Alchemy Emperor of the Divine Dao ตอนที่ 903
ตามทฤษฎีแล้วจอมยุทธของดินแดนศักดิ์สิทธิ์จะไม่สามารถขัดเกลาพลังต่อสู้ให้เกินระดับทลายมิติยี่สิบดาวได้ มีเพียงจอมยุทธจากโลกใบเล็กที่ผ่านการเปิดสวรรค์มาเท่านั้นถึงจะได้รับวาสนาจากสวรรค์และปฐพีแต่เหตุใดฉือเหรินถึงได้มีพลังต่อสู้ที่เกินกว่าระทลายมิติยี่สิบดาว?เขาจะต้องเป็นผู้เปิดสวรรค์แน่นอน!เช่นนั้นแล้วทำไมถึงไม่มีเรื่องราวของเขาจารึกเอาไว้? แม้แต่เซียงเฉิงหยินยังคิดว่าหลิงฮันคือคนแรกในประวัติศาสตร์ที่ขึ้นดินแดนศักดิ์สิทธิ์ผ่านการเปิดสวรรค์เรื่องนี้อาจจะมีบางอย่างถูกซ่อนเอาไว้ก็เป็นได้ฉือเหรินปรากฏตัวเมื่อสามแสนปีก่อน ในสำนักนภาสีชาดแห่งนี้การจะบรรลุระดับภูผาวารีขั้นสูงสุดจำเป็นต้องใช้เวลาสามร้อยปี แต่ถึงอย่างนั้นฉือเหรินกลับหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย แม้แต่จักรวรรดิราชวงศ์ดวงดาราหายนะก็ไม่มีข่าวของเขาสุ่ยเยี่ยนยวี่กล่าว “เพื่อที่พวกเจ้าจะขัดเกลาพลังต่อสู้ให้ถึงยี่สิบดาว พวกเขามีสิ่งที่ต้องทำอยู่อีกสามอย่าง หนึ่งคือพัฒนาปราณก่อเกิดในร่าง สองคือเสริมแกร่งกายหยาบ และสามคือขัดเกลาอำนาจแห่งกฎเกณฑ์”“วันนี้เขาจะมาเริ่มจากการเสริมแกร่งกายหยาบ”นางแสดงวิธีฝึกฝนให้ศิษย์ทุกคนเห็น การฝึกฝนนั้นง่ายมาก แต่ทำให้กระดูกในร่างแตกหักและซ่อมแซมมันใหม่การทำเช่นนั้นจำทำให้กายหยาบมีความทนทานเหมือนกับโลหะเมื่อรับรู้ถึงวิธีเช่นนี้ทุกคนก็ตกตะลึง นี่มันจะน่ากลัวเกินไปแล้ว ด้วยวิธีนี้พวกเขาต้องทนทุกข์ทรมานมากเท่าไหร่?โชคดีที่ไม่ใช่ทุกคนที่คิดจะขัดเกลาพลังต่อสู้ของตนเองให้บรรลุยี่สิบดาว ตราบใดที่มีปัจจัยภายนอกเช่นทักษะยุทธที่เสริมพลังต่อสู้ให้พวกเขาบรรลุยี่สิบดาวได้ชั่วคราวก็เพียงพอแล้ว พวกเขาไม่จำเป็นต้องนำตนเองไปทนทรมานเช่นนั้นเมื่อคาบเรียนจบ ถึงแม้ทุกคนจะมีความสุขที่ได้มองความงดงามของสุ่ยเยี่ยนยวี่ แต่พวกเขาก็หวาดกลัวนางจากการที่นางทำลายกระดูกในร่างของตนเองเช่นกันหลิงฮันเรียกหลี่เหว่ยเหว่ยมาหาและกลับไปยังที่พักของเขาโดยมีจื่อหยุนเอ๋อตามมาด้วย“นี่ ทำไมต้องทำให้มันดูลึกลับด้วย เจ้ามีธุระอะไรกันแน่?” หลี่เหว่ยเหว่ยเอ่ยถามเมื่อมาถึงสวนในที่พักหลิงฮันยิ้มและกล่าว “ข้ามีอาหารอยากให้เจ้าลองกิน”นางชะงักและมองไปยังหลิงฮัน “เจ้าคงไม่ได้ใส่ยาอะไรลงไปในอาหารหรอกนะ อย่าได้บังอาจคิดไม่ดีไม่ร้ายกับพวกข้าเชียว” เจ้าโง่นี่ริอาจคิดจะเหมาพวกนางทั้งสองคนสินะ!“เหว่ยเหว่ย!” จื่อหยุนเอ๋อตะโกนออกมา ใบหน้าของนางเปลี่ยนเป็นสีแดง นางอดตกตะลึงในความคิดเพ้อเจ้อของหลี่เหว่ยเหว่ยไม่ได้หลิงฮันนำวัตถุดิบต่างๆออกมาจากหอคอยทมิฬและเริ่มย่างเนื้อ “เจ้าจะอยากกินหรือไม่ข้าไม่รู้ แต่ถือว่าข้าขอร้องแล้วกัน!”“จะใช้วิธีอ้อนวอนให้ข้าใจอ่อนรึ คิดจะใช้แผนนี้ยังเร็วไปสามร้อยปี… หืม?” จู่ๆหลี่เหว่ยเหว่ยก็สูดจมูก นางจ้องไปยังกลิ่นอันหอมหวนของเนื้อที่กำลังถูกย่าง“กลิ่นหอมนี่มาจากส่วนผสมอะไร!” นางหวั่นไหว“ไม่ต้องใส่ใจ!” หลิงฮันยิ้ม “เนื้อนี่จะใส่ยาไว้หรือไม่ เจ้าลองดูเองแล้วกัน!”“เหอะ ถ้าเจ้ากล้าวางยาข้า คุณหนูผู้นี้จะฆ่าเจ้าทิ้ง!” หลี่เหว่ยเหว่ยเลียริมฝีปากและกล่าว “เจ้าโง่ เนื้อนี้เจ้าได้มาจากไหน ทำไมกลิ่นของมันถึงหอมหวานน่าอร่อยยิ่งนัก?”หลิงฮันจ้องมองนางและกล่าว “อะไร เจ้าอยากจะกินมันแล้วรึ?”“เหอะ!” หลี่เหว่ยเหว่ยเค้นเสียง “ถ้าคุณหนูผู้นี้ต้องการจะกินแล้วจะทำไม? เจ้าคิดว่าเจ้าจะห้ามข้าได้งั้นรึ!”หลิงฮันกลายเป็นนิ่งเงียบไปชั่วครู่ เพราะนางมีนิสัยเช่นนี้นี่เอง ผู้อาวุโสฝ่ายซ้ายถึงได้เป็นห่วงนางนัก เขายิ้มและกล่าว “ข้ามีวัตถุดิบเช่นนี้อีกมากมาย ข้าต้องการทำธุรกิจกับเจ้า!”“ต้องการทำการค้าขายกับข้ารึ? แล้วข้าจะได้กำไรเท่าไหร่ล่ะ” หลี่เหว่ยเหว่ยโบกมืออย่างไม่แยแส ราวกับว่าตัวนางนั้นร่ำรวยอยู่แล้วหลิงฮันจ้องนางด้วยความเอือมระอาและกล่าว “เจ้ามีผลึกก่อเกิดอยู่เท่าไหร่? หากน้อยกว่าหนึ่งพันก้อนเจ้าก็ไม่นับว่าร่ำรวย!”แววตาอันงดงามของจื่อหยุนเอ๋อส่องประกาย “ศิษย์น้องหลิงคิดจะขายวัตถุดิบเหล่านั้นจำนวนมาก?”หลิงฮันปรบมือและกล่าว “ศิษย์พี่จื่อฉลาดยิ่งนัก!” เขาเพิ่งจะเข้าร่วมสำนักนี้เป็นปีแรก แม้จะไม่รู้ว่านางกับเขาใครอายุเยอะกว่า แต่นางก็ย่อมเรียกเขาว่าศิษย์น้องหลี่เหว่ยเหว่ยมีท่าทีไม่พอใจและตะโกนออกไป “เจ้าจะบอกว่าคุณหนูผู้นี้โง่งั้นรึ?”“เพียงแต่ว่าเหนือเหล่านี้ไม่ใช่เนื้อพลังวิญญาณ ถึงแม้มันจะอร่อยขนาดไหนก็คงไม่มีใครยอมจ่ายด้วยผลึกก่อเกิด” จื่อหยุนเอ๋อกล่าว นางดูออกว่าหลิงฮันต้องการผลึกก่อเกิดจำนวนมาก“เนื้อพลังวิญญาณคืออะไรรึ?” หลิงฮันเอ่ยถามหลี่เหว่ยเหว่ยเค้นเสียงดูถูกและกล่าว “ช่างบ้านนอกจริงๆ แต่เนื้อพลังวิญญาณก็ไม่รู้จัก! ข้าจะบอกให้แล้วกัน เนื้อพลังวิญญาณคือเนื้อที่จะได้จากสัตว์อสูรระดับศักดิ์สิทธิ์ขึ้นไป เนื้อเช่นนี้มีเพียงไม่กี่ส่วนในร่างของสัตว์อสูร มันสามารถดูดซับได้โดยตรง พลังงานจากเนื้อเช่นนี้จะช่วยพัฒนารากฐานพลังบ่มเพาะได้ดีกว่าผลึกก่อเกิดเสียอีก แต่โชคร้ายที่เนื้อพลังวิญญาณจะมีมากขนาดไหนนั้นจะขึ้นอยู่กับระดับพลังบ่มเพาะของสัตว์อสูร หากเป็นสัตว์อสูรระดับภูผาวารีขั้นต่ำ เนื้อพลังวิญญาณก็จะมีขนาดเล็กนิดเดียว”หลิงฮันส่งเสียงอุทาน ‘โอ้’ ออกมา เขาเพิ่งรู้ว่ามีสิ่งอื่นที่สามารถดูดซับเพื่อเพิ่มพลังบ่มเพาะได้อยู่อีก และในตอนนั้นเองเขาก็เห็นว่าเนื้อกำลังย่างสุกเกือบได้ที่แล้ว เขานำดาบออกมาหั่นเนื้อออกเป็นชิ้นเล็กพร้อมกำลังใส่จานส่งให้หลี่เหว่ยเหว่ยและจื่อหยุนเอ๋อกิน “ลองรสชาติของมันก่อนแล้วค่อยตัดสินว่ามันมีค่าพอจะให้ซื้อด้วยผลึกก่อเกิดหรือไม่”“เจ้าโง่ นี่เจ้าคงไม่ได้ใส่ยาลงไปจริงๆใช่ไหม?” ใบหน้าของหลี่เหว่ยเหว่ยเต็มไปด้วยความสงสัย“ถ้าเจ้าไม่กินงั้นข้ากินเองก็ได้!” หลิงฮันทำท่าทีเป็นจะดึงจานกลับ“ส่งมันมาให้ข้าซะ เนื้อจานนั้นเป็นของข้า เจ้าไม่อาจนำมันกลับไปได้!” หลี่เหว่ยเหว่ยรีบนำจานกลับมา นางใช้ตะเกียบคีบเนื้อย่างและกัดคำใหญ่ ทันใดนั้นใบหน้าอันงดงามของนางก็เปลี่ยนสี
คอมเม้นต์