Alchemy Emperor of the Divine Dao ตอนที่ 548
“ว่าไงนะ เจี่ยชางต้องการรับเจ้าหนูนี่เป็นผู้ติดตาม?”“เจ้าเด็กนี้ได้รับโอกาสเข้าประตูมังกรแล้ว!”“บิดาของเจี่ยชางคือผู้ช่วยที่อายุน้อยที่สุดของปรมาจารย์คัง ข้าได้ยินมาว่าเขาเป็นผู้ช่วยนักปรุงยาที่มีพรสวรรค์ในศาสตร์แห่งการปรุงยาสูงมาก ความสำเร็จในอนาคตย่อมไร้ขีดจำกีด!”“ปรมาจารย์คังคนไหน?”“ฮ่าๆๆ ในเมืองหมื่นสมบัติแห่งนี้จะมีผู้ใดอื่นกล้าเรียกตัวเองว่าปรมาจารย์คัง?”“หรือว่าจะเป็นปรมาจารย์คังสื่อฉีนักปรุงยาระดับสวรรค์”“ถูกต้อง!”ทุกคนอุทานด้วยความตกตะลึง ผู้คนมากมายมองไปยังหลิงฮันด้วยสายตาอิจฉา หากกลายเป็นผู้ติดตามเจี่ยชางก็จะไม่ต้องกังวลเรื่องทรัพยากรเม็ดยาอีกต่อไป มีผู้คนมากมายต้องการเป็นผู้ติดตามของเจี่ยชางแต่เจี่ยชางกลับไม่เหลียวมองพวกเขาเลยแม้แต่รุ่นเยาว์ที่ทำตัวหยิ่งยโสกับหลิงฮันเมื่อครู่ก็ยังรู้สึกอิจฉา แม้ชีวิตของมันจะมั่งคั่งแต่ก็ไม่อาจเทียบกับเจี่ยชางได้ แม้จะต้องกลายเป็นสุนัขที่ติดตามมังกรมันก็ยินยอมทุกคนมองมายังหลิงฮันเพื่อรอดูว่าหลิงฮันจะตอบกลับไปอย่างไรหลิงฮันจ้องมองเจี่ยชางและพูดด้วยรอยยิ้ม “เจ้าแน่ใจว่าเจ้ามีคุณสมบัติพอที่จะให้ข้าติดตาม?”“ฮ่าๆๆๆ!” เจี่ยชางหัวเราะ “เจ้าหนู เจ้าสามารถบรรลุระดับบุปาผลิบานได้โดยอายุยังน้อยแบบนั้น นับว่าไม่ใช่เรื่องง่าย แต่หลังจากระดับบุปผาผลิบานเป็นต้นไปพลังวิญญาณจากสวรรค์และปฐพีไม่สามารถช่วยอะไรเจ้าได้มากนัก สิ่งที่จำเป็นคือเม็ดยาระดับสูง”“บิดาของข้ามีความเกี่ยวกับข้องกับนักปรุงยาระดับสวรรค์ เจ้าคิดว่าข้ามีคุณสมบัติเพียงพอให้เจ้าติดตามรึไม่?”สิ่งที่เจี่ยชางพูดไม่ผิดแม้แต่น้อย ก่อนหน้าระดับบุปผาผลิบาน เม็ดยาส่วนใหญ่จะใช้สำหรับรักษาอาการบาดเจ็บเท่านั้น แต่หลังจากระดับบุปผาผลิบานเป็นต้นไป เม็ดยาจะช่วยในเรื่องการบ่มเพาะพลังอย่างขาดไม่ได้การทำความเข้าใจเต๋าแห่งสวรรค์และปฐพีเป็นเรื่องยาก แต่นักปรุงยาระดับสูงมาสามารถชักนำให้เต๋าแห่งสวรรค์และปฐพีเข้ามาอยู่ในเม็ดยาได้ การซึมซับเม็ดยาเหล่านั้นจอมยุทธจะสามารถเข้าใจเต๋าแห่งสวรรค์และปฐพีได้ง่ายขึ้นหลิงฮันหัวเราะและพูด “เจ้าบรรลุระดับบุปผาผลิบานได้ด้วยอายุที่ต่ำกว่าสามสิบปีนับว่าพอมีพรสวรรค์อยู่บ้าง ข้าจะยอมให้เจ้าเป็นผู้ติดตามก็แล้วกัน”‘พรวด!’ทุกคนสำลักออกมา เจ้าหนูนี้บ้าไปแล้ว คิดจะนำเจี่ยชาง หนึ่งในห้ามังกรไปเป็นผู้ติดตามงั้นรึ? อะไรทำให้เขามีความมั่นใจขนาดนั้น!เจี่ยชางชะงักไปชั่วขณะ เขาไม่คิดว่าจะได้คำตอบแบบนี้จากหลิงฮัน“ฮ่าๆๆ เจี่ยชาง เจ้าโดนดูถูกเสียแล้ว?” ใครบางคนในหมู่ห้ามังกรหัวเราะ“อีกฝ่ายคือจอมยุทธระดับบุปผาผลิบานอายุน้อยกว่ายี่สิบปี ไม่ใช่ว่าเขามีศักยภาพมากกว่าเจ้ารึไง?” ใครบางคนกลัวว่าโลกจะสงบสุขเกินไปและพูดยั่วยุขึ้นมาเจี่ยชางชักสีหน้าและพูด “แค่ระดับบุปผาผลิบานขั้นสอง ข้าสามารถจัดการได้เพียงใช้แค่มือเดียว”“เจี่ยชาง เจ้าเองก็มีพลังระดับบุปผาผลิบานขั้นสองเหมือนกันไม่ใช่รึไง” ใครบางคนพูดหักหน้า“เหอะ แม้ขั้นพลังจะเหมือนกัน แต่พลังต่อสู้ของข้าห่างไกลกับอีกฝ่ายหลายแสนไมล์ พลังต่อสู้ของข้าคือเจ็ดดาว!” เจี่ยชางพูดอย่างภาคภูมิใจการสามารถก้าวข้ามพลังต่อสู้ห้าดาวในระดับบุปผาผลิบานได้นับว่าน่าสะพรึงกลัวอย่างมาก แค่มีพลังต่อสู้สองดาวก็เรียกได้ว่าเป็นอัจฉริยะแล้ว ส่วนห้าดาวนั้นคือสุดยอดอัจฉริยะ“พอได้แล้ว!” หนึ่งในสองนกอมตะกล่าว นางคือสาวงามที่สวมชุดคลุมเขียว ใบหน้าของนางงดงามอย่างมาก ไม่ด้อยไปกว่าหลิวอู๋ตงกับหลีซื่อฉางเลย นางคือเทพธิดาที่น่าดึงดูด “งานประมูลกำลังจะเริ่มแล้ว รีบเข้าไปกันเถอะ”“เห็นแก่แม่นางหลี่ ข้าจะยกโทษให้เจ้าสักครั้ง” เจี่ยชางเค้นเสียงหญิงสาวชุดแดงที่งดงามอีกคนมองไปยังหลิงฮันและพูด “ดูจากที่เจ้ายืนอยู่ที่นี่ เจ้าคงจะไม่มีบัตรเชิญสินะ มาเข้าไปพร้อมกับพวกเราเป็นไง? ยังไงห้องข้างในก็ใหญ่อยู่แล้ว มีคนมานั่งเพิ่มอีกคนนึงย่อมไม่ใช่ปัญหา”หลิงฮันหัวเราะและพูด “ขอบคุณสำหรับคำเชิญ แต่ว่าข้าเป็นมนุษย์ที่มีเกียรติ ข้าย่อมไม่ต้องการนั่งใกล้ชิดกับพวกหมาแมว เพราะงั้นคงต้องขอปฏิเสธ” หลิงฮันพูดเอ่ยคำดูถูกโดยสายตาจ้องไปยังเจี่ยชางเขาเปรียบเจี่ยชางเป็นดั่งสัตว์เลี้ยงครั้งนี้ไม่ใช่แค่เจี่ยชางที่รู้สึกโมโห แต่อีกหกคนที่เหลือก็รู้สึกไม่พอใจเช่นกัน พวกเขามากับเจี่ยชาง นั่นก็หมายความว่าพวกเขาก็เป็นหมาแมวด้วย?“เจ้าหนู เจ้าเคยล้างปากตัวเองบ้างรึเปล่า?” ใครบางคนตะโกนขึ้นมา“โอ้?” หลิงฮันไม่แยแส “ไม่ใช่ว่าเจ้าต้องการนำข้าไปเป็นผู้ติดตามหรอกรึ? เอาเถอะ วันนี้เข้าอารมณ์ดี ข้าจะรับพวกเจ้าทั้งหมดเป็นผู้ติดตามเลยแล้วกัน”“ช่างอวดดี!” ห้ามังกรพูดออกมาพร้อมกับ เจ้าหนูนี่บ้าไปแล้ว? ในหมู่พวกเขาใครบ้างที่ไม่มีอำนาจ? เจ้าหนูนี่หาเรื่องใส่ตัวเสียแล้วหลิงฮันเค้นเสียงดูถูก “ไม่พอใจ? ถ้างั้นก่อนจะเปิดปากพูดอะไรก็คิดให้ดีเสียก่อน คนบางคนไม่ใช่ตัวตนที่พวกเจ้าจะไปล่วงเกินได้”บ้า! บ้าไปแล้ว!ต่อหน้าห้ามังกรสองนกอมตะเจ้าก็ยังบอกว่าพวกเขามีคนที่ไม่อาจล่วงเกินได้! เจ้ารู้รึเปล่าว่าทั้งเจ็ดคนนี้เป็นตัวแทนของขุมอำนาจที่แข็งแกร่งที่สุดของเมืองหมื่นสมบัติหลิงฮันน่าจะอายุไม่เกินยี่สิบปี รุ่นเยาว์อายุน้อยแบบนี้ไม่นับว่าเป็นอะไรได้ เขายังห่างไกลที่จะนำไปเทียบกับห้ามังกรสองนกอมตะ ถ้าเช่นนั้นแล้วเขาไปเอาความมั่นใจขนาดนั้นมาจากไหน?คำเดียวที่ใช้อธิบายหลิงฮันได้ก็คือ ‘บ้า’“หรือว่าเป็นเพราะพวกเราเจ็ดคนไม่ได้ปรากฏตัวออกมานาน ใครบางคนถึงได้ลืมอำนาจของพวกเราไปแล้ว?” หนึ่งในเจ็ดคนพูด ชื่อของเขาคือล่ายฉิงหยุน หนึ่งในห้ามังกร ผู้เฒ่าของตระกูลเขาคือตัวตนระดับก้าวสู่เทวะ แม้จะอ่อนด้อยกว่าคนอื่นๆทั้งเจ็ดคน แต่พรสวรรค์ในศาสตร์แห่งวรยุทธของเขาสูงส่งเป็นอย่างมาก เพราะงั้นจึงได้รับฉายาห้ามังกรหญิงสาวชุดเขียวขมวดคิ้วเล็กน้อยและเอ่ย “ก็แค่คนบ้าเท่านั้น” ชื่อของนางคือ หลี่เฟ้ยหยิน ตระกูลหลี่คือตระกูลใหญ่ที่มีรากฐานมาเป็นระยะเวลายาวนานของเมืองหมื่นสมบัติ ผู้พิทักษ์ของตระกูลหลี่คืออสูรเฒ่าระดับสวรรค์หญิงสาวชุดเขียวเห็นได้ชัดว่าเป็นคนที่ชอบความวุ่นวายมากที่สุด นางพูดยั่วยุหลี่เฟ้ยหยิน “พี่สาวหยิน เจ้าหนูนี่ช่างอวดดียิ่งนัก แสดงอำนาจของท่านให้เขาเห็นหน่อยเป็นอย่างไร”ชื่อของนางคือติงป่านเชียง ตระกูลของนางมีผู้พิทักษ์ระดับสวรรค์เช่นกันทั้งเจ็ดคนจ้องมองไปยังหลิงฮันพร้อมกับปลดปล่อยแรงกดดันที่รุนแรงออกมาหลิงฮันไม่สะท้าน แม้คนเหล่านี้จะแข็งแกร่ง แต่ก็ยังห่างไกลกับซวนหยวนจื่อกวง หลางหวู่ซินและเฟยหง คิดจะทำให้เขาหวาดกลัวงั้นรึ? ฝันไปเถอะ“พวกเจ้าต้องการเล่นจ้องตา?” หลิงฮันยิ้มเจ้าหนูนี้ต้องบ้าแล้วแน่ๆ ขนาดเวลาเช่นนี้ยังหยอกล้อทั้งเจ็ดคนอีก“เจ้าหนู เอ่ยชื่อของเจ้ามา!” เจี่ยชางคำราม“อะไรกัน เจ้าต้องการจะทุบตีข้า?” หลิงฮันแสร้งทำเป็นตกตะลึง“คนปากเสียก็ย่อมสมควรได้รับบทเรียน!” ล่ายฉิงหยุนพูดอย่างเย็นชา
คอมเม้นต์