Alchemy Emperor of the Divine Dao ตอนที่ 1854
“ห้องเร่งเวลาห้าเท่างั้นรึ?” พนักงานผู้นั้นส่ายหัว “น่าเสียดาย ที่ห้องสุดท้ายเพิ่งถูกเช่าไปเมื่อครู่” หลังจากกล่าวจบ สายตาของเขาก็เบนมายังทางหลิงฮันจิตใตของหลิงฮันสั่นสะท้าน อย่าบอกนะว่าปัญหาแบบเดิมๆจะเกิดขึ้นอีกแล้ว?รุ่นเยาว์ผู้นั้นมองมายังหลิงฮัน และกล่าวด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม “สหาย เจ้าช่วยยกห้องที่เช่าไปให้ข้าได้หรือไม่? ข้ายินดีเพิ่มเงินชดเชยให้เจ้าด้วยศิลาดวงดาว อีกหนึ่งจากสิบส่วนที่เจ้าจ่ายไป”หลิงฮันยิ้ม เขานึกว่าอีกฝ่ายจะเสนอเงินชดเชยให้เจ้าเป็นศิลาดวงดาวจำนวนสิบเท่าเสียอีก แต่ความจริงกลับชดเชยเพิ่งให้เขาแค่หนึ่งในสิบส่วนเสียได้ถ้าเป็นแบบนี้รุ่นเยาว์ผู้นี้ก็ไม่มีทางเป็นคุณชายเจ้าสำราญเป็นแน่ เพราะไม่อย่างไรแล้ว อีกฝ่ายก็คงเป็นคุณชายจอมขี้เหนียวที่สุดในประวัติศาสตร์หลิงฮันส่ายหัวและกล่าว “ข้าไม่คิดจะมอบห้องให้ใคร”รุ่นเยาว์ผู้นั้นไม่ยอมแพ้และยังคงต่อรองต่อ โดยที่หวังว่าหลิงฮันจะมอบห้องให้แก่เขา แต่ถึงแม้จะถูกปฏิเสธไปทุกครั้ง เขากลับไม่แสดงท่าทีข่มขู่ใดๆ หรือแม้แต่คำพูดอย่าง ‘รู้ไหมว่าหากไม่มอบห้องให้ข้าจะเกิดอะไรขึ้น?’ ก็ไม่ได้กล่าวออกมาหลิงฮันรู้สึกปลื้มปริ่มเล็กน้อย หรือนี่จะเป็นครั้งแรกในชีวิต ที่ดูเหมือนจะไม่มีความบาดหมางใดๆเกิดขึ้น?“จูจิ่น จัดการเสร็จรึยัง?” เสียงอันหยิ่งยโสเอ่ยดังขึ้นมา พร้อมกับการปรากฏตัวของรุ่นเยาว์อีกคนหนึ่ง ทั้งๆรุ่นเยาว์ผู้นี้เดินเข้ามาหารุ่นเยาว์คนแรกแท้ๆ แต่สายตาของอีกฝ่ายกลับจดจ้องมายังสตรีนกอมตะ อย่างไม่ละสายตาสตรีนกอมตะเผยสีหน้าไม่สบอารมณ์ ก่อนจะขยับตัวมาหลบหลังหลิงฮัน เพื่อปิดบังสายตาที่จ้องมองมาของอีกฝ่ายรุ่นเยาว์คนแรกที่ถูกเรียกว่าจูจิ่น เผยสีหน้ากระอักกระอ่วนและกล่าวกับรุ่นเยาว์อีกคน “นายน้อยอวี้ ข้าต้องขออภัยจริงๆ แต่ห้องเร่งเวลาห้าเท่าห้องสุดท้ายได้ถูกจองไปแล้ว”รุ่นเยาว์ที่ถูกเรียกว่านายน้อยอวี้ จ้องมองด้วยแววตาเคลือบแคลงใจ “นี่เจ้าคงไม่ได้ไม่อยากเสียเงิน เลยจงใจหลอกข้าใช่ไหม?”“ข้าจะกล้าทำเช่นนั้นได้อย่างไร!” จูจิ่นปาดผากหน้าทั้งๆที่ไม่มีเหงื่อ “ถ้านายน้อยอวี้ไม่เชื่อ ก็ลองถามพนักงานตรงนั้นดูได้”พนักงานต้อนรับให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี โดยที่ถึงแม้เขาจะไม่รู้ว่าคนพวกนี้เป็นใครก็ตาม “เป็นความจริงขอรับนายน้อยอวี้ ห้องเร่งเวลาห้าเท่าเพิ่งถูกลูกค้าท่านนั้นจองไปเมื่อสักครู่นี้เอง แต่ห้องเร่งเวลาสี่เท่านั้นยังเหลืออยู่ ซึ่งประสิทธิภาพก็ไม่ได้ด้อยไปกว่ากันเท่าไหร่นัก”“ช่างไร้ประโยชน์นัก!” รุ่นเยาว์ที่ถูกเรียกว่านายน้อยอวี้คำรามใส่หน้าจูจิ่น “ข้าผู้นี้คือหลิวอวี้ หากข้าจะใช้อะไรสิ่งนั้นก็ต้องเป็นสิ่งที่มีประสิทธิภาพยอดเยี่ยมที่สุด! ไม่เช่นนั้นหากกลับไปที่เมืองเอกภพดาราคราม ข้าจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน?”สายตาของเขากวาดมองมายังหลิงฮัน “เจ้าน่ะ จงมอบห้องฝึกฝนกาลเวลามาซะ ส่วนจะเรียกร้องค่าชดเชยเท่าไหร่ ก็ไปบอกกับหมอนั่น” เมื่อกล่าวจบ เขาก็ชี้นิ้วไปยังจูจิ่นด้วยสีหน้าภาคภูมิใจเขาจงใจแสดงอํานาจบาตรใหญ่ให้สตรีนกอมตะเห็นหลิงฮันถอนหายใจ เขานึกว่าเรื่องราวจะจบลงแบบปกติได้แล้วแท้ๆ แต่สุดท้ายครั้งนี้ก็ยังเกิดปัญหาขึ้นอยู่ดีสีหน้าของจูจิ่นกลายเป็นซีดขาว แต่ก็ฝืนยิ้มกล่าวออกไป “นายน้อยอวี้อย่าได้ล้อเล่นแบบนั้นสิ! สหาย ช่วยข้าหน่อยได้รึไม่ ข้าจะจ่ายค่าชดเชยให้เจ้าเพิ่มอีกสามในสิบส่วนเลย”“จูจิ่น เหตุใดเจ้าถึงได้ใจแคบนัก? อย่าทำให้สตรีงดงามผู้นั้นหัวเราะเยาะ และห้ามทำให้ข้าเสียหน้าเด็ดขาด!” หลิวอวี้เค้นเสียงและมีท่าทางไม่สบอารมณ์จูจิ่นฝืนยิ้ม เขาเป็นเพียงนายน้อยจากตระกูลเล็กๆตระกูลหนึ่งเท่านั้น ซึ่งในตอนนี้เขามีความจำเป็นต้องติดตามหลิวอวี้ไปทั่ว เพื่อสร้างความพึงพอใจให้แก่อีกฝ่าย เนื่องจากตระกูลของเขา ต้องการเส้นสายทางการค้าจากตระกูลหลิว“นายน้อยอวี้ ที่จริงแล้วห้องเร่งเวลาสี่เท่าก็ไม่ได้ต่างกันเท่าไหร่นัก ข้าสามารถเพิ่มระยะเวลาการจองให้ท่านได้” เขากล่าวกับหลิวอวี้อย่างสุภาพ“ฮึ่ม แล้วข้าผู้นี้จะเหลือศักดิ์ศรีอะไร?” หลิวอวี้กล่าวด้วยท่าทางหยิ่งทะนง จนจมูกแทบจะแหงนทิ่มหน้าจูจิ่น “เจ้าคงยังไม่ลืมสินะว่าคนที่ต้องการประจบข้า ไม่ได้มีแค่ตระกูลเจ้าเพียงตระกูลเดียว แต่ยังมีตระกูลจิน ตระกูลหม่า และตระกูลเฉิงอยู่อีก!”จูจิ่นที่ได้ยินเช่นนั้น ก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากฝืนยิ้มอีกครั้งและมองไปยังหลิงฮัน “สหาย ข้าต้องขอร้องเจ้าจริงๆ ถ้าหากเจ้ายอมยกห้องฝึกฝนกาลเวลาให้ล่ะก็ ข้ายินดีจะจ่ายเงินชดเชยเพิ่มให้เป็นเท่าตัว”ครั้งนี้เขายื่นข้อเสนอสุดตัว และหวังลึกๆว่าหลิงฮันจะไม่เช่าห้องในระยะเวลาที่นานเกินไปจนเขาไม่มีเงินจ่ายสตรีนกอมตะไม่สบอารมณ์กับท่าทางอวดดีของหลิวอวี้ก็จริง แต่นางก็ยังมีความรู้สึกเห็นใจต่อจูจิ่นที่มีนิสัยถ่อมตน นางจึงกล่าวกับหลิงฮัน “ยอมให้เขาไปเถอะ”ไม่ว่าอย่างไรหลิงฮันก็ยื่นคำร้องขอ เข้าสู่อาณาเขตที่สองของเมืองไปแล้ว และมาที่นี่เพื่อทดลองประสบการณ์เท่านั้น หากจะเปลี่ยนไปใช้ห้องเร่งเวลาสี่เท่า ก็ไม่ได้ส่งผลมากเท่าไหร่หากเป็นปกติ หลิงฮันไม่มีทางยอมมอบห้องเร่งเวลาให้แก่หลิวหยู่แน่นอน แต่ในเมื่อภรรยาของเขาเป็นคนร้องขอ และจูจิ่นเองก็ดูเป็นมิตรดี เขาจึงใจอ่อนและกล่าวออกไป “ก็ได้ ข้ายอมยกให้เจ้า”“ขอบคุณสหายมากจริงๆ!” จูจิ่นรีบโค้งตัวแสดงความขอบคุณหลิวอวี้ที่มองดูอยู่เค้นเสียงเหยียดหยาม “มัวชักช้าอยู่ได้ตั้งนาน แต่สุดท้ายเจ้ามันก็แค่คนเห็นแก่เงิน! มาสิ มัวรออะไรอยู่ รีบขอบคุณข้าผู้นี้ที่ทำให้เจ้าให้ผลประโยชน์ก้อนโตเสียสิ!”หลิงฮันที่ยื่นแผ่นป้ายออกไปแล้วรีบดึงมือกลับด้วยท่าทางไม่สบอารมณ์ทันทีสายตาของเขาจดจ้องไปยังหลิวอวี้ “จงถอนคำพูดเมื่อครู่ของเจ้าซะ!”หลิวอวี้จงใจกล่าวแบบนั้นออกไปเพื่อยุยงสร้างปัญหาอยู่แล้ว แน่นอนว่าจุดประสงค์ของเขาไม่ใช่เพราะไม่สบอารมณ์หลิงฮัน แต่เพราะต้องการดึงดูดความสนใจของสตรีนกอมตะถึงแม้สตรีนกอมตะจะยังไม่บรรลุเป็นนิรันดร์ แต่ความงดงามของนางนั้น เกรงว่าต่อให้หาทั่วทั้งเมืองวิถีโอสถ ก็คงมีสตรีที่เทียบนางได้ไม่เกินร้อยคนจำนวนนี้ถึงแม้จะดูเยอะ แต่คิดว่าในเมืองสี่ดาวแห่งนี้มีประชากรอยู่มากมายกี่ล้านคนกัน?เมื่อเห็นว่าหลิงฮันเลือกที่จะต่อต้าน หลิวอวี้ก็ไม่ได้รู้สึกโกรธ แถมยังรู้สึกดีใจด้วยซ้ำ ต้องแบบนี้ล่ะเขาถึงจะมีโอกาสได้เฉิดฉาย และแสดงอำนาจให้สตรีงดงามผู้นั้นเห็น“เหอะ คิดจะให้ข้ากล่าวขอโทษงั้นรึ?” หลิวอวี้กล่าวด้วยน้ำเสียงหยิ่งทะนง และมองหลิงฮันอย่างเหยียดหยาม “เจ้าคิดว่าตนเองเป็นใคร? เจ้ามีคุณสมบัติอันใดให้ข้าเอ่ยคำขอโทษ?”
คอมเม้นต์