Snow Eagle Lord อินทรีหิมะเจ้าดินแดน ตอนที่ 40 จับทั้งเป็นสองตน
มารผลาญทำลายเพียงตนเดียวที่สามารถครองสติเอาไว้ได้นั้นก้าวเข้าสู่ระดับชั้นที่เก้านานแล้ว จิตใจและปณิธานนั้นถูกเคี่ยวกรำจนเทียบได้กับขั้นอลวนระดับชั้นที่เก้าของทางฝ่ายผู้บำเพ็ญแล้ว ดังนั้นจึงได้นำกำลังมาปกป้อง ‘แม่ทัพโม่กู่’ พร้อมกับอีกตนหนึ่ง“ไม่ ไม่” มารผลาญทำลายตนนี้โบกมือคราหนึ่งเพื่อเก็บสหายข้างกายสองตนลงไปในสมบัติล้ำค่าคูหาสวรรค์ก่อน จากนั้นร่างกายก็กะพริบวาบคราหนึ่งแล้วถลาตรงไปทางโถงตำหนัก เขารวดเร็วเกินไปแล้วแม้ตงป๋อเสวี่ยอิงจะสำแดงบุปผาผลาญทำลายออกมาทันควันแต่ระยะทางเพียงหนึ่งลี้ สำหรับมารผลาญทำลายระดับชั้นที่เก้าตนนี้แล้วก็สามารถไปถึงได้ในพริบตาเดียว! บุปผาผลาญทำลายที่ตงป๋อเสวี่ยอิงสำแดงออกมานั้นช้าไปก้าวหนึ่ง“เก็บ” เขาเพิ่งจะเก็บแม่ทัพโม่กู่ที่อ่อนยวบลงกับพื้นเข้าไปในสมบัติล้ำค่าคูหาสวรรค์บุปผาเก้าใบสีดำก็ร่อนลงไปเสียแล้วบุปผาเก้าใบห่อหุ้มเขาเอาไว้อย่างสิ้นเชิงชั้นแล้วชั้นเล่า ทั้งหมดมีถึงหกดอกด้วยกัน ดอกไม้ดอกใหญ่ห่อหุ้มดอกเล็ก เขาถูกขังเอาไว้ภายในอย่างสิ้นเชิงขณะเดียวกันก็มีบุปผาเก้าใบอีกดอกหนึ่งร่อนลงมาแล้วห่อหุ้มฝูงมารผลาญทำลายที่ตกเข้าสู่เขตลวงอีกสองตนเอาไว้“ยังดี” ตงป๋อเสวี่ยอิงยังค่อนข้างผ่อนคลายเนื่องจากฝูงมารผลาญทำลายหกตน…สองตนที่ตกเข้าสู่เขตลวงนั้นไม่จำเป็นต้องพูดถึงแล้ว เพราะจะเป็นหรือตายก็อยู่ในเงื้อมมือตนแล้ว!ส่วนมารผลาญทำลายระดับชั้นที่เก้าตนนั้นและอีกสามตนที่ช่วยเอาไว้ได้ก็ตกอยู่กลางวงล้อมของบุปผาเก้าใบหกดอก จึงไม่มีทางหนีได้เลย เขตลวงของตนแผ่กำจายออกไปแล้ว“ตู้มมม…”ด้านหลังของตงป๋อเสวี่ยอิงยังมีวิหคเทพปีศาจชาดสีแดงเพลิงขนาดมหึมาปรากฏขึ้นด้วย ปีกมหึมากระพือพัด กลิ่นอายสีแดงแผ่กำจายออกไปทั่วทุกทิศทุกทาง อาศัยเขตลวงที่สำแดงออกมาโดยเคล็ดวิชาสืบทอดศาสตร์โบราณโจมตีครั้งแล้วครั้งเล่า กลิ่นอายสีแดงนั้นก็แผ่กำจายออกไปปกคลุมฝูงมารผลาญทำลายที่ยังคงครองสติเอาไว้ได้ตนนั้น เขาปรากฏรูปร่างจริงออกมาแล้ว เป็นมารเกราะทองเขาเดี่ยวรูปร่างสูงใหญ่“ตงป๋อเสวี่ยอิง” มารเกราะทองเขาเดี่ยวมีสีหน้าเหี้ยมเกรียม เขาเดี่ยวของเขาคมกริบนัก เขาเปล่งเสียงคำรามอย่างโกรธเกรี้ยวออกมาเขาโกรธแค้นและสิ้นหวังเขาหมดหวังในชะตาชีวิตของตน หมดหวังในตัวแม่ทัพโม่กู่! การปกป้อง ‘แม่ทัพโม่กู่’ นั้นเป็นภารกิจของเขา แต่เขาสัมผัสถึงเขตลวงอันน่าหวาดหวั่นหาใดเปรียบนั้นได้ ภายใต้การโจมตีของเขตลวงนี้ เขาต้องใช้พลังจิตส่วนใหญ่เพื่อต้านทานเอาไว้ ในสายตาของเขา…ฝูงมารผลาญทำลายเกราะทองที่สามารถต้านทานเขตลวงเช่นนี้ได้นั้นมีน้อยเสียจนยกนิ้วนับได้“ตาย” ตงป๋อเสวี่ยอิงสาวเท้าเดินมาก้าวหนึ่ง แล้วเก็บผู้บำเพ็ญที่บริสุทธิ์นับพันซึ่งตกอยู่ในเขตลวงเหล่านั้นลงไป ขณะเดียวกัน เพียงชั่วความคิดเดียว บุปผาเก้าใบก็เริ่มการทำลายตู้มๆๆ…บุปผาเก้าใบที่ห่อหุ้มมารเกราะทองเขาเดี่ยวเอาไว้ก็เริ่มยุบสลายลงไปอย่างไม่หยุดหย่อน ขณะเดียวกับที่ยุบสลายลงไปนั้น ตงป๋อเสวี่ยอิงก็ยังสำแดงบุปผาเก้าใบดอกใหม่ลงไปด้วยยุบสลายและกำเนิดใหม่ดอกแล้วดอกเล่ามารเกราะทองเขาเดี่ยวต้องทนรับการโจมตีอันน่าหวาดหวั่นหาใดเปรียบ เขาร้องคำราม ร่างกายมีบาดแผลปรากฏขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่า แต่ก็สมานกันครั้งแล้วครั้งเล่า……ภายในสมบัติล้ำค่าคูหาสวรรค์ฝูงมารผลาญทำลายสามตนที่ถูกช่วยเอาไว้อยู่ที่นี่ ในจำนวนนั้นมีแม่ทัพโม่กู่อยู่ด้วย ที่นี่ไม่มีเขตลวง พวกเขาได้สติกลับคืนมาแล้ว“เป็นอะไรไปน่ะ”“เมื่อครู่พวกเรา…”พวกเขาทั้งสามยืนอยู่ตรงนั้นด้วยความตกตะลึง“ฟิ้ว”แสงสีทองระลอกหนึ่งร่อนลงมา แล้วกลายเป็นร่างแปรของมารเกราะทองเขาเดี่ยวตนนั้น สายตาของเขากวาดมองคราหนึ่งก่อนจะคำรามเสียงต่ำ “ตงป๋อเสวี่ยอิงพบพวกเรา เมื่อครู่พวกท่านทั้งสามตกเข้าสู่เขตลวงกันหมด”“เขตลวงหรือ” พวกเขาทั้งสามต่างก็เดือดแค้น ตามข้อมูล ‘บุปผาเก้าใบ’ ของตงป๋อเสวี่ยอิงร้ายกาจมาก หากถูกพันธนาการ ฝูงมารผลาญทำลายระดับชั้นที่เก้าก็หนีไม่พ้น“หนีไม่พ้นแล้ว” มารเกราะทองเขาเดี่ยวส่ายหน้า “หมดหวังแล้ว เขตลวงของเขาจำกัดแม่ทัพโม่กู่ได้อย่างสิ้นเชิง นอกจากนี้เชื่อว่าขณะนี้เทพจักรวาลทางฝ่ายผู้บำเพ็ญคงกำลังเร่งเดินทางมา อีกไม่นานก็จะมาถึงพวกเราหกคนแล้ว…มีเพียงข้าเท่านั้นที่สามารถครองสติเอาไว้ได้ แต่ข้า ตอนนี้พลังก็สำแดงออกมาได้เพียงบางส่วนเท่านั้น มิอาจทำลายบุปผาเก้าใบของเขาให้แตกได้ ทั้งยังได้รับบาดเจ็บไม่หยุดหย่อนอีกด้วย”“ไม่ ไม่ ไม่มีทาง” แม่ทัพโม่กู่คำรามอย่างโกรธเกรี้ยว เขาก็เผยร่างจริงออกมาเช่นกัน ทั้งร่างเต็มไปด้วยเกล็ดสีทองแน่นขนัด มีเพียงบนศีรษะเท่านั้นที่มีเขาสีดำโค้งไปด้านหน้าสามอัน“ข้าไม่มีทางตายอยู่ที่นี่แน่ ไม่มีทางเสียหรอก” แม่ทัพโม่กู่ไม่อยากจะเชื่อนับตั้งแต่เขาถือกำเนิดขึ้นมาสถานะก็สูงส่งหาใดเปรียบแล้ว ต่อให้เป็นบรรดาอ๋องก็ยังให้ความสำคัญกับเขาเป็นอันมาก เขาอยู่เหนือกว่าฝูงมารเกราะทองตนอื่นแทบจะทั้งหมด!หลังจากมาถึงโลกผู้บำเพ็ญแล้ว วันคืนก็งดงามมากยิ่งขึ้น ขณะกลืนกินชีวิตของผู้บำเพ็ญตามอำเภอใจนั้นช่างสุขสราญนัก พลังของเขาก็กำลังก้าวหน้า เขารู้สึกว่าในภายหน้าจะบรรลุถึงระดับชั้นที่เก้า ถึงขั้นสำเร็จเป็น ‘อ๋อง’ ในภายภาคหน้า เขามีใจทะเยอทะยาน เขารู้สึกว่าด้วยพรสวรรค์ของเขา หลังจากสำเร็จเป็น ‘อ๋อง’ แล้ว เชื่อว่าเป็นไปได้มากว่าจะเป็นอ๋องที่แข็งแกร่งที่สุดแต่ตอนนี้ จู่ๆ ตงป๋อเสวี่ยอิงก็ร่อนลงมาแล้วทำลายล้างทุกสิ่ง“ฆ่าตัวตายเถิด” มารเกราะทองเขาเดี่ยวกลับเอ่ยขึ้น “หากตกอยู่ในเงื้อมมือผู้บำเพ็ญจะต้องเปิดเผยข้อมูลมากมาย ถ้าไม่เชื่อ พวกเจ้าก็ลองดูข้างนอกได้”วิ้ง…กลางอากาศเหนือสมบัติล้ำค่าคูหาสวรรค์บิดเบี้ยว สามารถมองเห็นภาพการต่อสู้ภายนอกได้ ร่างจริงของมารเกราะทองเขาเดี่ยวกำลังสังหารตามอำเภอใจอย่างสุดกำลัง แต่กลับมีอาการบาดเจ็บสั่งสมอยู่มากมาย นอกจากนี้รอบด้านยังถูกดอกไม้สีดำขนาดมหึมาดอกแล้วดอกเล่าห่อหุ้มเอาไว้ด้วย“หมดกัน”“ตงป๋อเสวี่ยอิง”มีฝูงมารเกราะทองสองตนคำรามเสียงต่ำ แต่ร่างกายกลับเริ่มสลายไปแล้ว“ไม่ ข้าไม่เชื่อ ข้าไม่เชื่อ พรสวรรค์ไร้เงาของข้าจะต้องสามารถหนีพ้นได้อย่างแน่นอน” ร่างของแม่ทัพโม่กู่หายไปอย่างไร้ร่องรอยทันที เห็นได้ชัดว่าได้กลายเป็น ‘ไร้เงา’ ไปแล้ว“ท่านออกไปก็ต้องถูกเขาจับไปทั้งเป็น” มารเกราะทองเขาเดี่ยวร้องคำรามอย่างร้อนรนแต่แม่ทัพโม่กู่ได้หายวับไปแล้วเห็นได้ชัดว่าแม่ทัพโม่กู่ไม่ยอมตายใจ เขาเชื่อมั่นในพรสวรรค์ของตนเองอย่างยิ่ง เขารู้สึกว่าครั้งก่อนที่ถูกกระบวนท่าเข้าเป็นเพราะมิได้สำแดงพรสวรรค์ออกมา ขอเพียงออกไปแล้ว ‘เคลื่อนที่ในพริบตา’ ทันที บุปผาเก้าใบก็คงไม่เป็นอุปสรรคใดสำหรับเขา เขามีหวังจะหนีพ้นได้อย่างแน่นอน……“ข้าจะต้องหนีพ้นได้อย่างแน่นอน ต้องได้แน่นอน” แม่ทัพโม่กู่ผ่านสมบัติล้ำค่าคูหาสวรรค์มาถึงโลกภายนอกอย่างง่ายดาย เมื่อมาถึงโลกภายนอกก็จะเคลื่อนที่ในพริบตาทันทีแต่เขตลวงนั้นถูกคงเอาไว้ตลอดเวลา ทั้งยังกดดันมารเกราะทองเขาเดี่ยวตนนั้นอยู่ตลอดด้วย และทำให้อีกสองตนหลับใหลต่อไปส่วนแม่ทัพโม่กู่เพิ่งออกจากสมบัติล้ำค่าคูหาสวรรค์มาสู่โลกภายนอก เมื่อเผชิญหน้ากับเขตลวงเขาก็จมดิ่งลงไปทันที เขาไม่มีความสามารถจะต้านทานเลยแม้แต่น้อย!“สมควรตาย”มารเกราะทองเขาเดี่ยวมองข้างกาย ร่างของแม่ทัพโม่กู่ปรากฏขึ้นจากความว่างเปล่า เขาอดร้อนรนขึ้นมามิได้“ตายเสียเถิด” ร่างของมารเกราะทองเขาเดี่ยวกลายเป็นแสงสีทองจำนวนนับไม่ถ้วนแทรกเข้าไปในร่างของแม่ทัพโม่กู่ อย่างบรรดาผู้บำเพ็ญก็สามารถสังหารกันเองได้ บรรดาฝูงมารเกราะทองก็สามารถเข่นฆ่ากันเองได้เช่นกัน! เพื่อที่จะมิให้ ‘แม่ทัพโม่กู่’ ตกไปอยู่ในเงื้อมมือของผู้บำเพ็ญทั้งที่ยังรอดชีวิต มารเกราะทองเขาเดี่ยวจึงได้แทรกเข้าไปในพริบตา ก่อนจะทำลายวิญญาณของแม่ทัพโม่กู่และทำลายร่างของแม่ทัพโม่กู่ แต่ทว่าร่างกายของแม่ทัพโม่กู่กำลังแตกสลาย เกราะเกล็ดของเขากลับหลงเหลืออยู่ มิอาจถูกทำลายลงไปได้“วิ้ง…”มิติไกลออกไปเริ่มบิดเบี้ยวและสั่นสะท้าน“น่าเสียดายที่ปล่อยให้พวกเขาจับไปทั้งเป็นได้ถึงสองตน” มารเกราะทองเขาเดี่ยวทำลายตนเองไปในทันที“เสวี่ยอิง เป็นอย่างไรบ้าง” บรรพชนห้วงอากาศบุรุษอาภรณ์ดำผมสีเขียวปรากฏกายพลางพูดยิ้มๆ“พบฝูงมารผลาญทำลายหกตน น่าจะสิ้นใจไปสี่ตนแล้ว จับมาทั้งเป็นได้สองตน” ตงป๋อเสวี่ยอิงก็พูดยิ้มๆ จากนั้นก็โบกมือคราหนึ่ง แล้วหาสมบัติล้ำค่าคูหาสวรรค์ของมารเกราะทองเขาเดี่ยวมาตรวจสอบดู น่าเสียดายที่มิอาจหาฝูงมารเกราะทองพบได้ เห็นได้ชัดว่าอีกสองตนได้ปลิดชีพตนเองและสลายตัวไปเสียแล้ว นี่ก็อยู่ในการคาดการณ์ของเขาเช่นเดียวกันไม่นานนักบรรพชนทิพย์และราชันย์มีดมาถึงต่อเนื่องกัน“จับมาทั้งเป็นสองตนหรือ” บรรพชนทิพย์และราชันย์มีดมองดูฝูงมารเกราะทองสองตนที่กำลังหลับใหลอยู่ ตนหนึ่งเป็นชั้นที่แปดระดับยอด อีกตนหนึ่งเป็นระดับชั้นที่เก้า“เป็นเขตลวงที่ร้ายกาจนัก” แม้ตงป๋อเสวี่ยอิงจะเริ่มหดขนาดขอบเขตของเขตลวงลง แต่เมื่อพวกบรรพชนทิพย์เข้าใกล้ก็ถูกเขตลวงกระทบ จนสีหน้าตะลึงลานไปอย่างมิอาจควบคุมเขตลวงอันน่าหวาดหวั่นเช่นนี้ พวกเขาไม่เคยพบเห็นมาก่อนแม้ในบรรดาขั้นอลวนจะมีศาสตร์โบราณหลายชนิดที่เชี่ยวชาญเขตลวง แต่กลับสู้ตงป๋อเสวี่ยอิงมิได้เลย ………………………………………..
คอมเม้นต์