Extraordinary Genius อัจฉริยะเหนือชั้น ตอนที่ 670
EG บทที่ 670 พบเสียวหู่ตุ้ย ( The Little Tigers) เมื่อซงเหวินกลับไปพิจารณาข้อเสนอที่เฝิงหยู่ยื่นให้ เขาได้สอบถามไปยังเพื่อนๆที่คร่ำหวอดในวงการธุรกิจว่ารู้จักวินแอนด์เรนวีซีดีและไอว่าวีซีดีหรือไม่? ท้ายที่สุดเขาก็รู้ว่าเบื้องหลังความสำเร็จของทั้งสองแบรนด์นี้คือชายหนุ่มผู้หนึ่ง ทั้งยังพบว่าชายหนุ่มผู้นี้ร่ำรวยติดอันดับมหาเศรษฐีและยังมีคอนเนคชั่นที่แข็งแกร่งอีกด้วยหากเสียวหู่ตุ้ยเข้าสู่ตลาดจีน พวกเขาจำเป็นต้องใช้คนแบบนี้เป็นใบเบิกทางและคอยดูแลพวกเขา วิธีนี้เสียวหู่ตุ้ยจะไม่ถูกเอาเปรียบเหมือนครั้งก่อนๆแม้ว่าค่าตัวของพวกเขาจะลดลงแต่ถ้าความนิยมในประเทศจีนเพิ่มขึ้นพวกเขาก็จะสามารถเรียกค่าตัวจากแบรนด์อื่นๆเพิ่มขึ้นได้ ถ้าความนิยมของเสียวหู่ตุ้ยในประเทศจีนสูงขึ้น พวกเขาก็จะถูกจ้างให้เป็นพรีเซ็นเตอร์ในประเทศจีนมากกว่าเดิม กำไรที่พวกเขาจะได้รับก็จะเพิ่มขึ้นอย่างไม่ต้องสงสัยซงเหวินกลับมารายงานให้บริษัทของตนรับทราบและพวกเขาก็เห็นด้วยกับข้อเสนอนี้ ขนาดค่าตัวของเฉินหลงในจีนยังได้น้อยแล้วพวกเขาจะไปคาดหวังให้เสียวหู่ตุ้ยได้เยอะๆไปทำไม? นอกจากนี้กัวฟู่เฉิงยังดังกว่าเสียวหู่ตุ้ยทั้งในจีนและฮ่องกง หากกัวฟู่เฉิงชิงเซ็นสัญญาก่อนพวกเขาเสียวหู่ตุ้ยจะพลาดโอกาสสำคัญไปวันต่อมาซงเหวินได้ตกลงเซ็นสัญญากับซ่งจิงเซียนโดยเซ็นสัญญา 4 ปีได้ค่าจ้างรวมเป็นเงิน 6 ล้านหยวน เงินค่าจ้างจะจ่ายเป็นรายปี ซึ่งแต่ละปีเสี่ยวหู่ตุ้ยจะต้องถ่ายโฆษณาเพื่อใช้ออกอากาศทางโทรทัศน์และเข้าร่วมกิจกรรมส่งเสริมการขายต่างๆของบริษัท นอกจากนี้ยังมีการถ่ายรูปลงนิตยสารเพื่อโปรโมทสินค้าและรูปของเสียวหู่ตุ้ยจะถูกสกรีนลงบนแก้วกระดาษของผลิตภัณฑ์ชานมของลีฮาฮาอีกด้วยอืม…การจัดกิจกรรมโปรโมทผลิตภัณฑ์ก็สามารถจัดขึ้นที่ไท้หัวซุปเปอร์มาร์เก็ต ผลตอบแทนที่ได้รับก็จะเพิ่มเป็น 2 เท่า! นี่เป็นการทำสัญญาที่คุ้มยิ่งกว่าคุ้ม!นักแสดงหญิงที่พวกเขาดึงตัวมาทำงานด้วยก็มาจากเอเจนซี่เดียวกับเสียวหู่ตุ้ย ค่าตัวของเธอถูกกว่าเสียวหู่ตุ้ยเพราะมีราคาเพียง 50,000หยวนต่อปีโดยเซ็นสัญญาทั้งหมด 4 ปีเฝิงหยู่จำไม่ได้ว่าอนาคตของนักแสดงหญิงคนนี้เป็นอย่างไร? เป็นไปได้สูงว่าเธอจะไม่ประสบความสำเร็จในวงการนี้ เขาจึงไม่ทำสัญญากับเธอเป็นระยะยาวหลังจากได้ตัวพรีเซ็นเตอร์แล้วก็ถึงเวลาที่เขาจะมองหาทีมงานเพื่อถ่ายทำโฆษณา แก้วกระดาษก็ถูกออกแบบใหม่และดำเนินการเสร็จเรียบร้อยเฝิงหยู่พิจารณาแก้วกระดาษที่อยู่ในมือ มีรูปเสียวหู่ตุ้ยกำลังยื่นแก้วชานมให้กับนักแสดงหญิง เธอแสดงท่าทางเขินอายเมื่อกำลังจะได้รับชานมใช่แล้ว! ภาพนี้ดูดี! ผู้หญิงทุกคนจะคิดว่าตัวเองเป็นผู้หญิงในภาพ แม้ว่าสัดส่วนผู้บริโภคจะเป็นผู้หญิงเป็นส่วนใหญ่ก็ไม่ได้ทำให้ยอดขายต่ำมากนัก นอกจากนี้นักแสดงหญิงที่อยู่ในภาพยังดูวัยรุ่นและหน้าตาน่ารัก มันจะสามารถดึงดูดผู้บริโภคที่เป็นผู้ชายได้เป็นจำนวนมากการถ่ายทำโฆษณาได้เริ่มต้นขึ้นและมีเฝิงหยู่เป็นคนคอยให้คำปรึกษาอย่างใกล้ชิด โฆษณานี้จะดำเนินเนื้อเรื่องโดยให้เสียวหู่ตุ้ยทั้ง 3 คนแข่งกันจีบนักแสดงหญิงซึ่งบุคลิกที่พวกเขาต้องแสดงจะแตกต่างกันออกไปเพื่อไม่ให้ดูน่าเบื่อ คนหนึ่งจะต้องคอยเอาใจใส่ อีกคนก็ต้องพยายามเย็นชาและคนสุดท้ายต้องแสดงเป็นหนุ่มขี้อาย โดยพวกเขาจะต้องยื่นแก้วชานมให้กับนักแสดงหญิงเป็นสิ่งสุดท้ายและเป็นหัวใจหลักของโฆษณาชุดนี้โฆษณาควรจะมีหลายๆเวอร์ชั่นและพวกเขาจะเลือกฉากที่ดีที่สุดเพื่อทำการออกอากาศในระหว่างการถ่ายทำเฝิงหยู่ได้นำหลี่นามาที่กองถ่ายด้วย หลี่นาชอบเสียวหู่ตุ้ยเป็นทุนเดิมและอยากเจอตัวจริงมาโดยตลอด วันนี้ฝันของเธอเป็นจริงแล้วเมื่อหลี่นารู้ว่าจะได้เจอเสี่ยวหู่ตุ้ยเธอก็ตัดสินใจโดดเรียนทันทีและได้นำเรื่องนี้ไปเล่าให้จางฮั่นฟังท้ายที่สุดจางฮั่นและเหวินตงจุนก็ติดสอยห้อยตามมาด้วย“เฝิงหยู่..เสียวหู่ตุ้ยมาถึงหรือยัง? นายจะถ่ายโฆษณาอะไร?..เกี่ยวกับรถยนต์หรือเปล่า?”“เปล่า..มันเป็นโฆษณาชานม”“ชานม? มันคืออะไร? แล้วรสชาติมันเป็นยังไง? อร่อยหรือเปล่า?”เหวินตงจุนเอ่ยถามไม่หยุด“รสชาติมันก็ไม่เลวแต่มันยังไม่ได้ผลิตเป็นทางการ..แก้วที่พวกเขาถือๆกันอยู่ก็เป็นแก้วเปล่าทั้งนั้น”เหวินตงจุนมองหน้าเฝิงหยู่ด้วยความผิดหวัง มันเป็นความทรมานอย่างใหญ่หลวงหากเขาไม่ได้ลองชิมมันทันทีที่ได้ยินชื่อของชานม..“คัท! โอเค! เรียบร้อยแล้ว!”ทันทีที่ผู้กำกับตะโกนสั่งคัท คนงานในกองก็รีบเก็บอุปกรณ์ไฟและอุปกรณ์ประกอบฉากต่างๆทันที เหวินตงจุนเป็นคนแรกที่เข้าจู่โจมเสียวหู่ตุ้ยเมื่อเห็นว่าการถ่ายทำเสร็จสิ้นแล้ว“เสี่ยวหู่ตุ้ย!..ผมชอบพวกคุณมากๆเลยครับ!”จางฮั่นรีบคว้าเหวินตงจุนเอาไว้และผลักเขาไปยืนด้านหลังของเธอทันที มันดูน่าอายเกินไปที่เห็น เหวินตงจุนทำกิริยาแบบนั้น นี่พวกเรากำลังอยู่ต่อหน้าเสียวหู่ตุ้ยนะ!โชคดีที่สมาชิกทั้ง 3 คนของเสียวหู่ตุ้ยมีอายุรุ่นราวคราวเดียวกับเหวินตงจุนและคนอื่นๆในกลุ่ม อีกทั้งยังเป็นศิลปินชื่อดัง พวกเขาจึงไม่คิดโกรธและแสดงอาการรำคาญใจต่อแฟนคลับ พวกเขาคิดว่ามันเป็นเรื่องขำๆเท่านั้น“คุณเฝิงครับ..บทในโฆษณาชิ้นนี้น่าสนใจมากเลยล่ะครับ..ผมเลยรู้สึกอยากรับงานแสดงขึ้นมาเลยทีเดียว”‘ซูโหย่วเผิง’หนึ่งในสมาชิกเสี่ยวหู่ตุ้ยเอ่ยขึ้นมา เขาเป็นคนรับบทหนุ่มผู้เอาใจใส่ในในโฆษณาชิ้นนี้“จริงหรือครับ? ผมเองก็มั่นใจว่าคุณจะได้แสดงละครชื่อดังในอนาคตอย่างแน่นอน..เอาเป็นละครของฉงเหยา[1]เลยแล้วกัน”เฝิงหยู่เอ่ยตอบพร้อมกับทำสีหน้า‘ผมรับรองว่าคุณจะต้องโด่งดังอย่างแน่นอน!’หากไม่มีตัวละคร‘องค์ชายห้า’ที่ซูโหย่วเผิงแสดงในละครเรื่อง‘องค์หญิงกำมะลอ’[2]ละครเรื่องนี้จะไม่น่าสนใจเท่าที่ควร แม้ว่าซูโหย่เผิงจะยังอายุไม่มากเท่าไหร่แต่บทบาทในละครของเขากลับเป็นที่ชื่นชอบของผู้ชมหลายๆคน“ขอบคุณสำหรับคำอวยพรครับ”“เฝิงหยู่..เราถ่ายรูปกับพวกเขาได้มั้ย?”เหวินตงจุนตะโกนขึ้นมา“ตากล้องครับ!..ช่วยถ่ายรูปให้พวกเราได้หรือเปล่า?”เฝิงหยู่ก็ไม่ขัดศรัทธาจึงเอ่ยเรียกช่างภาพประจำกองถ่ายทันทีเฝิงหยู่เป็นนายจ้างและแน่นอนว่าช่างภาพเช่นเขาไม่กล้าปฏิเสธ เขารีบวิ่งเข้าไปทันทีพร้อมกับกล้องคู่ใจแต่หลังจากนั้นเขาก็ยืนถือกล้องค้างไว้โดยไม่กดชัดเตอร์สักที“เอ่อ..คุณครับ?! พอดีคุณสูงไปหน่อยภาพมันก็เลยแปลกๆ..ช่วยก้มลงหน่อยได้ไหมครับ?”เหวินตงจนชี้ไปที่ตัวเอง ผมหรือครับ? ให้ผมก้มลงงั้นรึ? ให้ตายเถอะ! สิ่งที่ฉันต้องการคือการถ่ายรูปร่วมเฟรมกับเสียวหู่ตุ้ยแต่ฉันยังต้องก้มลงอีกงั้นรึ? มันเป็นความผิดของฉันหรือไงที่เกิดมาตัวสูง!เฝิงหยู่พยามกลั้นเสียงหัวเราะของตนเอาไว้ ใครบอกให้นายกินเยอะและตัวสูงขนาดนี้กันล่ะ? เอาน่า..ทำตามที่ตากล้องบอกสักที!หลี่นาและคนอื่นๆไม่ได้เป็นติ่งเดนตายแบบที่เฝิงหยู่เคยเห็นเมื่อชีวิตก่อนของเขา แม้ว่าพวกเขาจะมีโอกาสได้เห็นไอดอลที่ตัวเองชื่นชมก็ไม่ได้ส่งเสียงกรี๊ดหรือแสดงอาการที่มันเกินงามเฝิงหยู่ลอบสังเกตสมาชิกทั้ง3ของเสียวหู่ตุ้ยในระหว่างการถ่ายรูปร่วมกัน พวกเขาวางตัวค่อนข้างดี ดูสุภาพและจริงใจ แววตาของพวกเขาก็ดูใสซื่อไม่ได้แสดงแววเจ้าชู้ออกมาแม้จะมีผู้หญิงร่วมเฟรมด้วยก็ตาม เฝิงหยู่พอใจกับพวกเขายิ่งนัก หากหนึ่งในพวกเขาแสดงท่าทางกรุ่มกริ่มใส่หลี่นาแล้วล่ะก็?เขาไม่มีทางยอมอย่างแน่นอน!เฝิงหยู่ได้เชิญทุกคนมาร่วมทานอาหารเย็นด้วยกันและเสียวหู่ตุ้ยก็ตอบตกลง หลี่นาและคนอื่นๆต่างมีความสุขที่จะได้พูดคุยกับไอดอลของตัวเองนานขึ้นระหว่างทานอาหารเย็นหลี่นาก็เอ่ยออกมาเบาๆ“เอ่อ..พวกคุณพอจะร้องเพลงให้เราฟังได้มั้ยคะ?”สมาชิกวงเสียวหู่ตุ้ยมองหน้ากันเล็กน้อยก่อนจะหันไปมองซงเหวินผู้จัดการของตนเอง แน่นอนว่าซงเหวินพยักหน้าตกลง คำถามนี้ค่อนข้างไร้มารยาทเพราะมันจะทำให้มูลค่าของพวกเขาลดลงได้ หากจะฟังเสียวหู่ตุ้ยร้องเพลงก็ควรฟังในคอนเสิร์ตไม่ควรให้มาร้องส่วนตัวเช่นนี้ แต่พวกเขาก็เข้าใจดีว่าหลี่นาไม่ได้มีเจตนาร้ายใดๆและเฝิงหยู่ผู้เป็นนายจ้างก็อยู่ใกล้ๆเสียวหู่ตุ้ยจึงเริ่มร้องเพลง รัก
คอมเม้นต์