Snow Eagle Lord อินทรีหิมะเจ้าดินแดน ตอนที่ 3
ขณะที่ตงป๋อเสวี่ยอิงสอบถามผ่านเขตลวง กลางฟากฟ้านอกดวงดาราแห่งนี้ก็มีเรือรบลำหนึ่งมาถึงภายในเรือรบ บุรุษผู้มีเกล็ดสีเขียวปกคลุมทั่วร่างซึ่งสวมเกราะสีเงินคนหนึ่งกำลังมองภาพที่ปรากฏขึ้นภายในเรือรบด้วยสายตาเย็นชา ในภาพนั้นตงป๋อเสวี่ยอิงกำลังสอบถามอยู่“สิ่งมีชีวิตจากจักรวาลภายนอกหรือ ช่างบังอาจนัก กล้าลงมือกับชนรุ่นหลังของข้า ‘ซานตาน’ ด้วย” ดวงตาสีทองของบุรุษผู้นี้เต็มไปด้วยแววเย็นเยียบ ทว่าเขาก็ยังคงตรวจสอบพลังของอีกฝ่ายด้วยความเคยชินต่อไปวิ้ง!เรือรบมีระลอกคลื่นอันไร้รูปร่างกวาดผ่านดวงดาราดวงนั้นไป“อะไรกัน” เดิมทีบุรุษเกล็ดสีเขียวเกราะสีเงินยังเยือกเย็น แต่ยามนี้กลับหน้าถอดสี “กลิ่นอายวิญญาณเป็นระดับผู้เคารพอย่างนั้นหรือ”เรือรบลำนี้เขาได้รับเป็นของประทานจากการติดตามท่านชาย มันเชี่ยวชาญด้านการทะลุกาลมิติและการตรวจสอบกลิ่นอายวิญญาณเป็นอย่างมาก แม้จะไม่เยี่ยมยอดเท่าวิญญาณอาวุธน้ำเต้าสีดำที่สามารถตรวจดูได้แม้แต่ระดับความแข็งแกร่งของวิญญาณก็ตามที แต่อย่างน้อยก็สามารถรู้ระดับพลังของอีกฝ่ายได้อย่างคร่าวๆ!“คิดไม่ถึงว่าข้าแค่ออกมาตามอำเภอใจครั้งหนึ่ง จะได้พบกับผู้แกร่งกล้าจากต่างจักรวาลเข้า ทั้งยังเป็นระดับผู้เคารพอีกด้วย” บุรุษเกล็ดสีเขียวเกราะสีเงินพยักหน้าเล็กน้อย“วิ้ง”ส่วนตงป๋อเสวี่ยอิงซึ่งเดิมทีกำลังทำความเข้าใจกับข้อมูล และติดต่อกับวิญญาณอาวุธโดยผ่านร่างจริงในบ้านเกิดไปพร้อมกันก็พลันสัมผัสได้ถึงระลอกคลื่นอันไร้รูปร่างที่พาดผ่านตนไป ระลอกคลื่นนี้อ่อนนัก แต่ไม่ว่าจะเป็นฟ้าดินโลกเทียมหรือการควบคุมอากาศ ก็พบระลอกคลื่นอันเร้นลับนี้ด้วยกันทั้งสิ้น“เอ๊ะ” สีหน้าของตงป๋อเสวี่ยอิงพลันเปลี่ยนแปรไป เขาอดหันไปมองมิได้ สายตาของเขามองทะลุผ่านกำแพงของตำหนักที่อยู่ ก็เห็นเรือรบที่อยู่กลางฟากฟ้าลำนั้น สายตาของเขาถึงขั้นมองทะลุอากาศและเห็นบุรุษเกล็ดสีเขียวเกราะสีเงินภายในเรือรบคนนั้นด้วยทั้งสองสบสายตากันอยู่ห่างๆ“น้องชายต่างเผ่าคนนี้ช่างความรู้สึกไวนัก สามารถพบข้าได้ด้วย” เสียงหนึ่งดังก้องขึ้น บุรุษเกล็ดสีเขียวเกราะสีเงินปรากฏกายขึ้นในโถงตำหนักแห่งนี้แล้ว “ดูจากท่าทางของเจ้า คงจะมิใช่สิ่งมีชีวิตจากแปดจักรวาลใหญ่ที่พวกข้าพิชิตได้หรอกกระมัง”ตงป๋อเสวี่ยอิงมองอีกฝ่ายเมื่อครู่เขาได้ล่วงรู้ข้อมูลไปไม่น้อย และได้รู้ว่าในฐานะที่จักรวาลแห่งนี้เป็นระบบการบำเพ็ญสายเลือด จึงชมชอบสงครามนัก! จักรวาลนี้ยังสร้าง ‘ทางเชื่อมจักรวาล’ ขึ้นมาเป็นประจำ และได้อาศัยทางเชื่อมจักรวาลพิชิตจักรวาลอื่นไปแล้วถึงแปดแห่ง การจะพิชิตจักรวาลหนึ่งได้นั้น ต้องมีทางเชื่อมจักรวาลระดับสูงสุดจึงจะสามารถทำให้บรรดาผู้ปกครองบุกเข้าไปได้ อย่างทางเชื่อมจักรวาลที่ตงป๋อเสวี่ยอิงใช้เข้ามานั้น มีเพียงสิ่งมีชีวิตที่ยังมิได้หลุดพ้นจึงจะเข้าออกได้ เห็นได้ชัดว่ามิอาจส่งทัพใหญ่เข้าไปพิชิตได้แน่นอนว่าแม้พวกเขาจะพิชิตจักรวาลทั้งแปดแล้ว แต่กลับดีกว่าลัทธิจอมมารดามากทีเดียวพวกเขาปฏิบัติต่อสิ่งมีชีวิตในจักรวาลเดิมอย่างโอบอ้อมอารี เพียงแค่ให้ชนเผ่าของตนไปยังจักรวาลอื่นแล้วทำการวิวัฒน์เท่านั้น พวกเขาถึงขั้นปฏิบัติต่อชนต่างเผ่าอย่างเท่าเทียมกับที่ปฏิบัติต่อผู้แกร่งกล้าของเผ่าตน“ข้ามีนามว่าตงป๋อเสวี่ยอิง มายังจักรวาลนี้เป็นครั้งแรก” ตงป๋อเสวี่ยอิงเอ่ย“ข้ามีนามว่าซานตาน” บุรุษเกล็ดสีเขียวเกราะสีเงินปรายตามองชนรุ่นหลังสองคนด้านข้างที่กำลังตกอยู่ในเขตลวง “นับได้ว่าเป็นบรรพบุรุษของเจ้าหนุ่มสองคนนี้ พวกเขาล้วนเป็นชนรุ่นหลังตามสายเลือดของข้า”ตงป๋อเสวี่ยอิงพลันรู้สึกกระอักกระอ่วนใจขึ้นมาตนสำแดงเขตลวงออกมาใส่ชนรุ่นหลังของอีกฝ่ายเข้าพอดี“ฮ่าฮ่าฮ่า…เจ้าอาจจะไม่รู้กระจ่างนัก ว่าพวกเราสามารถสัมผัสรับรู้ถึงชนรุ่นหลังตามสายเลือดของตนได้ตลอดเวลา และย่อมจับตามองคนที่มีพลังแข็งแกร่งเป็นธรรมดา” บุรุษเกล็ดสีเขียวเกราะสีเงินเอ่ย “และข้าก็รับรู้ได้ว่าสิ่งมีชีวิตรุ่นหลังของข้ามีสภาพไม่ค่อยชอบมาพากลนัก จึงเร่งมาหา”“น่าละอายนัก ข้ามาครั้งแรก ไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรทั้งสิ้น จึงได้กระทำการเช่นนี้ลงไป” ตงป๋อเสวี่ยอิงกล่าว ขณะเดียวกันเขาก็เก็บเขตลวงลงไปชนรุ่นหลังตามสายเลือดสองคนที่หลับใหลอยู่ก็ฟื้นขึ้นมาทันที พวกเขามองคนทั้งสองที่เพิ่งปรากฏขึ้นใหม่ในโถงตำหนักด้วยความตกตะลึง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมองเห็นบุรุษเกล็ดสีเขียวเกราะสีเงิน พวกเขาก็รีบลุกพรวดขึ้นมา แล้วตะโกนด้วยความตื่นเต้นและบ้าคลั่งว่า “ท่านประมุขตระกูล!”สายเลือดภายในกายทำให้พวกเขาเข้าใจว่า คนตรงหน้าผู้นี้ก็คือบรรพบุรุษต้นตระกูลของตนผู้ก่อตั้งตระกูล ผู้แกร่งกล้าเป็นที่สุด ท่านประมุขตระกูล…ซานตาน!“อืม” บุรุษเกล็ดสีเขียวเกราะสีเงินพยักหน้าเนือยๆ “ที่ข้ามาก็เพื่อมาหาสหายของข้าคนหนึ่ง พวกเจ้าทำธุระของพวกเจ้าต่อไปเถิด”“น้องตง พวกเราออกไปคุยกันหน่อยดีไหม” ซานตานเกรงอกเกรงใจเป็นอันมาก“ได้สิ ทว่าพี่ซานตาน ท่านเรียกข้าว่าตงป๋อเหมือนเดิมเถอะ” ตงป๋อเสวี่ยอิงลอบพึมพำ น้องตงหรือ คำเรียกขานเช่นนี้ตนเพิ่งเคยได้ยินเป็นครั้งแรกสวบๆไม่นานนักพวกเขาทั้งสองก็มาถึงกลางท้องฟ้านอกโลก“ฮ่าฮ่าฮ่า ตงป๋อ เจ้าเพิ่งมายังจักรวาลของพวกเรา ยังเข้าใจอะไรไม่มาก แต่ก็คงจะรู้จักตระกูลระดับจักรพรรดิทั้งสามกระมัง นั่นก็คือตระกูลเทพอากาศทั้งสาม” ซานตานเอ่ย“ข้าเพิ่งจะเคยได้ยิน” ตงป๋อเสวี่ยอิงเอ่ย“ตอนนี้ข้าอุทิศตนให้แก่ ‘ตระกูลเจียวอวิ๋น’ หนึ่งในตระกูลระดับจักรพรรดิทั้งสามอยู่” ซานตานกล่าว “จักรพรรดิเจียวอวิ๋นมีบุตรสามคน ซึ่งก็คือท่านชายทั้งสาม สายเลือดของพวกเขาไม่ธรรมดา และมีความสามารถอันสูงส่งยิ่งซ่อนอยู่ บวกกับสถานะอันสูงศักดิ์ จึงสามารถโยกย้ายทรัพยากรจำนวนมากได้ ผู้แกร่งกล้ามากมายล้วนอยากติดตามท่านชาย บัดนี้ข้าติดตามท่านชายสาม ‘เจียวอวิ๋นหลิว’ อยู่”ตงป๋อเสวี่ยอิงฟังแล้วก็พยักหน้า เขาก็พอจะเดาได้ในระบบการบำเพ็ญสายเลือด แน่นอนว่าบุตรของเทพอากาศย่อมมีสถานะอันสูงศักดิ์อย่างยิ่ง บวกกับความสัมพันธ์ระหว่างบิดาและบุตร ก็ย่อมเลี้ยงดูบุตรของตนด้วยความใส่ใจ แค่เทพอากาศเจียดทรัพยากรและสมบัติล้ำค่าที่ครอบครองออกมาเล็กน้อยให้บุตรของตน ก็เกินกว่าที่จะสามารถจินตนาการได้แล้ว“เจ้าคงจะรู้แล้วว่า จักรวาลของเราชมชอบการต่อสู้ ผู้ที่อ่อนแอย่อมเป็นเหยื่อของผู้ที่แข็งแกร่ง! ผู้แกร่งกล้ารอด ผู้อ่อนแอก็ตายไป” ซานตานกล่าว “การแย่งชิงนั้นโหดร้ายนัก แม้แต่ในหมู่ท่านชาย ก็ยังมีการต่อสู้ห้ำหั่นกัน ขอเพียงชีวิตของร่างจริงมิได้ถูกคุกคาม บรรดาจักรพรรดิเทพอากาศก็จะไม่สอดมือเข้าไปยุ่งเกี่ยว”ตงป๋อเสวี่ยอิงฟังดูเขาก็รู้ว่า อย่าได้มองว่า ‘ซานตาน’ ผู้นี้เกรงอกเกรงใจตนเป็นอย่างมากเลยแต่แม้จักรวาลแห่งนี้จะโอบอ้อมอารีเป็นอย่างมาก ทว่าการแก่งแย่งชิงดีกลับเหี้ยมโหดนัก ผู้ที่อ่อนแอย่อมเป็นเหยื่อของผู้ที่แข็งแกร่ง พวกเขาต่างดูถูกดูแคลนผู้ที่อ่อนแอเป็นอย่างมาก และเคารพผู้ที่แกร่งกล้า! พวกเขาถึงขั้นนำผู้ที่อ่อนแอเหล่านั้นมาทำการซื้อขาย และการชมดูพวกเขาห้ำหั่นกันก็เป็นเรื่องสนุก!แม้แต่บรรดาท่านชายผู้สูงส่งเหนือใครก็ยังมีอุปสรรคมากมายหลายชั้น เพราะถึงอย่างไรต่อให้สายเลือดสูงศักดิ์กว่านี้ ก็ต้องเคี่ยวกรำเพื่อให้ตื่นรู้อยู่ดี!“ตอนนี้ท่านชายสามกำลังรับสมัครองครักษ์อยู่” ซานตานกล่าว “ตงป๋อ เจ้ามีพลังระดับผู้เคารพ สามารถเข้าไปอยู่ใต้บังคับบัญชาของท่านชายได้นะ”“มีข้อดีอย่างไรหรือ” ตงป๋อเสวี่ยอิงถาม “แล้วต้องแลกมาด้วยอะไรบ้าง”เขามาถึงจักรวาลแห่งนี้ ด้วยหมายที่จะทำให้พลังเพิ่มพูนขึ้น“ข้อดีน่ะหรือ สิ่งที่ตามปกติแล้วเจ้ามิอาจได้ ท่านชายก็สามารถได้มาโดยง่ายแล้วประทานให้เจ้า” ซานตานกล่าว “ท่านชายให้ความสำคัญกับองครักษ์ของตนเป็นอันมาก ส่วนเจ้าต้องแลกมาด้วยอะไรบ้างน่ะหรือ ก็ไม่มีอะไรหรอก ท่านชายจะจัดที่พักให้กับเจ้า เจ้าสนใจแค่การบำเพ็ญก็พอ…โดยทั่วไปมีแต่เมื่อพบปัญหายุ่งยากหรืออันตรายเท่านั้น เหล่าองครักษ์จึงจะต้องลงมือปกป้องท่านชาย”“บัดนี้ท่านชายก็เป็นระดับขั้นผู้เคารพ ระดับขั้นอย่างเขา พบอันตรายได้น้อยนัก” ซานตานกล่าว “ครั้งก่อนที่พบปัญหายุ่งยากก็ตั้งพันกว่าล้านปีก่อนโน่นแล้ว”“จะได้เคล็ดวิชาระบบการบำเพ็ญของจักรวาลอื่นหรือไม่” ตงป๋อเสวี่ยอิงถาม“ฮ่าฮ่าฮ่า นี่มันเรื่องง่ายที่สุดแล้ว” ซานตานพูดพลางหัวเราะฮ่าฮ่า “มีมากมายถมไป!”“ดี ข้าจะลองดูก็ได้” ตงป๋อเสวี่ยอิงพยักหน้า“ไป!”ซานตานเบิกบานใจเป็นอันมากเขาเข้าใจดีมากว่า ในบรรดาท่านชายทั้งสามแห่งตระกูลเจียวอวิ๋น ท่านชายรองสำเร็จเป็นผู้ปกครองแล้ว! เนื่องจากท่านชายใหญ่กำเนิดก่อนใครเพื่อน จึงได้รับผลประโยชน์มามากมายอย่างยิ่ง แม้บัดนี้เป็นเพียงระดับผู้เคารพ แต่จำนวนผู้แกร่งกล้าที่ติดตามอยู่ข้างกาย แข็งแกร่งกว่าท่านชายสามมากนักภายในตระกูลเจียวอวิ๋น ท่านชายสามเสียเปรียบมาก! ดังนั้นจึงต้องการกำลังคนอย่างเร่งด่วน ระดับผู้เคารพก็เป็นพลังรบที่สำคัญอย่างยิ่งแล้ว“ฟิ้ววว…”ซานตานพาตงป๋อเสวี่ยอิงโดยสารเรือรบออกเดินทางไปอย่างรวดเร็ว……“รวดเร็วนัก” ตงป๋อเสวี่ยอิงอ้าปากค้างเพราะเรือรบลำนี้ “แม้จะสู้เคล็ดการหลบหลีกในอากาศของข้ามิได้ แต่ก็เร็วกว่าการทะลุกาลมิติของผู้เคารพระดับเทพแท้โดยทั่วไปตั้งสิบเท่าได้กระมัง”“ดูสิ”ซานตานชี้ไปด้านหน้าอย่างกระตือรือร้น เมื่อมองผ่านเรือรบ ก็เห็นดวงดาราสีกากีดวงหนึ่งอยู่ไกลออกไป “ท่านชายสามพำนักเพื่อฝึกฝนอยู่ที่นี่ องครักษ์จำนวนมากก็อาศัยอยู่บนดวงดาราแห่งนี้เพื่อทำหน้าที่คุ้มครอง ข้านำเรื่องของเจ้าขึ้นทูลต่อท่านชายแล้ว พวกเรารีบไปพบท่านชายกันเถิด”เขาพูดพลางเก็บเรือรบลงไป เขาพาตงป๋อเสวี่ยอิงบินมุ่งไปทางดวงดาราสีกากีดวงนั้น
คอมเม้นต์