ตอนที่ 215-2 คืนเข้าหอ

อ่านนิยายจีนเรื่อง ตอนที่ 99 3Novel | อ่านนิยายออนไลน์ นิยายแปลไทย อ่านนิยายฟรี.

ตอนที่ของอย่างว่าสัมผัสแนบชิดเสิ่นเวย นางเจ็บจนอยากฆ่าคนจริงๆ บ้าเอ้ย นางรู้ว่าจะต้องเจ็บ แต่ก็ไม่คิดว่าจะเจ็บแบบนี้ ความเจ็บนั้นไม่เหมือนกันความเจ็บจากการได้รับบาดเจ็บเลยสักนิดเดียว คนไม่กลัวเจ็บเช่นเสิ่นเวยยังอดสูดลมหายใจไม่ได้ ไม่ใช่บอกว่าเรื่องนี้ประเดี๋ยวเดียวก็จะมีความสุขหรอกหรือ เหตุใดนางถึงเหลือแต่ความเจ็บเล่า /n /n /nเพื่อนสาวคนสนิทเพียงคนเดียวในยุคปัจจุบันของนางเคยหัวเราะที่นางอายุเท่านี้แล้วยังไม่เคย บอกกับนางว่า ไม่เป็นไร ไม่เจ็บ เหมือนโดนมดกัดนิดเดียว /n /n /nจะบ้าหรือ นี่หรือคือมดกัด นี่ไม่ต่างจากโดนงูพิษกัด อีกทั้งยังเป็นงูพิษหน้าตาดีอีกต่างหาก /n /n /n“ท่านออกไป” เสิ่นเวยพยายามผลักสวีโย่ว เจ็บจนเสียงเปลี่ยน /n /n /nกว่าสวีโย่วจะได้รับสิ่งที่ปรารถนา ไหนเลยจะยอมถอยได้ เขามองใบหน้าเล็กๆ ที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวดของเสิ่นเวย สงสารอย่างถึงที่สุด ปลอบนางด้วยความรัก “เด็กดี อดทนหน่อย อีกประเดี๋ยวก็ไม่เจ็บแล้ว เวยเวย เด็กดี เด็กดี!” /n /n /n“ทนไม่ไหวแล้ว” ก็คนที่เจ็บไม่ใช่เจ้านี่! เสิ่นเวยพยายามควบคุมกรงเล็บของตน ไม่ให้ยื่นออกไปข่วนหน้าของสวีโย่ว /n /n /n“ผ่อนคลาย เวยเวยเด็กดี เจ้าทำได้ อีกประเดี๋ยวก็จะดีแล้ว” สวีโย่วปรับองศาตัวเล็กน้อย มือใหญ่ลูบหลังขาวเนียนของนางซ้ำแล้วซ้ำเล่า ทว่าร่างกายกลับยิ่งแนบชิดนางมากขึ้น /n /n /nอันที่จริงสวีโย่วเองก็ไม่ได้รู้สึกดีนัก ธนูอยู่บนคันแล้วแต่กลับเป็นห่วงความรู้สึกของเสิ่นเวยจึงไม่กล้าขยับตัว โอ๊ย ให้เขาตายยังดีกว่า /n /n /nเหงื่อเม็ดใหญ่หยดลงมาจากใบหน้าของสวีโย่ว ดวงหน้าที่ราวกับเทพของเขาปรากฏตัณหาราคะ ท่ามกลางความสลัวเลือนราง ส่วนลึกในร่างกายของเสิ่นเวยเกิดความรู้สึกบางอย่างขึ้นมาอย่างอดไม่ได้ คล้ายความเจ็บนั้นไม่ได้ชัดเจนเพียงนั้นแล้ว /n /n /nแขนทั้งคู่ของเสิ่นเวยโอบคล้องลำคอของสวีโย่ว ร่างขยับอย่างไม่รู้ตัว สวีโย่วคล้ายสัมผัสได้ถึงแรงปลุกเร้า ขยับเล็กน้อยอย่างหยั่งเชิง ทว่าดวงตากลับจ้องมองคนใต้ร่างอย่างแน่นิ่ง เห็นนางเพียงแค่ขมวดคิ้วน้อยๆ ก็พยายามต่ออย่างมีความสุข /n /n /nร่างกายที่ยังเด็กของเสิ่นเวยค่อยๆ ถูกเปิดออก สวีโย่วออกแรงเผด็จศึก คนทั้งสองเกาะเกี่ยวอยู่ด้วยกันเป็นเกลียว เสิ่นเวยราวกับดอกอิงซู่ (ดอกฝิ่น) สวยงามที่ผลิบานในยามราตรีสงัด ส่งกลิ่นหอมที่น่าหลงใหลออกไป นางรู้สึกว่าตนเหมือนเรือเล็กๆ หนึ่งลำท่ามกลางมหาสมุทรใหญ่ กระเพื่อมขึ้นลงตามคลื่นลม แต่ไม่อาจไปถึงฝั่งได้เสียที /n /n /nการเคลื่อนไหวภายในห้องย่อมดังออกไปข้างนอก แม่นมมั่วยังดี แต่หลีฮวาและคนอื่นๆ ที่ไม่เคยผ่านประสบการณ์บนโลกก็หน้าแดงซ่าน แต่ละคนปิดหูอยากจะกลายเป็นคนหูหนวกอย่างยิ่ง /n /n /nดวงจันทร์นวลผ่องหนึ่งดวงนอกหน้าต่าง มันหาวอย่างเกียจคร้าน หลบเขากลีบเมฆเงียบๆ ราวกับเขินอาย /n /n /nโบกสะบัดพลิ้วไหวเช่นนี้ต่อไปเรื่อยๆ เสิ่นเวยไม่รู้เหมือนกันว่าเวลาผ่านไปนานเพียงใดแล้ว นางอ้าปากกว้างหายใจหอบ รู้สึกเพียงตัวเองเป็นปลาเล็กที่ใกล้จะขาดน้ำตาย แต่ความเป็นจริงในปากของนางส่งเสียงเล็กๆ ออกมา เสียงๆ นั้นทำให้สวีโย่วยิ่งถูกกระตุ้น อยากจะตายอยู่บนร่างเสิ่นเวยเช่นนี้เสียเลย /n /n /nเมื่อคลื่นลมสงบลง เสิ่นเวยก็เหนื่อยจนไม่อยากขยับแม้แต่นิ้วเท้า หลับตาลงปล่อยให้สวีโย่วช่วยนางชำระสะสาง สะลึมสะลือนอนหลับไปแล้ว ก่อนหลับยังคิดว่า เรี่ยวแรงของมารตนนี้ดีจริงๆ หลังจากนี้นางก็โชคดีแล้ว /n /n /nทว่าสวีโย่วกลับกระปรี้กระเปร่าจนดวงตาเป็นประกาย ไม่ง่วงแม้แต่นิดเดียว เขามองเสิ่นเวยที่เหนื่อยจนหลับ ในแววตามีความรักใคร่ที่เขามองไม่เห็น เขากอดเสิ่นเวยไว้ในอ้อมอก ให้แก้มของนางแนบแผงอกตน หลับตาลงด้วยความพอใจ /n /n /nมีภรรยาดีจริงๆ มิน่าเล่าปุถุชนถึงได้ลุ่มหลงเช่นนี้ /n /n /nเช้าวันรุ่งขึ้น เสิ่นเวยตื่นขึ้นมา เมื่อเงยหน้าขึ้นก็สบสายตาที่เปล่งประกายของสวีโย่ว นึกถึงเรื่องเมื่อคืนทันที ใบหน้าก็ร้อนผ่าวอย่างอดไม่ได้ นางขยับด้วยอย่างเคอะเขิน จากนั้นจึงพบว่านางไม่ได้สวมชุดป้ายตัวในซุกอยู่ในอ้อมอกของสวีโย่ว ขาของคนทั้งสองเกี่ยวพันกันอยู่ ของแข็งๆ นั้นกำลังดันต้นขานางอยู่ /n /n /nให้ตาย อายจะแย่อยู่แล้ว! เสิ่นเวยมุดหน้าเข้าไปในอกของสวีโย่ว /n /n /nเช้าตรู่คนงามก็ตกอยู่ในอ้อมกอด อารมณ์ของสวีโย่วสบายใจยิ่งนัก โอบคนในอ้อมอกแนบแน่น หัวเราะเสียงต่ำกล่าว “หรือว่า พวกเรามาทำอีกสักรอบ” /n /n /nเสิ่นเวยถอนตัวออกจากอ้อมกอดของเขาทันที ผีทะเลคนนี้ ติดใจอยากจะลิ้มรสอีกแล้ว “รีบลุกเถอะ วันนี้ต้องทำพิธียกน้ำชาไม่ใช่หรือ” นึกถึงพิธียกน้ำชาเสิ่นเวยก็ลุกขึ้นนั่งทันที “กี่โมงกี่ยามแล้ว หลีฮวาเล่า แม่นมมั่วเล่า เหตุใดถึงไม่เรียกข้า” หลังจากนั้นก็เพิ่งรู้ตัวว่าตนไม่ได้สวมเสื้อผ้า รีบดึงผ้านวมขึ้นมาห่อตัว /n /n /nทิวทัศน์งดงามถูกปิดบัง สวีโย่วก็เสียดายเล็กน้อย “ข้าให้พวกนางไม่ปลุกเจ้าเอง ยังเช้าอยู่ หากเจ้าง่วงก็นอนต่ออีกสักพักเถอะ ยกน้ำชาก็แค่พิธี ในจวนไม่ได้เคร่งกฎเพียงนั้น อีกทั้งฝ่าบาทยังตรัสแล้วว่า พวกเราค่อยเข้าวังน้อมสำนึกพระมหากรุณาธิคุณตอนบ่ายก็ได้” /n /n /nยังเช้าอยู่หรือ เสิ่นเวยเปิดม่านเตียงมองออกไปข้างนอก ไม่เชื่อคำพูดของเขาอย่างสิ้นเชิง “รีบตื่นเถอะ ให้ผู้ใหญ่รอไม่ดีนัก” จวนอ๋องไม่เคร่งกฎเพียงนั้นหรือ นางเชื่อก็โง่แล้ว แม้ว่าจะไม่เคร่งจริงๆ ดูจากท่าทางของพระชายาจิ้นอ๋อง ก็สามารถตั้งกฎออกมาให้นางได้ทันที /n /n /nทว่าสวีโย่วกลับไม่ขยับ เพียงแค่มือค้ำศีรษะยิ้มแย้มมองนาง /n /n /nเสิ่นเวยกัดฟันกรอดในชั่วขณะ ถลึงตามองสวีโย่วอย่างอารมณ์ไม่ดี เหอะ คิดว่านางไม่รู้ความคิดเขาหรือไร มารตนนี้ยังเปลือยอยู่ นางไม่กล้าเรียกหลีฮวาเข้ามารับใช้ แต่เสื้อผ้าของนางกลับอยู่ใน**บฝั่งนั้น ดูท่าทางคุณชายผู้นี้แล้วคงไม่คิดจะช่วยนางหยิบ เหอะ คิดว่าทำเช่นนี้แล้วนนางจะไม่มีวิธีงั้นหรือ /n /n /nเสิ่นเวยดึงปลอกหมอนออกมาพันรอบตัวเอง ก้าวข้ามเท้าและขายาวๆ ทั้งสองที่เปลือยเปล่าของ /n /n /nสวีโย่วกระโดดลงจากเตียง นางหันหลังให้สวีโย่วรื้อเสื้อผ้าของตนเองออกมา /n /n /nน่าแปลกยิ่งนัก ผ่านการมองเห็นที่เปิดเผยเมื่อคืนแล้ว เสิ่นเวยล่อนจ้อนต่อหน้าสวีโย่วก็ไม่รู้สึกเขินอายเหมือนก่อนหน้านี้แล้ว อาจจะเกี่ยวกับที่นางไม่ใช่คนในท้องที่ก็เป็นได้ /n /n /nเสิ่นเวยสวมชุดป้ายตัวในด้วยความรวดเร็วอย่างยิ่ง จากนั้นจึงหาชุดป้ายตัวในของสวีโย่วแล้วโยนขึ้นไปบนเตียง ถือโอกาสเก็บชุดที่โยนไว้บนพื้นเมื่อคืนมาวางไว้ข้างๆ เมื่อหันหน้ากลับไปก็เห็นสวีโย่วยังคงนอนอยู่บนเตียง “ยังไม่รีบลุกอีก ท่านรออะไรอยู่” /n /n /nทว่าสวีโย่วกลับกล่าวอย่างมั่นใจ “ย่อมต้องรอฮูหยินมาปรนนิบัติสวมเสื้อผ้าให้ข้า” /n /n /n“ท่านสวมเองไม่เป็นหรือ มีมือไว้ทำไม” เสิ่นเวยกลอกตาขาวให้เขา /n /n /n“ข้าแต่งภรรยาแล้ว” สวีโย่วกล่าวด้วยเหตุผล แสดงท่าทางว่าข้าปัดวามรับผิดชอบให้เจ้าแล้ว /n /n /nเสิ่นเวยโมโหจนกัดฟันกรอด หากไม่ใช่เป็นห่วงว่านี่คือวันแรกของการแต่งงาน นางจะต้องตีเขาจนฟันร่วงทั่วพื้นแน่นอน ให้เขาเข้าใจว่าอะไรที่เรียกว่ากฎของสามี /n /n /nเสิ่นเวยรับคำสั่งเดินเข้าไป หยิบเสื้อป้ายตัวในมาสวมลงบนร่างของสวีโย่ว “มาๆๆ ท่านชาย เชิญลุกขึ้นมาสวมเสื้อเถอะ” ยังต้องไปยกน้ำชาเคารพอีก นางไม่ว่างมาเสียเวลากับมารตนนี้ที่นี่ /n /n /nเสิ่นเวยไม่เคยปรนนิบัติคนมาก่อน ตลอดขั้นตอนการสวมเสื้อผ้าต่างก็ลนลานทำอะไรไม่ถูก แต่สวีโย่วไม่โมโหเลยแม้แต่น้อย กลับมีความสุขอย่างถึงที่สุด /n /n /nเสื้อผ้าสวมเสร็จแล้ว บนหน้าผากของเสิ่นเวยก็มีเหงื่อผุดออกมา นางผลักสวีโย่วลงข้างๆ ขึ้นเสียงตะโกนเรียกหลีฮวากับแม่นมมั่วและคนอื่นๆ ที่รออยู่ข้างนอกนานแล้ว /n /n /n“คารวะท่านเขย คุณหนู” ทุกคนเคารพพร้อมกัน /n /n /nเสิ่นเวยไม่ได้รู้สึกอะไร แต่แม่นมมั่วกลับพูดแก้ “เรียกคุณหนูไม่ได้แล้ว ต่อไปนี้ต้องเรียกฮูหยิน” /n /n /nเสิ่นเวยปรายตามองสวีโย่วปราดหนึ่ง กล่าว “ได้ เช่นนั้นตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปก็เรียกฮูหยิน” นางเพิ่งจะอายุสิบห้าก็ได้เป็นฮูหยินแล้ว รู้สึกแก่ยิ่งนัก “อืม แล้วก็ไม่ต้องเรียกท่านเขย ตามจวนอ๋อง เรียกว่าคุณชายใหญ่ก็พอ” เสิ่นเวยคิดคู่หนึ่งแล้วกล่าวเสริม อยู่ในอาณาเขตของคนอื่นเรียกท่านเขย คล้ายเป็นการตบหน้าเล็กน้อย! /n /n /nทุกคนพากันตอบรับ เร่งมือทำงานอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย /n /n /nเถาจือสั่งสาวใช้เล็กที่ยกน้ำร้อนให้เข้าไปในห้องด้านใน แม่นมมั่วช่วยเสิ่นเวยหาเสื้อผ้าที่จะสวมในวันนี้ หลีฮวาก็ประคองเสิ่นเวยไปอาบน้ำ /n /n /n“แม่นมมั่ว รีบมาแต่งตัวให้ข้า” เสิ่นเวยออกมาจากห้องด้านในแล้วก็นั่งหน้ากระจกกล่าวเร่งรัด /n /n /nแม่นมมั่วย่อมเข้าใจความสำคัญของพิธียกน้ำชาให้ผู้อาวุโสในวันแรกของการแต่งงาน ไม่พูดพร่ำทำเพลงก็หวีผมแต่งหน้าให้เสิ่นเวย แม่นมมั่วเข้าใจนิสัยของเสิ่นเวยอยู่นานแล้ว ไม่ต้องใช้แป้ง เพียงแค่เขียนคิ้ว แต้มริมฝีปากชมพู จากนั้นก็แต้มชาดเล็กน้อยบนแก้ม ตบแต่งอย่างเรียบง่ายเช่นนี้ใบหน้าของเสิ่นเวยก็ดูมีชีวิตชีวาขึ้นมาทันที /n /n /nเครื่องประดับยังคงเรียบง่ายดูดี ทั้งศีรษะปักเพียงปิ่นหยกสีเขียวหนึ่งอัน แต่กลับไม่ได้ดูซอมซ่อเลยแม้แต่นิดเดียว ต่างหูยังคงเป็นไข่มุก เพียงแต่เปลี่ยนเป็นรูปดอกไม้ /n /n /nหลีฮวากอบเสื้อผ้ารออยู่ข้างๆ แล้ว ยังคงเป็นชุดสีแดง ข้างบนใช้ด้ายทองปักลายมงคลและนกกระจอก /n /n /nตอนที่สวีโย่วออกมา เสิ่นเวยเพิ่งจะแต่งตัวเสร็จ นางยิ้มหวานให้สวีโย่ว ถาม “เหมาะสมหรือไม่” /n /n /nในดวงตาสวีโย่วเต็มไปด้วยความตกตะลึง คิ้วเลิกขึ้น กล่าว “ย่อมต้องเหมาะสมที่สุด ฮูหยินของข้าผู้แซ่สวีจะไม่เหมาะสมได้อย่างไร” ท่าทางภาคภูมิใจนั้น ทำให้เสิ่นเวยอดยิ้มไม่ได้ /n /n /nในห้องโถงเล็กจัดวางอาหารเช้าไว้เรียบร้อยแล้ว สวีโย่วพาเสิ่นเวยมานั่ง “กินให้อิ่มก่อนแล้วค่อยไป” /n /n /nเสิ่นเวยย่อมไม่มีความเห็นอื่น ในแผ่นการของนางไม่เคยบัญญัติไว้ว่าต้องปล่อยให้ท้องหิว /n

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด