Super God Gene ตอนที่ 2619
ภายในห้องประชุมของปราสาทนภา เหล่าผู้อาวุโสและเจ้าหน้าที่ระดับสูงกำลังพูดคุยกัน “นี่พวกเรากำลังพูดถึงวิชาดาบของผู้นำสิบเอ็ดอยู่นะ มันเป็นหนึ่งในวิชาลับของปราสาทนภา หลังจากที่ถูกฝังเอาไว้ตลอดหลายปี ในที่สุดมันก็เปิดเผยออกมา มันควรจะเก็บเอาไว้ในตำหนักศักดิ์สิทธิ์ของปราสาทนภา พวกเราไม่ควรปล่อยให้คนนอกได้มันไปครอบครอง เพราะยังไงซะคนที่ได้มันไปก็เป็นแค่คนนอก” “แต่นั่นไม่ถูกต้อง นี่เป็นประสงค์ของผู้นำสิบเอ็ด พวกเราจะขัดความปรารถนาสุดท้ายของเขาได้ยังไง?” “นั่นเป็นเพราะเขายังเด็กเกินกว่าที่จะเข้าใจว่าช้างขาวอาจจะไปเลือกคนนอกคนหนึ่งเข้า”
ขุนนางของปราสาทนภาแบ่งออกเป็น 3 ฝ่าย ฝ่ายหนึ่งแนะนำให้นำวิชาดาบไปเก็บเอาไว้ในตำหนักศักดิ์สิทธิ์ของปราสาทนภา ส่วนอีกฝ่ายหนึ่งเชื่อว่าควรจะเคารพประสงค์สุดท้ายของผู้นำสิบเอ็ดและปล่อยให้หานเหยียนฝึกวิชาดาบที่เธอได้รับ ฝ่ายสุดท้ายต้องการนำวิชาดาบของผู้นำสิบเอ็ดไปทำการวิจัยในสวนวิถีนภา พวกเขาต้องการปรับแต่งมันเพื่อที่ศิษย์ทุกคนในปราสาทนภาจะได้ฝึกมัน “ท่านผู้นำ ได้โปรดพูดอะไรสักหน่อย” ผู้อาวุโสหกสนับสนุนฝ่ายที่จะนำวิชาดาบไปเก็บเอาไว้ในตำหนักศักดิ์สิทธิ์ หลังจากที่ผู้อาวุโสหกพูดแบบนั้น ทุกคนก็รู้สึกตัวว่าผู้นำปราสาทนภายังคงไม่ได้พูดอะไรสักคำ ผู้นำปราสาทนภาพูดขึ้นมา “มันไม่มีความจำเป็นต้องพูดกันในเรื่องนี้” “ท่านผู้นำหมายความว่ายังไง?” เจ้าหน้าที่ที่ชื่อสกายแชนซ์ถามด้วยความสับสน ผู้นำปราสาทนภามองไปที่สกายแชนซ์ หลังจากนั้นเขาก็หันสายตากลับมาที่ทุกคน “มันไม่สำคัญว่าพวกเราจะตัดสินใจทำอะไร ถ้าพวกเราเอาวิชาดาบมาไม่ได้ถูกไหม?” “ทำไมพวกเราถึงจะเอามันมาไม่ได้? พวกเราแค่ขอให้หานเหยียนมอบมันให้กับพวกเรา นางจะกล้าปฏิเสธอย่างนั้นหรอ? มันเป็นสมบัติของปราสาทนภา ดังนั้นถ้าพวกเราต้องการนำมันกลับคืนมา มันถือเป็นสิทธิ์ของพวกเรา” เจ้าหน้าที่สกายแซนท์พูด “เจ้าคิดจริงๆหรือว่านั่นเป็นการกระทำที่ยอมรับได้? ที่เจ้าพูดมามันก็ถูกอยู่ แต่มันฟังดูเหมือนกับว่าเจ้าไม่ได้คำนึงถึงความประสงค์ของผู้นำสิบเอ็ดเลยสักนิดเดียว” ยวิ๋นฉางคงพูดขึ้นมา “ข้าไม่ได้คิดจะขัดความประสงค์ของผู้นำสิบเอ็ด แต่ผู้นำสิบเอ็ดอาจจะไม่ได้คาดคิดว่าสุดท้าแล้ววิชาจะถูกมอบให้กับคนๆหนึ่งที่ไม่ใช่เผ่านภา พวกเราแค่ทำตามความรับผิดชอบเพื่อผู้คนของพวกเรา ข้าแน่ใจว่าวิญญาณของผู้นำสิบเอ็ดในสรวงสวรรค์จะต้องเห็นด้วยกับการตัดสินใจของพวกเรา” เจ้าหน้าที่สกายแชนซ์พูดอย่างมั่นใจ ผู้นำปราสาทนภาหลี่ตาและพูด “เจ้าหน้าที่สกายแชนซ์พูดถูกต้อง แต่เห็นได้ชัดว่าผู้นำสิบเอ็ดรู้ว่าพวกเราต้องการจะใช้ประโยชน์จากสถานการณ์นี้ เขาจึงส่งช้างฮิตติ้งสกายมาเพื่อปกป้องวิชาของเขาจากคนรุ่นหลังอย่างพวกเรา เจ้ามีแผนการที่จะจัดการเรื่องนี้แบบไหนกัน?” “ถ้า…ถ้าหานเหยียนยินดีจะมอบมันให้กับพวกเรา ช้างฮิตติ้งสกายก็ไม่ควร…” เจ้าหน้าที่สกายแชนซ์พูดก่อนจะเงียบไป วิชาไม่ได้ถูกบันทึกเป็นตัวอักษร แต่มันอยู่ในรูปของดาบหยก ช้างขาวไม่ได้ออกห่างจากดาบหยกแม้แต่นิดเดียว ช้างขาวไม่ได้สนใจว่าหานเหยียนใช้ดาบนั่นหรือไม่ แต่ถ้าใครคนอื่นเข้าไปใกล้มัน เจ้าช้างขาวก็จะโจมตีคนๆนั้น ผู้อาวุโสหกถือเป็นตัวอย่างถึงสิ่งที่เกิดขึ้นถ้าใครพยายามจะทำแบบนั้น “ช้างฮิตติ้งสกายเป็นแค่ซีโน่เจเนอิคสติปัญญาต่ำ ข้าไม่คิดว่ามันจะรู้อะไรมาก พวกเราจะกักขังมันและชิงดาบหยกมา แบบนั้นมันจะหยุดพวกเราได้ยังไง?” ผู้อาวุโสคนหนึ่งพูดขึ้นมา “ผู้อาวุโสเจ็ด ที่นี่คือปราสาทนภา ไม่ใช่ถ้ำโจร” ยวิ๋นฉางคงพูด “ยวิ๋นฉางคง อย่าให้เรื่องนี้กลายเป็นเรื่องส่วนตัว หานเหยียนอาจจะเป็นลูกศิษย์ของเจ้า แต่วิชาดาบนั่นถือเป็นมรดกของปราสาทนภา มันไม่ใช่สมบัติส่วนตัวของเจ้า…” ผู้อาวุโสเจ็ดพูด ยวิ๋นฉางคงโกรธเมื่อได้ยินแบบนั้น “นั่นหมายความว่ายังไง?”“เจ้ารู้ว่าข้าหมายถึงอะไร” ผู้อาวุโสเจ็ดพูด “ฉางคง ที่ผู้อาวุโสเจ็ดพูดสมเหตุสมผล นั่นคือวิธีที่พวกเราควรจะจัดการกับเรื่องนี้” ผู้นำปราสาทนภาพูดเพื่อหยุดทั้งคู่จากการโต้เถียงกัน “ท่านผู้นำ…” ยวิ๋นฉางคงพูด สีหน้าของเขาดูแย่ “ท่านผู้นำเป็นคนฉลาด” ผู้อาวุโสเจ็ดยิ้มกว้าง ผู้นำปราสาทนภาเมินเฉยต่อสายตาของยวิ๋นฉางคง เขายิ้มให้กับผู้อาวุโสเจ็ดและพูดขึ้นว่า
“ในเมื่อผู้อาวุโสเจ็ดเป็นคนเสนอไอเดียนี้ขึ้นมา ก็เชิญผู้อาวุโสเจ็ดดำเนินแผนการเพื่อกักขังช้างฮิตติ้งสกาย หลังจากนั้นนำดาบหยกมาให้กับข้า” “ท่านผู้นำ ลำพังข้าคนเดียวจะทำได้ยังไง? ข้าจำเป็นต้องให้ท่านส่งระดับเทพเจ้ามาช่วยอีกแรง ข้าจำเป็นต้องมีพวกเขาเพื่อจับตัวมัน”
ใบหน้าของผู้อาวุโสเจ็ดเปลี่ยนไป เขาสามารถบอกได้ว่าคำพูดของผู้นำปราสาทนภาฟังดูไม่ถูกเท่าไหร่ “ข้ากลัวว่าจะช่วยเจ้าในเรื่องนั้นไม่ได้” ผู้นำปราสาทนภาพูดอย่างใจเย็น
“ข้าหวังจะให้หานเซิ่นอวยพรให้กับคนของเรา ดังนั้นข้าคงจะช่วยเหลือเจ้าในเรื่องนั้นไม่ได้ เจ้าควรจะคิดหาทางออกเอง นี่เป็นความคิดของเจ้า เจ้าคิดว่าทำได้ไม่ใช่หรอ? เจ้าจะได้รับรางวัลอย่างงามถ้าเจ้าทำได้” “เรื่องนี้…” ใบหน้าของผู้อาวุโสเจ็ดเปลี่ยนเป็นสีเขียว ยวิ๋นฉางคงรู้สึกโล่งใจขึ้นมาเมื่อเห็นว่าผู้นำปราสาทนภาปกป้องหานเหยียน หลังจากนั้นผู้อาวุโสและเจ้าหน้าที่ระดับสูงที่ต้องการชิงดาบหยกมาก็ต้องเงียบไป ผู้นำปราสาทนภาต้องการจะปกป้องหานเหยียน และด้วยชื่อเสียงของหานเซิ่น มันจึงไม่มีใครกล้ามาชิงดาบหยกไป โดยการทำแบบนั้นพวกเขาก็จะขัดต่อความต้องการของผู้นำปราสาทนภาและหยาบคายต่อหานเซิ่นในเวลาเดียวกัน หานเซิ่นคงจะไม่มีวันมอบพรให้กับพวกเขาอีกถ้าเป็นแบบนั้น แถมหานเซิ่นยังมีอาวุธระดับเทพเจ้าขั้นทรูก็อตถึง 2 ชิ้น และเขาก็เป็นที่สนใจของเผ่าเวรี่ไฮ เขาจะยิ่งใหญ่ขึ้นเรื่อยๆเมื่อเวลาผ่านไป ถ้าพวกเขาเกิดไปขโมยของจากหานเหยียนในตอนนี้ พวกเขาก็จะเป็นศัตรูกับหานเซิ่น “ข้าจะสนับสนุนใครก็ตามที่นำวิชาดาบกลับมาได้ ถ้าพวกเจ้าเอามันมาได้จริงๆ ข้าจะมอบรางวัลให้กับพวกเจ้าอย่างงาม” ผู้นำปราสาทนภาพูดขณะที่มองไปที่ทุกคน หานเซิ่นไม่คิดว่าเรื่องนี้จะจบลงง่ายๆ เขาเชื่อว่าผู้คนปราสาทนภาคงจะไม่ปล่อยให้วิชาดาบที่สำคัญตกไปอยู่ในมือของหานเหยียน แต่สิ่งที่เขาคาดไม่เกิดขึ้น ทางปราสาทนภาไม่ได้คิดหาข้ออ้างจะมาเอาวิชาดาบของผู้นำสิบเอ็ดไปเป็นของพวกเขา แต่ยวิ๋นฉางคงก็ตัดสินใจจะไม่รับหานเหยียนเป็นศิษย์ของเขา เขาขอให้อาจารย์ของเขาช่วยเป็นอาจารย์ของเธอแทน ผลลัทธ์ทำให้หานเหยียนเป็นศิษย์น้องของเขา นั่นถือเป็นการบอกว่าเธออยู่ในระดับเดียวกับเขา หลังจากพิธีการจบลง ฐานะของหานเหยียนในปราสาทนภาก็กลายเป็นอะไรที่สูงอย่างไม่น่าเชื่อ ถึงแม้เธอจะยังอายุน้อย แม้แต่ไผ่เดียวดายก็ยังต้องแสดงความเคารพเมื่อเห็นเธอ หานเหยียนเด็ดน้ำเต้าศักดิ์สิทธิ์ ได้รับวิชาดาบในตำนานและยังกลายเป็นศิษย์น้องของยวิ๋นฉางคง เธอกลายเป็นตำนานของปราสาทนภาในทันที ชื่อเสียงของเธอนั้นเหนือกว่าไผ่เดียวดายซะอีก ทุกคนรับรู้ว่าหานเซิ่นมีน้องสาวที่สุดยอด หลายคนพูดกันว่าหานเซิ่นอวยพรให้กับหานเหยียนและนั่นเป็นเหตุผลที่เธอแข็งแกร่งตั้งแต่ยังเด็ก นั่นทำให้พวกเขาต้องการการอวยพรของหานเซิ่นมากยิ่งขึ้นไปอีก
คอมเม้นต์