Alchemy Emperor of the Divine Dao ตอนที่ 1222
จริงอยู่ที่ตำหนักฮันหลิงจะแพ้การประลองสี่ครั้งรวด แต่หากเปรียบเทียบแล้วก็เหมือนกับการประลองของนิกายที่ถึงแม้จอมยุทธระดับภูผาวารีจะแพ้รวด แต่ถ้าหากจอมยุทธระดับสุริยันจันทราชนะ พวกเขาก็จะได้ชื่อเสียงคืนมทาการประลองของนักปรุงยาก็เช่นกันนักปรุงยาระดับสูงที่สุดของตำหนักฮันหลิงฮันนักปรุงยาระดับห้า ดังนั้นถ้าหากต้องการกลืนกินตำหนักฮันหลิงก็ต้องเอาชนะนักปรุงยาระดับห้าทั้งสองคนให้ได้เสียก่อน แต่ก็ใช่ว่าการประลองสี่ครั้งก่อนจะปล่อยทิ้งไปได้ การพ่ายแพ้สี่ครั้งเป็นข้อพิสูจน์ว่าตำหนักเป่าหลินเหนือกว่าตำหนักฮันหลิงในด้านหลอมเม็ดยาศักดิ์สิทธิ์ระดับหนึ่งถึงสี่ตำหนักเป่าหลิงฮันตั้งใจเอาไว้เช่นนี้ พวกเขาต้องการเอาชนะนักปรุงยาของตำหนักฮันหลิงตั้งแต่ระดับล่างสุดจนถึงระดับสูงสุดเพื่อให้เห็นว่าหากใครจะซื้อเม็ดยา พวกเขาก็ต้องนึกถึงตำหนักเป่าหลินเป็นอันดับแรกเนื่องจากเม็ดยามาคุณภาพมากกว่าเม็ดยาบางชนิดสามารถกินได้เพียงครั้งเดียว ดังนั้นยิ่งคุณภาพสูงก็ยิ่งดีกว่าดังนั้นแล้วตราบใดที่ตำหนักเป่าหลิงโค่นนักปรุงยาระดับห้าของตำหนักฮันหลิงลงได้ ตำหนักเป่าหลินก็จะเป็นผู้ชนะผูกขาดการค้าเม็ดยาไปโดยปริยายคังซิวหยวนก้าวเดินไปด้านหน้าและกล่าว “ใครจะเป็นคนประลองกับข้า?”“ข้าเอง!” ชายวันกลางคนหน้าตาไม่ต้อนรับแขก ร่างกายของเขาตลบอบอวลไปด้วยกลิ่นของสมุนไพร เหตุผลที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะเขาต้องคลุกคลีอยู่กับสมุนไพรเป็นเวลามากมายหลายปี“เหลียงจิงโปว?” คังซิวหยวนกล่าวเสียงขรึม“โอ้ เจ้ารู้จักข้าด้วย?” ชายวัยกลางคนเอ่ยถามคังซิวหยวนยิ้มและลก่าว “ชื่อของปรมาจารย์ที่เป็นที่กล่าวขานมาอย่างยาวนาน ข้าได้ยินว่าเจ้าเป็นนักปรุงยาระดับห้ามาแล้วเป็นเวลาเกือบแสนปีและอยู่ห่างจากนักปรุงยาระดับหกไม่ไกล”เหลียงจิงโปวแสดงสีหน้าภาคภูมิใจ นักปรุงยาก็เหมือนกับจอมยุทธ การข้ามระดับแต่ละระดับเต็มไปด้วยความยากลำบาก อย่ามองว่าเขาเป็นเพียงนักปรุงยาระดับห้าได้ในระยะเวลาหนึ่งแสนปีอย่างเดียว แต่การจะทะลวงผ่านจากระดับสุริยันจันทราขั้นต้นมายังขั้นกลางจำเป็นต้องใช้เวลาเท่าไหร่?ต่อให้เป็นอัจฉริยะก็ต้องใช้เวลาสี่หรือห้าแสนปี!ดังนั้นเขาจึงหวังว่าตัวเองจะยกรับดับกลายเป็นนักปรุงยาระดับหกในระยะหนึ่งแสนปีนี้ หากทำได้เขาจะถูกขนานนามว่าสุดยอดอัจฉริยะ“คังซิวหยวน เจ้าเองก็เป็นนักปรุงยาอัจฉริยะ เหตุใดถึงไม่ละทิ้งตำหนักฮันหลิงแล้วมาเข้าร่วมกับตำหนักเป่าหลินล่ะ?” เหลียงจิงโปวยื่นข้อเสนอคังซิวหยวนส่ายหัว “ตำหนักฮันหลิงฮันสร้างขึ้นจากความพยายามอย่างหนักของข้ากับศิษย์พี่ ข้าจะไม่ยอมละทิ้งมันเด็ดขาด!”“โอ้ เช่นนั้นก็ไม่ต้องพูดอะไรกันแล้ว!” เหลียงจิงโปวยืดมือออกไป “เอาล่ะ มาประลองกัน!”“โปรดชี้แนะด้วย!”เหลียงจิงโปวนิ่งไปชั่วครู่ก่อนจะกล่าว “ในเมื่อนี่เป็นการประลองระหว่างพวกเราและข้าก็อาวุโสกว่าเจ้าหลายปี ดังนั้นข้าจะยอมเป็นคนเลือกก่อนว่าจะหลอมเม็ดยาอะไร”การเลือกก่อนและหลังสำคัญมาก เนื่องจากต่อให้เป็นเม็ดยาศักดิ์สิทธิ์ระดับห้าเหมือนกันแต่ความยากในการหลอมเม็ดยาแต่ละชนิดนั้นต่างกัน คนที่เลือกก่อนจะเป็นฝ่ายเสียเปรียบเล็กน้อยเพราะคู่ต่อสู้จะเลือกหลอมเม็ดยาที่เหนือกว่าได้คังซิวหยวนไม่ปฏิเสธ อีกฝ่ายเรียนรู้ศาสตร์แห่งการปรุงยามาก่อนเขาหลายหมื่นปี เขาจะเรียกตัวเองว่าผู้อาวุโสก็ไม่นับว่าเกินไป“ข้าจะหลอมเม็ดยาสี่ทิศ” หลังจากครุ่นคิด เหลียงจิงโปวก็กล่าวออกมาคังซิวหยวนชะงักในใจเล็กน้อย เม็ดยาสี่ทิศเป็นเม็ดยาที่หลอมได้ยากยิ่งในหมู่เม็ดยาศักดิ์สิทธิ์ระดับห้า ถ้าต้องการเอาชนะอีกฝ่ายเขาต้องเลือกหลอมเม็ดยาที่ยากยิ่งกว่า แน่นอนว่าเขาสามารถเลือกหลอมเม็ดยาที่ง่ายกว่าได้ก็จริง แต่นั่นเขาก็ต้องภาวนาให้เหลียงจิงโปวหลอมเม็ดยาผิดพลาดเขาถึงจะชนะการประลองแต่ถ้าหากไม่มั่นใจ อีกฝ่ายจะเสนอตัวหลอมเม็ดยาสี่ทิศในการประลองเช่นนี้รึ?เขาครุ่นคิดก่อนจะกล่าว “งั้นข้าก็จะหลอมเม็ดยาสี่ทิศเช่นกัน”ต่างฝ่ายต่างหลอมเม็ดยาสี่ทิศ การตัดสินย่อมง่ายมาก ฝ่ายไหนหลอมหลอมเม็ดยาได้จำนวนมากกว่าจะเป็นฝ่ายชนะ แต่ถ้าเม็ดยามีจำนวนเท่านั้นก็จะตัดสินกันด้วยคุณภาพของเม็ดยา“งั้นเริ่มกันเลย!” ทั้งสองฝ่ายเริ่มเตรียมสมุนไพรของตัวเองตำหนักเป่าหลินเตรียมการมาอย่างดีแน่นอนว่าพวกเขาต้องนำสมุนไพรติดมาด้วย ส่วนคังซิวหยวนที่เป็นเจ้าของสถานที่ เขาย่อมจัดหาวัตถุดิบได้อย่างรวดเร็ว ผ่านไปไม่นานทั้งสองคนก็เริ่มลงมือหลอมเม็ดยาจัดวางวัตถุดิบ สกัดสมุนไพร จุดเปลวเพลิง ทั้งสองคนเข้าสู่กระบวนการสำคัญของการหลอมอย่างรวดเร็วหลิงฮันที่มองดูอยู่สักพักก็อดส่ายหัวไม่ได้ด้วยสายตาของจักรพรรดิปรุงยาเช่นเขาแล้ว คังซิวหยวนนั้นไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเหลียงจิงโปวพรสวรรค์ในด้านปรุงยาของคังซิวหยวนไม่ได้ด้อยไปกว่าอีกฝ่าย บางทีอาจจะเหนือกว่าด้วยซ้ำ แต่อีกฝ่ายขัดเกลาทักษะปรุงยาระดับห้ามาแล้วกว่าแสนปี ความต่างนี้กว้างใหญ่เกินไปหลิงฮันตัดสินใจและเดินไปหาหยุนหย่งหวัง“หยุด!” เมื่อเห็นรุ่นเยาว์แปลกหน้าเดินเข้ามา คนของตำหนักฮันหลิงก็รีบหยุดเขาไว้ทันทีหยุนหย่งหวังได้ยินเสียงกล่าวให้หยุดและเบนสายตามองไปยังหลิงฮัน เขาชะงักก่อนจะเผลอถามไปโดยไม่รู้ตัว “พวกเราเคยพบกันมาก่อนรึเปล่า?”รุ่นเยาว์ตรงหน้าให้ความรู้สึกคลับคล้ายคลับคลาเหมือนเคยพบเจอที่ไหนมาก่อน แววตาของอีกฝ่ายแฝงไว้ด้วยความรู้สึกลึกลับอันมากล้นหลิงฮันค่อยๆหลี่ตาลงและยิ้ม “ข้าต้องการเข้าร่วมตำหนักฮันหลิงได้รึไม่?”หยุนหย่งหวังประหลาดใจ รุ่นเยาว์ผู้นี้ต้องการจะเข้าร่วมตำหนักฮันหลิงจริงๆรึ? เขาดูไม่ออกหรือไงว่าตอนนี้ตำหนักฮันหลิงกำลังตกอยู่ในสถานการณ์ไม่สู้ดี? ช่างประหลาดคนจริงๆ! “เจ้าเป็นนักปรุงยา?” เขากล่าวหลิงฮันยิ้ม “ข้าเพิ่งเรียนรู้ได้ไม่กี่ปีเท่านั้น”ไม่กี่ปีเท่านั้น?หยุนหย่งหวังแน่นิ่งไปชั่วขณะ แต่ก็พยักหน้ากล่าว “ตกลง!”ในเวลาคับขันเช่นนี้หลิงฮันก็ยังเลือกเข้าร่วมกับตำหนักฮันหลิง… หยุนหย่งหวังรู้สึกอุ่นใจอย่างบอกไม่ถูก! ดังนั้นไม่ว่าหลิงฮันจะมีพรสวรรค์ในด้านปรุงยารึไม่นั้นเขาจึงไม่สนใจและต้อนรับด้วยความยินดี“รุ่นเยาว์ เจ้ามีชื่อว่าอะไร?” เขาเอ่ยถามอีกครั้ง“หลิงฮัน!”“ว่าไงนะ!” หยุนหย่งหวังอุทานออกมาจนเกือบคุมตัวเองไม่อยู่ รุ่นเยาว์ผู้นี้มีชื่อแซ่เดียวกับอาจารย์ที่ตายไปแล้วของเขา? ก่อนหน้านี้เขารู้สึกว่าเคยพบเจอรุ่นเยาว์ตรงหน้ามาก่อน ดังนั้นยิ่งพอได้ยินชื่อของอีกฝ่าย ร่างของเขาจึงสั่นสะท้านทันทีน่าเสียดายที่ไม่ว่าเขาจะมองยังไงก็ไม่เห็นถึงตวามคล้ายคลึงกันระหว่างรุ่นเยาว์ตรงหน้ากับอาจารย์ของเขา ยิ่งกว่านั้นก่อนที่เขาจะมายังดินแดนศักดิ์สิทธิ์ อาจารย์ของเขาก็หายตัวไปกว่าร้อยปีซึ่งสมควรจะตายไปแล้ว‘ก็แค่บังเอิญ’ หยุนหย่งหวังกล่าวในใจ“หลิงฮัน เจ้ามาจากที่ไหน?” หยุนหย่งหวังเผลอถามออกไป“ดาวเหอหนิง” หลิงฮันตอบเขาไม่เปิดเผยตัวตนที่แท้จริงออกไปทันที เหตุผลแรกเลยก็เพราะที่นี่มีหูมีตามากมายเกินไป ถ้าเขาเปิดเผยตัวเองว่ามาจากทวีปฮงเทียน เรื่องนี้จะไปถึงหูของห้านิกายโบราณและส่งคนมาจัดการเขาแน่นอน เหตุผลที่สองคือ กาลเวลาได้ผ่านมาแล้วเป็นหมื่นปี เขาไม่แน่ใจว่าเหล่าลูกศิษย์ของเขาจะยังเป็นคนเดิมอยู่รึไม่การเปลี่ยนแปลงเป็นไปได้ทั้งด้านดีและชั่วร้าย…เขาต้องยืนยันเรื่องนี้ก่อนหยุนหย่งหวังชะงักเล็กน้อย ดินแดนศักดิ์สิทธิ์นั้นกว้างใหญ่ไพศาล ถ้าหากไม่ใช่พ่อค้าระหว่างดวงดาว ผู้คนส่วนใหญ่ก็จะอาศัยอยู่ในดวงดาวใบเดิมจนสิ้นอายุขัย ยิ่งกว่านั้นดาวเหอหนิงก็อยู่ห่างไกลจากดาวดวงนี้สองร้อยล้านปีแสง ไม่น่าแปลกใจที่หยุนหย่งหวังจะไม่รู้จัก“อืม!” หยุนหย่งหวังพยักหน้า สีหน้าของเขาแสดงออกถึงความผิดหวังเล็กน้อยและตั้งสมาธิกลับไปจดจ้องชมการประลองระหว่างเหลียงจิงโปวกับคังซิวหยวนซึ่งจะเป็นจุดตัดสินอนาคตของตำหนักฮังหลิง
คอมเม้นต์