ตอนที่ 237-2 กองทหารเด็กมาหาแล้ว

อ่านนิยายจีนเรื่อง ตอนที่ 54 3Novel | อ่านนิยายออนไลน์ นิยายแปลไทย อ่านนิยายฟรี.

เช้าวันนี้ตื่นขึ้นมาเสิ่นเวยอารมณ์ดีอย่างถึงที่สุด เหตุใดน่ะหรือ ก็เพราะว่าเป็นวันใหม่แล้ว วันที่พวกเขาจะย้ายไปจวนจวิ้นอ๋องใกล้เข้ามาเรื่อยๆ แล้ว อืม ยังเหลืออีกสี่วัน อีกสี่วันพวกเขาก็สามารถย้ายออกจากสถานที่ที่ทำให้คนไม่สบายใจแห่งนี้ได้แล้ว เสิ่นเวยนับนิ้วรอวันแล้ว/n /n /nทานอาหารเช้าเสร็จ เสิ่นเวยก็พาเหล่าสาวใช้ไปตรวจดูสินเดิม สินเดิมของนางเยอะเกินไป หากย้ายภายในวันเดียวการเคลื่อนไหวจะใหญ่เกินไป แบ่งประเภทส่งไปจวนจวิ้นอ๋องจะดีกว่า นางวางแผนว่าจะเริ่มขนตั้งแต่วันนี้/n /n /nขนกลุ่มของที่ใหญ่และหนักเหล่านั้นไปก่อน เสิ่นเวยสั่งพ่อบ้านเจี่ยงปั๋วทีละอย่างๆ ขณะที่กำลังพูด สวีโย่วก็ส่งคนมาตามนาง บอกว่าน้องเจวี๋ยมาหา/n /n /nในขณะที่เสิ่นเวยดีใจก็ประหลาดใจเล็กน้อย น้องเจวี๋ยไม่เคยมาเยี่ยมที่บ้านเลยสักครั้ง หรือว่าจวนโหวเกินเรื่องแล้ว เป็นท่านปู่หรือว่าท่านพ่อโง่เขลาผู้นั้นของนาง เมื่อคิดถึงตรงนี้เสิ่นเวยก็นั่งไม่ติดแล้ว ก้าวเท้าเดินไปยังเรือนหลัก/n /n /n“ท่านพี่” เสิ่นเจวี๋ยเห็นพี่สาวของเขาก็ดีใจมากเป็นพิเศษ ลุกขึ้นวิ่งเข้ามาหานาง/n /n /n“น้องเจวี๋ยมาได้อย่างไร ในจวนเกิดเรื่องอะไรขึ้นหรือ” ไม่ผิดที่เสิ่นเวยจะกังวล ตอนที่กลับไปคราวก่อนนางบอกปู่นางแล้ว อยู่ที่จวนจิ้นอ๋องจนครบเดือนแต่งงานพวกเขาก็จะย้ายไปยังจวนจวิ้นอ๋อง คนในครอบครัวไปเยี่ยมนางที่จวนจวิ้นอ๋องจะสะดวกกว่ามาที่จวนจิ้นอ๋องมาก เหลืออีกไม่กี่วันก็ครบเดือนแต่งงานแล้ว ไม่มีเรื่องสำคัญน้องเจวี๋ยไม่มาถึงบ้านตอนนี้หรอก/n /n /n“ไม่มีอะไรๆ ในจวนเรียบร้อยดี” เสิ่นเจวี๋ยรีบส่ายหน้าปฏิเสธ สำหรับเรื่องที่พี่ห้าของเขาโมโหกลับบ้านฝั่งมารดาไม่นับว่าเป็นเรื่องใหญ่อย่างสิ้นเชิง “ข้าก็แค่อยากมาเยี่ยมท่านพี่”/n /n /nแม้ท่านพี่จะออกเรือนได้ไม่ถึงหนึ่งเดือน แต่เขาก็รู้สึกว่าท่านพี่คล้ายจากไปนานอย่างยิ่งแล้ว ก่อนหน้านี้ตอนที่ท่านพี่ยังอยู่ในจวนโหว บางครั้งก็เป็นเวลาหลายวันกว่าพวกเขาพี่น้องจะพบหน้ากันหนึ่งครั้ง แต่ตอนนั้นจิตใจเขาก็สงบ เมื่อคิดว่าท่านพี่อยู่ในเรือนเฟิงหวาเรือนในรอเขาอยู่ เขาก็รู้สึกสบายใจอย่างถึงที่สุด ทว่าตอนนี้ไม่ว่าเขาจะทำอะไรก็มักจะรู้สึกว่าจิตใจว่างเปล่า/n /n /nเสิ่นเวยวางใจลง จับมือของเสิ่นเจวี๋ยเดินเข้าห้องด้วยกัน “น้องเจวี๋ยยังไม่ได้เคารพพระชายาใช่หรือไม่ ให้พี่เขยเจ้าพาเจ้าไปคารวะนางสักหน่อย เลี่ยงไม่ให้คนอื่นบอกว่าจวนโหวของพวกเราไร้มารยาท” ชนรุ่นหลังมาเยี่ยมจวนต้องเคารพผู้อาวุโส นี่คือธรรมเนียม เสิ่นเวยไม่อยากทิ้งจุดอ่อนให้คนนินทา วันนี้นางอารมณ์ดี ไม่อยากไปเจอนังมารเฒ่าที่ส่งผลกระทบต่อจิตใจผู้นั้นจริงๆ ให้สวีโย่วพาน้องเจวี๋ยไปดีกว่า/n /n /nเดิมสวีโย่วมองเห็นภรรยาที่รักของเขาจูงมือน้องชายคนเล็กก็ไม่พอใจเล็กน้อย แต่หลังจากที่ได้ยินน้องชายคนเล็กของภรรยาเรียกเขาว่าพี่เขยอย่างสนิทสนม สีหน้าก็ดีขึ้นมาอีกครั้ง พาน้องชายคนเล็กของภรรยาไปคารวะพระชายาสักหน่อยตามคำพูดของภรรยาด้วยความสบายใจอย่างยิ่ง/n /n /nคาดว่าสวีโย่วคงจะพาน้องเจวี๋ยไปคารวะพระชายาสักหน่อยจริงๆ เพราะว่าพวกเขากลับมาเร็วอย่างยิ่ง อีกทั้งสีหน้าของสวีโย่วก็มีความสุขมาก เสิ่นเวยเดาว่าเขาน่าจะยั่วโมโหพระชายาจิ้นอ๋องอีกแล้ว/n /n /nเสิ่นเวยทายถูกจริงๆ สวีโย่วไปยั่วโมโหพระชายาอีกแล้วมิใช่หรือ เขาไปถึงเรือนพระชายาแล้วก็กล่าวอย่างตรงไปตรงมา ‘วันนี้น้องเจวี๋ยมาเยี่ยมพี่สาวเขา ข้าพาเขามาเคารพพระชายา เลี่ยงไม่ให้มีคนเล่นอุบายบอกว่าน้องชายคนเล็กของภรรยาข้าไม่มีมารยาทไม่เคารพผู้อาวุโส’/n /n /nจากนั้นก็สั่งเสิ่นเจวี๋ย ‘รีบคารวะพระชายาเสีย พี่เจ้ายังรอพวกเรากลับไปอยู่’/n /n /nท่าทางไม่อยากอยู่นานแม้แต่วินาทีเดียวนั้นประหนึ่งพระชายาจิ้นอ๋องเป็นน้ำเหนือและสัตว์ร้าย เจ้าว่าพระชายาจิ้นอ๋องมีความสุขสิถึงแปลก/n /n /n“น้องเจวี๋ยว่ามาเถอะ มีเรื่องอะไรกันแน่” เสิ่นเวยมองเสิ่นเจวี๋ยแล้วพูด หากไม่มีธุระเด็กคนนี้คงไม่กล้าไม่ไปโรงเรียน นางตั้งกฎที่นั่นให้เขานานแล้ว กล้าโดดเรียนหรือ ตีเขาให้ตาย!/n /n /nเสิ่นเจวี๋ยลูบจมูกยิ้มกล่าว “ปิดบังท่านพี่ไม่ได้จริงๆ ด้วย” ชั่วขณะเขาก็เหลือบมองสวีโย่วปราดหนึ่ง/n /n /nเสิ่นเวยดีดหน้าผากเขาหนึ่งครา “มองเขาทำไม ว่ามา”/n /n /nเสิ่นเจวี๋ยลูบบริเวณที่ถูกพี่เขาดีด หัวเราะอย่างซื่อๆ จากนั้นจึงกล่าว “ไม่ใช่เรื่องในจวนโหว เป็นเรื่องที่ซีเจียง เมื่อวานในจวนพวกเรามีคนมาหาสองคน คนหนึ่งชื่อฟังจงหลี่ คนหนึ่งชื่อหลี่จื้อ พูดซ้ำไปซ้ำมาว่ามาหาคุณชายสี่ แต่ท่านพี่ไป่บอกว่าไม่รู้จักพวกเขา สุดท้ายแล้วก็รบกวนไปถึงท่านปู่ ท่านปู่บอกว่าพวกเขาเป็นกองทหารที่ซีเจียง มาหาท่านพี่ เมื่อคืนดึกแล้ว คิดจะให้พวกเขาพักที่จวนหนึ่งคืน เช้าวันนี้ค่อยพาพวกเขามาหาท่านพี่ แต่สองคนนั้นยืนกรานไม่ยินยอม บอกว่ากองทหารเด็กของพวกเขามาเมืองหลวงหมดแล้ว คนที่เหลือต่างก็รออยู่ข้างนอก พวกเขาสองคนมาสืบข่าว”/n /n /nเสิ่นเจวี๋ยยิ่งพูดก็ยิ่งตื่นเต้น “ท่านพี่ พวกเขาเป็นกองทหารเก็กที่ท่านตั้งขึ้นกับมือจริงๆ หรือ ข้าเห็นพวกเขาไม่ได้อายุมากกว่าข้าสักเท่าไร! ท่านไม่รู้ว่าตอนที่พวกเขารู้ว่าคุณชายสี่ตระกูลเสิ่นเป็นคุณหนูซ้ำยังออกเรือนแล้ว ก็มึนงงไปทั้งร่าง ทั้งยังถามข้าซ้ำแล้วซ้ำเล่า สุดท้ายพวกเขาก็บอกว่า แม้คุณชายสี่ตระกูลเสิ่นจะเป็นคุณหนูสี่ตระกูลเสิ่น พวกเขาก็ยอมรับ ท่านปู่ให้พวกเขามาพักในจวนโหวก่อนพวกเขาก็ไม่ยอม ตัดสินใจติดตามท่านพี่แล้ว ท่านพี่ ท่านเก่งจริงๆ! หากข้าได้สักครึ่งหนึ่งของท่านก็พอแล้ว” เสิ่นเจวี๋ยมองพี่สาวของเขา บนใบหน้าเต็มไปด้วยความเลื่อมใส/n /n /n“อะไรนะ เจ้าไม่ได้พูดผิดใช่หรือไม่ เป็นฟังจงหลี่กับหลี่จื้อจริงๆ หรือ แล้วกองทหารเด็กทั้งหมดก็มาเมืองหลวงแล้วหรือ” เสิ่นเวยตกใจอย่างถึงที่สุด เหตุใดเรื่องนี้นางถึงไม่ได้รับข่าวเลยแม้แต่นิดเดียวเล่า จู่ๆ พวกเขาก็ไม่ฝึกฝนอยู่ที่ซีเจียง วิ่งมาทำอะไรที่เมืองหลวง พวกเขามาเมืองหลวง พี่ใหญ่รู้หรือไม่ อนุญาตหรือไม่ หรือว่าพวกเขาแอบหนีออกมา ครูฝึกของกองทหารเด็กล้วนเป็นนางที่สั่งเอง เหตุใดถึงไม่ส่งข่าวให้นางเลยเล่า หรือว่าครูฝึกเองก็ตามพวกเขากลับมาพร้อมกัน/n /n /n“จริงแท้แน่นอน ไม่ผิดแม้แต่นิดเดียว ท่านพี่ เขาสองคนตามข้ามาด้วยเช่นกัน กำลังรออยู่ข้างนอกจวนอ๋อง” เสิ่นเจวี๋ยตบหน้าอกกล่าว/n /n /n“เอ๋ เช่นนั้นเหตุใดเจ้าไม่พาพวกเขาเข้ามาด้วยเล่า” เสิ่นเวยถลึงตามองน้องชายของนางปราดหนึ่งอย่างไม่พอใจเล็กน้อย/n /n /nทว่าเสิ่นเจวี๋ยกลับร้องทุกข์ “ข้าคิดจะพาพวกเขาเข้ามา แต่พวกเขาไม่ยอม! บอกว่าไม่อาจสร้างปัญหาให้ท่านได้ ไม่ว่าอย่างไรก็จะรออยู่นอกจวน”/n /n /nเสิ่นเวยจ้องมองสวีโย่วปราดหนึ่ง เจตนานั้นสวีโย่วเข้าใจดี เขาถูกพาลโมโหอีกแล้ว รีบแสดงท่าทีกล่าว “หรือว่า ให้เจียงไป๋ไปเรียกพวกเขาเข้ามาดีหรือไม่” พวกเขากับเจียงไป๋ก็รู้จักกันดี/n /n /nเสิ่นเวยพยักหน้ากล่าว “พวกเขาเองก็คิดมากเกินไปแล้ว บอกว่าเป็นพี่น้องในตระกูล ประตูใหญ่ยังกล้าห้ามไม่ให้เข้าอีกหรือ ได้ ให้เสี่ยวไป๋ไปเรียกพวกเขาเข้ามา ถือโอกาสดูคุณชายสี่ของพวกเขาแต่หญิง”/n /n /nฟังจงหลี่กับหลี่จื้อสองคนข้างนอกจวนกำลังนั่งกระซิบกระซาบกันอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ “อาจื้อ แม้นายท่านผู้เฒ่าโหวจะบอกว่าอันที่จริงคุณชายสี่เป็นหลานสาวเขา แต่ข้าก็ยังไม่กล้าเชื่อนัก คุณชายสี่เก่งกาจเพียงนั้น ไม่มีความเป็นสตรีเลยแม้แต่น้อย จะเป็นคุณหนูได้อย่างไร” แม้จะผ่านไปหนึ่งคืนแล้ว แต่ฟังจงหลี่ก็ยังประหนึ่งอยู่ในฝัน/n /n /nหลี่จื้อเองก็ไม่ได้ดีไปกว่ากัน เพียงแต่เขาไม่เหมือนฟังจงหลี่ เขาไม่สนว่าคุณชายสี่จะเป็นชายหรือหญิง คุณชายสี่ช่วยชีวิตน้องชายน้องสาวของเขาไว้นี่ไม่ใช่ความจริงที่ไม่อาจเถียงงั้นหรือ คุณชายสี่เป็นผู้ชายก็ดี เป็นผู้หญิงก็ไม่เป็นไร อย่างไรเสียเขาก็จะต้องติดตามให้จงได้/n /n /n“น่าจะเป็นเรื่องจริง นายท่านผู้เฒ่าโหวไม่จำเป็นต้องหลอกพวกเรา” หลี่จื้อจ้องมองประตูใหญ่จวนจิ้นอ๋องแล้วกล่าว/n /n /n“เช่นนั้นพวกเราจะทำอย่างไรกันดี” ฟังจงหลี่ร้อนใจเล็กน้อยอย่างอดไม่ได้/n /n /n“ทำอย่างไรอะไร” หลี่จื้อไม่เข้าใจ/n /n /n“พวกเราเดินทางไกลมาเมืองหลวงเพื่อขอพึ่งพาคุณชายสี่ แต่ตอนนี้คุณชายสี่เป็นคุณหนู อีกทั้งยังแต่งงานแล้ว ไหนเลยจะดูแลพวกเราได้ พวกเราใช่มาเสียเที่ยวหรือไม่” เสียงของฟังจงหลี่สูงขึ้นหลายส่วนอย่างทนไม่ได้ เขาไม่อยากกลับซีเจียงเลยแม้แต่นิดเดียว แม้ว่าที่อยู่จะเป็นสถานที่นั้น ของกินก็เป็นข้าวเหมือนกัน กระทั่งเนื้อหาในการฝึกซ้อมทุกวันก็เป็นคุณชายสี่ที่เตรียมไว้เรียบร้อยก่อนจะไป แต่เขากับเหล่ากองทหารเด็กยังคงไร้เรี่ยวแรง มักจะรู้สึกว่าขาดอะไรไปบางอย่าง คล้ายตั้งแต่คุณชายสี่กลับเมืองหลวงพวกเขาก็สูญเสียเป้าหมายข้างหน้าไป/n /n /nเขากับหลี่จื้อและอีกหลายคนปรึกษากัน ได้ มาเมืองหลวงขอที่พึ่งคุณชายสี่แล้วกัน ด้วยเหตุนี้พวกเขาจึงฉวยโอกาสตอนที่ออกจากเมืองฝึกซ้อมทิ้งหนังสือไว้แล้วจากไป/n /n /nคิ้วของหลี่จื้อเองก็ขมวดมุ่น คิดครู่หนึ่งจึงกล่าว “เจ้าเองก็อย่าท้อใจไป ในเมื่อคุณชายสี่สามารถแต่งกายเป็นชายลงสนามรบฆ่าศัตรูปกป้องแว่นแคว้นได้ เช่นนั้นก็ไม่ใช่สตรีตระกูลสูงศักดิ์ทั่วไป พวกเราเป็นนางที่ก่อตั้งขึ้นมากับมือ นางจะต้องไม่ทิ้งพวกเราแน่นอน” หยุดครู่หนึ่งจึงกล่าวต่อ “คุณชายเสิ่นเจวี๋ยบอกไม่ใช่หรือว่านางแต่งงานกับคุณชายใหญ่สวีแล้ว อีกทั้งยังได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์ให้เป็นจวิ้นจู่ นางจักต้องมีวิธีช่วยพวกเราแน่นอน เจ้าวางใจเถิด”/n /n /nปากบอกแน่นอน แต่ความจริงแล้วในใจเขาไม่มั่นใจ เขาเตรียมใจไว้แล้ว แม้ว่าคุณชายสี่จะไม่มีวิธีช่วยพวกเขา เขาก็จะอยู่ข้างกายคุณชายสี่อยู่ดี ต่อให้ต้องออกจากกองทหารเด็กเขาเองก็จะอยู่ในเมืองหลวง เป็นมนุษย์ต้องรักษาสัตย์ ไม่ว่าคุณชายสี่จะเป็นใคร ชั่วชีวิตนี้เขาหลี่จื้อก็จะติดตามนาง เป็นดาบที่แหลมคมที่สุดในมือนาง/n /n /nเจียงไป๋รีบตามมาถึงหน้าประตูใหญ่ มองซ้ายมองขวาจึงเห็นคนทั้งสองใต้ต้นไม้ใหญ่ กวักมือเรียกพวกเขา “มานี่!”/n /n /nจากนั้นก็เห็นเด็กสองคนนั้นเบือนหน้าหนี ไม่สนใจเขาอย่างสิ้นเชิง เจียงไป๋อดโมโหไม่ได้ เดินเข้าไปดีดนิ้วใส่พวกเขาที่ละคน “นี่ วางมาดยิ่งนัก ยังต้องให้ข้ามาเชิญพวกเจ้าด้วยตัวเองหรือ”/n /n /nฟังจงหลี่กับหลี่จื้อหัวเราะอย่างเคอะเขิน ตะโกนอย่างเขินอายหนึ่งครา “พี่ใหญ่เจียงไป๋”/n /n /nเจียงไป๋เป็นบ่าวรับใช้คนสนิทและทหารองครักษ์ข้างกายคุณชายใหญ่สวี พวกเขาคบค้าสมาคมกับเขามาไม่น้อย/n /n /n“ตามข้าเข้าไปเถอะ คุณชายสี่ยังรอพบพวกเจ้าอยู่” เจียงไป๋ดึงมือแต่ละคน/n /n /nฟังจงหลี่กับหลี่จื้อต่างก็ดีใจ ทว่าเท้ากลับไม่ขยับ กล่าวอย่างลังเล “พี่ใหญ่เจียงไป๋ พวกข้าไม่เข้าไปดีกว่า ประเดี๋ยวจะสร้างปัญหาให้คุณชายสี่”/n /n /nเจียงไป๋หันหน้ามอง ชั่วขณะก็เข้าใจความกังวลของเด็กสองคนนี้ อดหัวเราะไม่ได้ กางแขน โอบพวกเขาไว้ กล่าวประหนึ่งเป็นสหายพี่น้อง “เฮ้อ นี่พวกเจ้าคิดไกลไปถึงไหนแล้ว! นิสัยของคุณชายสี่พวกเจ้ายังไม่รู้อีกหรือ แอบบอกพวกเจ้าให้ อย่ามองว่าคุณชายสี่เป็นร่างหญิง ซ้ำยังแต่งงานแล้ว นายของพวกเราเองก็ได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์เป็นจวิ้นอ๋องเช่นกัน แต่ก็ยังเหมือนตอนอยู่ที่ซีเจียง เขายังคงต้องฟังคุณชายสี่ของพวกเจ้าอยู่ ไปเถอะๆ ไม่มีอะไรหรอก”/n /n /nฟังจงหลี่หับหลี่จื้อสบตากันปราดหนึ่ง จึงถอนหายใจอย่างโล่งอกตามเขาเข้าประตูใหญ่จวนจิ้นอ๋อง/n

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด