Alchemy Emperor of the Divine Dao ตอนที่ 607
ฉินหยีเย่วหลงใหลในรสชาติของอาหารที่ได้กินเข้าไป บวกกับตัวนางที่ชื่นชอบเด็กสาวตัวน้อยอย่างฮูหนิวแล้ว นางจ้องมองไปที่ฮูหนิวและกลืนน้ำลายอยู่ตลอดเวลาราวกับเป็นขอทาน“ก็ได้ หนิวเห็นหน้าตาที่น่าสงสารของเจ้าหนิวจะให้อีกชิ้นหนึ่ง!” ฮูหนิวส่งเนื้อห่อผักให้กับฉินหยีเย่วอีกชิ้นนางไม่ได้ใจดี แต่ต้องการให้ฉินหยีเย่วติดใจในรสชาติจนต้องรู้สึกทุกข์ทรมานที่ไม่ได้กินอีกในตอนกลางคืนฉินหยีเย่วนอนไม่หลับหลังจากที่ได้ลิ้มรสชาติ มันทำให้นางรู้สึกทุกข์ทรมาน แต่ก็ทำให้นางรู้สึกอยากรู้อยากเห็นมากเหมือนกัน สิ่งที่นางกินคือเนื้อสัตว์อะไร? ทำไมผักและเนื้อถึงอร่อยได้ขนาดนี้วันต่อมา ฉินหยีเย่วจ้องมองไปที่หลิงฮันและถามหลิงฮันว่ามันเป็นเนื้อสัตว์และผักอะไรหลิงฮันยิ้มและพูดว่า “มันไม่ใช่เนื้อสัตว์ แต่เป็นเนื้อมนุษย์ ส่วนผักที่ข้าใช้มาจากปุ๋ยซากศพมนุษย์!”หลิงฮันพูดออกมาด้วยสีหน้าจริงจังทำให้ใบหน้าของฉินหยีเย่วกระตุกไม่หยุด และรีบถอยห่างออกจากหลิงฮันทันที ส่วนฮูหนิวนั้นหัวเราะออกมาไม่หยุดฉินหยีเย่วไม่เชื่อว่านางกินเนื้อมนุษย์เข้าไป ในฐานะจอมยุทธนางไม่เคยเห็นเนื้อมนุษย์ที่ดูน่าอร่อยขนาดนี้มาก่อน นางมั่นใจว่าเนื้อสัตว์ที่นางกินไปเมื่อวานจะต้องเป็นเนื้อของสัตว์อสูร แม้นางจะกินบ่อยครั้ง แต่ก็ไม่เคยอร่อยเท่าเมื่อวานนางรู้สึกกังวลมาก หลังจากที่กินเนื้อของเมื่อวานเข้าไป นางจะมีความอยากอาหารอย่างอื่นอีกหรือไม่?พวกโฉวจื่อเฟยห้าคนเดินเข้ามาใกล้ฉินหยีเย่ว พวกเขาต่างชื่นชอบนางนางไม่เพียงแค่งดงามเท่านั้น แต่ยังงดงามดั่งเทพธิดา และตัวตนของนางยังไม่ธรรมดา นางเป็นถึงศิษย์ของประมุขแห่งหุบเขาทมิฬ ถ้าสามารถแต่งงานกับนางได้ ความก้าวหน้าของพวกเขาจะต้องเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว ราวกับเรือที่ล่องอยู่ในสายน้ำนอกจากนี้ภูมิหลังของพวกเขาทั้งห้าคนนั้นมีแค่จอมยุทธระดับก้าวสู่เทวาเท่านั้น เป็นเรื่องธรรมดาที่พวกเขาต้องปีนไต่ขึ้นไปเป็นศิษย์ของหุบเขาทมิฬยิ่งไปกว่านั้น เพียงแค่ความงดงามของฉินหยีเย่วก็เพียงพอแล้วแต่ทว่าฉินหยีเย่วไม่สนใจพวกเขา มีเพียงแค่ชางเย่เท่านั้นที่อยู่ในสายตาของนาง เพราะเขาเป็นคนที่ยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือนาง นอกจากการฝึกฝนวรยุทธแล้ว สิ่งที่นางชื่นชอบคืออาหาร และนางหลงใหลในรสชาติอาหารของฮูหนิวมากเมื่อคิดแบบนั้น นางก็คิดว่าอาหารที่เด็กสาวตัวน้อยกิน นางไม่ได้เป็นคนเตรียมมันด้วยตัวเองอย่างแน่นอน และคนที่อยู่รอบตัวนางมีแค่หลิงฮันกับจูเสวี่ยนเอ๋อเท่านั้น แต่นางถามหลิงฮันไปแล้วแต่ก็ไม่ได้คำตอบอะไรกลับมา ดังนั้นจึงเหลือแค่จูเสวี่ยนเอ๋อเท่านั้นที่ยังไม่ได้ถามหญิงสาวสองคนไม่รู้จะพูดคุยอะไร เพียงแค่ยิ้มให้กันเท่านั้น แต่ในไม่ช้าพวกนางก็สนิทสนมกัน ซึ่งทำให้หลิงฮันและฮูหนิวรู้สึกแปลกใจ“ผู้หญิงเป็นสิ่งมีชีวิตที่แปลกประหลาดยิ่งนัก” หลิงฮันยักไหล่“ใช่แล้ว!” ฮูหนิวกล่าวเห็นด้วยขณะกินอาหารและรู้สึกมีความสุข “ผู้หญิงคนนั้นช่างน่าสงสารเหลือเกิน! ถ้าโตขึ้นจะเป็นผู้หญิงที่แปลกประหลาด แต่ถ้าไม่โตขึ้นแล้วจะแต่งงานกับหลิงฮันได้ยังไง!”หลิงฮันหัวเราะและลูบผมของฮูหนิวและพูดว่า “ฮูหนิวไม่ต้องโตก็ดีแล้ว”หลิงฮันมีความกังวลอยู่ในใจ ถ้าฮูหนิวโตขึ้น รากฐานวิญญาณรูปร่างมนุษย์ที่อยู่ในตันเถียนอาจเข้ามาแทนที่ฮูหนิว การดำรงอยู่ของมันน่ากลัวมาก และอยู่เหนือกว่าความรู้ของเขา ซึ่งฮูหนิวอาจจะต่อกรกับมันไม่ได้“เจ้าอย่าได้คิดที่จะได้แต่งงานกับหลิงฮันเชียว หลิงฮันเป็นของหนิว!” ฮูหนิวกอดแขนหลิงฮันแน่น“เบาหน่อย เจ้ากำลังทำให้ข้าเจ็บ!” หลิงฮันกรีดร้อง“ฮิฮิ” ฮูหนิวหัวเราะ“พวกเจ้าดูมีความสุขกันดีนิ” เสียงเยาะเย้ยลอยดังออกมา และพวกเขาก็เห็นรถม้าบินอยู่บนท้องฟ้ามุ่งหน้ามาหาพวกเขา รถม้ามีความยาวห้าฟุต ยาวสามฟุตราวกับพระราชวังเคลื่อนที่และมีสาวงามสี่คนกำลังนั่งอยู่ที่คนขับนิกายวายุจันทรา หูชิ่งฟาง!มันกลับมาแล้ว ฝูงชนยังไม่ทันถามอะไร พวกเขาก็ได้ยินเสียงร้องดังมาจากรถม้า มันเป็นสียงของผู้หญิงร้องคราง นี่พวกมันกำลังทำอะไรอยู่ในรถม้ากันแน่?หลิงฮันปิดหูของฮูหนิว และเผยสีหน้าไม่พอใจ แล้วตะโกนว่า “ชางเย่!”“ขอรับ!” ชางเย่ขานรับ เขากระโจนออกไปพร้อมกับกวัดแกว่งกระบี่ที่อยู่ในมือปราณกระบี่เก้าเล่นถูกยิงออกไปเพื่อที่จะฟันรถม้า“เจ้ากล้ามาก!” สาวงามทั้งสี่คนกระโจนออกมาทักทายชางเย่ ตู้ม ตู้ม ตู้ม ตู้ม ต่อหน้าการโจมตีที่ทรงพลังสาวงามทั้งสี่คนถูกจัดการ แต่ชางเย่เองก็ถูกทำให้ล่าถอยเช่นกัน“อ่าาา–” เสียงครางดังออกมาจากรถม้า และรถม้าที่สั่นสะเทือนอย่างรุนแรงก็หยุดลง และมีเสียงของผู้หญิงดังออกมาว่า “ลีลาของนายน้อยยอดเยี่ยมกว่าเดิมมาก!”“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า!” หูชิ่งฟางยิ้มเยาะหลังจากได้ยินคำพูดชื่นชมออกมาจากปากพวกนางเมื่อประตูรถม้าเปิด ชายหนึ่งคนและหญิงสองคนเดินออกมา…หรือว่าพวกมันจะเล่นกันแบบสามคน?ชายคนนั้นแน่นอนว่าต้องเป็นหูชิ่งฟาง มันกำลังเปลือยท่อนบนอยู่และสวมเพียงแค่กางเกง ส่วนด้านข้างเป็นหญิงสาวที่มีอายุประมาณสามสิบปี แต่ทว่าผิวพรรณของพวกนางดูอ่อนกว่าวัย“หยางอิงซือ! หยางอิงหยุน!” ฉินหยีเย่วอุทาน นางจ้องมองไปที่หญิงสาวสองคนนั้นด้วยความตกใจ “ระวังเอาไว้ พวกนางเป็นคนของนิกายวายุจันทราและทั้งสองคนอยู่จุดสูงสุดของระดับบุปผาผลิบาน!”“โอ้ว ข้ารู้สึกเป็นเกียรติยิ่งนักที่น้องฉินรู้จักพวกเรา!” หยางอิงหยุนที่ยืนอยู่ด้านข้างกล่าว ส่วนคนที่ยังอยู่ในอ้อมแขนของหูชิ่งฟางคือหยางอิงซือ“ผู้หญิงต่ำทราม!” ฉินหยีเย่วกล่าวดูหมิ่น ดวงตาของนางเต็มไปด้วยความรังเกียจหยางอิงหยุนยิ้มและพูดว่า “สาวน้อยที่ไม่เคยผ่านมือชายใดอย่างเจ้าจะไปเข้าใจอะไร นี่ต่างหากที่เรียกความสุขระหว่างชายหญิง”“สกปรก!” ฉินหยีเย่วด่าทอชางเย่ตะโกนและกระโจนเข้าหารถม้า คำสั่งที่เขาได้รับคือฆ่า!
คอมเม้นต์