Alchemy Emperor of the Divine Dao ตอนที่ 928
“หึ่ม มันก็แค่แมว” หลัวหงกล่าวเหยียดหยาม“ใช่แล้ว!” หลัวข่ายเฟิงพยักหน้าและพูดว่า “แต่มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะจัดการหลิงฮันในสำนัก”หลัวหงขมวดคิ้วแน่นและพูดว่า “พวกเราไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องพวกนั้น”“ท่านผู้นำหมายถึงอะไร?” หลัวข่ายเฟิงไม่เข้าใจที่เขาพูด“เจ้าจงไปที่สมาคมราตรีนิรันดร์และว่าจ้างพวกเขาด้วยผลึกก่อเกิดหนึ่งหมื่นก้อนสำหรับผู้ที่ฆ่าหลิงฮันได้!” หลัวหงกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชาสมาคมราตรีนิรันดร์คือสมาคมนักฆ่า ตราบใดที่พวกเขาได้เงิน พวกเขาก็จะรับงานลอบสังหารสมาคมนี้มีขนาดใหญ่มากและมีสาขามากมายในจักรวรรดิราชวงศ์ทั้งสามแห่ง เพียงแค่จักรวรรดิราชวงศ์ดาราหายนะก็มีสิบกว่าสาขาแล้ว แต่ไม่มีใครรู้ว่าสมาคมหลักตั้งอยู่ที่ไหนและผู้นำของพวกเขาเป็นใครแข็งแกร่งแค่ไหนไม่มีใครทราบ ถึงแม้จักรวรรดิราชวงศ์ทั้งสามแห่งต้องการที่จะกวาดล้างพวกเขา แต่ก็ไม่เคยทำสำเร็จผลึกก่อเกิดหนึ่งหมื่นก้อนแลกกับหัวของจอมยุทธระดับทลายมิติ พวกเขาจะปฏิเสธได้อย่างไร?หลัวข่ายเฟิงแสยะยิ้ม และหลิงฮันจะต้องกลายเป็นศพอย่างแน่นอน สมาคมราตรีนิรันดร์จะไม่สามารถฆ่าจอมยุทธระดับทลายมิติได้อย่างไร? ถึงแม้พวกเขาจะไม่กล้าลงมือในสำนักนภาสีชาด แต่ใช่ว่าหลิงฮันจะหลบอยู่ในสำนักไปตลอดชีวิตเมื่อใดที่เขาออกมาจากสำนัก มันจะเป็นโอกาสของสมาคมราตรีนิรันดร์ที่จะสังหารหลิงฮัน“ตกลง!” หลัวข่ายเฟิงพยักหน้า……หลิงฮันและเจ้าแมวอ้วนกลับไปที่สวน เขาย่างเนื้อกินเองและให้เจ้าแมวอ้วน จากนั้นก็ฝึกฝนทักษะลับเจ็ดจิตสังหารต่อผ่านไปห้าวัน หลิงฮันประสบความสำเร็จเพียงเล็กน้อยเท่านั้น แต่ก็เริ่มใช้ทักษะได้แล้วบ้างเขายืนอยู่ในสวนและจ้องมองไปที่ก้อนหินด้วยแววตาที่แหลมคมเหมือนกับดาบ ตู้ม ก้อนหินระเบิดทันที“ทักษะลับนี่ไม่เพียงแค่โจมตีจิตวิญญาณโดยตรงเท่านั้น แต่ยังมีพลังทำลายล้างที่น่าหวาดกลัวด้วย ซึ่งพลังทำลายล้างขึ้นอยู่กับระดับพลังและพลังวิญญาณว่าแข็งแกร่งแค่ไหน” หลิงฮันคิดในใจตุบ ตุบ ตุบ!ในขณะนั้นเองมีใครบางคนมาเคาะประตูบ้านของหลิงฮัน เมื่อเขาเดินไปเปิดประตู เขาก็เห็นสุ่ยเยี่ยนยวี่กำลังยืนอยู่ที่ประตูใบหน้าของสุ่ยเยี่ยนยวี่ดูแดงก่ำและนางพูดด้วยท่าทางเขินอายว่า “พ่อของข้าต้องการพบเจ้า”“พ่อเขยต้องการพบข้า?” หลิงฮันพูดพึมพัม มันไม่ใช่เรื่องแปลกที่เขากับสุ่ยเยี่ยนยวี่เป็นคู่รักกัน แต่ผู้นำตระกูลสุ่ยไม่เรียกตัวเขาช้าไปหน่อยหรือในตอนแรกตระกูลสุ่ยคิดว่าความสัมพันธ์ระหว่างหลิงฮันกับสุ่ยเยี่ยนยวี่เป็นแค่ข่าวลือ แต่หลังจากที่ได้ยินจากปากของสุ่ยเยี่ยนยวี่เอง ทำให้พวกเขารู้ว่าคิดผิดสุ่ยเยี่ยนยวี่พูดด้วยท่าทางเขินอายอีกครั้งว่า “อย่าให้ข้าต้องพูดซ้ำ!”“ถึงแม้ว่าพวกเราจะแกล้งเป็นคู่รักกัน แต่ข้าก็ต้องไปใช่หรือไม่?” หลิงฮันถามด้วยรอยยิ้ม“ตอนนี้ไม่มีใครอยู่ที่นี่นอกจากเจ้ากับข้า เจ้าไม่จำเป็นต้องแสดงก็ได้” สุ่ยเยี่ยนยวี่กล่าวอย่างเฉยเมยหลิงฮันถอนหายใจและพูดว่า “เมื่อไม่กี่วันก่อนตอนที่ข้าต่อสู้กับหลัวป้า เจ้าไม่เห็นมาหาข้าเลย เจ้าไม่กลัวว่าคนอื่นจะมองเจ้ากับข้าห่างเหินกันไปหน่อยหรือ?”“หึ่ม ด้วยความแข็งแกร่งของเจ้า หลัวป้าจะทำไปทำอะไรเจ้าได้” สุ่ยเยี่ยนยวี่กล่าวหลิงฮันหัวเราะและพูดว่า “ก็ได้ ข้าจะไปกับเจ้าเพื่อได้รับอั่งเปา พวกเราไปกันได้แล้ว”สุ่ยเยี่ยนยวี่ส่ายหัวและพูดว่า “ตระกูลของข้าต้องการให้ข้าแต่งงานกับตระกูลจ้าว ดังนั้นเกรงว่าถ้าเจ้าไปมีแต่จะถูกกดดันอย่างหนัก! แต่โชคดีที่เจ้าเป็นคนของผู้อาวุโสฝ่ายซ้าย แม้เจ้าจะเป็นแค่จอมยุทธระดับทลายมิติก็คงไม่มีใครกล้าทำอะไรเจ้า ดั่งคำพูดตีหมาก็ต้องดูเจ้าของ”ปากของหลิงฮันกระตุก และพูดว่า “ตีหมาก็ต้องดูเจ้าของ เจ้าสรรหาคำพูดที่ดีกว่านี้หน่อยไม่ได้หรือไง? นอกจากนี้ยังมีคำพูดว่าแต่งกับไก่ตามไก่ แต่งกับสุนัขตามสุนัข ถ้าข้าเป็นสุนัข เจ้าก็ต้องเป็นสุนัขเหมือนกับข้ามิใช่รึ?”ปลายดาบชี้ไปที่คอของหลิงฮัน จากนั้นสุ่ยเยี่ยนยวี่ก็พูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นชาว่า “หากเจ้าพูดจาไร้สาระอีกครั้ง ข้าจะฆ่าเจ้า!”หลิงฮันไม่กลัวและยังคงพูดว่า “นี่เจ้าคิดจะฆ่าสามีของเจ้าอย่างนั้นรึ?”สุ่ยเยี่ยนยวี่จ้องเขม็งหลิงฮันอยู่สักพักก่อนที่จะดึงดาบกลับมา หากหลิงฮันตาย นางก็จะเป็นม่ายไปตลอดชีวิต จากมุมมองนี้แสดงให้เห็นว่าหลิงฮันเป็นสามีของนาง“ตามข้ามา!” นางขี้เกียจเกินไปที่จะพูดเรื่องไร้สาระกับหลิงฮันเมื่อทั้งสองคนเดินจากไป สุ่ยเยี่ยนยวี่อยากจะเดินนำหน้า แต่หลิงฮันยืนกรานว่าจะเดินอยู่เคียงข้างนาง“ศิษย์พี่ อย่าลืมว่ามีหลายคนกำลังจับตามองพวกเราอยู่!” ในขณะที่นางกำลังจะโกรธ หลิงฮันก็เข้ามากระซิบข้างหูไม่มีชายใดเคยอยู่ใกล้นางขนาดนี้มาก่อน ดังนั้นใบหน้าของนางกลายเป็นแดงก่ำทันทีในขณะที่นางกำลังสับสน หลิงฮันก็ฉวยโอกาสจับมือและแกว่งไปมาราวกับทั้งสองคนกำลังเดินเล่นอยู่บนก้อนเมฆ“แล้วพวกเราจะไปที่ไหนกัน?” ทั้งสองคนยังไม่ทันเดินไปไหน หลิงฮันก็พูดถามขึ้นมา ซึ่งทำให้สติของสุ่ยเยี่ยนยวี่กลับมาและนางรีบสะบัดมือของหลิงฮันอย่างรวดเร็วนางมองไปที่หลิงฮันด้วยแววตาที่โกรธเกรี้ยวและพูดว่า “ถึงแม้พวกเราจะแกล้งทำเป็นใกล้ชิดกัน แต่จำเป็นต้องจับมือด้วยรึ?”“เมื่อครู่ข้าเห็นคนของจ้าวหลุนอยู่แถวนี้” หลิงฮันพูดและทำเป็นชี้ไปด้านหลัง“หืม?” สุ่ยเยี่ยนยวี่รู้สึกแปลกใจ ดูเหมือนนางจะคิดมากเกินไป“ไปกันได้แล้ว!” หลิงฮันเดินจับมือสุ่ยเยี่ยนยวี่อีกครั้ง และแอบยิ้มอย่างชั่วร้ายอยู่ในใจ ซึ่งครั้งนี้สุ่ยเยี่ยนยวี่ไม่ปฏิเสธ และปล่อยให้เขาจับมือ ถึงอย่างนั้นนางก็ไม่อาจปกปิดใบหน้าที่แดงก่ำได้สุ่ยเยี่ยนยวี่สงบสติอารมณ์ลงและพาหลิงฮันไป หลังจากผ่านไปครึ่งชั่วโมง พวกเขาก็มาถึงบ้านตระกูลสุ่ยตระกูลสุ่ย ตระกูลระดับห้า
คอมเม้นต์