Snow Eagle Lord อินทรีหิมะเจ้าดินแดน ตอนที่ 4
ณ สถานที่ใต้ดินอันลึกลับ ท่านชายสาม ‘เจียวอวิ๋นหลิว’ กำลังมองพืชสีดำต้นหนึ่งตรงหน้า บนพืชสีดำนี้มีผลงอกขึ้นมาทั้งหมดสามผล ผลทั้งหมดเป็นสีเขียวเข้ม“รีบสุกเสียทีเถิด ข้ารอมานานเกินไปแล้ว”รูปโฉมของเจียวอวิ๋นหลิวค่อนข้างคมคาย เขามีเกล็ดสีแดงชาดปกคลุมทั่วร่าง ตรงหว่างคิ้วยังมีแผ่นเกล็ดสีแดงเข้มอยู่แผ่นหนึ่ง ใบหน้าขาวผ่อง กลิ่นอายทั้งร่างนุ่มนวลและเก็บงำเอาไว้ภายในยามนี้สายตาของเขาจดจ้องพืชสีดำ ลึกลงไปในดวงตามีแววปรารถนาแฝงอยู่“ท่านชาย ผลนี้ยังห่างไกลจากคำว่าสุกอีกมาก ที่นี่มีพวกเราสามคนรับผิดชอบดูแลอยู่ ท่านชายโปรดวางใจเถิดขอรับ” บุรุษผิวดำที่มีตาเป็นขีดพูดยิ้มๆ เขาก็เป็นชนต่างเผ่าที่มาจากจักรวาลอื่นเช่นกัน ทว่ากลับเป็นดั่งดวงใจของท่านชายสาม ด้านข้างยังมียอดฝีมืออีกสองคน“ท่านชาย ซานตานบอกว่าผู้เคารพต่างเผ่าคนหนึ่งนามตงป๋อเสวี่ยอิงจวนจะมาถึงแล้วขอรับ” องครักษ์คนหนึ่งด้านหลังของเจียวอวิ๋นหลิวกล่าว“เอาล่ะ พวกเราไปกันเถอะ”เจียวอวิ๋นหลิวพยักหน้าแล้วนำองครักษ์จากไป แม้จะอยู่ใต้ดิน แต่รอบด้านก็มีค่ายกลอันเก่าแก่อยู่มากมาย มีการเตรียมการเอาไว้พร้อมสรรพนัก สายตาของเจียวอวิ๋นหลิวมองผ่านค่ายกลเหล่านี้แล้วก็ลอบพยักหน้า แม้เขาจะรู้ว่าอีกนานกว่าผลไม้จะสุก แต่เขาก็อดมาดูมันเป็นประจำมิได้ เพราะเขากลัว…กลัวว่าจะเกิดเหตุไม่คาดคิดขึ้น ต้องเห็นกับตาว่าผลยังคงเติบโตอยู่ เขาจึงจะวางใจแม้เขาจะอาศัยอยู่ที่ผิวดิน และเขาก็เป็นผู้ควบคุมค่ายกลเองด้วย แต่ก็ยังคงมาตรวจดูครั้งแล้วครั้งเล่า“รอผลไม้สุก พลังของข้าก็จะสามารถก้าวหน้าได้เป็นอย่างมาก ถึงขั้นอาจจะสายเลือดตื่นรู้จนก้าวเข้าสู่ระดับผู้ปกครองได้ และสามารถตั้งตัวเป็นอ๋องได้” นัยน์ตาของเจียวอวิ๋นหลิวฉายประกายคมกริบสายหนึ่ง จากนั้นก็เก็บซ่อนลงไป……เจียวอวิ๋นหลิวพาองครักษ์มาถึงผืนดินอย่างรวดเร็วนัก และภายใต้การนำทางของร่างแยกอีกร่างของซานตาน พวกเขาก็เข้ามาต้อนรับด้วยตนเอง“ท่านผู้นี้คือน้องตงป๋อเสวี่ยอิงหรือ” เจียวอวิ๋นหลิวพูดยิ้มๆตงป๋อเสวี่ยอิงเพิ่งจะมาถึงจักรวาลแห่งนี้ ก็พบว่าท่านชายสามนำองครักษ์กลุ่มหนึ่งมาต้อนรับด้วยตนเอง ร่างจริงของซานตานที่อยู่ด้านข้างก็เอ่ยเตือน “ท่านนี้คือท่านชายสาม”“คารวะท่านชายสาม” ตงป๋อเสวี่ยอิงคารวะเล็กน้อย“ข้าประกาศหาองครักษ์มาตลอด น้องตงป๋อเสวี่ยอิงสามารถมาได้ ข้าก็ดีใจมาก ทว่าข้าก็อยากจะเห็นพลังขององครักษ์ตงป๋อด้วย เป็นอย่างไรบ้าง” ท่านชายสามเจียวอวิ๋นหลิวกล่าว เพราะถึงอย่างไรต่อให้เป็นผู้เคารพ พลังก็มีทั้งแข็งแรงและอ่อนแอ อย่างน้อยเขาก็ต้องพอเข้าใจองครักษ์ข้างกายเขาบ้างคร่าวๆตงป๋อเสวี่ยอิงพยักหน้า “ได้ตลอดเวลาเลยขอรับ”“องครักษ์ฉง เจ้ามาลองประมือกับองครักษ์ตงป๋อดูหน่อยเถอะ” ท่านชายสามเจียวอวิ๋นหลิวเอ่ย“ขอรับ”บุรุษรูปร่างสูงใหญ่ผิวดำคล้ำคนหนึ่งเดินออกมาจากท่ามกลางกลุ่มองครักษ์ ทั้งร่างของเขาหล่อหลอมขึ้นมาจากโลหะ มิได้เป็นสิ่งมีชีวิตจำพวกเลือดเนื้อตงป๋อเสวี่ยอิงเข้าใจว่าคนตรงหน้าผู้นี้ก็เป็นสิ่งมีชีวิตต่างเผ่าเช่นเดียวกัน เพราะถึงอย่างไรจักรวาลนี้ก็เป็นระบบการบำเพ็ญสายเลือด จึงย่อมเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีเลือดมีเนื้อทั้งสิ้น! จากที่ตนได้ฟังซานตานพูดก่อนหน้านี้ ในหมู่องครักษ์ของท่านชายสาม องครักษ์ของจักรวาลตนมีสิบห้าคน มีชนต่างเผ่าอยู่ห้าคน หากตนเข้าร่วมด้วย ก็จะเป็นคนที่หก!“พวกเราไปประมือกันกลางอากาศเถิด” เสียงขององครักษ์ฉงทุ้มต่ำ เมื่อก้าวออกไปคราหนึ่งก็ไปถึงกลางอากาศแล้วตงป๋อเสวี่ยอิงก็ตามไปกลางอากาศทั้งสองฝ่ายประจันหน้ากันอยู่ห่างๆ“เริ่มเถิด” ท่านชายสามที่อยู่ด้านล่างและองครักษ์กลุ่มหนึ่งพากันเงยหน้ามอง ด้วยสายตาของพวกเขาก็สามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน“แฮ่…”องครักษ์ฉงพลันร้องคำรามขึ้นมารังสีสีขาวสายหนึ่งถูกพ่นออกมาจากปาก และมาถึงตรงหน้าตงป๋อเสวี่ยอิงแทบจะในพริบตาเดียว เหล่าองครักษ์ที่ชมการต่อสู้อยู่เบื้องล่างพากันมองดูอยู่เงียบๆ พวกเขาต่างก็เข้าใจดีมากว่า นี่คือหนึ่งในท่าไม้ตายของระบบการบำเพ็ญของจักรวาลขององครักษ์ฉง คลื่นแสงนั้นบ่มเพาะอยู่ภายในกาย อานุภาพแข็งแกร่งยิ่งนัก พวกเขาส่วนใหญ่ก็มิกล้าขัดขวาง พวกเขารู้สึกว่าลำพังแค่กระบวนท่านี้ คาดว่าคนที่ชื่อ ‘ตงป๋อเสวี่ยอิง’ ผู้นั้นก็คงจะต้องเสียแรงไปไม่น้อย ถึงขั้นพ่ายแพ้ก็เป็นไปได้ฟิ้วคลื่นแสงทะลุผ่านร่างกายของตงป๋อเสวี่ยอิงแล้วสลายหายไปกลางท้องฟ้าห่างออกไปส่วนตงป๋อเสวี่ยอิงกลับไม่ได้รับบาดเจ็บเลยแม้แต่น้อย!“เอ๊ะ” กลุ่มองครักษ์ที่อยู่ไกลออกไปพากันตกตะลึง ท่านชายสามที่ชมการต่อสู้อยู่ด้านล่างนัยน์ตาเป็นประกาย องครักษ์คนอื่นๆ ก็ตื่นตะลึงเหลือแสน เขาต้านรับซึ่งหน้าแต่กลับมิได้รับบาดเจ็บเลยแม้แต่น้อย ราวกับร่างกายเป็นความว่างเปล่าอย่างไรอย่างนั้น“ตาข้าแล้ว” ตงป๋อเสวี่ยอิงยิ้ม เขาสำแดงวิธีการของฟ้าดินโลกเทียมออกมา ดูเหมือนเขาจะยังยืนอยู่ตรงนี้ แต่อันที่จริงกลับเข้าไปในฟ้าดินโลกเทียมแล้ว แม้การโจมตีของฝ่ายตรงข้ามจะส่งผลกระทบเข้ามาภายในฟ้าดินโลกเทียมบ้างเล็กน้อย แต่อานุภาพน้อยนิดเท่านี้ ร่างกายของตนก็สามารถต้านเอาไว้ได้อย่างง่ายดาย โดยไม่จำเป็นต้องขยับเขยื้อนเลยแม้แต่ก้าวเดียวตงป๋อเสวี่ยอิงพลิกมือคราหนึ่ง ในมือกลับมีลูกดอกปรากฏขึ้นลูกดอกก็เป็นหนึ่งในสิ่งที่ได้มาจากการรบชนะผู้รักษากฎลัทธิจอมมารดา ลูกดอกชุดนี้มีถึงสิบสองดอก พวกมันทำขึ้นมาจากกระดูกอันแปลกประหลาด แม้จะมิใช่อาวุธเทพแท้ แต่หากพูดถึงความแข็งแกร่งและความคมแล้ว ก็ไม่แพ้อาวุธเทพแท้เลย อันที่จริงอาวุธของลัทธิจอมมารดา ส่วนใหญ่ก็เป็นอาวุธยุคแรกเริ่มเช่นกระบอง มีด กระบี่ เป็นต้น แต่โดยทั่วไปล้วนสามารถตาต่อตาฟันต่อฟันกับอาวุธเทพแท้ได้“ฟิ้ว”ลูกดอกถูกขว้างออกไปแล้วหายวับไปอย่างไร้ร่องรอยและไปถึงตรงหน้าศัตรูโดยผ่านฟ้าดินโลกเทียม“เอ๊ะ ลูกดอกเล่า อยู่ที่ใดกัน” องครักษ์ฉงเบิกตาสีทองกว้างพลางมองไปรอบด้านด้วยความระมัดระวัง แต่จากนั้นสีหน้าก็เปลี่ยนแปรครั้งใหญ่ ลูกดอกกลับมาถึงตรงหน้าอกเขาแล้ว“ตู้ม!”ป้องกันไม่ทันกระบวนท่าซึ่งแฝงไว้ด้วยพละกำลังบางส่วนของร่างกายอันแข็งแกร่งของตงป๋อเสวี่ยอิงในทุกวันนี้ ทั้งยังแฝงไว้ด้วยวิถีเข่นฆ่า…และมาถึงตรงหน้าศัตรูโดยผ่านฟ้าดินโลกเทียม ศัตรูจึงทำไม่ได้แม้แต่จะขัดขวางเสียด้วยซ้ำเสียงกัมปนาทดังขึ้นแผ่นอกขององครักษ์ฉงถูกแทงทะลุจนเกิดเป็นหลุมใหญ่องครักษ์ฉงก้มลงมองด้วยความตะลึงงัน แล้วเหลียวกลับมามอง ลูกดอกซึ่งโจมตีเขาในตอนแรกหายไปอย่างไร้ร่องรอยเสียแล้ว“ข้าแพ้แล้ว” องครักษ์ฉงพูดเสียงต่ำ เขาเข้าใจดีมากว่าหากเอาใหม่อีกครั้ง เขาก็ยังคงต้านทานลูกดอกนั่นไม่ได้อยู่ดี “พี่ตงป๋อช่างร้ายกาจโดยแท้ ข้าละอายใจที่สู้ไม่ได้!”“ร่างกายขององครักษ์ฉงก็ไม่ธรรมดา กระบวนท่าเช่นนี้ของข้าเพียงแค่แทงเป็นรูเท่านั้น” ตงป๋อเสวี่ยอิงกล่าว เดิมทีเขาวางแผนจะโจมตีฝ่ายตรงข้ามอย่างหนักหน่วง ทำให้อีกฝ่ายพอมีโอกาสรอดชีวิตก็เท่านั้น ไหนเลยจะคิดว่าเพียงแค่แทงทะลุแผ่นอกของฝ่ายตรงข้ามได้อย่างพอถูไถเท่านั้น อานุภาพของมีดบินก็แทบจะสิ้นแล้ว เห็นได้ชัดว่าร่างกายของฝ่ายตรงข้ามแข็งแกร่งทนทานมาก……ท่านชายสามเจียวอวิ๋นหลิวกระตือรือร้นมาก “พลังขององครักษ์ตงป๋อไม่ธรรมดา ทว่าข้าเห็นว่าองครักษ์ตงป๋อไม่มีอาวุธดีๆ เลย แม้แต่อาวุธเทพแท้ก็ยังไม่มีสักชิ้น องครักษ์ตงป๋อเชี่ยวชาญการใช้ลูกดอกหรือ”“หามิได้ขอรับ เป็นหอกยาวต่างหาก” ตงป๋อเสวี่ยอิงเอ่ย“หอกยาว…” เจียวอวิ๋นหลิวพยักหน้า “ที่ข้าพอดีมีหอกยาวอยู่เล่มหนึ่ง ซึ่งข้าขโมยมาจากคลังสมบัติของท่านพ่อ”เขาพูดพลางโบกมือคราหนึ่งเบื้องหน้ามีอาภรณ์สีดำชุดหนึ่งและหอกยาวสีขาวเงินเล่มหนึ่งปรากฏขึ้น ด้านข้างยังมีเรือรบสีเทาอยู่ลำหนึ่งด้วย เรือรบมีลักษณะคล้ายลำที่ซานตานขับก่อนหน้านี้เป็นอันมากตงป๋อเสวี่ยอิงสะดุ้ง“รับไว้เถอะ องครักษ์ทุกคนมีกันหมดนั่นแหละ” เจียวอวิ๋นหลิวกล่าวตงป๋อเสวี่ยอิงรับเอาไว้ทันที ขณะที่รับมาเขาก็รู้สึกได้ถึงประกายอันน่าหวาดหวั่นซึ่งแฝงเอาไว้ในหอกยาวสีขาวเงินเล่มนี้ หากพูดถึงแค่ประกายก็พอจะคล้ายที่อยู่บนหอกงูโลหิตอยู่บ้าง เพียงแต่วิธีการหลอมหอกยาวเล่มนี้แตกต่างจากอาวุธเทพแท้อื่นๆ เช่นหอกงูโลหิต วิถีที่แฝงไว้ภายในมิใช่วิถีนิรันดร์กาล และมิใช่วิถีขั้นบุกเบิก หากแต่เป็นค่ายกลโบาณอันซับซ้อนหลายชั้น“เป็นอาวุธเทพแท้ที่หลอมขึ้นมาด้วยระบบอีกอย่างหนึ่งหรือ” ตงป๋อเสวี่ยอิงลอบพึมพำ เช่นอาวุธจำนวนมากที่ ‘บรรพชนเทียนอวี๋’ ทิ้งเอาไว้ในสถานที่แรกเริ่ม บรรพชนเทียนอวี๋เป็นบรรพบุรุษของจักรวาลผู้บำเพ็ญของพวกเขา ซึ่งเป็นระบบความเร้นลับของกฎเกณฑ์เช่นเดียวกัน อาวุธก็ย่อมเป็นระบบจำพวกเดียวกันเป็นธรรมดาโดยทั่วไประบบการบำเพ็ญที่แตกต่างกัน แม้แต่วิธีการหลอมอาวุธก็จะแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง แต่อานุภาพก็ไม่แน่ว่าจะอ่อนแอเสมอไปเช่นน้ำเต้าสีดำของตนก็อาศัยค่ายกลอันว่างเปล่าที่น่าหวาดหวั่นนั้น ก็สามารถควบคุมสิ่งมีชีวิตระดับ ‘ดวงอาทิตย์’ ได้อย่างง่ายดาย อาวุธเทพแท้นั้นห่างชั้นอย่างลิบลับ“ฟังจากที่ซานตานพูด เจ้าอยากได้เคล็ดวิชาของระบบการบำเพ็ญอื่นหรือ” ท่านชายสามเจียวอวิ๋นหลิวพูดยิ้มๆ“อยากรู้นัก ดูสิว่าจะมีส่วนช่วยในการบำเพ็ญของข้าหรือไม่” ตงป๋อเสวี่ยอิงเอ่ย“ฮ่าฮ่าฮ่า นี่เป็นเรื่องธรรมดานัก แต่ละระบบการบำเพ็ญล้วนมีลักษณะพิเศษของตนเองทั้งนั้น” ท่านชายสามเจียวอวิ๋นหลิวพลิกมือคราหนึ่ง ในมือก็มีผลึกรูปร่างเป็นก้อนๆ ปรากฏขึ้น “ข้างในนี้มีเคล็ดวิชาจำนวนมากของระบบการบำเพ็ญของสิบแปดจักรวาลบรรจุอยู่ บางระบบค่อนข้างคล้ายคลึงกัน บ้างก็แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง”พูดพลางส่งผลึกในมือให้แก่ตงป๋อเสวี่ยอิงตงป๋อเสวี่ยอิงตกตะลึงไประบบการบำเพ็ญของสิบแปดจักรวาลหรือใช่แล้วแม้จักรวาลห่งนี้จะพิชิตจักรวาลไปแปดแห่งแล้ว แต่ก็ยังมีทางเชื่อมจักรวาลขนาดเล็กและทางเชื่อมจักรวาลขนาดกลางที่เชื่อมจักรวาลอื่นเอาไว้ด้วย และก็มีโอกาสได้เคล็ดวิชาระบบการบำเพ็ญมา“หากเจ้าต้องการสิ่งใด ก็มาหาข้าได้เต็มที่” ท่านชายสามเจียวอวิ๋นหลิวพูดยิ้มๆ “สิ่งที่ข้าสามารถช่วยเหลือพวกเจ้าได้ ก็คือทรัพยากรภายนอกเหล่านี้นี่แหละ”ตงป๋อเสวี่ยอิงหยิบผลึกขึ้นมา แล้วสัมผัสกลิ่นอายอันยิ่งใหญ่ภายในซึ่งเป็นตัวแทนของอารยธรรมแห่งจักรวาลต่างๆ แล้วเขาก็ลอบรำพึง…สิ่งที่ข้าต้องการให้พวกท่านช่วย ก็คือทรัพยากรภายนอกเหล่านี้นั่นแหละ!“ขอบคุณท่านชายสาม” ตงป๋อเสวี่ยอิงอารมณ์ดียิ่งนัก หากให้ตนเก็บรวบรวมเอง เกรงว่าเก็บรวบรวมนานกว่านี้ก็คงจะได้ไม่มากเท่าเคล็ดวิชาของระบบการบำเพ็ญที่ท่านชายแห่งตระกูลเทพอากาศมอบให้หรอกกระมัง
คอมเม้นต์