ตอนที่ 225-1 สวีโย่วออกมือ

อ่านนิยายจีนเรื่อง ตอนที่ 80 3Novel | อ่านนิยายออนไลน์ นิยายแปลไทย อ่านนิยายฟรี.

เสิ่นเวยร้อนรนจนแทบจะร้องไห้ออกมาแล้ว จิ้นอ๋องเห็นแล้วก็ยิ่งหงุดหงิด ทว่าพระชายาจิ้นอ๋องกลับมีท่าทางอ่อนโยนอย่างถึงที่สุด “ใจเย็นๆ ใจเย็นๆ ค่อยๆ พูด ในเมื่อภรรยาโย่วเอ๋อร์ไม่ยินดีก็ไม่เป็น แม่ค่อยคิดหาวิธีอื่น ภรรยาโย่วเอ๋อร์รีบสงบอารมณ์ อีกประเดี๋ยวโย่วเอ๋อร์เห็นเข้า คงจะไม่พอใจข้ากับเสด็จพ่อ” นางกล่าวหยอกล้อหนึ่งประโยค/n /n /nจิ้นอ๋องที่เดิมคิดจะเอ่ยปากได้ยินคำพูดนี้แล้ว ก็แค่นเสียงหึหนึ่งครา แต่กลับไม่ได้พูดอะไรต่อ/n /n /n“เสด็จพ่อ เสด็จแม่ ภาพ ภาพวาดผืนนั้นเป็นของปลอม” เสิ่นเวยที่อ้ำอึ้งอยู่เนิ่นนานในที่สุดก็กล้ำกลืนพูดออกมา ใบหน้าของนางแดงก่ำ ในดวงตาโตๆ มีไอน้ำ ฟันขาวกัดริมฝีปากเบาๆ ราวกับว่าวินาทีถัดไปจะร้องไห้ออกมาแล้ว/n /n /n“จะเป็นของปลอมได้อย่างไร ภาพผืนนั้นปีนั้นข้าเคยไปชื่นชมมาแล้ว” ดวงตาจิ้นอ๋องมีความสงสัยแวบผ่าน/n /n /nพระชายาจิ้นอ๋องเองก็กล่าว “ภรรยาโย่วเอ๋อร์ คำพูดนี้พูดสุ่มสี่สุ่มห้าไม่ได้ แม่เพียงแค่ปรึกษาเจ้า ไม่ได้บีบบังคับเจ้า เจ้าไม่ยินดีก็พูดตรงๆ ได้ แต่ไม่อาจพูดโกหกเช่นนี้!” เสิ่นซื่อผู้นี้ไม่รู้อะไรจริงๆ แม้แต่ข้ออ้างเช่นนี้ก็ยังหามาได้ โง่นัก/n /n /nเสิ่นเวยร้อนใจยิ่งกว่าเดิม บิดผ้าเช็ดหน้ารีบอธิบาย “เป็นของปลอมจริงๆ ลูกจะกล้าหลอกลวงเสด็จพ่อกับเสด็จแม่ได้อย่างไร วันนั้นหลังกลับไปลูกก็ไปหาภาพตกปลาใต้จันทราภาพนั้นในคลังทันที มองดูแล้วก็ไม่มีตรงไหนแปลกใหม่ เหตุใดถึงถึงมีชื่อเสียงเช่นนี้เล่า ลูกกลัวว่าจะเข้าใจผิด จึงเอาภาพนี้ไปให้คนตรวจสอบรอบหนึ่ง ใครจะรู้ ใครจะรู้ว่าภาพผืนนี้คาดไม่ถึงว่าเป็นของปลอม” เสิ่นเวยเสียใจอย่างถึงที่สุด น้ำตาเม็ดใหญ่ก็ร่วงลงมา ท่าทางลำบากใจอย่างยิ่ง/n /n /n“ในมือลูกไม่มีของแท้ กลัวว่าจะผิดใจเสด็จแม่ ก็เลย ก็เลย…” เสิ่นเวยสะอื้นเสียงเบา พูดไม่ออกแล้ว/n /n /nจิ้นอ๋องกับพระชายาจิ้นอ๋องสบตากันปราดหนึ่ง มองหน้าพร้อมกัน ทั่วทั้งเมืองหลวงต่างก็รู้ว่าภาพวาด ‘ตกปลาใต้จันทรา’ ของแท้ของจางเต้าจื่อในรัชสมัยก่อนอยู่ในมือหร่วนซื่อ จู่ๆ จะกลายเป็นของปลอมได้อย่างไร เชื่อไม่ได้ แต่เห็นท่าทางของเสิ่นเวยก็ไม่เหมือนหลอกลวง แท้จริงแล้วเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่/n /n /nพระชายาจิ้นอ๋องกล่าวอย่างหยั่งเชิง “ภรรยาโย่วเอ๋อร์เจ้าไม่ต้องกลัว ภาพวาดผืนนั้นแม่ไม่เอาแล้ว เจ้าเก็บไว้ดีๆ เถอะ”/n /n /nเสิ่นเวยลนลานในชั่วขณะ ดึงแขนเสื้อของพระชายาจิ้นอ๋องกล่าว “เสด็จแม่ ลูกไม่ได้โกหกท่านจริงๆ ลูกไม่รู้ภาพวาดอักษร เก็บมันไว้แล้วจะมีประโยชน์อะไร ยิ่งไปกว่านั้นเพื่อการสมรสของคุณชายสี่ แม้ลูกเพิ่งจะแต่งเข้ามา แต่กลับอยากช่วยแบ่งเบาภาระเสด็จแม่อย่างถึงที่สุด หากท่านไม่เชื่อ ลูกจะเอาภาพวาดมาให้ท่านดูตอนนี้” พูดแล้วก็รีบสั่งเย่ว์กุ้ย “เจ้ารีบไป ไปเอาภาพวาดผืนนั้นในห้องข้ามา”/n /n /nเย่ว์กุ้ยทำความเคารพ ถอยออกจากห้องแล้วก็ยกกระโปรงวิ่งออกไปอย่างรวดเร็ว จิ้นอ๋องกับพระชายาจิ้นอ๋องเห็นแล้ว สีหน้าก็ดีขึ้นเล็กน้อย/n /n /nเสิ่นเวยก้มหน้าสะอึกสะอื้นไห้ ทว่าในดวงตาที่หลุบลงกลับเต็มไปด้วยความเหยียดหยาม หึ อยากได้ของของนาง ของแท้ไม่มี ของปลอมอยากได้เท่าไรก็มีเท่านั้น ขอเพียงแค่เจ้ากล้ารับ ข้าก็กล้าประกาศออกไปข้างนอก/n /n /nจิ้นอ๋องถูกเสียงสะอื้นของเสิ่นเวยทำให้หงุดหงิดรำคาญใจ กวาดสายตามองหน้าพระชายาจิ้นอ๋องปราดหนึ่ง พระชายาจิ้นอ๋องรีบกล่าว “เด็กดี หยุดร้องก่อน พูดออกมาชัดเจนก็พอแล้ว แม่ไม่ได้โทษเจ้ามิใช่หรือ หวาเยียน รีบพยุงฮูหยินใหญ่ไปเช็ดหน้า”/n /n /n“ลูกขอบคุณเสด็จแม่” เสิ่นเวยกุมหน้าก้มศีรษะตามหวาเยียนไปจัดการตัวให้เรียบร้อย ตอนที่นางกลับมาอีกครั้งเย่ว์กุ้ยก็นำภาพกลับมาพอดี/n /n /n“เสด็จพ่อ เสด็จแม่ ท่านทั้งสองเชิญดู” เสิ่นเวยประคองภาพด้วยมือทั้งคู่ที่ยื่นออกไป/n /n /nจิ้นอ๋องรับม้วนภาพ กางออก มองอยู่ครู่ใหญ่ก็ไม่พบว่ามีตรงไหนผิดปกติ เขาเคยไปตรวจดูภาพวาดชื่อดังภาพนี้ที่จวนจงอู่โหวแล้ว แม้ว่าจะผ่านมานานหลายปี แต่ความทรงจำของเขาก็ยังคงลึกซึ้ง ชัดเจนว่าภาพที่เห็นในตอนนั้นไม่มีอะไรต่างจากภาพผืนนี้ตรงหน้าเลย เหตุใดเสิ่นซื่อถึงบอกว่าภาพผืนนี้เป็นของปลอมเล่า ใช่ตอนนั้นก็เป็นของปลอมอยู่แล้ว หรือว่าภายหลังถูกคนใช้กลอุบายมาแอบเปลี่ยนแล้วเขาดูไม่ออก/n /n /n“ภรรยาโย่วเอ๋อร์ เจ้าให้ใครตรวจสอบ” จิ้นอ๋องถาม เขาเริ่มสงสัยว่าเสิ่นซื่อผู้นี้ใช่ถูกคนหลอกแล้วหรือไม่/n /n /n“ทูลเสด็จพ่อ เป็นผู้จัดการใหญ่ของเรือนเจี้ยนเป่า” เสิ่นเวยตอบด้วยความเคารพรอบคอบ ดวงตาจ้องมองภาพในมือจิ้นอ๋อง ผ้าเช็ดหน้าในมือก็บิดอีกครั้งอย่างไม่รู้ตัว/n /n /nจิ้นอ๋องพยักหน้า ความสงสัยในใจก็ยิ่งเพิ่มขึ้น เรือนเจี้ยนเป่าเลื่องชื่อด้านการตีราคาของมีค่า ในเมืองหลวง กระทั่งใต้กล้าล้วนแต่โด่งดังไปทั่ว เชี่ยวชาญเชิงลึก ในเรือนมีผู้จัดการเจ็ดคน แต่ละคนต่างก็เป็นผู้มีความสามารถในการวิเคราะห์ราคา โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้จัดการใหญ่ อาทิเช่นภาพวาดพู่กันหายากที่มีเพียงฉบับเดียว ไม่มีสิ่งไหนที่เขาไม่รู้ที่มา ตั้งแต่ทำงานมาหลายสิบปีก็ไม่เคยพลาด ในเมื่อเขาบอกว่านี่คือของปลอมเช่นนั้นก็เป็นของปลอมอย่างไม่ต้องสงสัย เพียงแต่ของปลอมนี้ก็ทำได้เหมือนเกินไปหรือไม่/n /n /nในใจจิ้นอ๋องเสียดายอย่างถึงที่สุด เขายังคิดว่าจะได้เห็นผลงานชื่อดังของจางเต้าจื่ออีกครั้ง ไม่คิดว่ากลับเป็นของปลอม แม้ว่าเขาจะดูไม่ออก แต่นี่ก็คือของปลอม! ต่อให้จะเหมือนก็ไม่ใช่ของจริง มูลค่านั้นลดลงไปมหาศาล/n /n /n“ท่านอ๋อง ภาพผืนนี้เป็นของปลอมจริงๆ หรือ” พระชายาจิ้นอ๋องจ้องมองใบหน้าของจิ้นอ๋องอย่างแน่นิ่ง เห็นความเปลี่ยนแปลงในสีหน้าบนใบหน้าเขาอย่างชัดเจน!/n /n /n“ในเมื่อผู้จัดการใหญ่เรือนเจี้ยนเป่าบอกว่าเป็นของปลอม เช่นนั้นก็คงจะเป็นของปลอม” ท่านจิ้นอ๋องหมดความสนใจ ถือโอกาสส่งม้วนภาพให้พระชายาจิ้นอ๋องข้างๆ “ข้ายังมีงาน พวกเจ้าทั้งสองคุยกันตามสบาย”/n /n /nหลังจิ้นอ๋องไปแล้ว เสิ่นเวยก็ขานเรียกด้วยท่าทีน่าสงสาร “เสด็จแม่” ดวงตามีน้ำตาคลอ ประหนึ่งลูกสุนัขตัวเท่าอุ้งมือตัวนั้นที่หลานสาวคนโตของนางเลี้ยงไว้/n /n /nพระชายาจิ้นอ๋องเพ่งมองภาพในมือ เมื่อครู่นางเห็นสีหน้าของท่านอ๋องชัดเจนแจ่มแจ้ง ดูจากท่าทางนั้นของท่านอ๋องก็รู้แล้วว่ามองไม่ออกว่านี่คือของปลอม แม้แต่ท่านอ๋องที่เคยชื่นชมของจริงมาแล้วยังแยกไม่ออก ก็เห็นได้ว่าภาพวาดผืนนี้เหมือนจริงมาก มาถึงขั้นนำของปลอมมาแทนของจริงแล้ว/n /n /nนางกลับไม่สงสัยว่าตอนแรกภาพนี้จะเป็นของปลอม แม่ทัพใหญ่หร่วนเพียบพร้อมทั้งบุ๋นและบู๊ จะเอาของปลอมออกมาแสดงแก่ผู้คนได้อย่างไร นางคิดว่าน่าจะถูกคนสับเปลี่ยนในภายหลัง อย่างไรเสียหร่วนซื่อก็ตายไปนานแล้ว ใครจะรู้ว่าสินเดิมของนางถูกหลิวซื่อภรรยาคนใหม่ทำอุบายไว้หรือไม่/n /n /nและแน่นอน พระชายาจิ้นอ๋องยังคาดการณ์ไว้อีกอย่าง นั่นก็คือภาพผืนนี้ตรงหน้าก็คือของแท้ ผู้จัดการใหญ่เรือนเจี้ยนเป่ามองผิดไป เสือยังมีเวลางีบ นางไม่เชื่อว่าผู้จัดการใหญ่ผู้นั้นจะไม่เคยผิดพลาดมาก่อน หรือว่าผู้จัดการใหญ่ผู้นั้นเกิดความคิดละโมบ คิดอยากจะวางแผนคอบครองภาพนี้จึงตั้งใจบอกว่าเป็นของปลอม ใจคนยากแท้หยั่งถึง ใครจะรู้ว่าใครคิดดีใครคิดร้าย/n /n /nคิดถึงตรงนี้ จู่ๆ พระชายาจิ้นอ๋องก็ใจเต้น มองม้วนภาพในมือ คล้ายกำลังครุ่นคิด เมื่อเงยหน้าขึ้นก็สบสายตาที่ขลาดกลัวของเสิ่นซื่อพอดี อดยิ้มไม่ได้ “เจ้าเป็นเด็กซื่อสัตย์ เรื่องนี้เจ้าน่าจะบอกแม่ก่อน แม่จะบีบบังคับให้เจ้าเอาของแท้ออกมาได้อย่างไร ของปลอมก็ของปลอม ไว้แม่ค่อยหาวิธีอื่น เพียงแต่ภาพผืนนี้…” พระชายาจิ้นอ๋องมองเสิ่นเวย/n /n /n“หากเสด็จแม่ชอบก็ส่งให้เสด็จแม่ดูเล่น อย่างไรเสียก็เป็นของปลอม ลูกเองก็ไม่รู้เรื่องพวกนี้ เก็บไว้ก็ไม่มีประโยชน์” เสิ่นเวยถอนหายใจอย่างโล่งอกหนึ่งครา ท่าทางในที่สุดก็ส่งเผือกร้อนออกไปได้แล้ว ทันใดนั้นก็เม้มปากกล่าวเสียงเบาด้วยความเขินอาย “ลูกขี้ขลาด หลังจากรู้ว่าเป็นของปลอมก็ตกใจแทบแย่ นอนหลับไม่สนิทหลายต่อหลายคืน ไม่กล้าบอกเสด็จแม่ หากรู้ว่าเสด็จแม่ไม่ตำหนิลูก ลูกก็คงจะเอาภาพมาให้เสด็จแม่ตัดสินใจนานแล้ว”/n /n /nพระชายาจิ้นอ๋องเองก็ยิ้ม ท่าทางอารมณ์ดีอย่างยิ่ง “เจ้าน่ะ! รอพวกเราสองคนสนิทกันมากกว่านี้แล้วเจ้าก็จะรู้เอง ข้าใจดีที่สุด มีเรื่องอะไรที่ตัดสินใจไม่ได้ก็มาถามแม่ได้เสมอ”/n /n /n“อืมๆ ลูกทราบแล้ว” เสิ่นเวยพยักหน้าทันทีราวกับลูกเจี๊ยบจิกข้าวเปลือก สีหน้าเชื่อใจทั้งใบหน้า นี่ทำให้อารมณ์ของพระชายาจิ้นอ๋องดีขึ้นอีก/n /n /nออกจากเรือนพระชายาจิ้นอ๋องแล้วสีหน้าบนใบหน้าของเสิ่นเวยก็หายเกลี้ยงทันที เสียใจลำบากใจอะไร ไหนเลยจะยังมีร่องรอยหลงเหลือแม้แต่นิดเดียว/n /n /nดวงตาทั้งคู่ของเสิ่นเวยเหม่อมองฟ้า กดความร้อนใจในจิตใจลง วันคืนนี้เหล่านี้ไม่ใช่ชีวิตของมนุษย์จริงๆ กลั่นแกล้งพระชายาจิ้นอ๋องเป็นเพียงการชดเชยส่วนที่ขาด เป็นความสนุกสนาน แต่การทำติดต่อกันเช่นนี้ก็ทำให้คนรำคาญใจอย่างยิ่งรู้หรือไม่ ดูท่าแล้วยังต้องคิดหาวิธีรีบย้ายออกไปให้เร็วจึงจะถูก/n /n /nเสิ่นเวยส่งภาพของปลอมที่อาจารย์ซูคัดลอกไปให้พระชายาจิ้นอ๋อง แน่นอนว่าต้องสังเกตความก้าวหน้าของเหตุการณ์ พ่อบ้านซ่งที่ติดตามออกเรือนของพระชายาจิ้นอ๋องเพิ่งจะออกจากประตูใหญ่จวนอ๋อง เสิ่นเวยก็รู้เรื่องแล้ว คนที่ติดตามเขากลับมารายงานว่า พ่อบ้านซ่งผู้นั้นไปจวนเสนาบดีฉินดังคาด/n /n /nเรื่องนี้เสิ่นเวยไม่ได้ปิดบังสวีโย่ว คนรับใช้รายงานก็รายงานต่อหน้าเขา เสิ่นเวยกระทั่งกล่าวเองว่า “อ้อ ข้าขุดหลุมให้แม่เลี้ยงท่าน รอดูว่านางจะเลือกอ้อมไปหรือกระโดดเข้าไป ตอนนี้ดูท่าแล้วแม่เลี้ยงของท่านจะอ่านสถานการณ์ออกจริงๆ!” เสิ่นเวยลากเสียงยาว ท่าทางภูมิใจอย่างถึงที่สุด/n /n /n“ขุดหลุมลึกหรือไม่ จะให้ข้าเพิ่มเสียมให้อีกสักสองอันหรือไม่” สวีโย่วถามด้วยสีหน้าจริงจัง หลังจากนั้นก็กล่าวอย่างแฝงความนัย “ข้าละอายใจ! เรื่องเล็กน้อยเช่นนี้ยังต้องให้เวยเวยออกมือ ลำบากเวยเวยจริงๆ”/n /n /nเสิ่นเวยเชิดหน้าอย่างทะนงตน ยืดขาออกไป อุ้งมือก็จู่โจมไปที่ใบหน้าหล่อเหลาของสวีโย่ว “ใครให้ท่านมีใบหน้าที่ทำให้ข้าชอบเล่า ข้าน่ะใจอ่อนกับคนรูปงามเสมอ” ดวงตาของเสิ่นเวยมีความหลงใหลแวบผ่าน เหตุใดหน้าใบนี้ถึงได้ดูดีเพียงนั้นเล่า/n /n /nหากเปลี่ยนเป็นคนอื่นที่ลุ่มหลงในใบหน้างดงามใบนี้ของเขา สวีโย่วก็คงจะทำหน้าตายใส่ไปนานแล้ว แต่ตอนนี้เขากลับภาคภูมิใจอยู่เงียบๆ โชคดีที่ตนเกิดมามีหน้าตาหล่อเหลา เขายื่นมือไปบีบขาของนาง “เช่นนั้นหลังจากนี้ข้าต้องให้เวยเวยปกป้องแล้ว”/n /n /nถูกหญิงสาวปกป้อง สวีโย่วไม่รู้สึกละอายเลยแม้แต่นิดเดียว กลับยังมั่นอกมั่นใจอย่างถึงที่สุด/n /n /nเสิ่นเวยถูกสวีโย่วบีบจนหัวเราะคิกคัก “วางใจเถอะ อยู่กับข้ามีเนื้อให้กิน เชื่อฟังก็พอ หลังจากนี้ข้าจะคุ้มครองท่าน” เสิ่ยเวยลูบหน้าสวีโย่วสองครั้งด้วยทีท่าอันธพาลอย่างยิ่ง ท่าทางผึ่งผายราวกับราชินี/n /n /nสวีโย่วเองก็ยิ้มแล้ว เสมือนสายลมโชยพัดผ่านเนินเขา น้องสี่ของเขาน่าเกรงขามเกินไปแล้วหรือไม่ อยากจะอุ้มนางขึ้นเตียงเสียตอนนี้! เขาจ้องมองความใสซื่อในดวงตาของเสิ่นเวย ท้ายที่สุดก็ยังคงเกลี้ยกล่อมตัวเองให้ล้มเลิกความคิด/n /n /nตั้งแต่ที่พ่อบ้านซ่งออกไปจวนเสนาบดีฉิน พระชายาจิ้นอ๋องก็มีความสุขอย่างยิ่ง โดยเฉพาะวันนี้ ยังเตรียมตัวจะไปไหว้พระที่วัดซีซาน/n /n /nเสิ่นเวยรู้ตั้งแต่แวบแรกแล้ว ไหว้พระเป็นข้ออ้าง แต่ไปพบฉินอิงอิงเป็นเรื่องจริง/n /n /nเป็นดังคาด พระชายาจิ้นอ๋องกลับมาจากวัดซีซานแล้วก็อารมณ์ดีมากเป็นพิเศษ คืนนั้นยังเพิ่มกับข้าวที่เรือนของเสิ่นเวยให้อีกสองอย่าง นี่หมายความว่าการหมั้นหมายของสองตระกูลสำเร็จแล้วงั้นหรือ เสิ่นเวยลูบคางคิดเช่นนี้/n /n /nไม่ได้ หากว่าการหมั้นหมายสำเร็จ เช่นนั้นนางก็จะเสียแรงขุดหลุมเปล่าไม่ใช่หรือ อีกทั้งฉินอิงอิงกับนางยังเป็นคู่อริ หากนางแต่งเข้ามาตนเห็นแล้วจะต้องอึดอัดใจแน่นอน ไม่ได้ ไม่อาจให้การหมั้นหมายนี้สำเร็จได้เป็นอันขาด/n /n /nแม้สองตระกูลจะตกลงกันอย่างลับๆ แต่เมืองหลวงยังคงไม่ผู้มีสายตาเฉียบแหลม ทุกคนค่อยๆ รู้เรื่องจวนจิ้นอ๋องจะผูกสัมพันธ์ทางการแต่งงานกับจวนเสนาบดีฉินแล้ว จากนั้นก็ถกเถียงกันถึงชายหญิงที่มีอายุเหมาะสมของจวนทั้งสองต่อ เจ้าตัวก็ลอยขึ้นมาเหนือผิวน้ำ/n /n /nนี่เองก็เดาไม่ยาก ผู้ที่มีอายุเหมาะสมยังไม่แต่งงานฝั่งจวนเสนาบดีฉินก็มีเพียงคุณหนูห้าบ้านรองกับคุณหนูเจ็ดบ้านสาม คุณหนูห้าหมั้นหมายไว้แล้ว เช่นนั้นก็เหลือเพียงคุณหนูเจ็ด/n /n /nฝั่งจวนจิ้นอ๋องเล่า ในจวนกลับมีคุณชายที่อายุเหมาะสมสองคนคนหนึ่งเป็นบุตรภรรยาเอกคนหนึ่งเป็นบุตรอนุภรรยา แต่คนในสมัยนั้นให้ความสำคัญกับเรื่องลำดับอาวุโส คุณชายสี่ยังไม่พูดเรื่องแต่งงานจะตกไปถึงตาคุณชายห้าได้อย่างไร ยิ่งไปกว่านั้นคุณชายสี่เป็นบุตรแท้ๆ ของพระชายาจิ้นอ๋อง นางเองก็ไม่อาจยอมให้บุตรอนุภรรยาคนหนึ่งนำหน้าลูกชายของตัวเองได้ เช่นนั้นก็เป็นได้แค่เพียงคุณชายสี่/n /n /nมิหนำซ้ำยังมีคนที่ฉลาดกังขาในใจ จวนจิ้นอ๋องจะพึ่งองค์ชายรองงั้นหรือ/n /n /nฮองเฮาเหนียงเหนียงในวังรู้เรื่องนี้แล้ว โมโหจนเจ็บใจ “ซ่งซื่อผู้นี้ ซ่งซื่อผู้นี้” เพียงแค่หญิงชั่วตำแหน่งสูงที่ใช้อุบายลับๆ ล่อๆ ก็เท่านั้นเอง คาดไม่ถึงว่ากล้าเป็นศัตรูกับนางอย่างเปิดเผย น่าโมโหเกินไปแล้วจริงๆ/n /n /nจะว่าไปแล้ว ฮองเฮาเหนียงเหนียงกับพระชายาจิ้นอ๋องก็มีบุญคุณความแค้นหลายส่วนกันอยู่แล้ว ฮองเฮาเหนียงเหนียงอยู่ในวัง เป็นตัวอย่างที่ดีของพระมเหสีทั้งหมด ย่อมไม่ชอบพระชายาจิ้นอ๋องที่ใช้อุบายแน่นอน อีกทั้งฮองเฮาเหนียงเหนียงยังมีความสัมพันธ์ที่ไม่เลวกับต้วนซื่อมารดาของสวีโย่วก็ยิ่งเห็นพระชายาไม่เข้าตา ไม่ใช่แค่ครั้งเดียวที่ไม่ไว้หน้านางต่อหน้าสาธารณะ กลายเป็นศัตรูกันด้วยเหตุนี้/n

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด