Alchemy Emperor of the Divine Dao ตอนที่ 1671
บริเวณนั้นคือทางน้ำซึ่งไม่อาจเข้าเมืองผ่านเส้นทางนั้นได้จักรพรรดินีสวมผ้าปิดหน้า นางงดงามเกินไป ในดินแดนแห่งเซียนนี้ด้วยพลังที่ยังอ่อนแอของพวกเขา หากนายน้อยเจ้าสำราญของตระกูลใดเกิดต้องการตัวนางคงเป็นปัญหาใหญ่แน่นอนว่าหอคอยทมิฬก็ไม่อาจใช้อย่างเปิดเผยได้เช่นกัน ในดินแดนแห่งเซียน บางอาจทีตัวตนระดับโลกียนิพพานหรือระดับแบ่งแยกวิญญาณอาจจะมองเห็นความลึกลับของหอคอยทมิฬหลังจากเดินวนรอบนอกของเมืองราวๆครึ่งวัน ในที่สุดพวกเขาก็พบประตูเข้าเมืองอันใหญ่มหึมาประตูเมืองมหึมาในตอนนี้ปิดอยู่ ที่มุมหนึ่งของประตูมหึมามีประตูขนาดเล็กอยู่อีกบานซึ่งมียามรักษาการคอยคุ้มกันอยู่แม้จะเรียกว่าประตูขนาดเล็ก แต่มันก็มีกว้างถึงร้อยฟุตและสูงราวๆพันฟุตจักรพรรดิเพลิงอัสนีหยุดเดินและกล่าว “หากจะเข้าเมืองจำเป็นต้องจ่ายค่าผ่านทางเสียก่อน โดยปกติแล้วจะจ่ายเป็นศิลาดวงดาวที่ขุดมาจากหินอุกาบาตซึ่งมีอำนาจแห่งสวรรค์และปฐพีบรรจุอยู่ภายใน หรือไม่งั้นก็ต้องจ่ายด้วยสมุนไพรศักดิ์สิทธิ์ลึกล้ำ” หลิงฮันและจักรพรรดินีหันมองหน้ากันด้วยความรู้สึกหนักอึ้งภายในหน้าอก การต้องจ่ายเพียงแค่ค่าเข้าเมืองด้วยสมุนไพรศักดิ์สิทธิ์ลึกล้ำนั้นเป็นเรื่องที่น่าเจ็บปวดเกินไป!“อุปกรณ์มิติศักดิ์สิทธิ์คือสิ่งสามัญสำหรับที่นี่ เจ้าไม่สามารถใช้มันซ่อนใครเอาไว้ได้ หากผ่านเข้าเมืองไปทั้งแบบนี้จะถือว่าเจ้าจงใจการฝ่าฝืนกฎของเมือง” จักรพรรดิเพลิงอัสนีกล่าวหลิงฮันพยักหน้า “งั้นก็ต้องนำทุกคนออกมาก่อน”พวกเขาล่าถอยออกห่างจากเมืองราวๆหมื่นไมล์ ด้วยการที่พวกเขาอยู่ใกล้เมืองจึงเป็นไปไม่ได้ที่จะพบเจอกับสัตว์อสูรราชาเซียนชิงอวี่ โอวหยางไท่ซาน เซียนซิงฉาและคนอื่นๆถูกนำตัวออกมา หลังจากได้รับฟังเรื่องราวต่างๆจากหลิงฮันแล้วเหล่าเซียนต่างพยักหน้าตราบใดที่มีเวลาเพียงพอ เซียนเหล่านี้ย่อมมีโอกาสที่จะบรรลุกลายเป็นนิรันดร์ระดับโลกียนิพพาน การที่พวกเขาสามารถบรรลุเป็นเซียนได้ในโลกบรรพกาลได้แสดงให้เห็นว่าพวกเขามีพรสวรรค์อันโดดเด่นพวกเขาจะอาศัยอยู่แถวนี้ไปก่อน สมุนไพรศักดิ์สิทธิ์ลึกล้ำสามารถพบเจอได้จากพื้นที่โดยรอบ เพราะงั้นพวกเขาค่อยๆส่งคนเข้าไปในเมืองก็ได้จักรพรรดิเพลิงอัสนีได้ย้ำเตือนพวกเขาด้วยว่า หากถูกใครถามก็ให้ตอบไปว่าทุกคนอาศัยอยู่ในดินแดนแห่งเซียนมาตั้งแต่เกิดและไม่เกี่ยวข้องอะไรกับโลกบรรพกาล ไม่เช่นนั้นพวกเขาอาจถูกไล่ล่าสังหารทีละคนสิ่งแรกที่ทุกคนจำเป็นต้องทำคือผสานอำนาจแห่งกฎเกณฑ์ทั้งสองให้สมบูรณ์ หากทำไม่สำเร็จก็ห้ามเข้าเมืองเด็ดขาดเมื่อหน้าที่ของตัวเองสิ้นสุดแล้ว พวกหลิงฮันทั้งสี่ก็เดินย้อนกลับไปที่เมือง“หยุด!” เมื่อมาถึงประตูเมือง พวกเขาก็ถูกทหารยามสั่งให้หยุดทั้งสองคนคือจอมยุทธระดับวารีนิรันดร์!ทหารยามนั้นรวมๆแล้วมีอยู่สิบหกคน พวกเขาทุกคนเป็นจอมยุทธระดับเดียวกันทั้งหมดจักรพรรดิเพลิงอัสนีส่งคำพูดผ่านสัมผัสสวรรค์หาหลิงฮัน “ที่แห่งนี้ควรเป็นเพียงเมืองหนึ่งดาวเท่านั้น ไม่เช่นนั้นทหารยามคงไม่ใช่แค่จอมยุทธระดับวารีนิรันดร์ไม่กี่คน”เขากล่าวเสริมอีกว่าหากเป็นเมืองห้าดาวของตัวตนระดับราชานิรันดร์ แม้ทหารยามจะเป็นเพียงจอมยุทธระดับสร้างสรรพสิ่งแต่ก็ยังมีนิรันดร์ระดับโลกียนิพพานอยู่คุมสถานการณ์ข้างๆอีกคนหรือสองคน“ค่าผ่านทาง” ทหารยามยื่นมือออกมาหลิงฮันอดกลั้นความรู้สึกเจ็บปวดและส่งสมุนไพรศักดิ์สิทธิ์ลึกล้ำสี่ต้นให้แก่ทหารยาม“เข้าไปได้” ทหารยามโบกมือในขณะที่กำลังจะเดินผ่านประตูเมือง คลื่นแสงบางอย่างก็กวาดผ่านร่างของพวกเขาเพื่อตรวจสอบอุปกรณ์มิติศักดิ์สิทธิ์ว่ามีสิ่งมีชีวิตอยู่รึไม่ ไม่เช่นนั้นในกรณีที่ขุมอำนาจที่เป็นศัตรูแอบลักลอบพากองทัพเข้ามาผ่านอุปกรณ์มิติศักดิ์สิทธิ์ลึกล้ำคงกลายเป็นปัญหาใหญ่หลังจากทั้งสี่เข้าสู่เมือง จักรพรรดิเพลิงอัสนีก็ตบตูดขอตัวจากไปทนัที “เจ้าหนู คงถึงเวลาแยกทางกันแล้ว เพื่อการแก้แค้น ข้าจำเป็นต้องเก็บตัวบ่มเพาะเพื่อกลับสู่ระดับพลังในชีวิตก่อนให้เร็วที่สุด”กล่าวเสร็จเขาก็จากไป“นายท่านหมาเองก็อยากเร่ร่อนไปมาอย่างอิสระ แต่ไม่ต้องห่วง ข้าจดจำกลิ่นของเจ้าได้แล้ว ต่อให้เจ้าตายและถูกฝังข้าก็ยังหาเจ้าพบ” สุนัขตัวดำกล่าวด้วยคำพูดกวนประสาท“ไสหัวไป!” หลิงฮันถีบฝ่าเท้า สุนัขตัวดำรีบสะบัดตูดเผ่นหนีทันทีตอนนี้เหลือเพียงแค่เขากับจักรพรรดินีและคนจำนวนหนึ่งในหอคอยทมิฬแม้ที่นี่จะเป็นเมืองแต่ก็มีขนาดใหญ่เทียบได้กับดวงดาวทั้งดวง เพราะงั้นภายในเมืองจึงไม่ได้มีแค่สิ่งก่อสร้างสำหรับอาศัยแต่ยังมีพื้นที่ที่เป็นแม่น้ำ ทะเลทรายหรืออาณาเขตน้ำแข็งตามถนนมีคนจำนวนนับไม่ถ้วนเดินผ่านไปมา ซึ่งไม่มีใครเลยที่สนใจหลิงฮันหรือจักรพรรดินีเขาและจักรพรรดินีเดิมเข้าสู่ฝูงชนและฟังบทสนทนาจากคนรอบข้าง พวกเขาไม่เคยมีประสบการณ์ในดินแดนแห่งเซียนมาก่อน เพราะงั้นสิ่งแรกที่ต้องทำคือหาข้อมูลอะไรสักอย่างจากบทสนทนารวมๆที่หลิงฮันกับจักรพรรดินีได้ยิน ดูเหมือนว่าเรื่องที่น่าสนใจที่สุดจะเป็นเรื่องที่กองกำลังธุลีจันรทรากำลังรับสมัครคนหลิงฮันเผยสีหน้าปั้นยากกองกำลังธุลีจันรทรา? ที่นี่คือเมืองธุลีจันรทราที่ตระกูลติงของติงจื่อเฉินและติงเหยาหลงตั้งอยู่? อะไรจะบังเอิญขนาดนั้น!เพียงแต่ว่าขุมอำนาจระดับโลกียนิพพานของเมืองธุลีจันรทรานั้นมีถึงสามตระกูล ซึ่งตระกูลติงก็เป็นหนึ่งในนั้นนอกจากนั้น แม้เบื้องหน้าเมืองธุลีจันรทราจะดูเหมือนอยู่ในการปกครองของตระกูลทั้งสาม แต่แท้จริงแล้วไม่ใช่ทำไมน่ะรึ?ในดินแดนแห่งเซียน ขุมอำนาจที่อ่อนแอจำเป็นต้องมีผู้หนุนหลัง ขุมอำนาจระดับโลกียนิพพานจำเป็นต้องขอยืมพลังของขุมอำนาจระดับแบ่งแยกวิญญาณ ขุมอำนาจระดับแบ่งแยกวิญญาณจำเป็นต้องขอยืมพลังของขุมอำนาจระดับขอบเขตตำหนักอมตะและสูงขึ้นไปตามลำดับเมืองธุลีจันรทราคือเมืองหนึ่งดาวที่มีอำนาจรั้งท้ายสุดของดินแดนแห่งเซียน ขุมอำนาจเบื้องหลังพวกเขาคือนิกายจันทราหม่นแสงที่เป็นขุมอำนาจระดับแบ่งแยกวิญญาณส่วนขุมอำนาจเบื้องหลังนิกายจันทราหม่นแสงอีกทีก็คือตระกูลฟู่เพราะงั้นหากพูดกับตามตรงแล้วเมืองธุลีจันรทรานั้นอยู่ภายใต้การปกครองของตระกูลฟู่ เพียงแต่ว่าเมืองที่ตระกูลฟู่เป็นผู้ปกครองนั้นมีอยู่นับพัน พวกเขาจึงไม่คิดจะจัดการเรื่องเล็กๆน้อยๆด้วยตนเองและมองหน้าที่การดูแลให้แก่ตระกูลทั้งสามเพราะงั้นหากเข้าร่วมกองกำลังธุลีจันรทราได้สำเร็จและมีผลงานที่โดดเด่น ก็จะมีโอกาสได้เข้าสู่เมืองสามดาวและได้รับการฝึกฝนจากตระกูลฟู่ในดินแดนแห่งเซียน หลังจากบรรลุเป็นนิรันดร์ระดับโลกียนิพพานแล้วอายุขัยจะกลายเป็นไร้ขีดจำกัด ทั้งๆที่เป็นเช่นนั้นแล้วเหตุใดจอมยุทธที่บรรลุระดับแบ่งแยกวิญญาณหรือระดับขอบเขตตำหนักอมตะจึงมีเพียงหยิบมือ?เหตุผลแรกเป็นเพราะการจะครอบครองทักษะบ่มเพาะระดับนิรันดร์นั้นเป็นเรื่องยากลำบาก เหตุผลที่สองคือปัญหาในเรื่องทรัพยากรบ่มเพาะ สองอย่างนี้ไม่ใช่เรื่องที่จะแก้ปัญหาได้ด้วยการมีอายุขัยไร้ขีดจำกัดด้วยเหตุนี้แล้ววิธีการยกระดับพลังที่รวดเร็วที่สุดคือเข้าร่วมกับนิกายหรือตระกูลที่ทรงพลังให้ได้ตอนนี้คือโอกาสดี กองกำลังธุลีจันรทราจะเปิดรับคนหนึ่งครั้งในทุกๆร้อยปี หากพลาดโอกาสนี้พวกเขาก็ต้องเสียเวลารอไปอีกหนึ่งร้อยปีหลิงฮันมองไปยังจักรพรรดินีซึ่งจักรพรรดินีเองก็พยักหน้าตอบ พวกเขาจำเป็นต้องหาทางผสานตัวตนให้กลมกลืนกับดินแดนแห่งเซียน การเข้าร่วมกองกำลังธุลีจันรทราถือว่าเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดในตอนนี้
คอมเม้นต์