Alchemy Emperor of the Divine Dao ตอนที่ 1859 ชิงเฟิงผู้ไร้เทียมทาน
หลังจากหลิงฮันจากไปสักพัก ซุนตงและหลิวอวี้ก็ฟื้นขึ้นมาเมื่อทั้งสองลืมตา ความเจ็บปวดที่บริเวณก้นก็ถาโถมเข้ามา และพอทั้งสองหันมองสภาพของกันและกัน ต่างฝ่ายจึงรับรู้ได้ทันทีว่าตอนนี้ตนเองอยู่ในสภาพเช่นไรที่บริเวณรอบด้าน ผู้คนจำนวนหนึ่งกำลังมองดูพวกเขาอย่างคึกคักทั้งสองรีบดึงแท่งไผ่ออกจากก้นและเผ่นหนี หลังจากวิ่งหลบมาได้ชั่วครู่พวกเขาก็รีบเข้าสู่อุปกรณ์มิติศักดิ์สิทธิ์ เพื่อเปลี่ยนชุดและทายารักษาเบื้องต้นเวลาผ่านไปไม่นาน ทั้งสองก็กลับออกมาใบหน้าของหลิวอวี้ในตอนนี้บูดบึ้งจนอัปลักษณ์ เขาถูกทะลวงรูทวารติดต่อกันถึงสองครั้ง หากเรื่องนี้แพร่กระจายไปถึงเมืองเอกภพดาราคราม เขาจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน?สีหน้าของซุนตงก็ไม่ต่างกัน ตั้งแต่เกิดมาเขาไม่เคยได้รับความอัปยศขนาดนี้มาก่อนเพียงแต่หลังจากการประมือกับหลิงฮัน เขาก็เข้าใจอย่างถ่องแท้ว่าตัวเขาไม่ใช่คู่ต่อสู้ของหลิงฮันแม้แต่น้อย เนื่องจากเพียงแค่แรงกดดันจากสายตาของอีกฝ่าย เขาก็ไม่สามารถต้านทานไหว“ฮึ่ม เจ้าคิดว่าตนเองเป็นราชาแล้วจะกดขี่ข้าได้?” ซุนตงสบถ ในเมืองสี่ดาวแห่งนี้ ราชาแห่งยุคนั้นไม่ได้มีหยิบมือ!ในความคิดของเขา หลิงฮันสมควรที่จะเป็นผู้สืบทอดของขุมอำนาจสามดาว แต่มาแสร้งทำเป็นหมาป่าในคราบแกะที่นี่“แต่ครั้งนี้เจ้าเล่นด้วยผิดคนแล้ว” ซุนตงกล่าวอย่างเย็นชาและดวงตาส่องประกายโหดเหี้ยม “ข้าคือผู้ติดตามของผู้สืบทอดหลู่ หากข้าถูกรังแก ผู้สืบทอดหลู่จะต้องแก้แค้นให้ข้าอย่างแน่นอน!”“นายน้อยตง!” หลิวอวี้เองก็เคียดแค้นหลิงฮันไม่แพ้กัน ยิ่งหลังจากผ่านเหตุการณ์เมื่อครู่มา พวกเขาทั้งสองก็ถือว่ามีศัตรูคนเดียวกันแล้ว“ไสหัวไป!” ซุนตงยกเท่าเตะใส่หลิวอวี้ หากไม่ใช่เพราะเจ้า มีรึที่ก้นของข้าจะพบเจอโศกนาฏกรรมเช่นนี้?เขาสะบัดแขนเสื้อและหันหลังจากไป ความแค้นครั้งนี้ ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องเอาคืน!“นะ… นายน้อยตง!” หลิวอวี้ไล่ตามไปสองสามก้าวก่อนจะหยุดและครุ่นคิด อย่างไรซุนตงก็ต้องลงมือล้างแค้นอยู่แล้วถ้างั้นเขาก็แค่รออยู่เฉยๆเพื่อดูการแสดงก็พอไม่ใช่รึไง?ซุนตงมุ่งหน้ามายังที่ตั้งของรูปแบบอาคมเคลื่อนย้าย หลังจากนำแผ่นป้ายพิเศษที่เขาพกติดตัวส่องแสงออกมา ร่างของเขาก็ถูกส่งไปยังอาณาเขตที่สี่ทันทีตระกูลซุนคือขุมอำนาจสามดาว และมีที่ตั้งตระกูลอยู่ในอาณาเขตที่สี่ เพราะงั้นในฐานะของผู้สืบทอดตระกูลซุน เขาจึงสามารถไปยังอาณาเขตที่สี่ได้ตามใจชอบเขาเดินมายังลานที่พักของหลู่เซียนหมิงสถานที่แห่งนี้คือตำหนักขนาดมหึมาที่ห้อมไปด้วยภูเขาและแม่น้ำอันงดงาม เพียงแต่ว่าตอนนี้ซุนตงไม่มีกระจิตกระใจจะยลโฉมทิวทัศน์อันงดงามแม้แต่น้อย เขารีบวิ่งไปยังห้องโถงห้องหนึ่งเมื่อมาถึง ฝีเท้าของเขาก็ค่อยๆเคลื่อนที่ช้าลง พร้อมกับสีหน้าของเขาที่แสดงออกถึงความหวาดหวั่นเขาลองมองเข้าไปดูภายในห้องโถง และพบว่าหลู่เซียนหมิงกำลังดื่มชาอยู่กับแขกอีกสามคน ในหมู่แขกทั้งสามคนนี้ สองคนเป็นบุรุษส่วนอีกหนึ่งคนเป็นสตรี สตรีที่เขาเห็นนั้นมีรูปลักษณ์งดงามและมีกลิ่นอายที่สูงส่ง ราวกับไม่ว่าใครก็ทำได้เพียงแหงนมองส่วนบุรุษทั้งสองเองก็มีกลิ่นอายอันน่ายำเกรง ที่สามารถกล่าวได้ว่าเป็นมังกรในหมู่มนุษย์ทั้งสามจะต้องเป็นผู้สืบทอดจากขุมอำนาจราชานิรันดร์ได้ที่ยิ่งใหญ่แน่นอน เพราะไม่อย่างนั้นหลู่เซียนหมิงคงไม่มานั่งร่วมดื่มชากับทั้งสามด้วยตัวเองแบบนี้ซุนตงค่อยๆขยับตัวเข้าไปในห้องโถวด้วยท่าทางสุภาพ เพียงแต่ว่าหลังจากที่ก้าวเข้าไปได้ไม่กี่ก้าว เขาก็ต้องตกตะลึงเพราะแท้จริงแล้วภายในห้องโถงยังมีแขกคนที่สี่อยู่อีกด้วยพลังของเขา เป็นไปได้อย่างไรที่กว่าจะรู้สึกตัวถึงการมีอยู่ของแขกคนที่สี่ จะใช้เวลานานขนาดนี้?ในจังหวะเดียวกันนั้นเอง บุคคลที่ห้าในห้องโถงก็ดูราวกับรู้ว่าเขากำลังคิดอะไร อีกฝ่ายหันหน้าและจ้องมองมาที่เขา ‘ครืนน’ พริบตานั้นจิตใจของซุนก็สั่นสะท้านและกลายเป็นว่างเปล่า“ซุนตง!” เสียงของใครบางคนดังก้องเข้ามาในหัวของเขา ซุนตงตั้งสติกลับมาได้และพบว่าเจ้าของเสียงนั้นคือหลู่เซียนหมิงร่างกายของซุนตงสั่นสะท้านด้วยความหวาดกลัวทันที หากเมื่อครู่แขกคนนั้นลงมือล่ะก็ เขาคงจะตายไปโดยที่ไม่แม้แต่จะรู้ตัวเสียแล้วแข็งแกร่งอะไรอย่างนี้ เพียงแค่สายตาที่จ้องมองมา ก็ทำให้เขาหมดสภาพอย่างไม่อาจต่อต้านได้เลยแม้แต่น้อยพลังอันน่าสะพรึงกลัวของอีกฝ่าย ทำให้เขาอดไม่ได้ที่จะนึกถึงหลิงฮัน“ผู้สืบทอดหลู่!” ซุนตงรีบโค้งตัวคารวะอย่างสุภาพ“มีเรื่องอะไรงั้นรึ?” หลู่เซียนหมิงขมวดคิ้วด้วยความไม่สบอารมณ์เล็กน้อย ตอนนี้ข้ากำลังรับแขกอยู่แท้ๆ แต่เจ้ากลับปรากฏตัวและทำท่าทีเหม่อลอยแบบนั้นน่ะรึ?ซุนตงกัดฟันและเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นออกไป“ผู้สืบทอดหลู่ ท่านต้องทวงคืนความยุติธรรมให้กับก้นของข้า!” เขาทรุดตัวลงกับพื้นและร้องโอดครวญทั้งน้ำตาหลู่เซียนหมิงใบหน้าเปลี่ยนเป็นมืดมน ความยุติธรรมให้ก้นเจ้าบ้าบออะไร? เจ้าพูดเรื่องน่าอายแบบนั้นออกมา แล้วคนอื่นเขาจะคิดว่าข้ากับเจ้ามีความสัมพันธ์กันแบบใด?บุคคลที่ห้าของห้องหัวเราะและกล่าว “คนที่เจ้าว่าแข็งแกร่งขนาดนั้นเชียวรึ? ข้าอยากเห็นด้วยตาตัวเองจริงๆ”หลู่เซียนหมิงยิ้ม “หากพี่ชายชิงเฟิงลงมือ ในระดับโลกียนิพพานใครกันจะเป็นคู่ต่อสู้ให้ท่านได้?”เมื่อประโยคนี้ถูกกล่าวออกไป แขกอีกสามคนก็แสดงสีหน้าไม่สบอารมณ์ทันทีพวกเขาคือใคร?ในหมู่พวกเขาทั้งสามคน ใครบางที่ไม่ใช่ผู้สืบทอดของราชานิรันดร์ที่มีศักยภาพเหนือกว่าราชาแห่งยุค? การที่หลู่เซียนหมิงกล่าวว่าในระดับโลกียนิพพาน ไม่มีใครสามารถเป็นคู่ต่อสู้ของแขกคนที่สี่ได้นั้น แสดงว่าอีกฝ่ายไม่เห็นหัวพวกเขาเลยไม่ใช่รึไงกัน?“โอ้ พวกเราคุยกันมาก็นานพอสมควรแล้ว แต่เจ้ายังไม่ได้แนะนำตัวแขกผู้นั้นให้พวกเราทราบเลยสินะ?” คนที่กล่าวมีชื่อว่าเป้าเฉิง ซึ่งแขกคนที่เขาพาดพิงถึงก็คือคนที่หลู่เซียนหมิงเรียกว่า ‘พี่ชายชิงเฟิง’หลู่เซียนหมิงหัวเราะ “ข้าผิดเองๆ พอดีว่าข้าหาจังหวะเหมาะๆ ในการแนะนำตัวบุคคลผู้นี้ให้พวกท่านทราบไม่ได้เสียทีน่ะ ทั้งสามคน พี่ชายท่านนี้มีชื่อว่าจ้าวชิงเฟิง หนึ่งในสี่ราชาสวรรค์ภายใต้การการปกครองของผู้สืบทอดเอี๋ยนเซียนลู่”เอี๋ยนเซียนลู่!ผู้สืบทอดราชานิรันดร์ทั้งสามคนเผยสีหน้าตกตะลึงพร้อมกัน ด้วยความรู้สึกหวาดกลัวจากก้นบึ้งหัวใจในฐานะที่เป็นผู้สืบทอดราชานิรันดร์ พวกเขาย่อมมีคุณสมบัติจะรู้ถึงชื่อเสียงของเอี๋ยนเซียนลู่ราชานิรันดร์นั้นแบ่งออกเป็นเก้าระดับ โดยที่แต่ละระดับนั้นมีพลังที่ต่างชั้นกันราวกับสวรรค์และปฐพี ซึ่งเหล่าผู้สืบทอดที่ได้รับการฝึกฝนเองก็เช่นกันพวกเขาทั้งสามคนคือผู้สืบทอดราชานิรันดร์ระดับหนึ่งเท่านั้น แต่เอี๋ยนเซียนลู่เป็นถึงผู้สืบทอดของราชานิรันดร์ระดับแปด!จริงอยู่ที่พวกเขายอมรับในตัวของเอี๋ยนเซียนลู่ แต่เจ้าจะบอกว่าแม้แต่จอมยุทธที่อยู่ภายใต้อำนาจของอีกฝ่าย ก็ยังไร้เทียมทานเหนือกว่าพวกข้างั้นรึ? นี่เจ้าคงไม่ได้กำลังพูดล้อเล่นอยู่หรอกนะ?
คอมเม้นต์