำนวนนับไม่ถ้วนบนท้องถนนต่างก็ไม่กล้ามองตรงๆ สัตว์มังกรก็ยังมีถึงแปดหัวอีกด้วย“ท่านพ่อ ท่านถึงกลับเปลี่ยนรถม้านี่เชียวหรือ” ตงป๋อเสวี่ยอิงนั่งลงบนรถม้า โดยมีอิงซานเลี่ยฮู่นั่งอยู่ข้างๆรถม้ากว้างใหญ่เป็นอย่างยิ่ง นั่งกันสองคนก็ยังเหลือที่อยู่อีกมาก เถียนอี้จือ องครักษ์ติดตามเก้าคน สิงห์เมฆาทะมึนสองตน และสาวใช้เหยียนอวี๋ก็อยู่บนรถม้ากับสาวใช้และเหล่าองครักษ์ของอิงซานเลี่ยฮู่ด้วยเช่นกัน“ฮ่าฮ่า อิงซานเสวี่ยอิงลูกพ่อเป็นผู้มีชื่อเสียงเลื่องลือ ข้าจะนั่งรถม้าธรรมดาๆ ได้อย่างไรกันเล่า” อิงซานเลี่ยฮู่ขยิบตาให้ตงป๋อเสวี่ยอิงอย่างลำพองใจ “ซื้อรถม้าคันนี้มา ข้าก็เป็นหนี้แก้วผลึกจักรวาลไม่น้อยเลยทีเดียวนะ แต่ช้าๆ ก็ได้ ไม่รีบร้อน แน่นอนว่าถ้าหากลูกพ่อจะช่วยชดใช้ เช่นนั้นก็คงจะดีไม่น้อยเลย”ตงป๋อเสวี่ยอิงลูบสิงห์เมฆาทะมึนที่นอนหมอบอยู่ข้างๆ โดยไม่มองบิดาของตนเองอีกเลยอิงซานเลี่ยฮู่เห็นแล้วก็มิได้ใส่ใจเลยแม้แต่น้อย เขาพูดพลางหัวเราะฮ่าๆ “ไปๆ ออกเดินทางกันเถิด ไปยังหอม่านเมฆ”โฮก…สัตว์มังกรแปดตนส่งเสียงคำราม รถม้าอันหรูหราเคลื่อนผ่านท้องฟ้า มุ่งหน้าไปยังหอม่านเมฆ“ไปหอม่านเมฆหรือ” ตงป๋อเสวี่ยอิงตกตะลึง เถียนอี้จือ สาวใช้เหยียนอวี๋ แม้กระทั่งเหล่าองครักษ์และข้ารับใช้คนอื่นๆ ที่อยู่ข้างๆ ต่างก็อดที่จะมองไปทางอิงซานเลี่ยฮู่มิได้พาบุตรชายไปเยือนหอม่านเมฆอย่างนั้นหรือ“ต้องไปชมดูสักหน่อย” อิงซานเลี่ยฮู่พูด “ลูกพ่อคงยังไม่เคยไปกระมัง นั่นก็คือสถานที่หาความสำราญที่ใหญ่ที่สุดในเมืองอัคคีโชติ ลูกพ่อก็บำเพ็ญมาถึงห้าล้านปี ก็ควรจะไปดูอะไรๆ สักหน่อย”ตงป๋อเสวี่ยอิงแย้มยิ้มโดยมิได้พูดอะไรมากพรึ่บ…“คุณชายเสวี่ยอิงหรือ”“สิงห์เมฆาทะมึน เช่นนั้นข้างบนนั่นก็คือคุณชายเสวี่ยอิงอย่างนั้นหรือ”“อิงซานเลี่ยฮู่ผู้โชคดีคนนั้นพาคุณชายเสวี่ยอิงมาอย่างนั้นหรือ”ทุกหนแห่งที่ผ่านไปล้วนเต็มไปด้วยเสียงวิพากษ์วิจารณ์ผู้ที่รู้เห็นมามากบางคนยังสามารถชี้ตัวอิงซานเสวี่ยอิงได้อีกด้วยเมื่อได้ยินเสียงวิพากษ์วิจารณ์ อิงซานเลี่ยฮู่ที่นั่งอยู่บนรถม้ากลับยิ้มอย่างเบิกบานใจมากยิ่งขึ้น เป็นจุดสนใจ ช่างเป็นจุดสนใจโดยแท้……เพียงไม่นานก็มาถึงหอม่านเมฆ“ใต้เท้าเลี่ยฮู่” เหล่าผู้ดูแลของหอม่านเมฆมาต้อนรับอย่างคุ้นเคยเป็นอย่างยิ่ง แต่เมื่อได้เห็นหนุ่มน้อยผู้หล่อเหลาในอาภรณ์ขาวที่นั่งอยู่ข้างอิงซานเลี่ยฮู่บนรถม้าที่ร่อนลงมาจอดแล้วหนุ่มน้อยผู้หล่อเหลานั่นละมุนละไมดุจหยก เพียงแค่พวกเขาได้เห็นก็อดที่จะหัวใจสั่นสะท้านมิได้“คุณชายเสวี่ยอิงหรือ” พวกเขาล้วนตะลึงงันไปเสียแล้วคุณชายเสวี่ยอิงมาแล้ว”“เร็วเข้าๆ คุณชายเสวี่ยอิงมาแล้ว”ข่าวแพร่สะพัดไปทั่วหอม่านเมฆอย่างรวดเร็วจนเต็มไปด้วยความโกลาหล นี่คือเรื่องใหญ่โตอย่างยิ่ง ถึงแม้ว่าหอม่านเมฆจะไม่ธรรมดา แต่ตอนนี้ ‘คุณชายเสวี่ยอิง’ มีสถานะเช่นไร นั่นคือผู้ที่ถูกกำหนดให้เป็นโหวขั้นอลวนเฟิงเลยทีเดียว เป็นผู้ที่มีสถานะจัดเป็นสามลำดับแรกในเมืองอัคคีโชติ! ประมุขตำหนักทิพย์เมฆทักษิณา ‘ฉุนอวี้เว่ยอี’ ก็ยังมิกล้าละเลย ถึงอย่างไรฉุนอวี้เว่ยอีก็เป็นเพียงแค่ตระกูลผู้อาศัยเท่านั้น ตัวตนก็ยังคงเป็นเพียงขั้นรวมเป็นหนึ่งอยู่ดี ผู้ใดจะกล้าละเลยผู้ที่ถูกหมายมั่นให้เป็นโหวกันเล่า“ตั้งตารอมาเป็นพันปีหมื่นปี มองจนตาล้าไปหมดแล้ว ในที่สุดก็ได้เห็นคุณชายเสวี่ยอิงเสียที”ประมุขหอฉุนอวี้เฟิงผู้อ้วนพีราวกับลมหอบหนึ่งพัดมา มีความกระตือรือร้นเป็นอย่างยิ่ง“ฉุนอวี้เฟิง วันนี้ลูกชายข้ามาถึงนี่ ค่าใช้จ่ายที่นี่เจ้าก็ต้องเป็นผู้จัดการแล้วล่ะนะ” อิงซานเลี่ยฮู่เอ่ยอย่างไม่ใส่ใจ“วางใจเถิด วางใจเถิด ปล่อยให้เป็นหน้าที่ข้าเอง” ฉุนอวี้เฟิงหัวเราะจนใบหน้าชราและเนื้อหนังอันอ้วนพีสั่นระริกตงป๋อเสวี่ยอิงก็หัวเราะเพื่อเป็นการหลบเลี่ยงการสนทนาอย่างง่ายๆคนทั้งกลุ่มถูกประมุขหอฉุนอวี้เฟิงส่งเข้าไปภายในโถงตำหนักอันใหญ่โตแห่งหนึ่งด้วยตนเอง ภายในโถงตำหนักนี้อยู่ภายใต้การจัดการของฉุนอวี้เฟิง ผู้มีเสน่ห์เปี่ยมพรสวรรค์คนแล้วคนเล่าต่างก็เป็นสตรีงดงามอย่างที่สุดผู้ไม่เคยผ่านมือบุรุษมาก่อนต่างก็เริ่มต้นขึ้นมาร้องรำทำเพลงบนเวที“มากับข้า ข้าไม่มีทางทำให้เจ้าผิดหวังอย่างแน่นอน เอ้า รับไปก่อนสิ”ภายในโถงตำหนักอันใหญ่โตแห่งนั้น รอบด้านสี่ทิศมีสมาชิกตระกูลอ๋องโหวจำนวนมากอยู่ก่อนแล้ว สมาชิกตระกูลอ๋องโหวผู้หนึ่งกำลังโยนถุงแก้วผลึกจักรวาลถุงหนึ่งให้กับสตรีในชุดเกราะนักรบตรงหน้า สตรีผู้เย็นชาผู้นั้นรับเอาถุงแก้วผลึกจักรวาลถุงนั้นมา ในใจมีความตื่นเต้นเป็นอย่างยิ่ง ในที่สุดตนก็เข้าไปเป็นคนเฝ้าประดูของสมาชิกตระกูลอ๋องโหวคนหนึ่งได้สำเร็จ วันเวลาในภายหน้าก็คงจะผ่านพ้นไปด้วยดีแล้ว การบำเพ็ญของบุตรชายบุตรสาวตนก็จะมีทรัพยากรแล้ว“ยินดีกับคุณชายด้วย ที่ได้รับคนเฝ้าประตูหญิงผู้ร้ายกาจมาอีกคนหนึ่งแล้วนะเจ้าคะ” เหล่าหญิงงามที่อยู่ด้านข้างเอ่ยเยินยอ“ฮ่าฮ่า…” สมาชิกตระกูลอ๋องโหวผู้นี้หัวเราะฮ่าฮ่า ทันใดนั้นเขาก็มองไปยังที่ไกลๆ อย่างตื่นตะลึงประตูทางเข้าโถงตำหนักที่อยู่ไกลออกไป ประมุขหอฉุนอวี้เฟิงนำทางอย่างกระตือรือร้นหาใดเปรียบ อิงซานเลี่ยฮู่ที่ดูไม่แยแสสิ่งใด ด้านหลังของอิงซานเลี่ยฮู่ก็คือหนุ่มน้อยอาภรณ์ขาวผู้หล่อเหลาคนหนึ่ง ข้างกายหนุ่มน้อยยังมีสิงห์เมฆาทะมึนอยู่สองตน และชายชราอาภรณ์สีเทาท่าทางเย็นชาที่คอยติดตามอยู่ข้างกาย“คุณชายเสวี่ยอิงหรือ”สมาชิกตระกูลอ๋องโหวผู้นี้ตกใจจนสะดุ้งตัวลอย ท่านั่งก็สำรวมขึ้นพอสมควร“ระวังกันหน่อย อย่าได้ไปล่วงเกินหนุ่มน้อยอาภรณ์ขาวผู้นั้นเข้าล่ะ” สมาชิกตระกูลอ๋องโหวผู้นี้ออกคำสั่งกับเหล่าผู้ติดตามและองครักษ์ที่อยู่รอบๆ ถ้าหากข้ารับใช้ของตนก่อปัญหาเข้า ตนก็จะพลอยติดร่างแหไปด้วย“เจ้านาย เขาคือใครหรือเจ้าคะ” สาวใช้ที่เป็นที่โปรดปรานคนหนึ่งเอ่ยถามเสียงต่ำคนเฝ้าประตูหญิงก็ประหลาดใจเป็นอย่างยิ่ง เพราะนางเองก็ค้นพบว่าบรรดาสมาชิกตระกูลอ๋องโหวภายในโถงตำหนักทั้งหลายที่ในอดีตต่างก็หยิ่งยโสกันเป็นอย่างยิ่งต่างพากันสำรวมท่าทีกันเป็นอย่างมาก“นั่นคือคุณชายเสวี่ยอิง เคยได้ยินมาก่อนหรือไม่ เขากับพวกเรานั้นไม่เหมือนกัน พวกเราสมาชิกตระกูลอ๋องโหวเหล่านี้ก็เพียงแค่ใช้ชีวิตไปวันๆ แต่เขานั้นคือผู้ที่จะครองตำแหน่งโหว”“คุณชายเสวี่ยอิงหรือ”สาวใช้และผู้ติดตามรวมทั้งคนเฝ้าประตูหญิงเข้าใจในทันที หนุ่มน้อยอาภรณ์ขาวผู้หล่อเหลาผู้นั้นก็คือคุณชายเสวี่ยอิงที่เล่าลือกันในเมืองอัคคีโชติภายใต้การรุมล้อมต้อนรับอย่างกระตือรือร้นของฉุนอวี้เฟิงรวมทั้งสมาชิกตระกูลอ๋องโหวที่มีสถานะอันสูงส่งอย่างที่สุดกลุ่มหนึ่ง ในที่สุดตงป๋อเสวี่ยอิงและบิดาก็นั่งชมการร้องรำทำเพลงอยู่ตรงที่นั่งตำแหน่งประธานในโถงตำหนัก……ภายในที่พำนักแห่งหนึ่งในหอม่านเมฆอันมีพื้นที่กว้างใหญ่กานก้านเสวียผู้มีร่างกายอวบอ้วนพักอาศัยอยู่ที่นี่มาโดยตลอด ภารกิจที่สำคัญที่สุดของเขาในตอนนี้ก็คือการสังหารคุณชายเสวี่ยอิงผู้นั้น หากคุณชายเสวี่ยอิงไม่ออกมา เขาก็ได้แต่รอคอยเท่านั้น รอคอยมาห้าล้านปี จนเขาเริ่มที่จะปลงเสียแล้ว ที่แท้แล้วอีกนานเท่าใดกันคุณชายเสวี่ยอิงผู้นี้จึงจะออกมาเสียที หรือว่าจะรู้จักแต่การบำเพ็ญเท่านั้นหรืออย่างไรกัน“ใต้เท้า ตอนนี้คุณชายเสวี่ยอิงอยู่ที่หอม่านเมฆขอรับ!”ทันใดนั้นลูกน้องคนหนึ่งก็มารายงาน“อะไรนะ”กานก้านเสวียตื่นตกใจออกมาแล้ว ทั้งยังอยู่ที่หอม่านเมฆด้วยอย่างนั้นหรือ“จะต้องเคลื่อนไหวเดี๋ยวนี้เลย” หัวใจของกานก้านเสวียเต้นรัวเร็วขึ้น เขาคิดใคร่ครวญอย่างรวดเร็ว เขาเข้าใจว่าจะต้องคว้าโอกาสนี้เอาไว้ให้ได้ มิฉะนั้นหากรอให้คุณชายเสวี่ยอิงผู้นี้กลับไปยังจวนโหว ผู้ใดจะไปล่วงรู้ได้เล่าว่าคราวหน้าเขาจะออกมาอีกเมื่อใด“จะตื่นตระหนกมิได้ การสังหารในคราวนี้จะต้องสำเร็จ” แววตาของกานก้านเสวียทะมึนลงมา หากล้มเหลวแล้วล่ะก็ เขาจะต้องตายอย่างน่าอนาถเป็นแน่แท้ดังนั้นต่อให้กระวนกระวายยิ่งกว่านี้ก็ต้องคิดใคร่ครวญอย่างสงบใจเย็น แผนการจะต้องไม่มีความผิดพลาดเลยแม้แต่นิดเดียวโชคดีที่เขาได้เตรียมการเอาไว้อย่างพร้อมสรรพเป็นอย่างยิ่งแล้ว ขาดก็แต่การคิดไตร่ตรองอย่างสงบเพียงชั่วครู่เท่านั้น แล้วออกคำสั่งไปในทันที เคลื่อนย้ายกองกำลังของตนในทันที เคลื่อนไหว จะเริ่มต้นแล้ว!……………………………………..
คอมเม้นต์