Snow Eagle Lord อินทรีหิมะเจ้าดินแดน ตอนที่ 3 รัฐปีกทอง
เมืองวารีสวรรค์กินพื้นที่เพียงร้อยล้านลี้เท่านั้น ในฐานะที่ที่แห่งนี้เป็นหนึ่งในเมืองอลหม่านสิบสองแห่งจึงปลอดภัยเป็นอย่างมาก ภายในมีผู้บำเพ็ญจำนวนนับไม่ถ้วนอาศัยอยู่ แม้แต่กลางทุ่งร้างนอกเมืองอลหม่านก็ยังมีชุมชนอยู่มากมาย และมีสิ่งมีชีวิตจำนวนนับไม่ถ้วนอาศัยอยู่ เนื่องจากเมื่ออยู่ใกล้ ‘เมืองวารีสวรรค์’ ก็ถือว่าค่อนข้างปลอดภัยทีเดียวที่เมืองวารีสวรรค์มีพื้นที่เพียงร้อยล้านลี้นั้น ก็เพราะร่างแปรขั้นอลวนสามารถปกป้องได้ในขอบเขตที่จำกัด ภายใต้การกดดันของกฎเกณฑ์โลกทิพย์ หากระยะทางไกลเกินไป ร่างแปรขั้นอลวนก็ยากที่จะป้องกันได้ทันเวลาจวนของตงป๋อเสวี่ยอิงกินพื้นที่ถึงพันลี้ ภายในเมืองวารีสวรรค์ก็นับว่าหรูหรามากแล้ว……เวลาล่วงเลยไปตงป๋อเสวี่ยอิงท่องไปในเมืองวารีสวรรค์เพียงลำพังบ้างเป็นครั้งคราว เขาไปยังหอสุราและภัตตาคารต่างๆ แล้วชิมอาหารเลิศรสแปลกใหม่ พร้อมกับฟังผู้บำเพ็ญรอบข้างสนทนากัน“รสชาติไม่เลวเลยจริงๆ” ตงป๋อเสวี่ยอิงดื่มพลางชิมขนมชิ้นแล้วชิ้นเล่าอย่างดื่มด่ำนัก สำหรับผู้บำเพ็ญที่แข็งแกร่งแล้ว เมืองวารีสวรรค์ซึ่งมีขอบเขตร้อยล้านลี้ก็เหมือนจะเล็กมาก แต่อันที่จริงแล้วก็มีหอสุราและภัตตาคารจำนวนนับไม่ถ้วน สถานที่ซึ่งสามารถเปิดอยู่ในเมืองวารีสวรรค์ได้อย่างยาวนาน ทั้งยังสามารถทำให้บรรดาผู้บำเพ็ญทั้งหลายอยากมาลิ้มลอง ก็ล้วนแต่มีเอกลักษณ์เป็นอันมากตงป๋อเสวี่ยอิงใช้เวลากินถึงสามเดือน ก็เพิ่งจะกินอาหารที่หอสุราและภัตตาคารในเมืองวารีสวรรค์ไปได้เพียงส่วนน้อยนิดเท่านั้น“เคร้ง…”มีเสียงส่งมาจากภายในป้ายคำสั่งส่งสารตงป๋อเสวี่ยอิงตรวจดูทันที…“เมืองข-29 ด้านตะวันตกของเมือง ประมุขรัฐปีกทองขอความช่วยเหลือ เผชิญหน้ากับการลอบโจมตีด้วยการกลืนกินเป็นวงกว้างของเทพอากาศทั่วไปอย่างน้อยสิบนาย”นี่คือการขอความช่วยเหลือตงป๋อเสวี่ยอิงยืดกายขึ้นทันที เขาวางก้อนโลหะสีม่วงก้อนหนึ่งลงบนโต๊ะแล้วออกจากหอสุราไปทันที โดยทั่วไปแล้วหอสุราและภัตตาคารของเมืองวารีสวรรค์ล้วนยินดีรับวัสดุล้ำค่า รองลงมาจากมันก็คือผลึกเทพ! หากเป็นผลึกเทพ ก็ต้องเป็นจำนวนมหาศาลแล้ว อย่างน้อยก็ต้องมีหน่วยเป็นล้านผลึกเทพ เจ้าหนุ่มซึ่งทำหน้าที่รับใช้ในหอสุราคนหนึ่งมองแวบเดียวก็เห็นแต่ไกลว่าตงป๋อเสวี่ยอิงวางก้อนโลหะสีม่วงลงบนโต๊ะ จึงรีบปรี่เข้าไปแล้วรับมาด้วยความยินดี “ศิลาหิมะม่วงหรือ ไม่เสียทีที่เป็นเทพอากาศ ลงมือคราหนึ่งก็ไม่ธรรมดาเลยทีเดียว”ตอนที่ตงป๋อเสวี่ยอิงสังหารสิ่งมีชีวิตแห่งห้วงอากาศในแผ่นดินอลหม่านสองร้อยกว่าแห่งนั้น ก็เคยได้รับสายแร่ศิลาหิมะม่วงสายหนึ่งสวบ!ตงป๋อเสวี่ยอิงหายวับไปในเมืองวารีสวรรค์แล้วเคลื่อนที่ในอากาศ เมื่อบรรลุถึงวิชาลับผู้ท่องชั้นที่ยี่สิบแปดก็เคลื่อนที่ได้เร็วขึ้นมากทีเดียว เพียงแค่ไม่กี่ชั่วลมหายใจก็ถึงสถานที่ตั้งของค่ายกลส่งถ่ายมิติของเมืองวารีสวรรค์แล้วเขารออยู่นานสองนานกองกำลังซึ่งประกอบด้วยผู้อาวุโสตำหนักนอกสองคนและผู้ดำเนินงานตำหนักนอกสามสิบคนก็ปรากฏขึ้นที่นี่ พวกเขาคือกองกำลังย่อยกองหนึ่งซึ่งซึ่งผลัดเวรพอดี แล้วรับคำสั่งให้มุ่งหน้าไปยังรัฐปีกทอง“ผู้อาวุโสตงป๋อ” ผู้อาวุโสตำหนักนอกสองคนและผู้ดำเนินงานตำหนักนอกสามสิบคนนี้ตกใจจนสะดุ้งโหยง พากันรีบคำนับทันทีตงป๋อเสวี่ยอิงพยักหน้า “พวกเจ้าจะไปรัฐปีกทองหรือ”“เรียนผู้อาวุโสตงป๋อ กำลังไปรัฐปีกทองขอรับ” ชายหนุ่มผู้มีเขาสีเขียวมรกตคนหนึ่งตอบด้วยความเคารพ“ข้าจะไปกับพวกเจ้าด้วย ออกเดินทางเถอะ” ตงป๋อเสวี่ยอิงกำชับ “วางใจเถิด แต้มความดีความชอบเล็กน้อยเท่านี้ข้าไม่เห็นอยู่ในสายตาหรอก”“ผู้อาวุโสตำหนักในผู้องอาจจะไปทำภารกิจพรรค์นี้ด้วยหรือ”“ขอเพียงไม่แย่งแต้มความดีความชอบของพวกเราไปเป็นใช้ได้”ผู้อาวุโสตำหนักนอกทั้งสองและผู้ดำเนินงานตำหนักนอกกลุ่มใหญ่ต่างก็ลอบคิด นี่เป็นภารกิจที่ค่อนข้างธรรมดา รางวัลแต้มความดีความชอบจึงมีเพียง ‘หนึ่งแต้ม’ เท่านั้น ซึ่งหนึ่งแต้มนี้ ผู้อาวุโสตำหนักนอกต่างก็แบ่งกันคนละ 0.3 แต้ม ผู้ดำเนินงานตำหนักนอกกลุ่มใหญ่ที่เหลืออยู่ก็ยังต้องแบ่งกันต่อไป! อย่าเห็นว่าน้อย เพราะตลอดคืนวันอันยาวนาน หากสั่งสมภารกิจต่างๆ อย่างต่อเนื่อง ผู้อาวุโสตำหนักนอกคนหนึ่งจะเก็บสะสมแต้มความดีความชอบได้หมื่นแต้มก็มิใช่เรื่องยากแต่อย่างใด“ตู้มมม…”ตงป๋อเสวี่ยอิงและกองกำลังนี้ล้วนเข้าไปในค่ายส่งถ่ายมิติโดยทั่วไปแล้วค่ายส่งถ่ายมิตินั้นมีการส่งถ่ายเพียงปีละครั้ง นอกเสียจากมีผู้ใดยอมจ่ายในราคาที่สูงลิ่ว เพื่อส่งถ่ายเพียงลำพัง! ทว่าพวกตงป๋อเสวี่ยอิงไปทำภารกิจจึงจำเป็นต้องส่งถ่ายในทันที ทั้งยังไม่มีค่าใช้จ่ายอีกด้วย……ภายใต้การกดดันของกฎเกณฑ์โลกทิพย์ แม้ค่ายส่งถ่ายมิติจะเป็นสิ่งที่บรรดาประมุขวังและประมุขตำหนักร่วมมือกันหลอมขึ้นมา ทว่าแต่ละครั้งก็ส่งถ่ายได้เพียงระยะหนึ่งเท่านั้น“ผู้อาวุโสตงป๋อ ที่นี่คือเมืองข-26” เขามาถึงตัวเมืองซึ่งมีขอบเขตเพียงแสนลี้ ตัวเมืองแห่งนี้มีค่ายกลอยู่หลายด่านซึ่งปกคลุมทั่วทั้งตัวเมืองอยู่ตลอดเวลา อานุภาพก็ยิ่งใหญ่ ทั้งยังมีผู้อาวุโสตำหนักนอกนำบรรดาไพร่พลใต้บังคับบัญชาคอยเฝ้าดูแลอยู่อีกด้วย“อืม” ตงป๋อเสวี่ยอิงพยักหน้าโลกทิพย์ใหญ่โตเกินไปแล้วบริเวณที่ ‘เมืองวารีสวรรค์’ สามารถส่งผลกระทบได้ ก็คือบริเวณเมืองที่การส่งถ่ายครอบคลุมถึง แม้รอบเมืองวารีสวรรค์จะมีเมืองเล็กเมืองน้อยทั้งเมือง ก เมือง ข นับร้อยแห่ง แต่ก็ส่งผลกระทบเพียงส่วนน้อยเท่านั้น บริเวณไกลออกไปล้วนเต็มไปด้วยความเวิ้งว้าง…ด้วยทรัพย์สมบัติของวังทวีสูญ เมืองที่ติดตั้งการส่งถ่ายก็ครอบคลุมเพียงแค่ส่วนน้อยเท่านั้นยังมีบริเวณที่กว้างขวางยิ่งกว่า บ้างก็ถูกแกนนำขั้นอลวนบางคนยึดครอง แล้วปกครองทั้งแถบ!การเร่งเดินทางไป…ภายในโลกทิพย์นั้นเป็นเรื่องแสนลำบากเรื่องหนึ่ง ผู้บำเพ็ญที่อ่อนแอสักหน่อยล้วนแต่เลือกขุมอำนาจใหญ่ที่อยู่ใกล้สุดแล้วเร่งเดินทางไปเมืองข-26 เมืองข-27 เมืองข-28…ในที่สุดก็มาถึงเมืองข-29“ฟิ้ว”กลุ่มของตงป๋อเสวี่ยอิงบินออกจากเมืองข-29 ไกลออกไปเต็มไปด้วยความเวิ้งว้างแม้โลกทิพย์จะมีประชากรจำนวนนับไม่ถ้วน แต่เมื่อเทียบกับความกว้างขวางของโลกทิพย์แล้ว ก็ยังถือว่าเบาบางมากอยู่ดี โดยทั่วไปแล้วสิ่งมีชีวิตจำนวนนับไม่ถ้วนล้วนแต่รวมตัวกันอยู่ใต้บังคับบัญชาของผู้แกร่งกล้า ทั้งหมดก็เพื่อความอยู่รอดทั้งสิ้น!“ผู้อาวุโสตงป๋อ แม้รัฐปีกทองจะอยู่ในขอบเขตการปกครองของเมืองข-29 ระยะทางก็นับว่าค่อนข้างใกล้ แต่คาดว่าพวกเราก็ยังต้องเร่งเดินทางทะลุอากาศไปเป็นเวลาปีกว่าจึงจะไปถึงรัฐปีกทองได้” ผู้อาวุโสตำหนักนอกท่านหนึ่งเอ่ยขึ้น “ผู้ดำเนินงานจิ่วฉีของพวกเราเป็นถึงขั้นรวมเป็นหนึ่ง ในกองกำลังนี้ การทะลุอากาศของเขารวดเร็วที่สุด เขาจะพาพวกเราเดินทางไปด้วย”ผู้ดำเนินงานจิ่วฉี เดิมทีเป็นสัตว์ประหลาดซึ่งกลายร่างเป็นมนุษย์ มีเก้าศีรษะ ยามนี้เขาเคารพนบนอบเป็นอันมากตงป๋อเสวี่ยอิงมองซ้ำแล้วซ้ำเล่าพลางพยักหน้า “ได้ รีบเดินทางไปให้เร็วที่สุดเถอะ”สามารถไปถึงได้ภายในเวลาปีกว่าก็ถือว่าใกล้มากแล้วจริงๆ! เดิมทีการเดินทางในโลกทิพย์ก็ยากยิ่งอยู่แล้ว“ตู้ม…”หลังจากผู้ดำเนินงานจิ่วฉีคำนับแล้ว ก็เริ่มควบคุมอากาศเข้ามาโอบล้อมทุกคนในที่นั้น ก่อนจะทะลุอากาศไปทันที…ฟิ้วๆๆ…พวกเขาท่องไปกลางอากาศ มุ่งหน้าไปอย่างไม่หยุดหย่อน“หยุด” ตงป๋อเสวี่ยอิงกำชับทันใดนั้นกองกำลังก็หยุดลงแล้วปรากฏกายขึ้นกลางอากาศ ผู้อาวุโสตำหนักนอกสองคนมองมาทางตงป๋อเสวี่ยอิงด้วยความสงสัยอยู่บ้าง ส่วนผู้ดำเนินงานจิ่วฉีผู้นั้นออกจะงุนงงอยู่บ้าง“ให้ข้าพาพวกเจ้าเดินทางไปเองดีกว่า” ตงป๋อเสวี่ยอิงกล่าว เขาพูดพลางควบคุมอากาศนำพาคนทั้งหมดในที่นั้นทะลุอากาศไปแทนสวบ…ขณะท่องไปกลางอากาศ ผู้อาวุโสตำหนักนอกสองคนและผู้ดำเนินงานตำหนักนอกกลุ่มใหญ่ต่างก็ตกอกตกใจกันหมด รวดเร็วเกินไปแล้ว! แม้ ‘ผู้อาวุโสตำหนักใน’ ผู้นี้จะเป็นเพียงขั้นกำเนิด แต่ความเร็วในการท่องอากาศเช่นนี้ก็เร็วกว่าผู้ดำเนินงานจิ่วฉีนับสิบเท่า“ไม่เสียทีที่เป็นผู้อาวุโสตำหนักใน”“คิดว่าผู้อาวุโสตำหนักในเป็นขั้นกำเนิด การทะลุอากาศจะด้อยเสียอีก คิดไม่ถึงว่าจะน่าหวาดหวั่นถึงเพียงนี้” พวกเขาต่างก็พากันอ้าปากค้างยามนี้ตงป๋อเสวี่ยอิงเริ่มตรวจสอบข้อมูลผ่านป้ายคำสั่งส่งสาร เพื่อตรวจดูพิกัดของรัฐปีกทอง! แม้เขาจะมีคำอธิบายแผนที่คร่าวๆ ของโลกทิพย์ทั้งห้าอยู่ก่อนแล้ว แต่อย่างรัฐปีกทองซึ่งเป็นรัฐเล็กๆ เช่นนี้ก็ไม่แน่ว่าจะถูกทำลายลงเมื่อใด จึงไม่อยู่ในการบันทึก มีเพียงตั้งใจตรวจสอบผ่านป้ายคำสั่งส่งสารเท่านั้นจึงจะสามารถตรวจพบได้ นอกจากนี้หากในภายหน้ารัฐปีกทองถูกทำลายลง ข้อมูลที่ป้ายคำสั่งส่งสารตรวจพบก็จะเปลี่ยนแปลงไปตามด้วย“ยังคิดว่าผู้ดำเนินงานผู้นั้นจะทะลุอากาศได้เร็วสักเท่าใดกันเชียว ก็แค่ระดับขั้นรวมเป็นหนึ่งทั่วไปคนหนึ่งเท่านั้น อย่างมากที่สุดก็สูงกว่าเล็กน้อย” ตงป๋อเสวี่ยอิงพึมพำในฐานะที่เขาเป็นผู้ท่องอากาศ ซึ่งบรรลุวิชาลับผู้ท่องชั้นที่ยี่สิบเอ็ด จึงสามารถเคลื่อนที่ได้เร็วเทียบเท่ากับขั้นรวมเป็นหนึ่งแล้วบัดนี้เป็นชั้นที่ยี่สิบแปด!ในบรรดาขั้นรวมเป็นหนึ่ง การเคลื่อนที่ในอากาศของเขาก็นับว่าร้ายกาจอย่างยิ่งแล้ว ทว่าเหนือฟ้ายังมีฟ้า ตงป๋อเสวี่ยอิงรู้ว่ามีขั้นรวมเป็นหนึ่งที่ไร้เทียมทานบางคน เช่นในบรรดาผู้อาวุโสตำหนักในก็มีผู้ที่ไร้เทียมทานอย่างยิ่ง สามารถทำได้ถึงขั้นแหวกกาบมิติเพื่อเร่งเดินทางไป ความเร็วนั้นเร็วกว่าตนมากทีเดียว“คาดว่าหนึ่งเดือนก็จะสามารถไปถึงรัฐปีกทองได้” ตงป๋อเสวี่ยอิงคำนวณข้อมูลอยู่ครู่หนึ่งก็วิเคราะห์ออกมาได้……รัฐปีกทองเป็นรัฐที่มีอาณาบริเวณสิบล้านลี้ ทั้งรัฐก็คือตัวเมืองใหญ่แห่งหนึ่ง ผู้นำรัฐคือสิ่งมีชีวิตขั้นรวมเป็นหนึ่งผู้หนึ่ง แต่รัฐใหญ่เช่นนี้ เทพอากาศเหล่านั้นก็ลอบโจมตีและดูดกลืน หากร่วมมือกันก็ถึงขั้นต้านทานเขาซึ่งหน้าได้ เรื่องนี้ทำให้ประมุขรัฐปีกทองปวดหัวเป็นอย่างมากบัดนี้ทั้งรัฐปีกทองเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก เพราะผู้บำเพ็ญกลุ่มใหญ่ถูกดูดกลืนอยู่บ่อยครั้ง แล้วผู้ใดจะไม่ตระหนกเล่าภายในจวนแห่งหนึ่งของรัฐปีกทองบุรุษอาภรณ์สีดำผมสีม่วงคนหนึ่งนั่งอยู่ในนั้น ในอ้อมแขนมีสัตว์ประหลาดหมอบอยู่ตนหนึ่ง เขาพูดเสียงเรียบว่า “กองกำลังเมืองวารีสวรรค์จะเร่งเดินทางมา คาดว่าจะเวลาราวหนึ่งปี! สร้างความตื่นตระหนกต่อไป และคว้าโอกาสเผยแพร่ลัทธิทิพย์โบราณของพวกเรา! ผู้ที่นับถือลัทธิทิพย์โบราณของเราจะได้รับการปกป้อง ระยะเวลาการเผยแผ่ลัทธิควบคุมให้อยู่ภายในครึ่งปี”“ครึ่งปีให้หลัง พวกเจ้าก็ต้องหลบซ่อนให้ดี ห้ามเปิดเผยออกไปโดยเด็ดขาด รอให้กองกำลังของเมืองวารีสวรรค์จากไปก่อน ค่อยปกครองรัฐปีกทองต่อไป” บุรุษอาภรณ์สีดำผมสีม่วงกำชับ“ขอรับ”เทพอากาศสามคนด้านข้างรับบัญชาแต่โดยดี ………………………
คอมเม้นต์