Snow Eagle Lord อินทรีหิมะเจ้าดินแดน ตอนที่ 5

อ่านนิยายจีนเรื่อง Snow Eagle Lord อินทรีหิมะเจ้าดินแดน ตอนที่ 5 3Novel | อ่านนิยายออนไลน์ นิยายแปลไทย อ่านนิยายฟรี.

 
“ไปๆๆ งานเลี้ยงตระเตรียมเอาไว้เรียบร้อยแล้ว” ท่านชายสามเจียวอวิ๋นหลิวกล่าว บรรดาองครักษ์รอบข้างก็ไปยังงานเลี้ยงด้วยกัน จากการสำแดงลูกไม้เล็กน้อยเมื่อครู่ ท่าทีขององครักษ์เหล่านี้ที่มีต่อตงป๋อเสวี่ยอิงก็ดีขึ้นมากทีเดียว
ตงป๋อเสวี่ยอิงก็ไปเข้าร่วมงานเลี้ยงด้วยเช่นกัน และดื่มด่ำไปกับอาหารรสเลิศของอีกจักรวาลหนึ่ง จักรวาลแห่งนี้ก็เป็นสิ่งมีชีวิตจำพวกเลือดเนื้อเช่นกัน อาหารการกินจึงนับว่าพอถูกปากอยู่บ้าง ส่วนองครักษ์ฉงที่สวมเกราะโลหะทั่วร่างซึ่งต่อกรกับตงป๋อเสวี่ยอิงไปนั้น กลับแค่กรอกสุราชั้นเลิศเข้าปากไปเพียงไม่กี่อึกเท่านั้น โดยไม่แตะต้องอาหารเลยแม้แต่คำเดียว
หลังงานเลี้ยง
“ใต้เท้าตงป๋อ นี่คือคูหาของท่านขอรับ” มีบ่าวมาส่งตงป๋อเสวี่ยอิงโดยเฉพาะ ที่ปากคูหาก็มีบ่าวรับใช้กลุ่มหนึ่งกำลังรอต้อนรับตงป๋อเสวี่ยอิง
“คารวะนายท่าน” บ่าวรับใช้กลุ่มใหญ่นอบน้อมหาใดเปรียบ
พวกเขาต่างก็รู้ว่า นับแต่วันนี้เป็นต้นไปชะตาชีวิตของพวกเขาก็ต้องตกเป็นของสิ่งมีชีวิตต่างเผ่าผู้แข็งแกร่งตรงหน้าคนนี้แล้ว! ต่อให้ต้องตายไปเพราะอารมณ์ชั่ววูบ ก็ต้องตายเปล่า
ตงป๋อเสวี่ยอิงกวาดตามองคราหนึ่ง ในบรรดาบ่าวรับใช้เหล่านี้ ผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดก็เป็นระดับเทพโลกาสวรรค์สองชั้น และส่วนใหญ่ก็เป็นขั้นเทพ
“ข้าจะบำเพ็ญ หากไม่มีเรื่องอันใดก็อย่ามารบกวนข้าล่ะ” ตงป๋อเสวี่ยอิงกำชับ
“ขอรับ”
บ่าวรับใช้ทั้งกลุ่มพากันถอนหายใจด้วยความโล่งอก ยังดีที่เป็นผู้ชมชอบการบำเพ็ญ คาดว่าบำเพ็ญครั้งหนึ่งก็คงจะเป็นเวลานานแสนนาน
******
ประตูขนาดมหึมาของโถงตำหนักภายในคูหาที่มีไว้สำหรับฝึกฝนโดยเฉพาะปิดลงเสียงดังโครม ตงป๋อเสวี่ยอิงโบกมือคราหนึ่ง วงแหวนสีดำอันหนึ่งร่อนลงบนโต๊ะยาว ตัวเขาเองกลับหายวับไปกลางอากาศแล้วเข้าไปในโลกคูหาสวรรค์ภายในวงแหวนนั้น
นี่คือทุ่งหญ้าผืนหนึ่ง
ตงป๋อเสวี่ยอิงกำลังนั่งขัดสมาธิอยู่บนพื้นหญ้า พลางตรวจดูอาวุธ อาภรณ์ เรือรบและอื่นๆ ที่ท่านชายสามมอบให้ สิ่งเหล่านี้ทำให้ตงป๋อเสวี่ยอิงลอบพยักหน้า “หอกยาวเล่มนี้ล้ำค่าไม่แพ้หอกงูโลหิตของข้าเลย เรือรบก็ล้ำค่าเช่นกัน อาภรณ์สีดำดูเหมือนจะธรรมดา แต่กลับแข็งแกร่งทนทานเป็นอย่างยิ่ง และสามารถเก็บงำกลิ่นอายได้เช่นกัน…ภายในจักรวาลผู้บำเพ็ญของเรา สมบัติล้ำค่าสามชิ้นนี้ก็ทำให้ผู้เคารพส่วนใหญ่ตาเป็นมันได้แล้ว”
เมื่อมองจากจุดนี้ สมบัติล้ำค่าของจักรวาลนี้มีมากกว่าอย่างเห็นได้ชัด
“ระบบการบำเพ็ญ”
เมือพลิกมือคราหนึ่ง ในมือก็มีก้อนผลึกใสปรากฏขึ้น นัยน์ตาของตงป๋อเสวี่ยอิงฉายแววร้อนแรง นี่จึงจะเป็นสิ่งที่เขาปรารถนาเป็นที่สุด
ไม่ว่าจะเป็นระบบการบำเพ็ญใด ก็ล้วนแต่เป็นการตกผลึกทางปัญญาของสิ่งมีชีวิตจำนวนนับไม่ถ้วนของจักรวาลนั้นๆ  เป็นวิธีที่จะทำให้พวกเขาแข็งแกร่งได้!
“ระบบการบำเพ็ญของจักรวาลทั้งสิบแปด เริ่มต้นเถิด” ระบบการบำเพ็ญของทะเลควันยังประกอบด้วยเคล็ดวิชาจำนวนมาก ทั้งยังมีคำอธิบายต่างๆ อยู่อีกด้วย! ซึ่งคงจะเป็นคำอธิบายที่เหล่าผู้แกร่งกล้าในจักรวาลที่ท่านชายสามอยู่บันทึกเอาไว้
แม้ระบบการบำเพ็ญสายเลือดจะอาศัยการตื่นรู้ของสายเลือดเป็นหลัก แต่พวกเขาก็มิได้โง่งม พวกเขาก็ซึมซับข้อดีของระบบการบำเพ็ญของจักรวาลอื่นเพื่อทำให้พลังของตนแข็งแกร่งขึ้นด้วยเช่นกัน
เวลาล่วงเลยไป…
ด้วยความแข็งแกร่งของวิญญาณของตงป๋อเสวี่ยอิงในตอนนี้ ก็ใช้เวลาไปถึงสามวัน จึงอ่านระบบการบำเพ็ญทั้งสิบแปดจนจบรอบหนึ่ง
“ที่แท้แล้วเป็นเช่นนี้เอง”
เนื่องจากเขาอ่านระบบการบำเพ็ญทั้งสิบแปดจนครบหมดแล้ว จึงย่อมมีการเปรียบเทียบเป็นธรรมดา และเกิดข้อสรุปขึ้นมา
“จักรวาลแบ่งเป็นสองประเภท ประเภทหนึ่งคือจักรวาลที่ถือกำเนิดขึ้นมาเองตามธรรมชาติ ส่วนอีกประเภทหนึ่งก็คือจักรวาลซึ่งสิ่งมีชีวิตเก่าแก่เป็นผู้สร้างขึ้น” ตงป๋อเสวี่ยอิงพึมพำ “ดังนั้นระบบการบำเพ็ญจึงแบ่งออกเป็นสองประเภทหลัก!”
“ประเภทแรก คือคำชี้แนะที่บรรดาสิ่งมีชีวิตเก่าแก่ทิ้งเอาไว้ ระบบการบำเพ็ญเช่นนี้เป็นวิถีใหญ่ สามารถบำเพ็ญได้ถึงระดับขั้นที่สูงเสียยิ่งกว่าสูง”
“ประเภทที่สอง ในจักรวาลที่ถือกำเนิดขึ้นตามธรรมชาติ ไม่มีการชี้แนะ สิ่งมีชีวิตที่ถือกำเนิดขึ้นมาก็ได้แต่คลำทางเองเท่านั้น เพื่อความอยู่รอด เพื่อความแข็งแกร่ง เพื่อความเติบโต พวกเขาก็ได้คลำหาวิธีบำเพ็ญต่างๆ ขึ้นมา เมื่อเวลาผ่านไป วิธีการบำเพ็ญที่เยี่ยมยอด และเหมาะแก่การเผยแพร่ที่สุดก็กลายเป็นกระแสหลักในการบำเพ็ญของทั้งจักรวาลไป เมื่อผ่านการเพิ่มเสริมเติมแต่งของสิ่งมีชีวิตจำนวนนับไม่ถ้วนตลอดคืนวันอันยาวนาน ก็สมบูรณ์แบบมากขึ้นเรื่อยๆ แต่แม้จะสมบูรณ์แบบกว่านี้ ก็ยังมีข้อจำกัดเรื่องโลกทัศน์และพลังของตน บางคนทำอย่างไรก็ยังถูกจำกัดอยู่อย่างนั้น”
ตงป๋อเสวี่ยอิงลอบรู้สึกว่าโชคดี
ระบบการบำเพ็ญของบ้านเกิดตนเป็นสิ่งที่บรรพชนเทียนอวี๋ชี้แนะ ระบบความเร้นลับของกฎเกณฑ์เป็นวิถีใหญ่  ไปจนถึงขั้นสุด!
“ในระบบทั้งสิบแปดนี้ มีระบบการบำเพ็ญลัทธิจอมมารดาด้วยหรือนี่” ตงป๋อเสวี่ยอิงจึงเข้าใจว่าลัทธิจอมมารดาฝึกฝนอย่างไรจากในนั้น
ลัทธิจอมมารดา…
ถือเอาฟ้าดินเป็นดั่งรกของมารดา และใช้ฟ้าดินหล่อเลี้ยงตนเองตั้งแต่ตนยังเป็นทารก
เมื่อพลังแข็งแกร่งพอ ก็จะใช้จักรวาลเป็นรกหล่อเลี้ยงตนเอง ระบบเช่นนี้ต้องตั้งแท่นบูชาจอมมารดาและปรับปรุงจักรวาล สิ่งที่พวกเขาเชื่อถือมิใช่จักรวาล หากแต่เป็นสิ่งมีชีวิตที่มองไม่เห็นซึ่งสูงส่งหาใดเปรียบ…จอมมารดานั่นเอง! จอมมารดาราวกับมารดาที่ปกป้องคุ้มครองพวกเขา หล่อเลี้ยงพวกเขา ทำให้พวกเขาแข็งแกร่งยิ่งขึ้น และมีความสามารถอันน่าเหลือเชื่อต่างๆ ปรากฏขึ้นอีกด้วย ระบบนี้ ช่วงแรกค่อนข้างทึ่มทื่อ แต่ยิ่งนานวันเข้าก็ยิ่งพิสดารยากเกินคาดเดามากขึ้น
ต่อให้ในภายหน้าเข้าสู่อากาศอันสับสนอลหม่าน พวกเขาก็มีวิธีอาศัย ‘อากาศอันสับสนอลหม่าน’ มาหล่อเลี้ยงตนเองได้
ความสามารถและเคล็ดวิชาต่างๆ ทำเอาตงป๋อเสวี่ยอิงอ่านแล้วหน้าถอดสี
“เป็นระบบที่ร้ายกาจนัก” ร่างจริงของตงป๋อเสวี่ยอิงที่อยู่ในบ้านเกิดส่งต่อข้อมูลจำนวนมากให้ท่านอาจารย์ ‘จักรพรรดิเทพคมมีดโลหิต’ ทันที
จักรพรรดิเทพคมมีดโลหิตตกใจมาก “เสวี่ยอิง ที่เจ้าไปคือจักรวาลลัทธิจอมมารดาหรือนี่”
“มิใช่พ่ะย่ะค่ะ เป็นจักรวาลที่แข็งแกร่งมากแห่งหนึ่งต่างหาก! จักรวาลนี้มีระบบการบำเพ็ญอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว ในจำนวนนั้นมีระบบการบำเพ็ญลัทธิจอมมารดาอยู่ด้วยพ่ะย่ะค่ะ”
“ระบบการบำเพ็ญหลายระบบหรือ เช่นนั้นเจ้าก็ระวังหน่อยล่ะ โลภมากไปก็มิใช่เรื่องดี”
“ข้าเข้าใจ”
ตอนที่ตงป๋อเสวี่ยอิงได้รับการถ่ายทอดวิชาลับผู้ท่องมาก็รู้ว่า ระบบการบำเพ็ญออกจะไปคนละทิศคนละทางกันอยู่บ้าง ไม่เหมาะกับการบำเพ็ญควบคู่กันเอาเสียเลย! มีแต่ต้องช่วยเหลือซึ่งกันและกันเท่านั้น จึงจะบำเพ็ญควบคู่กันแล้วได้ผลดี
จากสิ่งที่ ‘ผู้ท่องอากาศกู่ฉี’ ท่านอาจารย์ของตนพูด ระบบผู้ท่องอากาศและระบบความเร้นลับของกฎเกณฑ์นั้นสามารถบำเพ็ญควบคู่กันได้เป็นอย่างมาก ระบบหนึ่งเป็นการฝึกร่างกาย ส่วนอีกระบบหนึ่งเป็นการฝึกความเร้นลับของกฎเกณฑ์
……
หลังจากเข้าใจระบบการบำเพ็ญในเบื้องต้นแล้ว ตงป๋อเสวี่ยอิงก็เริ่มลองบำเพ็ญ ระบบการบำเพ็ญทั้งสิบแปดชนิด เขาสามารถลองฝึกได้เพียงแปดชนิดเท่านั้น ระบบอื่นๆ ล้วนแต่มีปัญหานานาชนิด เช่นระบบการบำเพ็ญสายเลือด! ตงป๋อเสวี่ยอิงมิใช่สิ่งมีชีวิตในจักรวาลแห่งนี้ เมื่อไม่มีสายเลือดของพวกเขาเลย จึงไม่มีทางบำเพ็ญได้ อย่างสิ่งมีชีวิตในจักรวาลที่องครักษ์อาศัยอยู่ ก็ล้วนแต่มีร่างกายเป็นโลหะ และบำเพ็ญร่างกายเป็นหลัก แตกต่างกับระบบบำเพ็ญร่างกายของสิ่งมีชีวิตจำพวกเลือดเนื้ออย่างสิ้นเชิง จึงย่อมมิอาจฝึกฝนได้
ลัทธิจอมมารดา ยิ่งอ่อนแอเท่าไหร่ก็ยิ่งมีเงื่อนไขต่อสิ่งแวดล้อมจำกัดมากขึ้นเท่านั้น ตงป๋อเสวี่ยอิงก็มิอาจฝึกฝนได้
“มีแต่ต้องบำเพ็ญอย่างแท้จริงเท่านั้น จึงจะสามารถเข้าใจถึงความน่าสนใจของแต่ละระบบได้อย่างลึกซึ้ง” ตงป๋อเสวี่ยอิงเริ่มลองฝึกระบบทั้งแปด
******
ระบบการบำเพ็ญทั้งแปดชนิด แต่ละชนิดเขาล้วนลองเข้าถึงอย่างลึกซึ้ง แต่ละชนิดล้วนต้องเตรียมใช้เวลาพันปี ด้วยการรับรู้อย่างเขา เวลาพันปีก็เพียงพอสำหรับการเข้าใจระบบการบำเพ็ญและรับรู้ให้ลึกซึ้งพอแล้ว และเข้าใจถึงความวิจิตรของมัน
ระบบการบำเพ็ญทั้งแปดชนิดนี้
ตามที่ระบุเอาไว้ในแก้วผลึก มีสองชนิดที่สามารถบำเพ็ญได้อย่างเต็มที่ ส่วนหกชนิดที่เหลือล้วนมีข้อบกพร่อง
ซึ่งที่บำเพ็ญได้อย่างเต็มที่นั้น…ชนิดหนึ่งเรียกว่า ‘ทิพย์’ พวกเขาค้นคว้าหมื่นสรรพสิ่ง และค้นหาความลับที่ซ่อนอยู่ในหมื่นสรรพสิ่ง ณ ระดับขั้นที่ลึกซึ้งที่สุดให้พบ บรรดา ‘ทิพย์’ ใช้ความลับเหล่านี้ทำให้แข็งแกร่งขึ้นได้! จักรวาลที่ทิพย์อาศัยอยู่นั้น มีทางเชื่อมขนาดเล็กเพียงแห่งเดียวที่เชื่อมกับจักรวาลของพวกท่านชายสาม แต่บรรดาทิพย์กลับกระตือรือร้นอยากที่จะนำระบบการบำเพ็ญของตนมาแลกเปลี่ยน พวกเขามีความอยากรู้อยากเห็นต่อสรรพสิ่งทั้งปวง รวมทั้งสรรพสิ่งในจักรวาลอื่นด้วย
ส่วนอีกชนิดหนึ่งมีนามว่า ‘ระบบการบำเพ็ญพลรบซึ่งแกร่งที่สุด’ พวกเขาใช้การบำเพ็ญก็สามารถแก้ไขร่างกายของตนเองในระดับที่ลึกที่สุดได้ โลหิตหยดหนึ่งที่ดูเหมือนจะธรรมดามาก พวกเขากลับสามารถค้นคว้าได้ราวกับดวงดาราดวงหนึ่ง แม้แต่อณูหนึ่ง พวกเขาก็สามารถค้นคว้าเหมือนเป็นผืนดินแล้วทำโครงสร้างขึ้นใหม่ และสามารถทำให้ระดับขั้นลึกซึ้งยิ่งขึ้นไปอีกได้ตามการบำเพ็ญของพวกเขา และค้นคว้าตนเองได้ ‘ละเอียดยิบ’ ยิ่งขึ้น จากนั้นก็แก้ไขตนเองได้ละเอียดยิบยิ่งขึ้น เป้าหมายการบำเพ็ญของพวกเขา ก็คือทำให้ร่างกายแข็งแกร่งราวกับจักรวาลหนึ่ง พวกเขาใฝ่หาขั้นสุดไปตลอดกาล!
พวกเขาไม่ต้องการอาวุธ เพราะร่างกายของพวกเขาก็คืออาวุธที่แข็งแกร่งที่สุด จะกินอาวุธลงไปแล้วย่อยสลายให้หมด ก็ทำได้ง่ายดายมาก
พวกเขาไม่ต้องการเกราะ เพราะผิวหนังของพวกเขาแข็งแกร่งทนทานหาใดเปรียบ
ตงป๋อเสวี่ยอิงถึงขั้นสงสัยว่า ระบบการบำเพ็ญพลรบซึ่งแกร่งที่สุด และเทพโลกาผู้แข็งแกร่งที่สุดที่ตนพบในสถานที่แรกเริ่มท่านนั้นเป็นระบบการบำเพ็ญนั้นเป็นระบบเดียวกันหรือไม่ เพราะถึงอย่างไรตอนนั้นฝ่ายตรงข้ามก็กินอาวุธเทพแท้มีดบินของตนลงไป เพียงชั่วครู่เดียวก็ทำให้มีดบินผุพังไปหมดแล้ว ความสามารถในการย่อยสลายน่าหวาดหวั่นเป็นอันมาก
“ไม่เสียทีที่เป็นสองระบบการบำเพ็ญซึ่งบรรลุถึงขั้นสุด” ตงป๋อเสวี่ยอิงยอมรับว่าระบบทั้งสองนี้ร้ายกาจมาก
แต่ว่า
ทั้งสองระบบนี้ต้องใช้เวลาและความตั้งใจเป็นอันมาก
อันที่จริงการค้นคว้าหมื่นสรรพสิ่งนั้นยิบย่อยกว่าการรับรู้ความเร้นลับของกฎเกณฑ์เสียอีก
การค้นคว้าร่างกายของระบบการบำเพ็ญพลรบซึ่งแกร่งที่สุด มิได้ง่ายไปกว่าจักรวาลอื่นใดเลย
อีกหกชนิดที่เหลือล้วนเป็นระบบที่ขาดตกบกพร่อง…
“เอ๋”
 ในสหัสวรรษที่ห้าของการบำเพ็ญ ตงป๋อเสวี่ยอิงก็ตกอยู่ท่ามกลางความยินดีจนแทบคลั่ง

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด