Snow Eagle Lord อินทรีหิมะเจ้าดินแดน ตอนที่ 2 เมืองวารีสวรรค์

อ่านนิยายจีนเรื่อง Snow Eagle Lord อินทรีหิมะเจ้าดินแดน ตอนที่ 2 เมืองวารีสวรรค์ 3Novel | อ่านนิยายออนไลน์ นิยายแปลไทย อ่านนิยายฟรี.

แม้จะวางแผนไปรักษาการเมืองอลหม่านแห่งหนึ่งก็ตาม ทว่าตงป๋อเสวี่ยอิงกลับมิได้รีบร้อนออกเดินทาง เพราะถึงอย่างไรเขาก็เพิ่งจะสำเร็จเป็นผู้อาวุโสตำหนักใน ยังมี ‘ตำหนักหมื่นรูปชั้นที่สี่’ ซึ่งมีคัมภีร์แสนล้ำค่าอยู่มากมายที่เขาต้องไปตรวจดูให้ละเอียด หากไปรักษาการเมืองอลหม่านแล้ว ก็เกรงว่าคงจะมิได้กลับมาอีกนานเลยทีเดียว
ดังนั้น…
ตงป๋อเสวี่ยอิงอยู่ภายในวังทวีสูญมายี่สิบล้านปี นอกจากพลิกอ่านคัมภีร์ในตำหนักหมื่นรูปแล้ว ก็แทบจะบำเพ็ญอยู่ใน ‘ตำหนักกาลเวลา’ มาตลอด เขาอยู่ภายในตำหนักกาลเวลามานานเกือบสองพันล้านปี และยังเสียแต้มความดีความชอบไปหนึ่งหมื่นแต้มซึ่งเทียบเท่ากับศิลาปฐมโลกาหนึ่งก้อน เรื่องนี้ทำให้ผู้อาวุโสตำหนักในบางคนกล่าวว่า “ผู้อาวุโสตงป๋อบำเพ็ญมาเป็นเวลายาวนานนัก ไยจึงต้องบำเพ็ญอยู่ในตำหนักกาลเวลาตลอดเวลาด้วยเล่า แต้มความดีความชอบหนึ่งล้านแต้มที่มอบให้เมื่อสำเร็จเป็นผู้อาวุโสตำหนักในนั้น เป็นการให้เพียงครั้งเดียว หากภายหน้าอยากจะได้อีกก็ต้องฟันฝ่าด้วยตนเองแล้ว ทรัพยากรล้ำค่า จะสิ้นเปลืองเช่นนี้มิได้”
ตงป๋อเสวี่ยอิงแย้มยิ้มโดยมิได้อธิบายแต่อย่างใด
เวลาหรือ
ตลอดช่วงการสั่งสมที่ใช้เวลายาวนานอย่างยิ่ง ตนก็พยายามอยู่ในตำหนักกาลเวลาอย่างเต็มที่ บัดนี้แผนภาพคลื่นจานของสิบสามกระบี่ผลาญโลกาก็ติดอุปสรรคอยู่ ที่เขาใช้เวลาในตำหนักกาลเวลานานถึงเกือบสองพันล้านปีนั้น ก็เพราะแผนภาพคลื่นจานของศาสตร์ลับขั้นจักรวาลที่เพิ่งได้มาใหม่เป็นหลัก เคราะห์ดีที่บัดนี้ระดับขั้นของเขาสูงส่งนัก เวลาเพียงเช่นนี้ก็สามารถบำเพ็ญได้ถึงระดับขั้นที่สูงส่งยิ่งแล้ว
“สวบ”
ตงป๋อเสวี่ยอิงแปรเป็นลำแสงสายหนึ่งบินไปเหนือผืนดินที่ลอยคว้างอยู่ตรงกลาง ไม่นานนักก็เข้าไปยัง ‘ตำหนักอลหม่าน’ ตำหนักโบราณซึ่งกินพื้นที่กว้างขวางอย่างยิ่ง
ประตูตำหนักอลหม่านมีเทพอากาศหญิงคนหนึ่งมาต้อนรับ
“ผู้อาวุโสตงป๋อ” เทพอากาศหญิงผู้นี้เอ่ยเรียกด้วยความเคารพ
ตงป๋อเสวี่ยอิงพยักหน้าน้อยๆ
เทพอากาศที่สามารถอยู่ภายในวังทวีสูญได้เป็นเวลายาวนาน นอกจากประมุขตำหนักและผู้อาวุโสตำหนักในแล้ว ก็มีเพียงผู้ที่ทำหน้าที่จิปาถะจำนวนหนึ่งเท่านั้น เพราะถึงอย่างไรเรื่องจิปาถะทั้งหลายก็ย่อมให้เหล่าผู้อาวุโสตำหนักในทำเองไม่ได้อยู่แล้วกระมัง ในฐานะที่ผู้อาวุโสตำหนักในเป็นบุคคลระดับสูง อีกทั้งพลังก็แข็งแกร่งอย่างยิ่ง จึงรังเกียจที่จะทำเรื่องจิปาถะเหล่านี้ โดยทั่วไปผู้ที่ทำหน้าที่จิปาถะเหล่านี้ ก็คือผู้อาวุโสตำหนักนอกที่ประมุขวังเรียกใช้งาน พวกเขามีชื่อเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า…‘ผู้ดำเนินงานตำหนักใน’
ผู้ดำเนินงาน ก็คือทำเรื่องต่างๆ
ตำหนักใน…แสดงว่าสามารถอาศัยอยู่ภายในวังทวีสูญได้
ส่วนผู้อาวุโสตำหนักนอกนั้น มีเพียงเวลาที่ต้องทำเรื่องทางการอย่างต้องการจะบุกฝ่า ‘เจดีย์ดาว’ หรือบำเพ็ญใน ‘ตำหนักกาลเวลา’ หรือไม่ก็ส่งศิษย์เทพแท้คนใหม่เข้ามาเท่านั้นจึงจะสามารถมาได้ ตามปกติล้วนมิอาจรั้งรออยู่ได้ เพราะภายในวังทวีสูญก็ไม่มีคูหาที่ให้พวกเขารั้งอยู่ได้
ภายในวังทวีสูญ…เทพอากาศของตำหนักในก็มีแค่ร้อยกว่าท่านเท่านั้น
“อืม ข้าจะไปยังเมืองวารีสวรรค์” ตงป๋อเสวี่ยอิงกล่าว
“เชิญผู้อาวุโสตงป๋อเจ้าค่ะ” เทพอากาศหญิงนำทางอยู่ด้านหน้า เมื่อบินไปกลางทางเชื่อมอันคดเคี้ยวและยาวไกล ไม่นานนักก็เห็นว่าเบื้องหน้ามีน้ำวนอันสับสนอลหม่านอันใหญ่โตอยู่แห่งหนึ่ง ด้านข้างของน้ำวนอันสับสนอลหม่านนี้ยังมีเทพอากาศหนึ่งคนและหุ่นเชิดสองตนคอยดูแลอยู่
“นี่ก็คือทางเข้าของทางเชื่อมเข้าสู่เมืองวารีสวรรค์” เทพอากาศหญิงเอ่ย
ตงป๋อเสวี่ยอิงพยักหน้า แล้วบินตรงไปยังทางเชื่อมน้ำวนอันสับสนอลหม่าน
ตู้ม…
เทพอากาศหญิงและเทพอากาศอีกคนหนึ่งด้านข้างมองตงป๋อเสวี่ยอิงตรงเข้าไปด้วยความอิจฉา ในฐานะที่พวกเขาเป็นผู้ดำเนินงานตำหนักใน ก็มีเพียงตอนที่มีงานทางการเท่านั้นจึงจะมีคุณสมบัติพอจะมุ่งหน้าไปยังเมืองอลหม่านแห่งอื่นได้อย่างง่ายดาย มิเช่นนั้นแล้ว หากมุ่งหน้าไปด้วยเรื่องส่วนตัว ก็จะต้องจ่ายค่าผ่านทางสูงลิ่ว ทว่าผู้อาวุโสตำหนักในนั้นมีสถานะแตกต่างกัน สิทธิพิเศษที่มีก็สูงกว่าพวกเขามากมายทีเดียว
“ผู้อาวุโสตงป๋อมาวังทวีสูญได้ไม่นานเท่าไหร่ก็สำเร็จเป็นผู้อาวุโสตำหนักในเสียแล้ว” เทพอากาศหญิงร่ำร้อง
“พวกเราจะเทียบได้เสียที่ไหนกัน ขั้นกำเนิดก็สำเร็จเป็นผู้อาวุโสตำหนักในได้ เก่งกาจเกินไปแล้ว นอกจากนี้เบื้องหลังเขายังมีจอมมารและจอมกระบี่อีกด้วย” เทพอากาศด้านข้างก็เอ่ยขึ้นบ้าง
พลังแข็งแกร่ง ความสามารถที่ซ่อนอยู่ก็สูงส่ง ทั้งยังมีพละกำลังอันแข็งแกร่งของจอมมารและจอมกระบี่คอยหนุนหลังอีกด้วย ผู้ดำเนินงานตำหนักในอย่างพวกเขาต่างก็ต้องแหงนมองขึ้นไป
……
โครมมม…
ภายในน้ำวนอันสับสนอลหม่าน ตงป๋อเสวี่ยอิงบินทะยานไปอย่างต่อเนื่อง ทางเชื่อมน้ำวนอันสับสนอลหม่านนี้ค่อนข้างคล้ายคลึงกันกับทางเชื่อมจักรวาล
“เมืองอลหม่านสิบสองแห่งที่วังทวีสูญสร้างขึ้นมา กระจายตัวกันอยู่ในขอบเขตราวหนึ่งส่วนสามของโลกทิพย์ทะเลสัตตดารา แต่ละแห่งล้วนห่างกันไกลลิบลับ ต่อให้เป็นแกนนำขั้นอลวน จะแหวกกาลมิติจากเมืองอลหม่านแห่งหนึ่งแล้วเร่งเดินทางไปโดยทั่วไปก็ต้องราวแสนปีจึงจะสามารถไปถึงเมืองอลหม่านอีกแห่งหนึ่งที่อยู่ข้างเคียงกันได้” ตงป๋อเสวี่ยอิงทอดถอนใจ
โลกทิพย์ยิ่งใหญ่เกินไปแล้ว
การกดดันของกฎเกณฑ์ก็ร้ายกาจเกินไปด้วย ดังนั้นการเร่งเดินทางไปจึงยากมาก เพื่อที่จะเพิ่มอำนาจในการควบคุม วังทวีสูญจึงสร้างทางเชื่อมอลหม่านอันคงที่ขึ้นถึงสิบสองแห่งโดยไม่เสียดายอะไรทั้งสิ้น เพื่อเชื่อมเมืองอลหม่านและวังทวีสูญเอาไว้!
ตงป๋อเสวี่ยอิงบินทะยานอยู่ในทางเชื่อมอลหม่านราวชั่วจอกชาหนึ่ง ก็มาถึงทางออกของทางเชื่อมในที่สุด
“ตู้ม”
ตงป๋อเสวี่ยอิงบินออกจากกลางน้ำวนอันสับสนอลหม่าน เพียงมองแวบเดียวก็เห็นว่าภายในโถงตำหนักมหึมานั้นมีเทพอากาศกลุ่มใหญ่รวมตัวกันอยู่ มองไปแวบหนึ่งก็เห็นว่ามากถึงกว่าพันท่าน ในจำนวนนั้นยังมีบางคนที่กลิ่นอายแข็งแกร่งเป็นพิเศษอีกด้วย
“คารวะผู้อาวุโสตงป๋อ” ผู้ที่มีกลิ่นอายไม่ธรรมดาสองคนซึ่งเป็นผู้นำคารวะทันที ส่วนคนด้านหลังก็พากันโค้งคำนับอย่างพร้อมเพรียง
“เป็นผู้อาวุโสชุนอู้และผู้อาวุโสกานอวี๋ใช่หรือไม่” ตงป๋อเสวี่ยอิงพูดยิ้มๆ
ผู้อาวุโสชุนอู้เป็นบุรุษสวมอาภรณ์สีครามตัวหลวมซึ่งสวมหมวกทรงสูงเอาไว้
ผู้อาวุโสกานอวี๋คือชายชราผมสีดอกเลาซึ่งสวมเสื้อผ้าตามสบาย
ในฐานะที่ตงป๋อเสวี่ยอิงเป็นผู้อาวุโสตำหนักใน ก่อนจะมาก็สามารถตรวจดูข้อมูลคร่าวๆ โดยผ่านป้ายคำสั่งส่งสารได้แล้ว จึงย่อมตรวจดูข้อมูลเมืองวารีสวรรค์มาแล้ว
เมืองวารีสวรรค์เป็นหนึ่งในสิบสองเมืองอลหม่าน
ผู้ที่มีตำแหน่งสูงที่สุดก็คือร่างแปรของ ‘ประมุขตำหนักวารีสวรรค์’ ซึ่งเป็นผู้ดูแลเมืองอลหม่าน ทว่าด้วยสถานะอย่างประมุขตำหนักวารีสวรรค์แล้วยังมีเรื่องสำคัญให้ทำ ตามปกติแล้วร่างแปรล้วนแต่ตกอยู่ในห้วงนิทราทั้งสิ้น! มีแต่ในคราวคับขันเท่านั้น ปณิธานของประมุขตำหนักวารีสวรรค์จึงมาถึง แล้วร่างแปรก็จะฟื้นตื่นขึ้นมา ดังนั้นแม้จะกล่าวว่าร่างแปรของประมุขตำหนักวารีสวรรค์มีสถานะสูงส่งที่สุดก็ตาม แต่กลับแทบจะมิได้ปรากฏกายเลย
รองลงมาก็คือคณะผู้อาวุโส!
คณะผู้อาวุโสจึงจะเป็นผู้ที่จัดการเรื่องราวต่างๆ ภายในเมืองวารีสวรรค์
คณะผู้อาวุโสล้วนแต่เป็นผู้อาวุโสตำหนักนอกทั้งสิ้น! แม้จะกล่าวว่าผู้ที่เป็นผู้อาวุโสตำหนักนอกได้จะมิใช่ยอดฝีมือที่ล้ำเลิศคนหลักที่สุดของวังทวีสูญ แต่ก็ได้รับความไว้วางใจจากวังทวีสูญเช่นเดียวกัน นอกจากนี้สำหรับโลกภายนอกก็ถือว่าแข็งแกร่งมากแล้ว
รองจากคณะผู้อาวุโส…ก็คือคณะผู้ดำเนินงานซึ่งล้วนแต่เป็นผู้ดำเนินงานตำหนักนอกทั้งสิ้น พูดง่ายๆ ก็คือ ‘ลูกมือ’! เทพอากาศจำนวนมากที่คิดจะกอดขา ‘วังทวีสูญ’ ก็ยินยอมพร้อมใจที่จะเป็นผู้ดำเนินงาน เนื่องจากผู้ดำเนินงานก็มี ‘แต้มความดีความชอบ’ ในภายหน้าก็จะมีโอกาสพลิกอ่านคัมภีร์ล้ำค่าและแลกเปลี่ยนสมบัติล้ำค่ามาได้ ทว่าแต้มความดีความชอบของผู้ดำเนินงานก็ล้วนแต่น้อยมาก เพราะการทำเรื่องต่างๆ ก็ล้วนแต่ ‘นำโดยผู้อาวุโสตำหนักนอก’ ดังนั้นภารกิจชิ้นหนึ่ง ผู้อาวุโสตำหนักนอกก็จะเป็นหัวเรือใหญ่ก่อน ส่วนที่เหลือเล็กน้อยจึงเป็นพวกผู้ดำเนินงานแบ่งสรรกันไป
แต่ต่อให้เป็นเช่นนี้ ก็ยังคงมีผู้ดำเนินงานตำหนักนอกกลุ่มใหญ่อยู่นั่นเอง
เมืองวารีสวรรค์มีผู้อาวุโสตำหนักนอกทั้งหมดหกสิบเอ็ดคน ขั้นรวมเป็นหนึ่งมีสองคน ส่วนขั้นกำเนิดมีห้าสิบเก้าคน!
โดยทั่วไปแล้วผู้อาวุโสตำหนักนอกขั้นกำเนิดก็ล้วนแต่มีพลังรบขั้นรวมเป็นหนึ่ง
ส่วนผู้อาวุโสตำหนักนอกขั้นรวมเป็นหนึ่งสองคน
ผู้อาวุโสชุนอู้นั้นผ่านเจดีย์ดาวชั้นที่สี่ ในบรรดาขั้นรวมเป็นหนึ่งแทบจะเรียกได้ว่าเป็นสิ่งมีชีวิตที่ไร้ศัตรู! เพราะถึงอย่างไรพวกสิ่งมีชีวิตที่เยี่ยมยอดอย่างในเจดีย์ดาวชั้นที่ห้าก็ล้วนแต่บรรลุถึงขีดจำกัดขั้นอลวน ตามปกติล้วนแต่มิอาจพานพบได้ ส่วน ‘ผู้อาวุโสกานอวี๋’ นั้นผ่านเจดีย์ดาวชั้นที่สาม เป็นขั้นรวมเป็นหนึ่งระดับยอดสุด สามารถล้างสังหารขั้นรวมเป็นหนึ่งทั้งกลุ่มได้อย่างง่ายดาย
ในวังทวีสูญ…โดยทั่วไปเทพอากาศขั้นรวมเป็นหนึ่งนั้นก็มีพลังถึงชั้นที่สามหรือสี่เท่านั้น ผู้ที่สามารถผ่านชั้นที่ห้าได้นั้นยากเกินไปแล้ว  หากผ่านได้ก็จะพุ่งทะยานกลายเป็นผู้อาวุโสตำหนักในทันที!
“ผู้อาวุโสตงป๋อรู้นามของข้าสองคนด้วยหรือนี่ ช่างเป็นเกียรติของพวกข้ายิ่งนัก” ‘ผู้อาวุโสกานอวี๋’ ชายชราผมสีดอกเลาพูดพลางหัวเราะแหะๆ
“เมื่อทราบว่าผู้อาวุโสตงป๋อประจำการอยู่ที่เมืองวารีสวรรค์ของพวกเรา ข้าและพี่กานอวี๋ต่างก็ยินดีนัก และได้ตระเตรียมงานเลี้ยงเอาไว้แล้ว หวังว่าผู้อาวุโสตงป๋อจะเห็นแก่หน้าบ้าง” ผู้อาวุโสชุนอู้กล่าว
แม้จะกล่าวว่าการมาถึงของตงป๋อเสวี่ยอิง
ทำให้เหนือหัวของผู้อาวุโสชุนอู้และผู้อาวุโสกานอวี๋ซึ่งเดิมทีเป็นผู้ที่มีตำแหน่งสูงที่สุดของเมืองวารีสวรรค์ในทางปฏิบัติมีผู้อาวุโสตำหนักในเพิ่มขึ้นอีกคนก็ตามที ทว่าพวกเขาทั้งสองก็ไม่โกรธเคืองเลยแม้แต่น้อย! แต่กลับดีใจอีกต่างหาก เพราะพวกเขาทั้งสองล้วนเข้าใจดีว่า ผู้ที่ร้ายกาจถึงขั้นสามารถบุกฝ่าเจดีย์ดาวได้ถึงสามชั้นตั้งแต่ยังเป็นขั้นกำเนิดนั้น ทันทีที่บรรลุถึงขั้นรวมเป็นหนึ่ง การจะผ่านชั้นที่ห้าได้ก็เป็นเรื่องง่ายเพียงยกฝ่ามือเท่านั้น นอกจากนี้ตงป๋อเสวี่ยอิงยังบำเพ็ญมาเป็นระยะเวลาสั้นนัก…เกรงว่าในภายหน้าจะมีหวังได้เป็นประมุขตำหนักอีกด้วย!
สำหรับสิ่งมีชีวิตระดับนี้แล้ว กลับยอมประจำการที่เมืองวารีสวรรค์ช่วงหนึ่ง เช่นนั้นในช่วงนี้ที่เขาประจำการอยู่ที่นี่ ก็เป็นโอกาสอันดีที่พวกเขาทั้งสองจะได้ผูกสัมพันธ์กับตงป๋อเสวี่ยอิง!
ระดับพลังของพวกเขาทั้งสองก็น่ากระอักกระอ่วนนัก
เพราะถึงอย่างไรก็บำเพ็ญมาเป็นระยะเวลาตั้งไม่รู้กี่ล้านล้านปีแล้ว ระดับอย่างพวกเขาคิดจะก้าวหน้าไปอีกขั้นก็ยากนัก คิดจะกอดขาก็ยังหาโอกาสมิได้เสียด้วยซ้ำ! เป็นไปได้มากว่าในภายหน้าตงป๋อเสวี่ยอิงจะกลายเป็นขาอันมั่นคง ตาเฒ่าที่มีชีวิตอยู่มานานตั้งไม่รู้เท่าไหร่นี้จะพลาดโอกาสอันงามไปได้อย่างไรกันเล่า
“ก็ได้ เช่นนั้นรบกวนผู้อาวุโสชุนอู้และผู้อาวุโสกานอวี๋แล้ว” ตงป๋อเสวี่ยอิงกล่าว เขาเกรงใจพวกผู้อาวุโสชุนอู้ทั้งสองคนแค่เล็กน้อยก็เพียงพอแล้ว เพราะต่อให้ทำตัวเย็นชาใส่ พวกผู้อาวุโสชุนอู้ก็คงได้แต่อดทนเอาไว้เท่านั้น ส่วนผู้อาวุโสตำหนักนอกคนอื่นๆ ไปจนถึงผู้ดำเนินงาน ก็ไม่จำเป็นต้องใส่ใจจนเกินไปแล้ว
………………………..

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด