Alchemy Emperor of the Divine Dao ตอนที่ 714
ทุกคนออกมาจากหอคอยทมิฬและเดินทางต่อสองวันต่อมา ในที่สุดพวกเขาก็ออกมาจากดินแดนที่มีแต่ทะเลสักที และเบื้องหน้าพวกเขาเป็นที่ราบที่เต็มไปด้วยต้นหญ้าและต้นไม้ มันดูเหมือนกับว่าก่อนที่จะออกมา ทิวทัศน์ไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปเลยหรือว่าทะเลจะเป็นจุดศูนย์กลางของเขตแดนลี้ลับแห่งนี้?“พวกเราเดินวนกลับมาที่เดิม? หรือว่าสมบัติจะซ่อนอยู่ในทะเล?” ทุกคนรู้สึกสงสัยพรึบ ในตอนนั้นเองพวกเขาได้เห็นเงาดำบินผ่านท้องฟ้า หากจ้องมองให้ดีจะเห็นว่าแท้จริงแล้วมันเป็นตำหนัก มันไม่ได้บินอยู่บนท้องฟ้าแต่อย่างใด แต่มีขาสองขางอกออกมาและวิ่งอยู่บนพื้น และหายไปจากสายตาอย่างรวดเร็วอะไร! หลิงฮันและคนอื่นจ้องหน้ากันและพูดไม่ออกนี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน ตำหนักมีขาและวิ่งเองได้ด้วย?“หรือว่าดวงตาของข้าจะมีปัญหา?” หลี่เฟิงหยูเช็ดตาตัวเอง“ถ้าเป็นแบบนั้นมันคงไม่ได้มีแค่ดวงตาของเจ้าเท่านั้นที่มีปัญหา” หลิงฮันกล่าว มันเป็นไปไม่ได้เลยที่เขาจะมองผิดพรึบ ในขณะนั้น พวกเขาเห็นผู้คนจำนวนมากอยู่บนท้องฟ้า ความเร็วของพวกเขานั้นน่าทึ่งมาก“หืม ราชินีหยิน!” พวกเขาอุทานออกมาอีกครั้ง พวกเขาจำนางได้ นางกำลังขี่ราชสีห์ตัวก่อนหน้านี้อยู่การที่พวกเขาสามารถยืนอยู่เคียงข้างราชินีหยินได้ พวกเขาสมควรที่จะเป็นจอมยุทธระดับทลายมิติ“การที่มีจอมยุทธระดับทลายมิติหลายคนไล่ล่า ตำหนักนั่นจะต้องซ่อนสมบัติที่น่าอัศจรรย์เอาไว้อย่างแน่นอน” เหยียนเฮิงเหอกล่าว“พวกเราช่างโชคร้ายนัก มันถูกจอมยุทธระดับทลายมิติไล่ล่า พวกเราคงไม่ได้รับส่วนแบ่งอะไรเลย” หลี่เฟิงหยูกล่าวพรางถอนหายใจหลิงฮันยิ้มและพูดว่า “มันอาจไม่ได้เป็นแบบนั้นสักทีเดียว โอกาสมีให้กับทุกคน ถ้าจอมยุทธระดับทลายมิติได้รับสมบัติภายในตำหนักนั่นแล้ว เจ้าคิดว่าพวกเขาจะอยู่ต่อหรือไม่?”“ถ้างั้น พวกเราอาจจะได้รับส่วนแบ่งสินะ” หลี่เฟิงหยูรู้สึกตื่นเต้นอีกครั้ง“แต่ว่าตำหนักนั่นมีขางอกออกมาและวิ่งได้ด้วยตัวมันเอง…มันไม่แปลกเกินไปหรือ?” จูเสวี่ยนเอ๋อกล่าวหลี่เฟิงหยูพยักหน้าไปมาและพูดว่า “บางทีพวกเราทุกคนอาจถูกมันกินก็เป็นได้!”หลิงฮันพูดว่า “ตอนนี้ลืมเรื่องของมันไปก่อนเถอะ แม้แต่จอมยุทธระดับทลายมิติยังตามจับมันไม่ได้เลย แล้วพวกเราจะไปทำอะไรได้ ถ้าโชคชะตาเข้าข้าง ตำหนักนั่นจะปรากฏต่อหน้าพวกเราเอง…”ใช่แล้ว ถ้าโชคชะตาเข้าข้างสมบัติก็จะปรากฏต่อหน้าพวกเขาเองและในเมื่อพวกเขาเดินทางมาถึงพื้นดินแล้ว พวกเขาไม่จำเป็นต้องรีบ อย่างแรกที่พวกเขาต้องทำคือกินอาหารเสียก่อนหลิงฮันได้นำหนวดปลาหมึกออกมาและปรุงมันพร้อมกับสมุนไพรล้ำค่าที่อยู่ในหอคอยทมิฬระหว่างทำอาหาร มีแสงสว่างออกมาพร้อมกับกลิ่นหอมโชย ทำให้ฮูหนิวและหนูทองคำกระโดดเต้นไปมาพร้อมกับเจ้ากระต่ายหลังจากผ่านไปได้ครึ่งวัน ในที่สุดหลิงฮันก็ปรุงอาหารเสร็จและแจกจ่ายชามให้กับแต่ละคน ทุกคนจะเห็นเส้นสายพลังกำลังเคลื่อนไหวอยู่ในซุป ราวกับพลังของสวรรค์และโลกถูกอัดอยู่ในน้ำซุป“หนิวขออสองชาม! ไม่สิ สามชามเลย!” ฮูหนิวขอเพิ่มทั้งที่ยังไม่ได้กินชามแรกเลย“จี๊ จี๊!” หนูทองคำกระโดดขึ้นไปอยู่บนไหล่ของหลิงฮันและส่งเสียงร้อง สิ่งที่มันต้องการสื่อคือมันเองก็ขอสามชามเหมือนกันหลิงฮันยักไหล่และพูดว่า “ทุกคนคนละชามก่อน ถ้าพวกเจ้าสามารถกินมันได้ค่อยขอเพิม”ทุกคนรู้สึกสงสัย แค่ซุปชามเดียวมันจะเพียงพอได้อย่างไร?อย่างไรก็ตาม หลังจากที่ทุกคนได้ลิ้มลอง นอกเหนือจากหลิงฮันและฮูหนิวแล้ว สีหน้าของทุกคนกลายเป็นแดงเถือก แล้วพวกเขาจะกินชามที่สองได้อย่างไร?หากทุกคนไม่สามารถกินต่อได้ หลิงฮันและฮูหนิวก็ไม่จำเป็นต้องใส่ชามอีกต่อไป ทั้งสองคนยืนล้อมรอบหม้อและลงมือกินซุปและเนื้อที่อยู่ด้านใน ทำให้ทุกคนรู้สึกแปลกใจไม่น้อยซุปหม้อนี้มีประโยชน์ต่อรากฐานวิญญาณของพวกเขา แล้วมันจะไม่ได้เป็นสมุนไพรที่รุนแรงได้อย่างไร?หากกินมันโดยตรงจะทำให้จอมยุทธระดับบุปผาผลิบาน ระดับตัวอ่อนวิญญาณมีความก้าวหน้าขึ้นอย่างรวดเร็ว“ภายในครึ่งปี ข้าจะสามารถทะลวงผ่านระดับตัวอ่อนวิญญาณได้!” จูเสวี่ยนเอ๋อรู้สึกประหลาดใจ นางมักมีปมอยู่ในใจอยู่เสมอ ระดับพลังของนางต่ำกว่าหลิงฮัน ส่วนพลังต่อสู้ของนางนั้นด้อยกว่าเขามาก จึงทำให้นางไม่สามารถช่วยเหลือหลิงฮันได้เลยแต่เมื่อนางก้าวเข้าสู่ระดับตัวอ่อนวิญญาณ นางไม่จำเป็นต้องยืนมองเขาเหมือนทุกครั้งแล้วสองพี่ต้องตระกูลหลี่ เหยียนเฮิงเหอรู้สึกมีความสุขมาก พวกเขาอดไม่ได้ที่จะรู้สึกตื่นเต้นหลังจากพักผ่อน พวกเขาก็ออกเดินทางอีกครั้ง ที่แห่งนี้ยังคงเป็นสวนสวรรค์ของสัตว์อสูร มันมีสัตว์อสูรที่แข็งแกร่งอยู่นับไม่ถ้วน ส่วนใหญ่จะเป็นสัตว์อสูรระดับตัวอ่อนวิญญาณและระดับก้าวสู่เทวา สัตว์อสูรระดับสวรรค์ก็มีอยู่บ้าง ส่วนสัตว์อสูรระดับทลายมิตินั้นตอนนี้พวกเขายังไม่ได้เผชิญหน้ากับมันโดยตรง และไม่มีอะไรรับประกันได้ว่าจะพวกเขาจะเอาชนะมันได้มันน่าอัศจรรย์มาก แม้จะอยู่ในเขตแดนลี้ลับ แต่พวกเขาก็ยังได้เห็นสัตว์อสูรระดับทลายมิติ แม้มันจะทรงพลังอย่างมาก แต่ก็ถูกราชินีหยินปราบได้อย่างง่ายดายสองวันต่อมา ในที่สุดพวกเขาก็เดินออกจากพื้นที่ราบ และมีประตูหินอยู่ด้านหน้า หลังจากเดินผ่านประตูหิน มีเพียงแค่คำสองคำเท่านั้นที่พวกเขาสามารถพูดอธิบายได้ : สวนสัตว์“น…ที่แห่งนี้มันจะต้องเป็นสวนสัตว์อสูรจากขุมพลังในยุคโบราณที่เลี้ยงมันเอาไว้อย่างแน่นอน!” ทุกคนรู้สึกหวาดกลัว มันช่างเป็นอะไรที่ยอดเยี่ยมมาก สวนสัตว์อสูรนี่รอให้เจ้านายอย่างพวกเจ้าใช้เวลาเกือบสิบวันกว่าเจ้านายอย่างพวกเขาจะเดินทางมาถึงและยิ่งไปกว่านั้น พวกเขายังไม่ได้เดินทางไปทั่วพื้นที่ภายในเขตแดนลี้ลับทั้งหมด!“ระดับชั้นของสัตว์อสูรจะถูกจำกัดโดยสายเลือด ถ้าตอนนี้มันสามารถทะลวงผ่านระดับทลายมิติได้แล้ว บรรพบุรุษของพวกมันเองก็น่าจะเหมือนกัน” หลิงฮันกล่าว ที่แห่งนี้มันสถานที่ที่น่ากลัวที่สุดขุมพลังที่สามารถจับสัตว์อสูรระดับทลายมิติมาไว้รวมกันได้ มันจะแข็งแกร่งขนาดไหน?“มีเพียงแค่จักรวรรดิในสมัยโบราณที่ต้องการเปิดสวรรค์เท่านั้นที่สามารถทำได้” หลิงฮันคิดอยู่ชั่วครู่ ครั้งหนึ่งจักรวรรดิที่ปกครองยุคโบราณน่าจะรวบรวมทวีปให้กลายเป็นหนึ่งเดียวได้ แต่ก็ล้มเหลวในตอนท้ายและไม่สามารถเปิดสวรรค์ได้สำเร็จ“มันน่าแปลกที่จะสัตว์อสูรระดับทลายมิติจำนวนมาก บางทีที่นี่อาจเป็นที่ตั้งของจักรวรรดิในยุคโบราณ”“สมบัติ!”ทุกคนคิดอยู่ในใจ นี่คือสมบัติที่แท้จริงของจักรวรรดิในยุคโบราณพวกเขารีบกระโจนไปข้างหน้าทันที แต่หลังจากที่วิ่งไปพื้นที่ด้านหน้าของพวกเขาก็กลายเป็นทะเลทราย มันเต็มไปด้วยทรายสีเหลืองอันไร้ที่สิ้นสุด ถ้าไม่มีลูกบอลเพลิงอยู่บนท้องฟ้า พวกเขาคงจะหลงทิศไปแล้วด้วยวิธีนี้ สามวันต่อมาก็มีตำหนักปรากฏต่อหน้าพวกเขาหรือว่าที่นี่คือที่พักของจักรวรรดิในยุคสมัยโบราณ?หลังจากที่พวกเขาเดินเข้าไป พวกเขาก็พบว่ามันไม่ใช่อย่างที่พวกเขาคิด ตรงประตูของพระราชวังมีแผ่นเหล็กเขียนไว้ว่า “ตำหนักยุทธภัณฑ์”เพียงแค่เห็นชื่อพวกเขาก็สามารถคาดเดาได้แล้วว่าที่แห่งนี้เป็นสถานที่เก็บสมบัติมีผู้คนมากมายล้อมรอบตำหนัก แม้จะมีสมบัติกองอยู่ตรงหน้าของพวกเขา ดังนั้นมันจึงมีความเป็นไปได้เพียงแค่อย่างเดียว พวกเขาถูกขวาง และไม่สามารถเข้าไปได้หลิงฮันเดินไปถามคนอื่นทีละคน จากที่พวกเขารู้มันมีหุ่นเชิดเหล็กตัวหนึ่งกำลังนั่งอยู่ตรงทางเข้า หากพวกเขาต้องการเข้าไป พวกเขาจะต้องผ่านการทดสอบของมันเสียก่อน หากล้มเหลวก็จะมีเพียงแค่ความตายเท่านั้นที่รออยู่“มันคือการทดสอบอะไร?”
คอมเม้นต์