Super God Gene ตอนที่ 2229
ไป๋เวยก้าวขึ้นไปบนบันไดหินแต่ละขั้นอย่างง่ายดาย ดูเหมือนกับว่ามันไม่ได้มีพลังพิเศษอะไรที่จะต่อต้านเธอจากการเดินขึ้นไปบนบันได ไป๋เวยขมวดคิ้ว เธอไม่ได้รู้สึกถึงอะไรจากบันไดเลย ขั้นบันไดหินแต่ละขั้นดูเหมือนจะเป็นแบบนั้นจริงๆ ถ้าไป๋เวยก้าวขึ้นไปเร็วๆล่ะก็ เธอก็น่าจะขึ้นไปถึงยอดเขาได้ในเวลาหนึ่งชั่วโมง “นี่เป็นการทดสอบของอันดายอิ้งเบิร์ด มันไม่มีทางเป็นอะไรที่ง่ายดายแบบนี้ไปได้” ไป๋เวยยังคงไม่กล้าประมาท เธอมองดูทุกก้าวที่เธอเดินไปข้างหน้า แต่ขั้นบันไดหินดูเหมือนจะไม่มีอะไรพิเศษจริงๆ หลังจากที่ไป๋เวยก้าวขึ้นไปหลายต่อหลายขั้น มันก็ยังไม่มีอะไรเกิดขึ้น “ไป๋เวย! ร่างกายของเจ้า!” จีชิงที่มองดูจากด้านล่างจู่ๆก็ตะโกนออกมา เมื่อได้ยินเสียงตะโกน ไป๋เวยก็หันกลับไปมองพวกเขา เธอสังเกตเห็นว่าพวกเขากำลังมองเธอด้วยความตกใจอย่างที่สุด ดูเหมือนกับว่ามันมีบางสิ่งที่น่าตกใจเกิดขึ้นกับร่างกายของเธอ ไป๋เวยรีบก้มลงมองตัวเอง หลังจากนั้นสีหน้าของเธอเองก็เปลี่ยนแปลงไปเช่นเดียวกัน หลายก้าวที่ผ่านมา ไป๋เวยไม่ได้รู้สึกถึงอะไรเลย แต่ทว่าร่างกายของเธอสูงอายุขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ก่อนหน้านี้ไป๋เวยเป็นหญิงสาวที่ดูเหมือนกับผู้หญิงอายุ 18 ทั่วๆไป แต่ตอนนี้เธอดูเหมือนกับผู้หญิงที่อายุ 20 กลางๆ ความสูงและรูปร่างของเธอเปลี่ยนไป นอกจากนั้นขนาดหน้าอกของเธอก็เพิ่มขึ้น พวกมันโตจากคัพบีไปสู่คัพดี ไป๋เวยขมวดคิ้ว เธอก้าวต่อไปอีกไม่กี่ขั้น ร่างกายของเธอก็เปลี่ยนแปลงอีกครั้ง เธอดูอายุมากขึ้นไปอีก หลังจากที่คิดเกี่ยวกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ไป๋เวยก็ตัดสินใจก้าวถอยลงไป และน่าตกใจที่เมื่อทำอย่างนั้นร่างกายของเธอก็เริ่มดูเด็กลง “ในที่สุดเจ้าก็สังเกตเห็นสักที!” หญิงชราหัวเราะด้วยเสียงที่แหบ เธอพูดขึ้นว่า“อันดายอิ้งเบิร์ดคือคนที่สร้างวิถีแห่งชีวิตและความตายนี้ขึ้นมา มันไม่ใช่ทุกคนที่จะก้าวขึ้นมาได้ มันเป็นกระบวนการที่เกิดมาจากชีวิตและความตาย มันคือเส้นทางที่จะเปิดเผยช่วงชีวิตของเจ้า ในเวลาที่เจ้าก้าวมาถึงปลายสุดของขั้นบันไดนี้ เจ้าก็จะไปถึงปลายสุดของช่วงชีวิต” “ถ้าคนๆนั้นต้องตายหลังจากที่เดินขึ้นไปได้สำเร็จ แล้วการปีนขึ้นไปบนบันไดหินจะมีประโยชน์อะไร? อันดายอิ้งเบิร์ดช่างชั่วร้ายจริงๆ” จีชิงพูดอย่างเหยียดหยาม หญิงชราดูไม่ได้โกรธเกี่ยวกับสิ่งที่จีชิงพูด เธอแค่พูดขึ้นมา“อันดายอิ้งเบิร์ดใช้วิชาจีโนอย่างหนึ่งสร้างวิถีแห่งชีวิตและความตายนี้ขึ้นมา ถ้าเจ้ามีความสามารถพอ เจ้าก็จะทำลายมันได้ แบบนั้นใครจะบอกได้ว่ามันเป็นอะไรที่ชั่วร้าย?” ในขณะเดียวกันไป๋เวยไม่ได้พูดอะไร เธอจดจ่อไปกับการก้าวขึ้นไปบนขั้นบันไดเพื่อไปให้ถึงยอดเขา ขณะที่เธอก้าวต่อไป เธอก็เริ่มดูอายุมากขึ้นเรื่อยๆ จากเด็กสาวเป็นผู้หญิง จากผู้หญิงเป็นผู้หญิงวัยกลางคน และเมื่อเธอเกือบจะไปถึงยอดนั้น เธอก็ดูเหมือนกับผู้หญิงที่จวนจะสิ้นอายุขัย ในตอนที่เหลืออีกเพียงไม่กี่ขั้นจะถึงยอดเขา มันก็ดูเหมือนกับว่าเธอไม่สามารถหายใจได้ มันดูเหมือนกับว่าเธอกำลังจะตาย ไป๋เวยเชื่อว่ามันเป็นเพียงแค่ภาพมายาเท่านั้น แต่ถึงอย่างนั้นมันก็สมจริงอย่างมาก เธอรู้สึกหวาดกลัวว่าถ้าเธอก้าวต่อไปอีก เธออาจจะตายอย่างที่หญิงชราอธิบาย ขณะที่ไป๋เวยเดินขึ้นไปบนบันไดหิน เธอก็ทำอย่างเต็มที่เพื่อป้องกันการเร่งอายุขัย แต่มันไม่มีอะไรที่ได้ผล ขั้นบันไดนี้เป็นเหมือนกับช่วงเวลาชีวิตและความตายของคนคนหนึ่งจริงๆ ไป๋เวยหยุดนิ่งไปต่อหน้าบันไดหินขั้นสุดท้าย เธอจ้องไปที่ขั้นบันไดด้วยความลังเล เธอไม่รู้ว่าควรจะก้าวไปต่อหรือไม่ หานเซิ่นและคนอื่นๆตกตะลึงที่บันไดหินมีพลังแบบนั้นอยู่ มันยากที่จะจินตนาการได้ว่าอันดายอิ้งเบิร์ดแข็งแกร่งถึงขนาดไหนในตอนที่เธอยังคงมีชีวิตอยู่ “ถ้านางเดินลงบันไดกลับมาได้ บางทีมันอาจจะเป็นแค่การทดสอบจริงๆ นางอาจจะไม่ตายหลังจากเดินขึ้นไป” จีชิงพูด ไป๋เวยอยากจะคิดอย่างนี้เช่นเดียวกัน แต่มันไม่มีอะไรรับประกันว่าเธอจะไม่ตายเมื่อก้าวผ่านบันไดขั้นสุดท้ายไปแล้ว ซึ่งถ้าเธอต้องตายไป มันก็จะเป็นอะไรที่สูญเปล่า เมื่อได้ยินที่จีชิงพูด หญิงชราก็หัวเราะออกมา “ก็อาจจะเป็นแบบนั้นโอกาสของชีวิตและโอกาสของความตายคือ 50 50 ถ้าเจ้ามีความกล้า เจ้าก็ลองมันดูได้” ไป๋เวยมองหญิงชราที่รออยู่ที่ปลายสุดของขั้นบันได เธอดูลังเลที่จะก้าวต่อไป นี่ไม่ใช่เกมส์ และถ้าเธอคิดผิด มันก็มีแค่ความตายเท่านั้นที่รออยู่ “ถ้าข้าเดินลงบันไดไป ข้าจะเดินกลับขึ้นมาใหม่ได้ไหม?”ไป๋เวยถามขณะที่มองไปที่หญิงชรา เสียงของเธอแหบแห้งเหมือนกับคนที่แก่มากๆ เธอดูอ่อนแอและใกล้ที่จะหมดลมหายใจ “เจ้าจะจับสิ่งมีชีวิตตัวหนึ่งมาลองดูก่อนใช่ไหม? ถ้าเป็นอย่างนั้น แล้วอะไรคือจุดประสงค์ของการทดสอบ?”หญิงชรามองเธอด้วยความดูถูก “เจ้าเป็นทายาทของราชาไป๋ ดังนั้นเจ้าก็นำเอาพลังของราชาไป๋ออกมา ใช้ชีวิตและวิจารณญาณของเจ้าเอาชนะการทดสอบนี่ ถ้าเจ้าก้าวลงไปจากขั้นบันไดนี่ นั่นก็จะถือว่าเจ้าพ่ายแพ้ต่อการทดสอบ” “จิ้งจอกสีเงิน ไปหาสิ่งมีชีวิตตัวหนึ่งมา” หานเซิ่นพูดกับจิ้งจอกสีเงินที่อยู่ข้างๆเขา เมื่อจิ้งจอกสีเงินได้ยินคำสั่ง มันก็วิ่งออกไปในพุ่มหญ้าที่อยู่ใกล้เคียง ไม่นานมันก็กลับออกมาพร้อมกับกระต่ายตัวหนึ่ง หลังจากนั้นหานเซิ่นก็บอกให้จิ้งจอกสีเงินโยนกระต่ายขึ้นไปบนบันไดและเตะตูดของมัน จิ้งจอกสีเงินทำตามที่ถูกบอก เจ้ากระต่ายนั้นก็วิ่งขึ้นบันไดไปด้วยความหวาดกลัว เมื่อหญิงชราพูดว่าพวกเขาควรจะถูกฆ่าก่อนหน้านี้ ไป๋เวยไม่ได้เห็นด้วยกับความคิดนั้น นี่คือวิธีการที่หานเซิ่นจะตอบแทนเธอในเรื่องนั้น เจ้ากระต่ายประสบกับการเปลี่ยนแปลงเช่นเดียวกับไป๋เวย มันแก่ลงเรื่อยๆและยิ่งมันวิ่งสูงขึ้นไป มันก็ดูลำบากอย่างมากที่จะก้าวต่อไป บันไดแต่ละขั้นนั้นจำเป็นต้องใช้พละกำลังทั้งหมดเพื่อก้าวต่อไป ไป๋เวยมองหานเซิ่นด้วยความประหลาดใจ เธอไม่ได้คาดคิดว่าเขาจะช่วยเหลือเธอ เมื่อเจ้ากระต่ายน้อยไปถึงบันไดขั้นสุดท้าย มันก็ขาดใจตายไป ทุกคนอ้าปากค้างกับภาพที่ได้เห็น มันดูเหมือนว่าวิถีแห่งชีวิตและความตายจะจบลงด้วยความตายจริงๆ “นี่มันต่ำช้ามาๆ! ไม่ว่าจะทำยังไงนางก็จะเป็นฝ่ายแพ้อยู่ดี” จีชิงอดไม่ได้ที่จะพูดออกมา “ถ้าเจ้ามีความสามารถที่จะทำลายการทำงานของวิถีแห่งชีวิตและความตาย อย่างนั้นแล้วความตายก็จะไม่ใช่สิ่งที่รอเจ้าอยู่ที่ปลายทาง” หญิงชราดูเหมือนจะไม่ได้สนใจเลยสักนิดเดียว ไป๋เวยดูสับสน เธออยากจะถอยกลับ มันไม่คุ้มค่าที่จะเดิมพันชีวิต ไม่ว่าของรางวัลที่รออยู่จะมีค่าสักแค่ไหน ในจังหวะที่ไป๋เวยกำลังจะถอยกลับ เธอก็ได้ยินเสียงของหานเซิ่น“ถ้าข้าเป็นเจ้า ข้าจะก้าวต่อไปบนบันไดขั้นสุดท้าย” ไป๋เวยรู้สึกแปลกใจ เธอมองไปที่หานเซิ่นอย่างไม่แน่ใจว่าเขาหมายความว่ายังไง “หนุ่มน้อย เจ้าไม่ใช่คนที่ยืนอยู่ต่อหน้าปลายทางของวิถีแห่งชีวิตและความตาย ถ้าเจ้ามั่นใจนักล่ะก็ อย่างนั้นแล้วก็เชิญลองเดินขึ้นมา” หญิงชราพูดขณะที่มองมาที่หานเซิ่น
คอมเม้นต์