Alchemy Emperor of the Divine Dao ตอนที่ 1377
ชายหนุ่มใบหน้ามืดมนมั่นใจเป็นอย่างมาก เขารู้สึกได้ว่ากำลังจะกำราบดาบตรงหน้าได้แล้วร่างของเขาท่วมไปด้วยเม็ดเหงื่อ การปะทะที่สูสีกับดาบทำให้เขาต้องใช้พลังทั้งหมดออกไปถึงจะเป็นฝ่ายได้เปรียบดาบเล่มนี้เหมาะสมกับเขายิ่งนัก!เขาคำรามและระเบิดพลังออกมาเพื่อที่จะสยบดาบอสูรนิรันดร์ให้ราบคาบตอนนี้ออร่าของดาบอสูรนิรันดร์ลดลงไปมากจนราวกดับว่าไม่อาจต่อต้านได้อีกต่อไปชายหนุ่มยื่นมือออกไปเพื่อพยายามคว้าดาบอสูรนิรันดร์ แต่พริบตานั้นอำนาจอันทรงพลังก็ระเบิดออกมาจากตัวดาบ ‘ตูม’ ร่างของเขาลอยกระเด็มล้มลงกับพื้นทันทีอะไรกัน!ชายคนนั้นอ้าปากค้างด้วยความไม่อยากจะเชื่อทำไมถึงเป็นเช่นนี้ได้ นี่เขาทำไม่สำเร็จรึไง เหตุใดดาบถึงได้ปลดปล่อยอำนาจสะท้อนกลับมาได้?หลังจากที่สะท้อนร่างของชายหนุ่มกลับไป ดาบอสูรนิรันดร์ก็ลอยขึ้นกลางอากาศพร้อมกับปลดปล่อยกลิ่นอายและแสงสว่างเจิดจ้าอันไร้ที่สิ้นสุดดาบค่อยๆลอยเข้าหาชายหนุ่มราวกับว่ามีมือที่มองไม่เห็นคอยชี้นำนี่มัน… ดาบกำลังยอมรับเขา?การที่ชายหนุ่มถูกดาบอสูรนิรันดร์กระแทกจนลอยกระเด็นทำให้เขารับรู้ว่าดาบอสูรนิรันดร์นั้นล้ำค่าเกินกว่าที่เขาคาดไว้ และตอนนี้ดาบที่ว่าได้ตอบรับเจตจำนงดาบของเขาแล้ว?ถ้าไม่อย่างนั้นมันจะยอมรับเขาเป็นเจ้านายได้อย่างไร?เขาตื่นเต้นมากและยื่นเมื่อออกไปเพื่อพยายามจับดาบเมื่อมือของเขาสัมผัสกับด้ามดาบ ดาบอสูรนิรันดร์ก็หมุนกลางอากาศสร้างรอยแผลเอาไว้บนมือของเขาก่อนที่จะสั่นสะท้านและลอยกลับไปหยุดอยู่ข้างๆศีรษะหลิงฮันตัวดาบส่องประกายเจิดจ้าราวกับอำนาจของมันจะคงอยู่ชั่วกัลปาวสานชายหนุ่มชะงักก่อนที่ใบหน้าจะเปลี่ยนเป็นบูดบึ้งในฐานะนักดาบที่มีฉายาคลั่งดาบ เขาจะไม่เข้าใจงั้นรึ? ดาบเล่มนั้นเพียงแค่หยอกล้อเขาเล่นเท่านั้นตัวดาบมีจิตวิญญาณของมันเอง!เขารู้ดีว่าเป็นเรื่องยากขนาดไหนที่จะทำให้ดาบที่มีความนึกคิดยอมรับใครสักคนเป็นเจ้านาย หากหลิงฮันไม่ตายเขาก็ไม่มีทางได้ครอบครองมันดาบที่มีจิตวิญญาณจะภักดีต่อเจ้าของที่สุดชายหนุ่มจ้องมองไปยังดาบอสูรนิรันดร์ด้วยความอิจฉาก่อนจะกล่าว “เป็นดาบที่ดี”“ข้ารู้” หลิงฮันพยักหน้า“จงดีกับนาง อย่าให้นางมีฝุ่นเกาะเด็ดขาด” ชายหนุ่มเค้นเสียง สายตาที่เขาทองไปยังดาบอสูรนิรันดร์นั้นราวกับว่าไม่ได้มองไปที่ดาบแต่เป็นลูกสาวที่สุดรักที่ต้องแต่งงานออกจากตระกูลไปหลิงฮันขนลุก นี่สมองเจ้ายังปกติดีรึเปล่าชายหนุ่มถอนหายใจและเดินจากไปอย่างเงียบๆ แม้แต่ชื่อเขาก็ไม่เอ่ยทิ้งไว้หลิงฮันส่ายหัวและมุ่งหน้าไปยังตำแหน่งสุดท้ายของถ้ำจ้าวสมุนไพรชั้นแรก มันคือตำแหน่งที่มีทางเข้าชั้นสองตั้งอยู่เพื่อที่จะผ่านเข้าไปยังชั้นที่สอง ทุกคนต้องผ่านการทดสอบแรกในวิหารชั้นหนึ่งเสียก่อน การทดสอบนั้นคล้ายคลึงกับการแข่งขันของตำหนักเป่าหลิงซึ่งมีทั้ง จำแนกรูปลักษณ์สมุนไพร ประกอบสมุนไพรเข้าด้วยกันใหม่ แยกแยะสมุนไพรและหลอมเม็ดยาหรือทดสอบอื่นๆเม็ดยาที่ล้ำค่าที่สุดของชั้นหนึ่งก็อยู่ที่วิหารเช่นกัน แต่เป็นเวลานานมากแล้วที่ไม่มีใครสามารถนำสมุนไพรล้ำค่าที่ว่ามาครอบครองจอมยุทธระดับดาราสามารถเคลื่อนที่ได้รวดเร็วมาก เวลาผ่านไปเพียงหนึ่งก้านธูปหลิงฮันก็ร่อนลงจากท้องฟ้า ด้านหน้าเขาปรากฏวิหารขนาดใหญ่ที่ประตูทางเข้าเขียนอักษรเอาไว้สามตัวว่า ‘วิหารแสงอรุณสันติ’ (泰阳宫)คำสามคำนี้ไม่ได้งดงามอะไรนัก แต่อักษรแต่ละตัวนั้นปลดปล่อยอำนาจอันล้นทะลักออกมาราวกับคลื่นมหาสมุทรจนหลิงฮันต้องหยุดยืนจ้องมองตอนนี้คนของตระกูลทั้งสี่มาถึงวิหารแล้ว แต่ละคนถยอยเข้าไปยังวิหารเพื่อทำการทดสอบที่ชั้นแรกนั้นไม่มีเวลากำหนดว่าจะอยู่ได้นานเท่าไหร่ แต่เมื่อใดที่เข้าไปในวิหารเพื่อทำการทดสอบ เหนือศีรษะของแต่ละคนจะปรากฏนาฬิกาทรายขึ้นมา หากเวลาในนาฬิกาทรายหมดแล้วยังทดสอบไม่ผ่าน คนคนนั้นก็จะถูกขับไล่ออกมาจากวิหารแต่หากทดสอบผ่าน นาฬิกาทรายก็จะยังคงลอยอยู่เหนือศีรษะเพื่อเป็นตัวบ่งบอกว่าคนคนนั้นจะอยู่ในชั้นสองในนานเท่าใด หมายความว่ายิ่งผ่านการทดสอบไวเวลาที่จะได้อยู่ชั้นสองก็จะยาวนานขึ้นแล้วถ้าหากเวลาใกล้หมดล่ะ?เมื่อถึงตอนนั้นก็ต้องไปวิหารของชั้นสองเพื่อทดสอบรับเวลาไปยังชั้นสามดังนั้นแล้วยิ่งทำเวลาในแต่ละชั้นได้ดีแค่ไหน ก็จะมีเวลาเก็บเกี่ยวสมุนไพรในแต่ละชั้นมากขึ้น เหตุผลที่ทำไมจนถึงตอนนี้ไม่มีใครขึ้นไปยังชั้นเก้าได้นั้นเป็นเพราะไม่มีใครเหลือเวลามากพอที่จะไปยังวิหารในชั้นแปดไม่มีโอกาสแม้แต่จะได้ทดสอบ แล้วพวกเขาจะไปชั้นที่เก้าได้อย่างไร?หลิงฮันไม่เร่งรีบทดสอบเนื่องจากตอนนี้ยังไม่มีเวลาจำกัด เขายืนมองอักษรสามตัวที่เขียนว่า ‘วิหารแสงอรุณสันติ’ ก่อนที่จู่ๆปราณก่อเกิดในร่างของเขาจะเริ่มปั่นป่วนราวกับรู้แจ้งอะไรบางอย่างดวงดาราในตันเถียนเพียงดวงเดียวของเขาหมุนโคจรอย่างรวดเร็ว ขนาดของดวงดาราเริ่มขยายใหญ่ขึ้นพร้อมกับอักษรทั้งสามที่ค่อยๆส่องแสงสลัวการเปลี่ยนแปลงของอักษรทั้งสามนั้นเบาบางมาก แม้แต่จอมยุทธระดับดาราหากไม่สังเกตให้ดีก็ไม่สามารถรับรู้ได้ฝูงชนเดินเข้ามาที่วิหารไม่ขาดสาย ไม่มีใครเลยที่หยุดยืนมองอักษรเช่นหลิงฮัน พวกเขาคิดแต่จะเข้าทดสอบของชั้นแรกและขึ้นไปยังชั้นที่สองเพื่อเก็บเกี่ยวสมุนไพร ยิ่งกว่านั้นหากทำผลลัพธ์ได้ดีในการทดสอบก็จะได้รางวัลเป็นเม็ดยาด้วยตุบ!หลิงฮันที่กำลังอยู่ในห้วงจิตจู่ๆก็รู้สึกว่าร่างกายสั่นสะท้าน เขาถูกใครบางคนกระแทกเข้าใส่จนสติหลุดจากสภาวะรู้แจ้งเขาขมวดคิ้วและแสดงสีหน้าไม่พอใจหลังจากที่เขาจ้องมองอักษรวิหารแสงอรุณสันติ เวลาผ่านไปเพียงหนึ่งด้านธูปเท่านั้น แต่พลังบ่มเพาะของเขากลับยกระดับขึ้นอย่างมาก!ถ้าเทียบการยกระดับพลังบ่มเพาะจากระดับดาราขั้นต้นชั้นต้นไปยังขั้นต้นชั้นกลางเป็นการก้าวเดินร้อยก้าวล่ะก็ ในช่วงเวลาหนึ่งก้านธูปเมื่อครู่เขาก้าวเดินไปได้แล้วห้าสิบก้าวแม้หลิงฮันจะหลุดออกจากสภาวะรู้แจ้ง แต่พลังอำนาจที่ถูกชี้นำออกมาจากอักษรทั้งสามนั้นยังไม่หยุดปลดปล่อยออกมาสำหรับหลิงฮัน หากปล่อยโอกาสนี้ไปคงเป็นการสูญเสียครั้งใหญ่ดังนั้นเขาจึงคร้านที่จะสนใจคนที่ชนเขาและจ้องมองอักษรทั้งสามต่อ“ฮึ่ม เจ้าชนข้าแล้วแต่ยังคิดจะทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น?” ด้านหลังหลิงฮัน รุ่นเยาว์คนหนึ่งกล่าวด้วยน้ำเสียงหยิ่งยโส ใบหน้าของเขาปรากฏร่องรอยของความอับอายเขาเป็นคนที่ชนหลิงฮันเมื่อครู่ก่อนหน้านี้ เขาเห็นหลิงฮันยืนนิ่งอยู่กับที่ ด้วยนิสัยอันโอหังของเขาจึงไม่คิดจะเดินหลบและชนหลิงฮันไปทั้งแบบนั้นในความคิดของเขา หากมีคนขวางทางอยู่ก็ต้องเป็นอีกฝ่ายที่หลบทางให้เขาแต่ก่อนหน้านี้หลิงฮันได้อยู่ในสภาวะรู้แจ้งจึงเป็นธรรมดาที่จะไม่สังเกตเห็นอีกฝ่าย เมื่อเห็นหลิงฮันแน่นิ่ง รุ่นเยาว์ผู้นี้เลยไม่ลังเลที่จะเดินชนกระแทกใส่หลิงฮัน แต่ที่เขาไม่คาดคิดก็คือเมื่อชนเข้าใส่หลิงฮัน เขากลับรู้สึกราวกับกระแทกเข้าใส่แท่งเหล็กผลลัพธ์ก็คือร่างของเขาถูกผลักสะท้อนกลับจนล้มลงที่พื้นด้านหลังหลิงฮัน ช่วยความอัปยศนี้จะไม่ให้เข้าโมโหได้อย่างไร?
คอมเม้นต์