Alchemy Emperor of the Divine Dao ตอนที่ 1054
ตอนที่ 1054หลิงฮันเมินเฉย ชายคนนี้เป็นฝ่ายแสดงท่าทีเป็นปรปักษ์กับเขาก่อนโดยการพูดยั่วยุเขาตอนนี้เขาคือคนของจักรพรรดินีอย่างเป็นทางการแล้ว ตราบใดที่เขาไม่ก่อเรื่องใหญ่โต ต่อให้เป็นเจ็ดจอมพลหรือผู้อาวุโสซ้ายขวาก็ไม่สามารถรังแกเขาได้อย่างโจ่งแจ้ง เช่นนั้นแล้วทำไมเขาต้องเก็บชายคนนี้มาใส่ใจด้วย?“เจ้าหนู ท่าทางเช่นนั้นหมายความว่าอย่างไร?” จิวอู่ชีไม่พอกับกับท่าทีของหลิงฮันหลิงฮันส่ายหัวและกล่าว “เจ้าเองที่เป็นฝ่ายหยาบคาย นี่เจ้าไม่รู้จริงๆรึ?”จิวอู่ชีเกรี้ยวกราด เจ้ากล้าบอกว่าข้าหยาบคายงั้นรึ? เขาเค้นเสียงและกล่าว “อย่าคิดว่าแค่ในช่วงนี้เจ้ามีชื่อเสียงโด่งดั่งจะทำให้เจ้าทำตัวหยิ่งยโสได้ เจ้ารู้รึไม่ว่าที่นี่คือเมืองจักรพรรดิ ภายใตการปกครองขององค์จักรพรรดินียังคงมีปรมาจารย์อยู่อีกมากมาย!”หลิงฮันหัวเราะ “แล้วคนเช่นเจ้าเป็นปรมาจารย์แบบไหนล่ะ?”“เหอะ ข้าคือนักปรุงยาระดับสอง ปีนี้ข้าเพิ่งอายุสามหมื่นปีเท่านั้น และในอีกไม่นานนี้ข้าจะกลายเป็นนักปรุงยาระดับสามได้แน่นอน!” จิวอู่ชีกล่าวอย่างภาคภูมิใจเจ้าหมอนี่ไร้สมองรึไงกัน?หลิงฮันอดคิดเช่นนั้นไม่ได้ เขาที่เริ่มต้นจากลองผิดถูกเองตอนนี้เขาก็มีความสามารที่จะหลอมเม็ดยาระดับศักดิ์สิทธิ์ขั้นสามแล้วแต่หมอนี่ที่ใช้เวลาตั้งสามหมื่นปีกลับเป็นได้เพียงนักปรุงยาระดับสอง? แถมยังต้องใช้เวลาอีกถึงจะกลายเป็นนักปรุงยาระดับสาม นี่น่ะรึอัจฉริยะ?ไม่ว่าจะมองยังไงอีกฝ่ายก็แค่คนโง่ชัดๆ!หรือไม่ก็พรสวรรค์ในศาสตร์แห่งการปรุงยาของเขาก็น่ากลัวเกินไปหลิงฮันสามารถคิดได้เพียงแค่นี้เท่านั้นว่าศักยภาพของเขาสูงเกินไปเมื่อเห็นหลิงฮันเงียบไป จิวอู่ชีก็คิดว่าเขาข่มอีกฝ่ายได้และยิ้มออกมาด้วยความพึงพอใจในโลกแห่งการปรุงยาของดาวดวงนี้ คนที่กลายเป็นนักปรุงยาระดับหนึ่งก่อนอายุสามพันปีและกลายเป็นนักปรุงยาระดับสองได้ก่อนอายุหมื่นปีจะถูกเรียกว่าอัจฉริยะ ส่วนเขาที่ใกล้จะกลายเป็นนักปรุงยาระดับสามในอายุสามหมื่นปีนั้นถือว่าเป็นอัจฉริยะในหมู่อัจฉริยะนอกจากนั้นพรสวรรค์ในด้านวรยุทธของเขาก็นับว่าดี ตอนนี้เขามีพลังบ่มเพาะระดับภูผาวารีขั้นสูงสองสิ่งนี้คือความภาคภูมิใจของเขา“เหอะๆ อย่าคิดว่าเจ้ามีชื่อเสียงเพียงเล็กน้อยแล้วจะเทียบข้าได้ เจ้ายังห่างชั้นกับข้ามากนัก!” จิวอู่ชีกล่าวหลิงฮันเข้าใจแล้วว่าชายคนนี้เป็นคนประเภททะนงในศักดิ์ศรีของตัวเองและไม่ยอมให้ใครเฉิดฉายเหนือเขาแม้แต่น้อยเขาส่ายหัวและคร้ายจะโต้เถียงไร้สาระกับคนเช่นนี้ เขาหันกลับไปมองกู่หลิงยวี่และกล่าว “อย่าให้อาจารย์ของเจ้ารอนานดีกว่า”“อืม!” กู่หลิงยวี่พยักหน้าและกำลังจะก้าวเดินต่อจิวอู่ชีแทบจะเป็นลม สองคนนี้ไม่เห็นเขาอยู่ในสายตาเลยรึไง? เขาเดินกล่าวเอ่ยแทรก “เจ้าหนู ตอนนี้เจ้าเป็นเพียงจอมยุทธระดับภูผาวารีขั้นกลาง! เจ้าควรจะรู้ว่าเม็ดยานั้นแพงขนาดไหนสินะ? แต่ว่าหากเจ้ามีสหายเช่นข้า ในอนาคตเจ้าก็ไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องเม็ดยาในอนาคต”หลิงฮันรู้สึกตลกและกล่าว “แล้วต้องทำอย่างไรข้าถึงจะเป็นสหายกับเจ้า?”“ฮ่าๆๆ!” จิวอู่ชีหัวเราะทันทีและคิดว่าในที่สุดหลิงฮันก็ติดกับแล้ว “ง่ายมาก หลังจากนี้ให้เรียกข้าว่าพี่ชาย แล้วก็ศิษย์น้องกู่ เป็นสตรีที่ข้าชื่นชาย เจ้าอย่าได้หวังอะไรเด็ดขาด!”ในประโยคหลังเขาลดเสียงต่ำให้หลิงฮันได้ยินเพียงคนเดียวหลิงฮันยิ้ม “คนที่มีศักดิ์ศรีจริงๆย่อมไม่จำเป็นต้องพูดจากับคนอื่นเช่นนี้ อีกกว่านั้นข้าก็คิดว่าเจ้าไม่เหมาะสมกับนาง”“บัดซบ!” จิวอู่ชีเกรี้ยวกราด “เจ้าหนู อย่าอวดดีเกินไป! เจ้าบังอาจดูหมื่นข้า ข้ารับประกันเลยว่าจะไม่มีร้านโอสถร้านใดในเมืองจักรพรรดิที่จะขายเม็ดยาให้กับเจ้าแม้แต่ร้านเดียว!”หลิงฮันไม่สนใจ หมอนี่คงจะไม่รู้ว่าเขาเปิดร้านโอสถของตัวเองแล้ว“โอ้ ข้ากลัวจริงๆ!” หลิงฮันยิ้มจิวอู่ชีรู้ว่าหลิงฮันกำลังล้อเล่นกับเขา ใบหน้าของเขาจึงบูดบึ้งกว่าเดิมฮึ่ม ต่อให้เจ้าหนูมีผลึกก่อเกิดในมือก็ซื้อเม็ดยาไม่ได้ เขาจะได้รู้ว่าหากล่วงเกินนักปรุงยาแล้วจะเป็นอย่างไร!เขาเดินตามหลิงฮันกับกู่หลิงยวี่ไปพร้อมกับแสยะยิ้มกู่หลิงยวี่เป็นสตรีที่ไม่ทันโลก นางไม่รู้ตัวเลยว่าหลิงฮันกับจิวอู่ชีบาดหมางกัน นางเดินนำพวกเขาไปยังสวนเล็กๆแห่งหนึ่ง“อาจารย์!” นางกล่าวด้วยน้ำเสียงเคารพหลิงฮันชะงักไปชั่วครู่ อยู่ไหนกัน?สวนไม่ได้มีขนาดใหญ่มาก เขาสามารถเห็นทั่วสวนเพียงแค่มองแวบเดียว แต่เขาไม่เห็นบุคคลที่สี่อยู่ที่ไหนเลย“เจ้าหนู มองหาอะไร?” เสียงหนึ่งดังขึ้นหืม?หลิงฮันก้มมองลงไปและมองเห็นสตรีคนหนึ่งกำลังนั่งอยู่บนดอกไม้นางนั้นตัวเล็กพอๆกับนิ้วโป้ง สิ่งที่แปลกก็คือมีปีกคู่หนึ่งประดับอยู่ที่หลังของนาง ปีกคู่นั้นบางจนแทบจะใสแต่ก็มีลวดลายสีทองที่ดูปราณีตมากหรือสตรีคนนี้จะเป็นรองเจ้าตำหนักฝ่ายปรุงยาของสำนักและเป็นอาจารย์ของกู่หลิงยวี่… เยี่ยนเซียวเซวียน?“ผู้อาวุโส ท่าน…” หลิงฮันไม่อยากจะเชื่อ“ทำไม เห็นข้าตัวเล็กเช่นนี้เจ้าเลยจะดูถูกข้างั้นรึ?” เยี่ยนเซียวเซวียนกล่าวด้วยน้ำเสียงไม่พอใจและปลดปล่อยกลิ่นอายที่สูงส่งออกมาระดับสุรันยันจันทรา… แต่ขั้นพลังอะไรนั้นนางไม่ได้เปิดเผยให้เห็นจำนวนของดวงตะวันและดวงจันทร์ หลิงฮันถึงไม่อาจรู้ได้“ข้าไม่กล้า!” หลิงฮันรีบกล่าว “ก็แค่เกิดคาดไปเล็กน้อย” เขาบอกความจริงต่อหน้าตัวตนเช่นนี้ไม่ควรเสแสร้งจะดีกว่าเยี่ยนเซียวเซวียนเปลี่ยนมาหัวเราะ “ข้าเป็นครึ่งมนุษย์ของตระกูลจิตวิญญาณห้วงฝัน”ครึ่งมนุษย์… พวกเขาคือเผ่าที่เกิดจากเผ่ามนุษย์กับสัตว์อสูร พวกเขาได้รับสืบทอดสายเลือดมาจากทั้งสองฝั่งทำให้มีศักยะภาพเหนือกว่าพ่อแม่ผู้ให้กำเนิด“หลิงฮันพบผู้อาวุโส!” หลิงฮันนำของฝากออกมา นี่คือการแสดงความเคารพต่อผู้อาวุโสเยี่ยนเซียวเซวียนรับของฝากมาและโบกมือ “ไม่ต้องมากพิธี! มาตรงนี้ ข้ามีเรื่องอยากถามเจ้า… เจ้ามีความคิดจะเข้าร่วมกับพวกเรารึไม่?”พรวด!จิวอู่ชีสำลักน้ำลายทันที นี่มันเรื่องอะไรกัน?ต่อให้ฝ่ายปรุงยาจะต้องการรับศิษย์มากแค่ไหน พวกเขาก็ต้องประกาศรับคนไปทั่วเมืองจักรพรรดิเพื่อที่คนจำนวนมากจะได้เข้ามาสมัครเข้าร่วมนักปรุงยาเป็นสถานะที่สูงส่งซึ่งเหนือกว่าจอมยุทธทั่วไปเพราะแบบนี้เขาถึงได้ภาคภูมิใจในตัวเองแต่ตอนนี้เยี่ยนเซียวเซวียนกลับเชิญชวนหลิงฮันให้เข้าร่วมฝ่ายปรุงยาของสำนักด้วยตัวเอง ซึ่งทำให้เขาตกตะตึงมากความเข้มงวดในการเข้าร่วมกับฝ่ายปรุงยาของสำนักนั้นมากกว่าอีกสีฝ่ายหลายร้อยเท่า! อย่างเช่นสาขาทั้งสี่จะรีบศิษย์ร้อยคนทุกๆยี่สิบปี แต่สำหรับฝ่ายปรุงยาแค่รับศิษย์คนเดียวในรอบยี่สิบปีก็นับว่าหายากแล้วเช่นนั้นแล้วเมื่อใดกันที่ฝ่ายปรุงยาไร้ระเบียบในการรับคนเช่นนี้?
คอมเม้นต์