Alchemy Emperor of the Divine Dao ตอนที่ 1738 ดูดซับวารีพลังหยินเร้นลับ

อ่านนิยายจีนเรื่อง Alchemy Emperor of the Divine Dao ตอนที่ 1738 ดูดซับวารีพลังหยินเร้นลับ 3Novel | อ่านนิยายออนไลน์ นิยายแปลไทย อ่านนิยายฟรี.

วารีพลังหยินเร้นลับคือวารีที่เย็นยะเยือกที่สุดในโลก
ถึงแม้มันจะยอมเข้าไปในร่างหลิงฮันเพราะถูกเงาของเต่าทมิฬดึงดูด แต่มันก็ไม่ได้ลดพลังของตัวเองลงเลยแม้แต่น้อย ร่างของหลิงฮันจึงถูกแช่แข็งอย่างสมบูรณ์
โชคดีที่หลิงฮันมีเพลิงเก้าสวรรค์อยู่ในร่างกายซึ่งสามารถคุ้มกันไม่ให้ดวงวิญญาณได้รับผลกระทบไปด้วยได้ หากไม่อย่างนั้น ต่อให้วารีพลังหยินเร้นลับจะไม่ได้คิดสังหารเขา แต่ดวงวิญญาณของเขาก็จะถูกกัดกร่อนทุกๆวินาที
ภายในตันเถียนของหลิงฮัน อำนาจต้นกำเนิดสวรรค์และปฐพีทั้งสองกำลังต่อต้านกัน แต่เดิมแล้วเพลิงเก้าสวรรค์เป็นเพียงอำนาจเดียวที่อยู่ภายในตันเถียน แต่ตอนนี้วารีพลังหยินเร้นลับกลับล้ำเส้นเข้ามาอยู่ในอาณาเขตของมัน จึงเป็นธรรมดาที่มันจะต่อต้าน
และเนื่องจากอำนาจทั้งสองคือแก่นกำเนิดพลังที่มีพลังทัดเทียมกับราชานิรันดร์ ในช่วงที่อำนาจทั้งสองคัดแย้งกันร่างกายของหลิงฮันจึงรู้สึกเจ็บปวดทรมานเป็นอย่างมาก
หลังจากบรรลุระดับโลกียนิพพาน กายหยาบของเขาได้ยกระดับขึ้นมาสู่ระดับใหม่ ซึ่งเทียบได้กับแร่โลหะกึ่งนิรันดร์สองดาว
แต่กายหยาบเพียงแค่นี้ต่อหน้าแก่นพลังต้นกำเนิดทั้งสองย่อมไม่อาจช่วยอะไรได้ เวลาผ่านไปเพียงชั่วพริบตาหลิงฮันก็รู้สึกราวกับร่างกายจะระเบิด เขารีบเข้าสู่หอคอยทมิฬทันทีเพื่อหวังจะใช้อำนาจของหอคอยทมิฬกำราบแก่นกำเนิดพลังทั้งสองนี้
‘ครืนน’ หอคอยทมิฬปลดปล่อยอำนาจเข้าใส่แก่นพลังต้นเนิดสวรรค์และปฐพีทั้งสอง
ในด้านของเพลิงเก้าสวรรค์นั้นมันยอมเชื่อฟังแต่โดยดีเนื่องจากเป็นส่วนหนึ่งของหลิงฮันอยู่แล้ว แต่ในด้านของวารีพลังหยินเร้นลับนั้นมันทำการต่อต้านและไม่คิดจะยอมศิโรราบแต่โดยดี มันปลดปล่อยอำนาจเยือกแข็งอันทรงพลังแพร่กระจายไปทั่วตันเถียนของหลิงฮัน
หลิงฮันเริ่มโคจรพลังเพื่อดูดซับวารีพลังหยินเร้นลับ มีเพียงการทำให้มันกลายเป็นส่วนหนึ่งของเขาเท่านั้น วารีพลังหยินเร้นลับถึงจะไม่ขัดแย้งกับเพลิงเก้าสวรรค์
แต่ต่อให้จะมีพลังของหอคอยทมิฬคอยช่วยเหลือ การจะกำราบวารีพลังหยินเร้นลับก็ยังเป็นเรื่องที่ยากลำบากอยู่ดี ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องแปลก มีรึที่แก่นพลังต้นเนิดสวรรค์และปฐพีที่มีพลังเทียบเท่าราชานิรันดร์จะถูกสยบง่ายๆ?
หลิงฮันค่อยๆดูดซับวารีพลังหยินเร้นลับมาเป็นพลังของตัวเองอย่างช้าๆ ในระหว่างขั้นตอนนี้ชั้นน้ำแข็งก็ได้ทำการก่อตัวขึ้นและโอบล้อมไปทั่วร่างของเขา
หนึ่งวัน… สองวัน… สามวัน… และในวันที่ห้านั่นเองจู่ๆหลิงฮันก็ลืมตาขึ้น ‘แกร่ก แกร่ก แกร่ก’ น้ำแข็งที่ห่อหุ้มร่างของหลิงฮันเอาไว้ปรากฏรอยร้าวและแตกออก ร่างของหลิงฮันสั่นสะท้านเล็กน้อยก่อนจะเดินออกมาจากกองน้ำแข็งที่แตกหัก
กองน้ำแข็งที่แตกหักหลอมละลายกลายเป็นแอ่งน้ำและถูกดูดเข้ามาภายในร่างของเขา
วารีพลังหยินเร้นลับกลายเป็นแก่นพลังของเขาอย่างสมบูรณ์แล้ว หลังจากนี้เขาจะเป็นผู้ปกครองอำนาจวารีทั้งใต้หล้า!
แน่นอนว่านั่นก็ขึ้นอยู่กับระดับพลังบ่มเพาะของเขาเช่นกัน พลังของทั้งเพลิงเก้าสวรรค์และวารีพลังหยินเร้นลับจะพัฒนาขึ้นไปพร้อมๆกับเขา
นั่นหมายความว่าอย่างไร?
เมื่อหลิงฮันบรรลุเป็นราชานิรันดร์ ตัวเขาที่มีแก่นพลังต้นกำเนิดที่เทียบเท่าราชานิรันดร์ทั้งสองอยู่ในร่างกาย ย่อมมีพลังต่อสู้ที่แข็งแกร่งเกินพรรณนา!
“ผลประโยชน์ที่ได้รับในเขตแดนลี้ลับครั้งนี้ช่างมหาศาลจริงๆ” หลิงฮันยิ้ม นอกจากเขาจะบรรลุระดับโลกียนิพพานได้อย่างสมบูรณ์แล้ว เขายังได้รับทักษะระดับราชานิรันดร์จากความทรงจำของราชานิรันดร์ว่านโซ่วและวารีพลังหยินเร้นลับมาครอบครองอีกด้วย
ราชานิรันดร์ว่านโซ่วผู้นี้นั้นช่างมีความคิดสร้างสรรค์เป็นอย่างมาก หลังจากบรรลุระดับราชานิรันดร์แล้ว เขาได้แบ่งแก่นกำเนิดพลังของตนเองที่ทรงพลังไม่แพ้แก่นพลังต้นเนิดสวรรค์และปฐพีอย่างเพลิงเก้าสวรรค์หรือวารีพลังหยินเร้นลับไปผสานเป็นพลังให้สัตว์อสูรที่เขาสร้างขึ้น ซึ่งได้ทำให้สัตว์อสูรเหล่านั้นทรงพลังอย่างน่าสะพรึง
แต่ปัญหาคือเมื่อแบ่งแก่นกำเนิดพลังของตนเองออกไป พลังต่อสู้บางส่วนของราชานิรันดร์ว่านโซ่วจึงลดลงไป วิธีการที่เขาจะทำให้พลังของตนเองกลับคืนมาหรือแข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิมมีเพียงต้องดูดซับอำนาจของแก่นพลังต้นเนิดสวรรค์และปฐพี
ซึ่งถึงแม้เขาจะหาวารีพลังหยินเร้นลับพบ แต่ด้วยเหตุผลบางประการได้ทำให้เขาไม่มีเวลามาเก็บครอบครองมัน จนกระทั่งเมื่อถึงตอนที่เขาถูกราชานิรันดร์อวี้ซวีสังหาร ร่างกายของเขาได้ใช้พลังเฮือกสุดท้ายมายังสถานที่ซ่อนของวารีพลังหยินเร้นลับแต่ก็ล้มเหลวในที่สุด
แต่ปัญหาที่ทำให้พลังต่อสู้ลดลงที่เกิดขึ้นกับราชานิรันดร์ว่านโซ่วนั้นไม่มีวันเกิดขึ้นกับหลิงฮันเพราะเขาครอบครองแก่นพลังต้นเนิดสวรรค์และปฐพีถึงสอง หลังจากฝึกฝนทักษะระดับราชานิรันดร์ทักษะนี้ พลังของทักษะที่เขาใช้ออกมาจะทรงพลังยิ่งกว่าของผู้คิดค้นทักษะอย่างราชานิรันดร์ว่านโซ่วเสียอีก
“หากในอนาคตข้าได้ครอบครองแก่นพลังต้นเนิดสวรรค์และปฐพีเพิ่มขึ้นอีก พลังต่อสู้ของข้าจะแข็งแกร่งขนาดไหน?”
หลิงฮันพึมพำกับตัวเอง
“หากเจ้ามีโอกาส ก่อนจะก้าวสู่ระดับราชานิรันดร์ก็พยายามครอบครองแก่นพลังต้นเนิดสวรรค์และปฐพีให้มากเข้าไว้” จู่ๆหอคอยน้อยก็เอ่ยแทรก
“มีเหตุผลอะไรที่ต้องทำเช่นนั้น?” หลิงฮันถาม
“ยิ่งเจ้าครอบครองแก่นพลังต้นเนิดสวรรค์และปฐพีมากเท่าไหร่ เจ้าก็จะสามารถดูดซับพลังของสวรรค์ได้มากขึ้นหลังจากบรรลุระดับราชานิรันดร์ ซึ่งนั่นจะทำให้พลังต่อสู้ของเขายกระดับขึ้นอย่างก้าวกระโดด นอกจากนั้นโอกาสที่เจ้าจะทะลวงผ่านเป็นราชานิรันดร์ระดับเก้าได้สำเร็จก็จะเพิ่มขึ้นด้วย ไม่งั้นหากพึ่งพาพลังของตัวเจ้าเองเพียงอย่างเดียวคงยากที่จะบรรลุเป็นราชานิรันดร์ระดับเก้า” หอคอยน้อยกล่าว
ที่แท้ก็เป็นเช่นนั้น!
หลิงฮันพยักหน้า ก่อนจะคิดในใจว่าพวกเขาสมควรออกมาจากเขตแดนลี้ลับได้แล้ว เนื่องจากระยะเวลาสามเดือนใกล้จะสิ้นสุดเข้าไปทุกที
เขาว่ายน้ำขึ้นจากทะเลสาบ แม้จะเป็นตอนนี้เขาก็ยังจำเป็นต้องใช้เพลิงเก้าสวรรค์หรือวารีพลังหยินเร้นลับช่วยป้องกันการกัดกร่อนของออร่าราชานิรันดร์อยู่ เวลาผ่านผ่านพ้นไปอีกแปดวันร่างของเขาก็หลุดพ้นออกมาจากทะเลสาบ
“หลิงฮัน!” จักรพรรดินีและสตรีนกอมตะอุทานด้วยความรู้สึกโล่งอก หลิงฮันหายตัวไปทั้งยี่สิบวัน ต่อให้พวกนางจะมั่นใจในตัวหลิงฮันมากขนาดไหนพวกนางก็ยังเป็นห่วงอยู่ดี
หลิงฮันยิ้มและกล่าว “ขอโทษที่ทำให้พวกเจ้าเป็นห่วง พวกเรากลับออกจากที่นี่กันเถอะ”
“แล้ววารีบรรพบุรุษล่ะ?” จักรพรรดินีเอ่ยกล่าว
หลิงฮันสะบัดมือ ‘พรึบ’ ชั้นอากาศรอบกายของเขาถูกแช่แข็งในพริบตา กลิ่นอายของหลิงฮันในตอนนี้ราวกับว่าเป็นราชันแห่งห้วงเหมันต์
ทั้งจักรพรรดินีและสตรีนกอมตะตกตะลึงกับภาพที่เห็นตรงหน้า
หลิงฮันนำแพไม้ออกมาเพื่อเดินทางกลับ ระยะเวลาสามเดือนใกล้เข้ามาทุกทีเพราะงั้นอำนาจของแม่น้ำจึงรุนแรงขึ้นกว่าเดิม
โชคดีที่หลิงฮันในตอนนี้ครอบครองแก่นพลังต้นเนิดสวรรค์และปฐพีอยู่ถึงสอง ซึ่งเพียงพอที่จะใช้ต่อต้านอำนาจจากแม่น้ำและเร่งความเร็วของแพไม้ เพราะอย่างไรต้นกำเนิดของแม่น้ำแห่งนี้ก็เป็นเพียงออร่าที่เล็ดรอดมาจากศพราชานิรันดร์ที่สิ้นชีพไม่ใช่พลังที่ถูกปล่อยออกมาจากราชานิรันดร์โดยตรง
เวลาผ่านไปไม่กี่วันพวกเขาทั้งสามก็ออกมาจากหุบเหวสืบสานนิพพานได้สำเร็จ
ณ เวลานี้ผู้คนที่ออกมาจากเขตแดนลี้ลับได้กลับกันไปแทบจะหมดแล้ว
“หลิงฮัน!” เสียงคำรามอันโหดเหี้ยมดังขึ้นพร้อมกับร่างของชายชราที่มีผิวซีดขาวราวกับคนใกล้ตายได้ปรากฏตัวและจดจ้องมายังพวกเขาทั้งสาม
ชายชราผู้นี้คือติงซิ๋ง นิรันดร์ระดับสองนิพพานของตระกูลติง!

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด