ตอนที่ 238-1 เสแสร้งไปเถอะ!

อ่านนิยายจีนเรื่อง ตอนที่ 53 3Novel | อ่านนิยายออนไลน์ นิยายแปลไทย อ่านนิยายฟรี.

ตลอดทางฟังจงหลี่กับหลี่จื้อต่างก็ระมัดระวังอย่างยิ่ง หลังตรงอกตั้ง สายตาจ้องมองไปข้างหน้า ไม่เหลือบมองซ้ายขวา แม้บนใบหน้าจะพยายามแสดงท่าทีสงบนิ่งอย่างสุดชีวิต ทว่าในใจกลับสั่นอย่างถึงที่สุด/n /n /nแม้ฟังจงหลี่จะถือได้ว่าเป็นคุณชาย แต่ซีเจียงไหนเลยจะเทียบเมืองหลวงได้ เขาโตเพียงนี้แล้วยังเพิ่งเคยเห็นจวนอ๋องที่งดงามโอ่อ่าเช่นนี้เป็นครั้งแรก ฟังจงหลี่ยังเป็นเช่นนี้ นับประสาอะไรกับหลี่จื้อที่เป็นยาจกเล่า/n /n /nทั้งสองกลัวว่าตนจะทำตัวขายหน้า ทำให้คนรับใช้ในจวนอ๋องดูถูกคุณชายสี่ของพวกเขา อ้อไม่ ต้องเป็นจวิ้นจู่ต่างหาก จึงพยายามควบคุมตัวเอง แสดงสีหน้าเรียบเฉยออกมา/n /n /nเจียงไป๋ที่เดินอยู่ข้างๆ เห็นดังนั้น ในใจก็อดพยักหน้าอย่างชื่นชมไม่ได้/n /n /nเข้าไปในเรือนแล้ว ฟังจงหลี่กับหลี่จื้อก็เห็นเงาร่างที่คุ้นเคยยืนอยู่บนระเบียงทางเดินไกลๆ แม้จะสวมเครื่องแต่งกายสตรี แต่ใบหน้านั้นพวกเขาก็คุ้นเคย หัวใจอดร้อนรุ่มไม่ได้ เร่งฝีเท้าสองก้าว “คุณชายสี่!” คำเรียกนี้แทบจะพลั้งปากออกไป/n /n /nเสิ่นเวยมองเด็กหนุ่มสองคนเดินเข้ามาหานาง ยิ้มเย้มเบิกบาน “อาหลี่ อาจื้อ ไม่เจอกันนาน”/n /n /nคำทักทายที่เรียบง่ายหนึ่งประโยคทำให้เบ้าตาคนทั้งสองร้อนผ่าวอย่างอดไม่ได้ ลำคอประหนึ่งถูกอุดเอาไว้ ทั้งสองคุกเข่าข้างเดียวคารวะอย่างทหาร “คุณชายสี่ ผู้น้อยนำกองทหารเด็กมาขอที่พึ่งท่านขอรับ” จากนั้นก็เห็นคุณชายใหญ่สวีที่ยืนอยู่ข้างกายคุณชายสี่ รีบเสริมหนึ่งประโยค “คารวะคุณชายใหญ่ขอรับ”/n /n /nดูคำเรียกนี้สิ เสิ่นเวยเป็นคุณชายสี่ สวีโย่วเป็นคุณชายใหญ่ คนที่ไม่รู้ข้อเท็จจริงยังคิดว่านี่คือสองพี่น้องเสียอีก ใครจะรู้ว่าอันที่จริงพวกเขาเป็นสามีภรรยากันเล่า/n /n /nสวีโย่วคงจะคิดถึงจุดนี้ มุมปากกระตุกกล่าว “หลังจากนี้เรียกว่าจวิ้นอ๋องกับจวิ้นจู่เถิด คุณชายสี่ของพวกเจ้าได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์เป็นจยาฮุ่ยจวิ้นจู่แล้ว”/n /n /nฟังจงหลี่กับหลี่จื้อสบตากันปราดหนึ่ง ตอบรับเสียงดังทันที “ขอรับ ผู้น้อยคารวะจวิ้นจู่ คารวะจวิ้นอ๋อง”/n /n /nมุมปากของสวีโย่วกระตุกอีกครั้ง ส่วนเสิ่นเวยก็ปรายตามองเขาอย่างโอ้อวด ได้ยินหรือไม่ จวิ้นจู่อยู่หน้าจวิ้นอ๋องเสียอีก/n /n /nเสิ่นเวยเกิดความรู้สึกร้อยแปดพันเก้าในจิตใจ ตอนแรกนางก่อตั้งกองทหารเด็กเพียงเพื่ออยากวางเชื้อเพลิงเล็กๆ ไว้ที่ซีเจียง ตัวนางเองยังไม่คิดว่านางจะได้รับความจงรักภัคดีจากพวกเขา เด็กๆ กลุ่มนี้สามารถเดินทางไกลมาเมืองหลวงเพื่อพบนางได้ นางซาบซึ้งอย่างไม่ต้องสงสัย/n /n /n“ลุกขึ้นเถิด ยังรอให้ข้าไปพยุงพวกเจ้าหรือไร” เสิ่นเวยยิ้มด่า เมื่อพวกเขาลุกขึ้นยืน เสิ่นเวยก็ถือโอกาสหักกิ่งไม้หนึ่งกิ่ง “มา ให้ข้าดูสิว่าพวกเจ้าฝึกฝนถึงระดับไหนแล้ว”/n /n /nฟังจงหลี่กับหลี่จื้อสบตากันปราดหนึ่งอีกครั้ง ต่างก็มองเห็นความดีใจและความรู้ใจในแววตาของกันและกัน ยกหมัดขึ้นจู่โจมไปยังเสิ่นเวย เสิ่นเวยหลบได้อย่างรวดเร็ว กิ่งไม้ในมือหวดออกไปเสียงดังขวับ บีบบังคับให้หลี่จื้อข้างหลังทำได้เพียงถอยหลัง/n /n /nฟังจงหลี่กับหลี่จื้อเจ้าโจมตีข้างบน ข้าก็จะโจมตีข้างล่าง เจ้าโจมตีทางซ้าย เช่นนั้นข้าจะโจมตีทางขวา ร่วมมือด้วยความรู้ใจกันอย่างยิ่ง เสิ่นเวยย่อมเห็นการพัฒนาของพวกเขา ในใจดีใจอย่างถึงที่สุด แต่ต่อให้พวกเขาจะร่วมมือกันอย่างรู้ใจเพียงใด ก็ไม่สามารถเอื้อมแตะชายเสื้อของเสิ่นเวยได้ เสิ่นเวยกระทั่งยืนอยู่ที่เดิมไม่ขยับ มือเพียงข้างเดียวใช้กิ่งไม้หวดจนพวกเขาสับสนอลหม่าน/n /n /nก่อนที่เสิ่นเวยจะพูดสวีโย่วก็บอกเป็นนัยให้เจียงไป๋เจียงเฮยเก็บกวาดลานแล้ว ด้วยเหตุนี้คนที่เหลืออยู่ในลานบ้านตอนนี้จึงมีแต่คนที่สนิทที่สุด/n /n /nเสิ่นเจวี๋ยมองอย่างไม่ละสายตา สองมือกำแน่น ตื่นเต้นยิ่งนัก! ท่านพี่เก่งจริงๆ ไม่เสียชื่อที่เป็นพี่สาวของเขาจริงๆ นึกถึงวิธีการเหล่านั้นที่พี่สาวใช้จัดการตน ขาแข้งเขาก็อดสั่นไม่ได้/n /n /nเทียบกับเสิ่นเจวี๋ยที่ตื่นเต้นดีใจ สวีโย่วสบายใจกว่ามาก แทบจะมองระดับของเด็กหนุ่มสองคนนั้นออกในแวบแรก โดดเด่นกว่าคนทั่วไปมากอย่างยิ่ง แต่เทียบกับเสิ่นเวยที่ฝึกฝนมาจากกองกำลังเป็นหมื่นเป็นพันแล้ว ก็เทียบชั้นไม่ได้อย่างสิ้นเชิง/n /n /nประมาณหนึ่งเค่อ เสิ่นเวยก็หวดกิ่งไม้ลงบนร่างฟังจงหลี่และหลี่จื้อเสียงดังขวับๆ เก็บกระบวนท่า มองพวกเขาด้วยความพอใจแล้วกล่าว “ไม่เลว ฝีมือต่อสู้ไม่ตก”/n /n /nฟังจงหลี่กับหลี่จื้อปาดเหงื่อบนหน้าผาก เทียบกับเสิ่นเวยที่สงบนิ่งไม่มีเหงื่อแม้แต่เม็ดเดียว ก็อดอับอายไม่ได้ “เทียบกับจวิ้นจูแล้ว ผู้น้อยยังอยู่ห่างไกล”/n /n /nจวิ้นจู่เพิ่งจะอายุสิบห้าสิบหกปี โตกว่าพวกเขาสองสามปี อีกทั้งพวกเขายังเป็นผู้ชาย สองต่อหนึ่งล้วนถูกจวิ้นจู่บีบบังคับจนถอยพ่ายซ้ำแล้วซ้ำเล่า นี่ทำให้พวกเขาละอายใจอย่างยิ่ง และเลื่อมใสจวิ้นจู่ยิ่งขึ้น พวกเขาต่างก็เป็นบุรุษที่เติบโตในเมืองชายแดนซีเจียง ฝั่งนั้นเดิมทีวิถีชีวิตก็ห้าวหาญอยู่แล้ว ข้อจำกัดของสตรีก็ไม่ได้เข้มงวดเหมือนเหมืองหลวง พวกเขาจึงไม่สนว่าจวิ้นจู่จะเป็นชายหรือหญิง ขอเพียงแค่มีความสามารถ พวกเขาก็เลื่อมใส/n /n /nเสิ่นเวยมองสองคนนี้ ในใจนึกขำเล็กน้อย สองคนนี้ยังคิดจะชนะนาง ปณิธานกว้างไกลจริงๆ! นางพูดได้ว่าหากไม่พบเหตุบังเอิญที่ใหญ่อย่างยิ่ง ชั่วชีวิตนี้พวกเขาก็คงไม่มีทางชนะนางได้หรอกกระมัง/n /n /n“เจียงไป๋ เจ้าพาเขาสองคนไปล้างหน้าล้างตา กลับมาพวกเราค่อยคุยกัน” เสิ่นเวยออกคำสั่ง คิดครู่หนึ่งก็เสริมอีกหนึ่งประโยค “คิดให้ดีล่ะว่าจะบอกข้าอย่างไร หากข้ารู้ว่าพวกเจ้าเด็กน้อยเหล่านี้เข้าเมืองหลวงโดยพลการ เช่นนั้นผลลัพธ์พวกเจ้าก็รู้ดี” เสิ่นเวยขู่ขวัญด้วยความอ่อนโยนอย่างถึงที่สุด/n /n /nฟังจงหลี่กับหลี่จื้อขนลุกทันที มั่นใจอีกครั้งว่านี่คือคุณชายสี่ของพวกเขา คุณชายสี่ที่ลงมืออำมหิต ฆ่าคนตายไม่ชดใช้ชีวิต จริงแท้แน่นอน! สบสายตาที่คล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้มของเสิ่นเวย สองคนนี้จึงตระหนักได้ว่าพวกเขาเพียงแค่ใช้ความกล้าของตัวเองมาเมืองหลวง คล้ายมองข้ามนิสัยของคุณชายสี่ไป/n /n /nเด็กสองคนนี้ไปล้างหน้าตาอย่างกระวายกระวายใจ เสิ่นเจวี๋ยก็กระโดดเข้ามาทันที ดึงแขนเสื้อของเสิ่นเวยกล่าวอ้อนวอน “ท่านพี่ๆๆ ท่านเก่งเกินไปแล้วจริงๆ ข้าเลื่อมใสท่านยิ่งนัก ท่านเองก็สองข้าบ้างสิ! หากข้าขี้ขลาดเกินไป ไม่ใช่จะเสียหน้าท่านหรือ” เมื่อครู่เขาเห็นชัดเจนแจ่มแจ้งแล้ว แม้ทหารเด็กสองคนนั้นจะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของท่านพี่ แต่เทียบกับเขาแล้วกลับแข็งแกร่งกว่ามากอย่างยิ่ง เป็นเด็กหนุ่มอายุพอๆ กัน นี่จึงกระตุ้นจิตใจที่อยากเอาชนะของเสิ่นเจวี๋ย/n /n /nเสิ่นเวยไหนเลยจะไม่เข้าใจความคิดของน้องชาย ยกริมฝีปากกล่าว “ช่วงนี้โอวหยาวไน่ก็ฝึกเจ้าอยู่มิใช่หรือ เขาสองคนก็มีโอวหยางไน่ฝึกออกมาเช่นกัน หากเจ้าเทียบคนอื่นไม่ได้ เช่นนั้นก็ต้องโทษตัวเจ้าเองที่พยายามไม่มากพอ อีกทั้งเจ้าเสียหน้าก็เสียเพียงแค่หน้าเจ้า ข้าหน้าหนา ไม่กลัวหรอก!”/n /n /nแม้ปากจะบอกว่าไม่ถือสา แต่สายตาที่มองประเมิณนั้นทำให้เสิ่นเจวี๋ยขนหัวลุก กล้านักเจ้าก็เสียหน้าให้ข้าดูสิ คิดหรือว่าข้าไม่กล้าจัดการเก็บศพเจ้า/n /n /n“ข้าเป็นน้องชายแท้ๆ ของท่าน สอนเป็นพิเศษหน่อยไม่ได้หรือ” เสิ่นเจวี๋ยบ่นพึมพำอย่างไม่ตายใจ/n /n /nคราวนี้เสิ่นเวยกลับรับปากง่ายดายอย่างยิ่ง “ได้สิ รอย้ายไปจวนจวิ้นอ๋องก่อน เจ้ามีเวลาว่างก็มา ถือโอกาสประลองฝีมือกับกองทหารเด็กด้วย อย่าคิดว่าตนเรียนไม่กี่กระบวนท่าแล้วจะเก่งเป็นอันดับหนึ่งใต้หล้า เจ้าน่ะ ยังอ่อนหัดอยู่เลย”/n /n /nเสิ่นเวยวางแผนไว้เรียบร้อยแล้ว ในเมืองกองทหารเด็กมาขอที่พึ่งนางทั้งหมด นางก็คงไม่อาจเมินเฉยได้กระมัง จวนจวิ้นอ๋องใหญ่เพียงนั้น สร้างลานประลองยุทธ ถือโอกาสย้ายกองทหารเด็กทั้งหมดไปยังจวนจวิ้นอ๋อง เช่นนี้ก็สามารถลดทหารองค์รักษ์ลงได้ไม่น้อย ส่วนจะให้กองทหารเด็กเปิดเผยงบทั้งหมดที่นางใช้ดูแลพวกเขาอย่างไร นี่ไม่ใช่ปัญหา เบื้องหน้าก็โยนให้สามีผู้เป็นที่โปรดปรานของฮ่องเต้ เบื้องหลังน่ะหรือ หึหึ ทรัพย์สินจำนวนมากเช่นนี้ของนางจะเลี้ยงทหารเด็กแค่สี่ร้อยคนไม่ได้หรือไร/n /n /nฟังจงหลี่และหลี่จื้อที่ล้างหน้าล้างตาเสร็จแล้วเข้ามาในห้องก็ยอมรับผิดด้วยตนเอง “จวิ้นจู่ พวกข้าผิดไปแล้ว” ทั้งสองปรึกษากันดีแล้ว จวิ้นจู่เป็นใครกัน ครั้นอยู่ที่ซีเจียงนำคนพันคนกวาดล้างซีเหลียงเข้าเมืองหลวง ซ้ำยังจับกษัตริย์ซีเหลียงกับขุนนางชั้นผู้ใหญ่ทั้งหมดกลับมาอีกด้วย/n /n /nต่อหน้าจวิ้นจู่ยังคงยอมรับผิดอย่างซื่อสัตย์จริงใจดีกว่า มีอะไรก็พูดจึงจะเป็นแผนที่ดี ต่อให้พวกเขาแต่งเรื่องคุยโวโอ้อวด จวิ้นจู่ก็ไม่เชื่อหรอก!/n /n /nเสิ่นเวยแค่นเสียงหนึ่งครา กล่าว “เรื่องนี้ใครเป็นคนนำ ครอบครัวพวกเจ้ารู้หรือไม่ พี่ใหญ่ข้ารู้หรือไม่ อาหลี่แม่ทัพฟังพ่อเจ้ารู้หรือไม่”/n /n /n“พวกข้า!” ทั้งสองก้มหน้า เผชิญหน้ากับคำถามยาวเหยียดชุดนี้ พวกเขาทำได้เพียงส่ายหน้าแล้วส่ายหน้าอีก ในใจบ่นพึมพำ ไหนเลยจะกล้าให้พวกเขารู้ หากรู้ พวกเขาจะมาได้หรือ/n /n /n“พวกเจ้าสองคนกลับมีความสามารถ พูดมาเถอะ พวกเจ้าคิดอย่างไร อยู่ในจวนโหวซีเจียงก็ดีแล้วมิใช่หรือ เหตุใดถึงคิดจะมาเมืองหลวงเล่า พวกเขาฟังพวกเจ้าสองคนหรือ หรือว่าเจ้าสองคนหลอกล่อทุกคนมา” เสิ่นเวยถามต่อ/n /n /nทั้งสองสบตากันปราดหนึ่ง ฟังจงหลี่กล่าวตามความจริง “จวิ้นจู่ หลังท่านไป แม้ว่าทุกคนจะฝึกฝนเหมือนเมื่อก่อน แต่กลับไม่มีจุดหมายอย่างถึงที่สุด คล้ายสูญเสียเป้าหมายไป ก่อนหน้านี้ยังพูดถึงการลงสนามรบฆ่าศัตรู สร้างคุณูปการได้ ตอนนี้ต้ายงกับซีเหลียงพักรบแล้ว ต่อให้พวกเราฝึกฝนดีกว่านี้แล้วจะมีประโยชน์อันใด ไม่เพียงแต่ข้ากับอาจื้อสองคนที่เลื่อนลอยเช่นนี้ ทุกคนก็รู้สึกเหมือนกัน ดังนั้นเมื่อข้ากับอาจื้อเสนอว่าจะมาเมืองหลวง ทุกคนต่างก็เห็นด้วย”/n /n /n“อืม พวกข้ามาเมืองหลวงก็เพราะคิดถึงจวิ้นจู่ท่านด้วยเช่นกัน พวกข้าเป็นท่านที่ก่อตั้งกับมือ ท่านพาพวกข้าไปสั่งสมประสบการณ์ ลงสนามรบฆ่าศัตรู พวกข้ายอมรับท่านเพียงผู้เดียว อีกทั้งโอกาสในเมืองหลวงก็เยอะกว่ามิใช่หรือ อันที่จริงแล้วทุกคนต่างก็คิดว่าจะสามารถสร้างอนาคตได้” หลี่จื้อชิงพูดแก้ตัว/n /n /n“ใช่แล้วๆ พวกข้าต่างก็คิดถึงจวิ้นจู่ ช่วงเวลาที่ท่านอยู่ที่ซีเจียงเป็นช่วงเวลาที่พวกข้ามีความสุขที่สุด อย่างไรเสียตอนนี้พวกข้าก็เป็นเพียงลูกเจี๊ยบสำหรับซีเจียง มีพวกเราก็ไม่ได้ช่วยอะไรมาก ขาดพวกเราไปก็ย่อมไม่กระทบภาพรวม ดังนั้นทุกคนจึงช่วยกันวางแผน ถือโอกาสตอนที่ออกเมืองไปฝึกซ้อมเดินทางมายังเมืองหลวง/n /n /nเสิ่นเวยเลิกคิ้ว หลี่จื้อยืนกรานกล่าวต่อ “พวกข้าปิดบังการมาเมืองหลวง หากว่าพูดไป คาดว่าคงจะมาไม่ได้ แต่ว่าพวกข้าก็ทิ้งจดหมายเอาไว้ ส่วนเหล่าครูฝึก เริ่มแรกพวกข้าก็ปิดบังทั้งหมด พวกข้าหนีมาเงียบๆ ถูกพวกเขาจับสังเกตและตามมา พวกข้าจึงทำได้เพียงบอกความจริง พวกเขาถูกพวกข้าพูดจนสนใจ จึงตามมาด้วยกัน”/n /n /n“อืม ตลอดทางพวกข้าหมอบซุ่มกลางวันออกเดินทางกลางคืน พยายามไม่ดึงดูดความสนใจผู้อื่น แม้จะมีบางครั้งที่จำใจต้องเดินทางตอนกลางวัน แต่พวกข้าก็ปลอมตัวเป็นสำนักคุ้มภัย ตอนนี้ครูฝึกพาทุกคนตั้งค่ายอยู่ที่เนินเขาเล็กๆ แห่งหนึ่งนอกเมือง พวกข้าสองคนเข้าเมืองมาหาจวิ้นจู่”/n /n /nคนทั้งสองผลัดกันเล่าเรื่องทั้งหมด จากนั้นก็ก้มศีรษะต่ำรอคำตัดสินของเสิ่นเวย ในใจทั้งสองเตรียมใจไว้นานแล้ว แม้จะถูกจวิ้นจู่ถลกหนัง พวกเขาก็ไม่เสียดาย/n /n /nเสิ่นเวยพยักหน้า กล่าว “ยังรู้ว่าพวกเจ้าคนเยอะเพียงนั้นรวมตัวกันแล้วดึงดูดสายตา ยังรู้จักปลอมตัว กลับไม่คืนสิ่งที่ข้าสอนให้ข้า เอาล่ะ ไม่ต้องก้มหน้าแล้ว มาก็มาแล้ว ข้าจะไล่พวกเจ้ากลับไปอีกหรือไร พวกเจ้าต่างก็วิ่งมาหาข้า ข้าย่อมไม่อาจเมินเฉยพวกเจ้า เอาเช่นนี้แล้วกัน พวกเจ้าไปพักที่จวนจวิ้นอ๋องก่อน นั่นคือจวนของข้ากับจวิ้นอ๋อง แต่ว่าจะเข้าเมืองโดยไม่ดึงดูดความสนใจอย่างไร นั่นก็เป็นเรื่องที่พวกเจ้าต้องคิดเอง อย่างไรเสียก็ให้อาทิตย์ตกดินเป็นตัวกำหนดเวลา ก่อนอาทิตย์ตกดินพวกเจ้าทั้งหมดต้องคิดหาวิธีไปจวนจวิ้นอ๋อง ถึงตอนนั้นข้าจะส่งอาจารย์โอวหยางของพวกเจ้าไปรอนับคนอยู่ที่หน้าประตูจวนจวิ้นอ๋อง หากขาดไปคนหนึ่งล่ะก็ หึหึ!” เสิ่นเวยส่งสายตาว่าพวกเจ้ารู้ดีออกไป/n /n /nฟังจงหลี่กับหลี่จื้อดีใจใหญ่ “จริงหรือ พูดคำไหนคำนั้น!” ระยะทางหลายพันลี้พวกเขาก็เดินมาแล้ว เข้าเมืองหาจวนจวิ้นอ๋องให้เจอไม่ใช่เรื่องเล็กหรอกหรือ บททดสอบสุดท้ายของจวิ้นจู่ไม่ยากเลยแม้แต่นิดเดียว “เหล่าผู้น้อยรับปากว่าจะไม่ขาดตกแม้แต่คนเดียว” พวกเขาทั้งสองตบอกกล่าว/n /n /nเสิ่นเวยพยักหน้าอีกครั้ง “ดี เช่นนั้นพวกเจ้าก็ไปเถอะ จำไว้ล่ะ อาจารย์โอวหยางจะรอพวกเจ้าอยู่ถึงอาทิตย์ตกดินเท่านั้น” เสิ่นเวยกล่าวเตือนอีกรอบ เจตนาชั่วร้ายในน้ำเสียงนั้นทำให้ฟังจงหลี่กับหลี่จื้อใจเต้น หรือว่าจวิ้นจู่จะใช้อุบายอะไรมาสร้างความลำบากใจให้พวกเขา/n /n /nเสิ่นเวยไม่สนว่าพวกเขาจะเกิดลางสังหรณ์อะไรในใจ หลังสองคนนั้นถูกเจียงไป๋ส่งออกไป นางก็จ้องมองสวีโย่ว เพียงแค่จ้องมอง ไม่พูดแม้แต่ประโยคเดียว/n /n /nสวีโย่วถูกนางจ้องจนอึดอัดอย่างยิ่ง ทำได้เพียงกล่าว “รู้แล้ว รู้แล้ว ข้าเข้าใจเจตนาของเวยเวยแล้ว ข้ากำลังจะเข้าวังไม่ได้หรือไร”/n /n /nชั่วขณะเสิ่นเวยก็เผยรอยยิ้ม ดึงแขนเสื้อของสวีโย่วออดอ้อน “ท่านพี่ดีจริงๆ!” หากไม่ใช่เพราะเห็นน้องชายอยู่ในลาน ก็คงจะหอมให้รางวัลไปนานแล้ว/n /n /nเพียงเท่านี้ เสิ่นเจวี๋ยก็อิจฉาแล้ว บนใบหน้าแดงซ่าน เขินอายยิ่งกว่าตัวต้นเรื่องที่หน้าหนาสองคนนี้เสียอีก/n

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด