Alchemy Emperor of the Divine Dao ตอนที่ 1300
เมื่อเหล่าอัจฉริยะปรากฏตัว ปรมาจารย์ที่แท้จริงจากทั้งสองดินแดนเองก็ตามพวกเขามาเช่นกันเพียงแต่ว่าปรมาจารย์เหล่านั้นเลือกที่จะไม่แสดงตัวไม่มีใครรู้ว่าทั้งสองดินแดนนั้นฝ่ายใดจะใช้โอกาสนี้ในการสังหารรุ่นเยาว์ระดับราชาของดินแดนตนเอง ดังนั้นสุดยอดปรมาจารย์ของทั้งสองดินแดนจึงเคลื่อนไหว ยกตัวอย่างเช่นทางฝั่งดินแดนศักดิ์สิทธิ์ นักพรตกว่างฉิงได้หลบซ่อนอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลเชื่อว่าทางดินแดนใต้พิภพเองก็คงมีปรมาจารย์ระดับเดียวกันหลบซ่อนตัวอยู่ผ่านไปอีกสองสามวัน อู่เมี่ยนก็มาถึงเขาทำตัวไม่โดดเด่นจึงไม่มีใครรับรู้ถุงตัวตนของเขา หลังจากตามหาหลิงฮันพบเขาได้นำสุราชั้นเลิศออกมาดื่มกันหลิงฮันโดยไม่สนสตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งนกอมตะสวรรค์อยู่ในสายตาผ่านไปไม่นานกฎเกณฑ์แห่งสวรรค์และปฐพีที่โอบล้อมไปทั่วป่าภูผาวารีก็สลายหายไป ทุกคนรู้ว่านี่คือสัญญาณการเริ่มต้นของการชุมนุมของผู้ถูกเลือกแห่งสองดินแดนเหล่าคนที่ต้องการสลักชื่อเอาไว้ในประวัติศาสตร์ต่างมุ่งหน้ามายังหุบเขาแห่งนี้ไม่ต้องกล่าวถึงเรื่องอื่น ตราบใดที่สามารถเดินผ่านอยู่ในหุบเขาที่ไร้กฎเกณฑ์แห่งสวรรค์และปฐพีได้ก็นับว่าเป็นอัจฉริยะแล้วซึ่งคนที่ทำเช่นนั้นได้… มีน้อยนิดมาก!หลายคนล่าถอยกลับไปทั้งๆที่เพิ่งเดินอยู่ในหุบเขาได้เพียงหนึ่งในสิบ บางคนฝทนเดินต่อไปได้ถึงสองในสิบ ทันทีที่พวกเขาล่าถอยออกไปไม่ว่าใครก็กระอักโลหิตออกมาหุบเขาแห่งนี้คือเวทีของอัจฉริยะ จอมยุทธธรรมดาสามัญทำได้แค่เพียงจ้องมองหลิงฮันไม่เร่งรีบ เพราะอย่างไรการทดสอบอัจฉริยะนี้ก็มีระยะเวลาถึงครึ่งเดือนหยางหลินเป็นราชาคนแรกที่เข้าไปยังหุบเขาเขาเดินผ่านเข้าในยังส่วนลึกของหุบเขาได้อย่างไม่ยากเย็น ผู้ติดตามทั้งสี่ของเขาก็ยอดเยี่ยมเช่นกัน แม้พวกเขาจะต้องใช้ความพยายามอยู่บ้างแต่ก็สามารถผ่านเข้าไปในหุบเขาได้เรื่องนี้ทำให้หลายคนอึ้งจนพูดไม่ออก หยางหลินไม่เพียงทรงพลังแค่คนเดียว แต่ขนาดผู้ติดตามของเขาก็ยังน่าทึ่งไม่แพ้กันหลังจากนั้นแม่นางหยุนเองเดินเข้าไปยังหุบเขาด้วยท่าทีผ่อนคลายในขณะเดียวกัน ซั่วเฉียนค่อนเดินตามนางไปด้วยความลำบากเล็กน้อย เห็นได้ชัดว่าในหุบเขานี้ต่อให้เป็นระดับพลังใดก็ไม่มีความหมาย ประเด็นสำคัญคือแต่ละคนขัดเกลาพลังบ่มเพาะระดับภูผาวารีจนสมบูรณ์ขนาดไหนซั่วเฉียนเป็นตัวตนระดับดาราก็จริง แต่ปัญหาก็คือก่อนหน้านี้เขาขัดเกลาพลังจนบรรลุขั้นสมบูรณ์รึเปล่า ต่อให้เข้าบรรลุขั้นสมบูรณ์จริงก็เป็นไปได้ว่าเขาคงจะบรรลุเพียงขั้นสมบูรณ์ชั้นต้น ไม่เช่นนั้นรากฐานเขาคงไม่ด้อยไปกว่าแม่นางหยุนแน่นอนว่าดินแดนใต้พิภพก็ส่งอัจฉริยะระดับราชามาเช่นกัน หลิงฮันพบเห็นชายคนหนึ่งที่บนหัวมีดวงตะวันลอยอยู่ คนคนนั้นปลดปล่อยกลิ่นอายที่น่าสะพรึงกลัวออกมา บางคนแค่มองไปยังชายคนนั้นก็แทบจะกระอักโลหิตออกมาหลิงฮันมองไปยังอู่เมี่ยน ถึงแม้อีกฝ่ายจะปิดบังใบหน้าเอาไว้มิดจนมองไม่เห็น แต่เขาก็ยังสัมผัสได้ว่าโลหิตของอีกฝ่ายกำลังเร่าร้อน“ชายคนนั้นไม่เพียงก้าวสู่ระดับดาราแล้ว แต่ระดับพลังก่อนหน้ายังขัดเกลาจนบรรลุขั้นสมบูรณ์อีกด้วย หากสู้ด้วยระดับพลังเท่ากันนับว่าเป็นคู่ต่อสู้ที่ยอดเยี่ยม!” อู่เมี่ยนกล่าวด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น“ฉื้อหวงจี่่!”“ฉื้อหวงจี่่”“ฉื้อหวงจี่่!”เหล่าสิ่งมีชีวิตใต้พิภพส่งเสียงตะโกนชื่อของชายคนนั้นหลิงฮันไม่ประหลาดใจอะไร ชายคนนั้นเองรึที่ชื่อฉื้อหวงจี่่?ใต้ดวงตะวันบนฟ้าจะมีรุ่นเยาว์ระดับดาราสักกี่คนเชียว?ในด้านของความทรงพลังของกลิ่นอาย หลิงฮันรู้สึกว่าไม่ว่าจะแม่นางหยุน หยางหลินหรืออู่เมี่ยนก็ไม่สามารถทัดเทียบกับฉื้อหวงจี่่ ทุกคนเป็นราชาก็จริง แต่ฉื้อหวงจี่่คือราชาในหมู่ราชา‘ครืนนนน’ ท้องฟ้าเกิดการสั่นสะเทือนครั้งใหญ่จากระยะที่ห่างไกลออกไปราวกับกองทัพนับพันกำลังบุกรุกเข้ามา ทุกคนโดยรอบตื่นตัวกันทันทีสงครามระหว่างสองดินแดนเพิ่งสิ้นสุดไปสองปี ทุกคนหวาดกลัวอย่างมากว่าจะเกินสงครามที่น่าสะพรึงกลัวขึ้นอีกครั้งแต่สิ่งที่ทุกคนเห็นกลับไม่ใช่กองทัพแต่เป็นเพียงรถม้า!แค่รถม้าจะสามารถเคลื่อนไหวดุดันราวกับกองทัพนับพันเลยรึอย่างไร? น่าทึ่ง! ที่อัศจรรย์ยิ่งกว่านั้นคือรถม้ามีขนาดเล็กมาก ขนาดของมันนั้นราวๆฝ่ามือเท่านั้น ตัวรถนั้นเป็นสีม่วงลายกระทิงทองคำ หากมองให้ดีจะพบว่าส่วนของลวดลายกระทิงนั้นถูกสร้างขึ้นจากแร่โลหะทันทีที่รถม้าหยุด ชั้นมิติก็พังทลาย กฎแห่งเต๋าราวกับถูกบีบรัดจนเกิดช่องว่างมิติน่าสะพรึงกลัวยิ่งนัก มันคือรถม้าอะไรกันแน่?“นะ นั่นมันโลหะหยดเลือดนกอมตะ!”ชายชราคนหนึ่งกล่าวเดียวน้ำเสียงสั่นสะท้าน พลังบ่มเพาะของเขาไม่สูงมากนัก แต่ดูแล้วเป็นชายชราที่ทรงภูมิ“อะไรคือโลหะหยดเลือดนกอมตะ?” หลายคนถามด้วยความสงสัย“วัตถุดิบเซียน!” ชายชราทรงภูมิกล่าวออกมา ทุกคนที่ได้ยินต่างตกตะลึงวัตถุดิบเซียน… มันคือแร่โลหะศักดิ์สิทธิ์ระดับสิบเจ็ดเป็นอย่างน้อยซึ่งมีไว้สำหรับหลอมอาวุธเซียนวัตถุดิบนั้นไม่สำคัญว่าจะเป็นโลหะ หิน หรือไม้“ลวดลายกระทิงทองคำนั่นถูกสร้างขึ้นจากโลหะหยดเลือดนกอมตะ” ร่างของชายชราทรงภูมิสั่นเครือ คำพูดของเขาแฝงไว้ด้วยน้ำเสียงแห่งความตื่นเต้น “ห้องของของรถม้าที่สร้างจากไม้นั่นก็ดูเหมือนจะสร้างขึ้นจากวัตถุดิบเซียนเช่นกัน!”“ในชีวิตนี้ได้เห็นวัตถุดิบเซียนด้วยตาตัวเอง… ข้าสามารถตายโดยไม่มีอะไรจะเสียใจแล้ว!”ไม่ใช่วัตถุดิบเซียนเพียงชนิดเดียว แต่มีถึงสอง?ทุกคนตะลึงจนอ้าปากค้าง ใครกันที่นั่งอยู่บนรถม้านั่น? พื้นเพของเขาต้องน่าสะพรึงกลัวมากแน่นอนรถม้าหยุดวิ่งเมื่อมาถึงหน้าทางเข้าหุบเขา แม้กฎแห่งสวรรค์และปฐพีจะสลายไปก็ไม่ได้หมายความว่าจะหายไป หากเข้าไปด้านในก็ต้องถูกลดระดับพลังบ่มเพาะ แม้จะเป็นตัวตนระดับเซียนก็ไม่มีข้อยกเว้นไม่ใช่แค่ทางฝั่งดินแดนศักดิ์สิทธิ์ที่ตะลึง แม้แต่ฝั่งดินแดนใต้พิภพก็จ้องมองไม่วางตา แน่นอนว่าพวกเขาย่อมตระหนักถึงรถม้าที่สร้างจากวัตถุดิบเซียนถึงสองชนิดเช่นกันประตูรถม้าเปิดออก ท่ามกลางสายตาของสาธารณะชนได้มีคนตัวเล็กกระโดดออกมาจากด้านในเป็นคนตัวเล็กจริงๆ ขนาดตัวของเขาคือสามนิ้วเท่านั้น คนตัวเล็กผู้นี้สวมชุดคลุมม่วงขลิบทอง ร่างของเขาปลดปล่อยกลิ่นอายราวกับสวรรค์เบื้องบน“ชุกคลุมนั่นก็สร้างจากโลหะหยดเลือดนกอมตะ”“พระเจ้าช่วย สามารถเปลี่ยนวัตถุดิบเซียนให้กลายเป็นเส้นไหมและทอเป็นชุดได้เช่นนี้ ต้องใช้วิธีการแบบใดกัน!”ทุกคนสั่นสะท้าน สิ่งที่เห็นตรงหน้ามันน่าทึ่งเกินไปจนเหนือความเข้าใจของพวกเขาอย่างสิ้นเชิงร่างของชายตัวเล็กสั่นไหวเล็กน้อยก่อนจะค่อยๆขยายร่างกลับสู่ขนาดของคนปกติ เขาเป็นบุรุษหล่อเหลาที่ผิวงามดั่งหยก นี่ไม่ใช่การเปรียบเทียบ แต่ผิวทั่วร่างของเขาเหมือนกับเป็นหยกจริงๆ“เป่ยหวง เจ้ายังมาไม่ถึงอีกรึ?” ชายคนนั้นแหงนหน้าและตะโกนขึ้นบนท้องฟ้า
คอมเม้นต์