Alchemy Emperor of the Divine Dao ตอนที่ 686
ยามค่ำคืน ภายใต้การนำทัพของจางเสี่ยวหลิน หน่อยลอบโจมตีได้มารวมตัวกันกว่าสามร้อยคนและลอบเข้าไปยังแคมป์ที่พักของน่ากองทัพหลานเทียนฮวงอย่าดูถูกจำนวนคนสามร้อยกว่าคนนี้เชียว จอมยุทธระดับต่ำที่สุดในหน่วยคือระดับตัวอ่อนวิญญาณ นอกจากนั้นก็มีระดับก้าวสู่เทวาสิบกว่าคน ระดับสวรรค์สองคนและระดับทลายมิติเมื่อคิดดูแล้ว ถึงแม้น่าหลานเทียนฮวงจะเตรียมตัวรับกับสถานการณ์เอาไว้แล้ว แต่หากพบกับหน่วยลอบจู่โจมตีแข็งแกร่งเช่นนี้ ไม่ว่าอย่างไรเขาก็ต้องเกิดความสูญเสียอย่างมหาศาล และเมื่อใดที่สถานการณ์เริ่มดูย่ำแย่ พวกก็จะค่อยถอนทัพกลับมาอย่างไรก็ตาม เมื่อรุ่งอรุณเปิดฟ้า หลิงฮันก็เห็นจางเสี่ยวหลินกลับมาในเมืองพร้อมกับจอมยุทธระดับสวรรค์แค่สองคน ใบหน้าของพวกเขามืดมนและมีบาดแผลสาหัสที่ลึกจนมองเห็นกระดูกพวกเขาไม่ได้กล่าวคำพูดใดๆและกลับไปยังที่พักของตน แต่ครึ่งวันต่อมากองทัพก็มีคำสั่งให้ทุกคนล่าถอยทันทีเกิดอะไรขึ้นกันแน่ แค่การลอบจู่โจมครั้งเดียวทำไมต้องให้ทุกคนล่าถอยด้วย?แต่นั่นเป็นคำสั่งของจอมยุทธระดับทลายมิติ ใครจะกล้าตั้งคำถามหรือปฏิเสธ?ทันใดนั้นกองทัพกว่าหนึ่งหมื่นหน่วยก็ถอนตัวออกจากเมืองและล่าถอยไปยังพื้นที่กว้างด้านหลัง ระหว่างทางในที่สุดความจริงเกี่ยวกับการลอบโจมตีเมื่อคืนก็ถูกเผยออกมาข้อมูลนี้เป็นสิ่งที่จอมยุทธระดับสวรรค์เล่าให้ลูกหลานของตนเองฟัง และลูกหลานเหล่านั้นดันเป็นพวกปากผล่อย ภายในพริบตาข่าวก็แพร่กระจายปากต่อปากไปทั่วเมื่อคืนนี้หลังจากหน่วยลอบจู่โจมเข้าไปยังแคมป์ที่พักของศัตรู พวกเขาก็ถูกซุ่มโจมตีในทันทีน่าหลานเทียนฮวงส่งกองกำลังมารอคอยพวกเขาอยู่แล้ว เพราะงั้นการบุกเมื่อคืนจึงไม่ใช่การลอบโจมตีอีกต่อไปแต่เป็นสงครามระยะสั้นฝั่งของจางเสี่ยวหลินมีจอมยุทธระดับตัวอ่อนวิญญาณสามร้อยกว่าคนและมีตัวตนระดับทลายมิติเป็นผู้นำ แต่น่าหลานเทียนฮวง กลับทำตรงกันข้าม เขาเตรียมจอมยุทธเอาไว้รอถึงหนึ่งหมื่นคน ซึ่งหนึ่งหมื่นคนนี้ส่วนใหญ่จะมีระดับพลังเพียงแก่นแท้วิญญาณและห้วงจิตวิญญาณ ผู้นำทัพที่ซุ่มโจมตีนั้นไม่ใช่น่าหลานเทียนฮวงแต่เป็นอสูรระดับทลายมิติไม่ว่าดูอย่างไรจางเสี่ยวหลินก็น่าจะเป็นฝ่ายได้เปรียบอย่างสมบูรณ์ เพราะถึงแม้จางเสี่ยวหลินจะต้องเข้าปะทะกับอสูรระดับทลายมิติ แต่จอมยุทธระดับตัวอ่อนวิญญาณก็สมควรกวาดล้างจอมยุทธระดับแก่นแท้วิญญาณและห้วงจิตวิญญาณหมื่นคนได้อย่างง่ายดายมันควรจะเป็นการสังหารโหดฝ่ายเดียวแท้ๆ แต่ผลลัพธ์กลับไม่เป็นเช่นนั้นกองทัพนับหมื่นคนที่ดูเหมือนเป็นลูกไก่กับมีพลังต่อสู้ที่น่าสะพรึงกลัว พวกเขาสามารถตอบโต้หน่วยลอบโจมตีได้อย่างง่ายดาย ส่วนจางเสี่ยวหลินที่ปะทะกับสัตวอสูรนั้นก็ค่อยๆตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบเพียงการต่อสู้สั้นๆ แต่หน่วยลอบโจมตีกลับเกือบจะถูกทำลายอย่างสมบูรณ์ จางเสี่ยวหลินเห็นว่าสถานการณ์เริ่มไม่ดีจึงช่วยจอมยุทธระดับสวรรค์สองคนหนีกลับมาจากที่จอมยุทธระดับสวรรค์เล่า จอมยุทธหนึ่งหมื่นคนของอีกฝ่ายดูเหมือนจะใช้รูปแบบต่อสู้บางอย่างที่เมื่อพวกเขาสู้รบพร้อมกับจะทำให้มีพลังต่อสู้โดยรวมเทียบเท่ากับจอมยุทธระดับสวรรค์หลังจากได้ยินเรื่องราวทั้งหมด หลิงฮันก็อดไม่ได้ที่จะพยักหน้าในใจ ถึงว่าทำไมหม่าตั้วเป่าถึงมีความมั่นใจขนาดนั้น ที่แท้เขาก็มีทั้งรูปแบบอาคมที่แข็งแกร่ง กองทัพที่มั่นคงและราชาที่ทรงพลังถึงแม้จะเป็นเพียงจอมยุทธระดับแก่นแท้จิตวิญญาณหรือห้วงจิตวิญญาณ แต่เพิ่มผสานพลังเข้าด้วยกันและเพิ่มอำนาจของพลังแห่งจักรภพเข้าไปอีก กองทัพของพวกเขาจะแข็งแกร่งขึ้นจนสามารถต่อกรกับจอมยุทธระดับสวรรค์ได้นี่เป็นเพียงแค่จำนวนคนหมื่นคนเท่านั้น ถ้าหากกองทัพเหล่านี้มีหมื่นคนหรือล้านคนล่ะ?ด้วยพลังของผู้คนนับล้านคน จะเป็นไปไม่ได้เลยรึที่จะเปิดสวรรค์ได้สำเร็จ?หลิงฮันไม่ได้แสดงความคิดเห็นอะไร ในขณะที่ทุกคนล่าถอยออกจากเมือง น่าหลานเทียนฮวงก็บุกโจมตีเมืองทันทีด้านบนหัวเมืองถูกแทนที่ด้วยธงของจักรวรรดิจันทราม่วง นั่นหมายถึงเมืองแห่งนี้เป็นอาณาเขตของจักรวรรดิจันทราม่วงเรียบร้อยแล้วหลังจากนั้นหนึ่งชั่วโมง กองทัพของน่าหลานเทียนฮวงก็บุกไปยังเมืองต่อไป และด้วยการสื่อสารผ่านหินสื่อสารทำให้รู้ว่ากองทัพอีกสองกองทัพของจักรวรรดิจันทราม่วงก็แข็งแกร่งไม่แพ้กันสุดท้ายแล้วการรวมตัวกันสร้างกองทัพของห้านิกายโบราณก็ไม่ต่างอะไรกับเรื่องขบขัน แม้แต่การต่อต้านจักรวรรดิจันทราม่วงก็ไม่อาจทำได้สำเร็จเมื่อข่าวแพร่กระจายออกไป โลกทั้งโลกจะต้องสั่นไหว!ในตอนแรก มีใครบ้างที่ไม่คิดว่าจักรวรรดิจันทราม่วงเป็นเพียงเรื่องขบขัน? แต่ตอนนี้จากอำนาจที่จักรวรรดิจันทราม่วงแสดงออกมา นอกจากห้านิกายโบราณแล้ว เห็นใดชัดว่าพวกเขาจะกลายเป็นอีกหนึ่งขุมอาจที่น่าสะพรึงกลัวในไม่ช้าจางเสี่ยวหลินก็ประกาศยกเลิกการรวมกองทัพและสั่งให้ทุกคนแยกย้าย ห้านิกายจะต้องรีบปรึกษาหารือกันอย่างเร่งรวดจักรวรรดิจันทราม่วงแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก ใครที่จะบุกรุกจะต้องคิดให้ดีเพราะแม้แต่ห้านิกายโบราณก็ไม่สามารถหยุดพวกเขาได้และต้องยอมแพ้แต่สำหรับจอมยุทธทั่วไป พวกเขาไม่คิดอะไรมากอยู่แล้ว พวกเขาก็แค่อยู่ในส่วนของพวกเขา จะห้านิกายโบราณหรือจักรวรรดิจันทราม่วงแล้วจะอย่างไร?จอมยุทธจำนวนมากได้ตัดสินใจแล้วหลังจากที่ล่าถอย พวกเขาจะไม่ฟังคำพูดอะไรจากผู้อื่นทั้งนั้น พวกเจ้าจะทำสงครามหรืออะไรกันข้าก็ไม่สน สุดท้ายแล้วหากฝ่ายใดเป็นฝ่ายชนะ ข้าก็จะฝ่ายเดียวกับขุมอำนาจนั้นจักรพรรดิพิรุณและมู่หลงชิงกลับสำนักเพื่อชักชวนเหล่าคนที่มีพรสวรรค์ให้เข้าร่วมกับพวกเขา ส่วนหลิงฮันนั้นตัดสินใจมุ่งหน้าไปยังจักรวรรดิจันทราม่วง เขาต้องการพบหม่าตั้วเป่า มีคำถามมากมายที่เขาอยากจะถามอีกฝ่ายรอบกายเขายังคงประกบด้วยจูเสวียนเอ๋อและฮูหนิวสามวันต่อเขาก็ได้เดินทางมาถึงอาณาเขตของจักรวรรดิจันทราม่วง แต่หากจะไปยังเมืองจักรพรรดิของจักรวรรดิจันทราม่วง คงต้องใช้เวลาอีกเกือบๆยี่สิบวันในเวลาแบบนี้เรือรบทองคำมีประโยชน์ขึ้นมาทันที พวกเขาขึ้นนั่งเรือรบโดยมีหลิงฮันและจูเสวียนเอ๋อสลับกันควบคุม‘ตูม!’ในวันที่ห้า จู่ๆหลิงฮันก็รู้สึกถึงภัยคุกคาม เขารีบคว้าร่างของจูเสวียนเอ๋อและฮูหนิวเข้าไปยังหอคอยทมิฬ ทันใดนั้นหลังจากที่ทั้งสามคนหลบเข้าไป เรือรบทองคำก็ระเบิดออกและพังทลายทันทีร่างของหลิงฮันโผล่กลับออกมา ดวงตาของเขามองไปยังท้องฟ้าและเห็นชายวัยกลางคนร่างผอมยืนอยู่บนท้องฟ้าโดยมีมือขวายืนออกมาด้านหน้าเห็นได้ชัดว่าการระเบิดเป็นฝีมือของชายคนนี้หูเจียนอี่ ผู้นำนิกายนิกายวายุจันทรา
คอมเม้นต์