ตอนที่ 251-2 ข่าวดี

อ่านนิยายจีนเรื่อง ตอนที่ 25 3Novel | อ่านนิยายออนไลน์ นิยายแปลไทย อ่านนิยายฟรี.

สวีโย่วตบเสิ่นเวยเบาๆ บอกเป็นนัยให้นางอย่าได้กังวล หันหน้ามองสวีเลี่ย ในน้ำเสียงเหยียดหยามเต็มที่ “เต็มใจเดิมพันยอมรับความพ่ายแพ้ ญาติผู้พี่เลี่ยต้องการจะเปลี่ยนใจหรือ”/n /n /nสีหน้าของสวีเลี่ยเหยเกขึ้นในชั่วขณะ “ข้าจะเปลี่ยนใจแล้วอย่างไร เจ้ากล้าพูดหรือว่านี่ไม่ใช่เรื่องที่เจ้าวางแผนมาก่อนแล้ว” คนขี้โรคน่ารำคาญผู้นี้รู้อยู่แก่ใจว่าเขาชอบพนัน ทั้งยังจับจ้องสวนชิงหยวนหลังนั้นของเขาอยู่ คาดไม่ถึงว่ามาหาถึงที่เอาสวนชิงหยวนมาเป็นแต้มต่อเดิมพันกับเขา ผลลัพธ์เล่า ชนะเอาเรือสำราญที่เขารักที่สุดไปแล้ว/n /n /nกว่าเขาจะได้สติกลับมา คนขี้โรคผู้นั้นก็วางก้ามเดินออกไปแล้ว วันนี้บ่าวชั้นล่าวมารายงาน บอกว่าเห็นคนขี้โรคล่องแม่น้ำไป๋เหออยู่ เขาจึงรีบตามมา เรือสำราญลำนี้ใช้เงินพ่อเขาไปจำนวนมาก ซ้ำยังถูกพ่อเขาก่นด่าอยู่พักหนึ่ง ไม่ว่าอย่างไรเขาก็ต้องเอาคืนกลับไปให้ได้/n /n /n“ก็ไม่อย่างไร” สวีโย่วกล่าวเสียงเรียบ “แต่ว่าท่านกลับพูดถูก ข้าจับจ้องเรือสำราญลำนี้ของญาติผู้พี่เลี่ยอยู่ สำรวจดูในเมืองหลวง ก็มีแต่เรือสำราญลำนี้ของท่านที่หรูหราโอ่อ่าที่สุดแล้ว” ในเมื่อซื้อไม่ได้ เช่นนั้นเขาก็ทำได้เพียงคิดหาวิธีเอามันมา!/n /n /nสวีโย่วไม่เพียงแต่ยอมรับ อีกทั้งยังยอมรับอย่างเต็มอกเต็มใจ นี่ยิ่งยั่วยุสวีเลี่ยอย่างไม่ต้องสงสัย “คืนมา รีบคืนข้ามา!” เขาโมโหจนสั่นไปทั่วทั้งร่าง เหตุใดถึงมีคนหน้าไม่อายเช่นนี้ มิหนำซ้ำยังยังอยู่ในวงศ์ตระกูลเดียวกับเขาอีก ช่างน่าโมโหจริงๆ/n /n /n“ไม่คืน!” สวีโย่วปฏิเสธตรงๆ “เรือสำราญลำนี้ท่านแพ้ ข้าชนะ ผลลัพธ์เขียนไว้ชัดเจน ข้างบนยังมีลายมือชื่อที่ญาติผู้พี่เลี่ยลงนามด้วยตัวเอง ต่อให้จะตัดสินต่อหน้าฝ่าบาทกับเสด็จลุงกงอ๋องข้าก็ไม่กลัว”/n /n /nคนโง่เท่านั้นที่จะคืนเขา เพื่อจะสร้างความประหลาดใจให้ภรรยาสุดที่รักของเขา เขาใช้เวลาเกือบหนึ่งเดือนไปวางแผน ของที่ทุ่มเทแรงมหาศาลจนชนะมาจะคืนกลับไปได้อย่างไร/n /n /nสวีเลี่ยเดือดดาลขึ้นมาทันที “สวีโย่วเจ้าขี้โรคมีพ่อไม่มีแม่ เจ้ามันคนชั่ว เจ้าคนชั่วน่าไม่อายปลิ้นปล้อนกลับกลอก เจ้ารีบคืนเรือสำราญของข้ากลับมาเดี๋ยวนี้” เขาก่นด่าราวกับสตรีปากคอเราะร้าย/n /n /nสวีโย่วยังคงมีท่าทีเฉยชาเช่นนั้น ทว่าสายตาที่มองสวีเลี่ยกลับน่ากลัวอย่างถึงที่สุด “หากท่านด่าอีกประโยคเดียวข้าจะโยนท่านไปล้างปากในน้ำ”/n /n /nสวีเลี่ยไม่สนใจคำขู่ของสวีโย่วอย่างสิ้นเชิง ด่าจนหยาบคายยิ่งขึ้น “จะคืนไม่คืน ไม่คืนใช่ไหม ข้าซื่อจื่อขอสาปแช่งเจ้า สาปแช่งให้เจ้าออกจากบ้านแล้วถูกรถชนตาย…” ต่างๆ นานา ด่าไปพลาง ถกแขนเสื้อจะกระโดดมาทางฝั่งนี้ไปพลาง ระดับความหยาบคายนั้นต่ำกว่าที่เสิ่นเวยจะรู้/n /n /nโอวหยางไน่!” สวีโย่วเองก็ไม่พูดจาเหลวไหลกับสวีเลี่ย สั่งโอวหยางไน่ให้ไปจัดการเขาโดยตรง/n /n /nโอวหยางไน่ฟังคำสั่งก้าวขึ้นไป เพิ่งจะดึงแขนของสวีเลี่ยได้ ก็ได้ยินสวีเลี่ยตะโกนราวกับหมูถูกเชือด “ปล่อยข้า เจ้าสุนัขรับใช้ ใครอนุญาตให้เจ้าแตะตัวข้า ใครให้ความกล้าเจ้า ข้าคือท่านซื่อจื่อผู้ยิ่งใหญ่ของจวนกงอ๋อง” เขายังคงลำพองใจอย่างยิ่ง/n /n /nโอวหยางไน่โมโหแทบแย่แล้ว สุนัขรับใช้หรือ ท่านเลี่ยซื่อจื่อผู้นี้กล้าพูดจริงๆ หรือ วันนี้เขาจะโยนเขาแล้วอย่างไร อย่างไรเสียก็มีท่านจวิ้นอ๋องค้ำอยู่ข้างหน้า/n /n /n“ช้าก่อน ช้าก่อน อย่าเพิ่งใช้กำลัง” ในขณะที่โอวหยางไน่จับสายรัดเอวของสวีเลี่ยกำลังจะโยนเขาลงไปในแม่น้ำ คนผู้หนึ่งก็วิ่งออกมาจากด้านในเรือสำราญมาจับเขาไว้ ไม่เห็นเหมือนกันว่าเขาเคลื่อนไหวอย่างไร มือที่จับสายรัดเอวของโอวหยางไน่ก็ถูกบีบให้คลายออก สวีเลี่ยถูกช่วยเอาไว้/n /n /n“ญาติผู้พี่สวี ข้าขออภัยแทนพี่ใหญ่ เขาเป็นคนไม่มีเหตุผล ท่านใต้เท้าใจกว้าง อย่าได้ถือสาเขาเลย” คนผู้นี้ประสานมือคารวะสวีโย่ว กล่าวด้วยความถ่อมตัวมีมารยาทอย่างถึงที่สุด ยังไม่ลืมกระพริบตามองเสิ่นเวยราวกับเห็นผีอีกปราดหนึ่ง/n /n /nคราวนี้เสิ่นเวยก็มั่นใจแล้วว่าตนมองไม่ผิด คนผู้นี้ คนที่ขอโทษสวีโย่วอย่างจริงจังผู้นี้ไม่ใช่คนโง่แซ่ฟู่ที่เจอที่ทงโจวหรอกหรือ เขาบอกว่ามาหาญาติที่เมืองหลวง ไม่คิดว่าญาติของเขาจะเป็นจวนกงอ๋อง เช่นนั้นเขามีความสัมพันธ์กับซื่อจื่อกงอ๋องอย่างไร พี่น้องหรือ ดูจากสถานการณ์แล้วเขาเองก็รู้ฐานะของนางแล้วเช่นกัน/n /n /nสวีโย่วแค่นเสียงหนึ่งครา ไม่ยอมรับไม่ปฏิเสธ ทว่าสวีเลี่ยที่ถูกช่วยไว้กลับไม่ซาบซึ้ง “ขอโทษอะไร หากขอโทษก็ควรจะเป็นเขาที่ขอโทษข้า สวีหรานเจ้ามันก็แค่เด็กบ้านนอกบุตรอนุ ยังกล้ามาตัดสินใจแทนข้า เจ้าไปตายเดี๋ยวนี้ วันนี้ข้าเห็นเขากล้าทำอะไรข้า ขอเพียงแค่เขาแตะข้าแม้แต่นิ้วมือเดียว ข้าจะไปร้องทุกข์ต่อหน้าพระพักตร์ฝ่าบาท” เขาไม่สนใจน้องชายบุตรอนุภรรยาที่เพิ่งจะกลับมาระหว่างทางผู้นี้อย่างสิ้นเชิง/n /n /nคำพูดนี้หยาบคายจริงๆ คิ้วของเสิ่นเวยขมวดมุ่นอย่างอดไม่ได้ หากมีใครกล้าพูดเช่นนี้กับนาง นางคงจะเดือดดาลโบยเขาไปนานแล้ว ซื่อจื่อจวนกงอ๋องผู้นี้ไม่เพียงแต่ไร้คุณธรรม ยังเห็นแก่ตัวใจแคบ ความประทับใจที่เสิ่นเวยมีต่อเขาต่ำอย่างถึงที่สุด/n /n /nคนโง่แซ่ฟู่ อ้อไม่ สวีหราน ทำราวกับไม่ได้ยินคำเหยียดหยามของพี่บุตรภรรยาเอก กอดเขาไว้แน่น “พี่ใหญ่ เรื่องนี้เดิมทีท่านก็เป็นฝ่ายผิด เอาเรือสำราญลำนี้มาเดิมพันก็เป็นท่านที่ลงนามอักษรทองเอง หากวุ่นวายไปถึงหน้าเสด็จพ่อจริงๆ…” คำพูดที่เหลือเขาก็ไม่พูดแล้ว/n /n /nร่างกายที่ดิ้นพล่านของสวีเลี่ยแข็งทื่อ นึกถึงเสด็จพ่อเขาก็สั่นระริกขึ้นมาในชั่วขณะ สวีหรานถือโอกาสลากเขาเข้าไปในเรือสำราญ สั่งคนขับเรือให้เคลื่อนเรือต่อไปพลาง หันหน้ากล่าวกับสวีโย่วเสิ่นเวยไปพลาง “เรื่องนี้เป็นความผิดของพวกข้าสองพี่น้อง ญาติผู้พี่โย่วเป็นคนใหญ่คนโตไม่คิดเล็กคิดน้อยกับคนต้อยต่ำ เรื่องนี้ก็ปล่อยให้ผ่านไปได้หรือไม่ ข้ารับรองว่าหลังจากนี้พี่ใหญ่จะไม่หาเรื่องญาติผู้พี่โย่วอีก”/n /n /nสวีโย่วมองสวีหราน สวีหรานก็มองเขาอย่างไร้กังวล จากนั้นสวีโย่วก็พยักหน้า แม้ว่าเขาจะไม่กลัว แต่ล้วนเป็นบุตรหลานราชนิกุลเหมือนกัน ก่อเรื่องจนน่าเกลียดเกินไปก็ไม่ดีนัก/n /n /nเรือสำราญลำนั้นยิ่งแล่นก็ยิ่งไกล เสิ่นเวยกะพริบดวงตาที่เปล่งประกายมองสวีโย่วด้วยความเลื่อมใสยิ่งนัก “เรือสำราญลำนี้ท่านชนะได้มาจริงๆ หรือ”/n /n /nสวีโย่วพยักหน้า “สวีเลี่ยคนผู้นั้นแม้จะไร้เหตุผล แต่ทั่วทั้งเมืองหลวงก็มีเพียงเรือสำราญลำนี้ในมือเขาที่ดีที่สุด”/n /n /n“ท่านพี่เก่งจริงๆ!” จุ๊บ เสิ่นเวยเข้าไปหอม ไม่เสียเงินในบ้านสักแดงเดียวก็เอาเรือสำราญที่ดีเช่นนี้มาได้ จะไม่เก่งได้อย่างไร ขนมที่หล่นลงมาจากฟ้าเช่นนี้ นางชื่นชอบที่สุด!/n /n /nสวีโย่วลูบบริเวณที่ถูกเสิ่นเวยหอม ยิ้มออกมาแล้ว เขาคิดว่าเขาคล้ายจับเคล็ดลับเอาใจภรรยาได้แล้ว/n /n /nกลับไปถึงจวนจวิ้นอ๋อง เสี่ยวตี๋ก็นำข่าวดีข่าวหนึ่งมาให้เสิ่นเวย/n /n /n“จวิ้นจู่ จวิ้นจู่ คดีนั้นของฉินมู่หรานมีความคืบหน้าแล้ว ตัดสินแล้ว ใต้เท้าจ้าวผู้พิพากษาศาลต้าหลี่ตัดสินเนรเทศฉินมู่หราน” เสี่ยวตี๋กล่าวอย่างตื่นเต้นดีใจ/n /n /nเสิ่นเวยทั้งตกใจทั้งดีใจ “เหตุใดถึงตัดสินแล้ว หาพยานได้แล้วหรือ เนรเทศไปไกลเพียงใด ถึงสามพันลี้หรือไม่” ทางที่ดีควรเนรเทศไปยังที่รกร้างกันดารยิ่งดี ทรมานเขาให้ตาย/n /n /n“ก็หาพยานได้แล้วน่ะสิ จวิ้นจู่ท่านจะต้องคิดไม่ถึงแน่ว่าเป็นใคร” เสี่ยวตี๋ทำท่าทางลับๆ ล่อ “เป็นแม่นางตระกูลจางที่ถูกปล้นผู้นั้น! จวิ้นจู่ ผู้น้อยคิดไม่ถึงเลยว่าจางหยวนเหนียงผู้นั้นจะเป็นสตรีที่กล้าหาญเช่นนี้ เมื่อนางได้ยินว่าไม่มีพยานจึงตัดสินฉินมู่หรานเด็กชั่วอันธพาลผู้นั้นไม่ได้ ก็ไม่พูดพร่ำทำเพลงขอร้องให้ผู้น้อยปล่อยนางไปเป็นพยานที่ศาลต้าหลี่”/n /n /nบนใบหน้าของเสี่ยวตี๋เต็มไปด้วยความชื่นชม “แม่นมผู้นั้นไม่เพียงแต่กล้าหาญ ซ้ำยังเป็นคนฉลาดมีฝีมือจัดการ ไม่ต้องให้ผู้น้อยชี้แนะ ตนก็เอากริชกรีดตัวเองจนทั่วทั้งร่างเป็นบาดแผล โผเข้าไปที่กลองใหญ่หน้าประตูศาลต้าหลี่ด้วยสภาพกระซัดกระเซิงจนตรอกอย่างถึงที่สุด ในศาลนางอ้าปากก็บอกว่าตนเป็นคนที่หนีออกมาจากจวนเสนาบดี ฉวยโอกาสตอนที่ในเรือนไม่มีคนแอบหนีออกไปจากช่องสุนัขแห่งหนึ่งที่มุมกำแพงจวนเสนาบดี เหตุใดถึงไม่มาเป็นพยานที่ศาลต้าหลี่ให้เร็วกว่านี้น่ะหรือ อันที่จริงก็ถูกคนไล่ฆ่า หลบหนีไปทั่วทุกหนทุกแห่ง แม้แต่หน้ายังไม่กล้าโผล่มา กว่าจะรอให้คนไล่ฆ่าลดละ นางจึงปลอมตัวเป็นขอทานเสี่ยงตายมาตีกลองใหญ่ที่หน้าประตูศาลต้าหลี่”/n /n /n“จวิ้นจู่ ท่านไม่เห็น แม้ว่าจางหยวนเหนียงผู้นั้นจะบอกว่าถูกคนไล่ฆ่าอย่างไม่มีต้นสายปลายเหตุ แต่ใครไม่รู้บ้างว่าเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับจวนเสนาบดีอย่างหนีไม่พ้น ใบหน้านั้นของท่านเสนาบดีฉิน ดำจนบีบน้ำหมึกออกมาได้แล้ว” เสี่ยวตี๋กล่าวอย่างดีใจบนความทุกข์ผู้อื่น/n /n /nแต่นึกถึงการตัดสินของฉินมู่หราน รอยยิ้มบนใบหน้าเสี่ยวตี๋ก็ลดลงไปมากกว่าครึ่ง กล่าวอย่างเคียดแค้นเล็กน้อย “แม้จะตัดสินเนรเทศ แต่ก็เนรเทศไปเพียงแค่ห้าร้อยลี้ มิหนำซ้ำที่นั่นยังเป็นที่ที่คนในตระกูลท่านเสนาบดีฉินรับราชการอยู่ ช่างน่าโมโหจริงๆ”/n /n /nทว่าเสิ่นเวยกลับไม่ประหลาดใจแม้แต่นิดเดียว สามารถมีผลลัพธ์นี้ได้ก็เป็นผลลัพธ์ที่จ้าวเฉิงซวี่รับความกดดันได้แล้ว ด้วยเหตุนี้นางจึงปลอบเสี่ยวตี๋ “แม้ว่าจะเป็นห้าร้อยลี้ก็เพียงพอให้ฉินมู่หรานคนชั่วผู้นั้นได้รับความทุกข์ยากแล้ว” ต่อให้ระหว่างทางจะได้รับการดูแล แต่ฉินมู่หรานไก่อ่อนที่ไม่เคยรับความลำบากแม้แต่นิดเดียวมาก่อน คาดว่าเดินไปถึงที่เนรเทศก็คงจะหนังหลุดไปหนึ่งชั้น/n /n /nเสี่ยวตี๋คล้ายครุ่นคิด “จวิ้นจู่ ผู้น้อยเข้าใจแล้ว” ส่วนนางจะเข้าใจอะไร เสิ่นเวยก็ไม่รู้แล้ว/n /n /nหลังเสี่ยวตี๋ถอยออกไป เสิ่นเวยก็นึกขึ้นได้ว่าจะถามเรื่องคนโง่แซ่ฟู่ผู้นั้นบนเรือสำราญ สวีโย่วเลิกคิ้ว กล่าว “เขาเป็นบุตรอนุภรรยาที่เร่ร่อนอยู่ข้างนอกของจวนกงอ๋อง เพิ่งจะยอมกลับมา เป็นความสัมพันธ์ชู้สาวที่เกิดขึ้นข้างนอกตอนที่กงอ๋องยังหนุ่มอยู่”/n /n /nหยุดครู่หนึ่งจึงกล่าวต่อ “จวนกงอ๋องวุ่นวายอย่างยิ่ง ยุ่งกับพวกเขาแต่น้อย” สวีหรานบุตรอนุผู้นั้นยักคิ้วหลิ่วตาให้ภรรยาของเขา คิดว่าเขาตาบอดหรือไร/n

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด