Super God Gene ตอนที่ 2772

อ่านนิยายจีนเรื่อง Super God Gene ตอนที่ 2772 3Novel | อ่านนิยายออนไลน์ นิยายแปลไทย อ่านนิยายฟรี.

หานเซิ่น เป่าเหลียนและดราก้อนเหงื่อตก มันไม่มีอะไรในโลกนี้ที่น่ากลัวไปกว่าเทพที่ไม่มีเหตุผล เห็นได้ชัดว่าเทพฟินิกซ์ไม่ได้ปฏิบัติตามหลักเหตุผลเลยสักนิดเดียว
 
“เจ้า ตอบคำถามนี้” ฟินิกซ์หันไปหาขุนนางระดับราชันอีกคน คนๆนั้นเป็นลูกศิษย์ของผู้ผู้อาวุโสนาเดอร์เช่นกัน และเขาได้รับคำถามเดียวกัน
 
“ท่านอาจารย์…” คนๆนั้นดูเหมือนจะร้องไห้ออกมา เขาพูดกับผู้ผู้อาวุโสนาเดอร์ด้วยเสียงสั่นๆ
 
ใบหน้าของผู้ผู้อาวุโสนาเดอร์เปลี่ยนเป็นสีเขียว เขาพาลูกศิษย์หลายคนมาสำรวจซีโน่เจเนอิคสเปชที่ถูกค้นพบใหม่ก็เพื่อให้พวกเขาได้รับประสบการณ์ เขาไม่ได้คาดคิดว่าจะต้องมาเจอกับสิ่งมีชีวิตขั้นทรูก็อต สิ่งมีชีวิตแบบนี้เป็นอะไรที่น่าสะพรึงกลัวอย่างแท้จริง เขารู้ว่าสถานการณ์ในตอนนี้นั้นเลวร้ายสุดๆ
 
ลูกศิษย์คนนี้ของผู้อาวุโสนาเดอร์เป็นยอดฝีมือระดับราชันที่มีเลือดของเดสทรอยเยอร์ แต่ตอนนี้เขาดูอ่อนแอยิ่งกว่าคนนอกที่ระดับต่ำกว่าซะอีก
 
“ตอบคำถามของข้า” เปลวเพลิงตามร่างของฟินิกซ์ระเบิดออกและเข้าปกคลุมทั้งท้องฟ้าและผืนดิน
 
เดสทรอยเยอร์ระดับราชันคนนั้นตัวซีดไป เขารีบตอบ
“ข้าจะฟังคนรักของข้า ถ้านางอยากให้ข้ามีชีวิตรอด ข้าก็จะมีชีวิตรอด ถ้านางต้องการให้ข้าตาย ข้าก็จะตาย”
 
“ขี้ขลาดตาขาว” ฟินิกซ์ขึ้นเสียง มันอ้าปากและสูดลมหายใจ เหมือนกับสองสิ่งมีชีวิตก่อนหน้าร่างกายของเดสทรอยเยอร์ระดับราชันสลายกลายเป็นผุยผงเช่นเดียวกัน
 
ทุกคนที่อยู่ที่นั่นรู้สึกท้อแท้ เห็นได้ชัดว่าฟินิกซ์กำลังเล่นตลกกับพวกเขา มันไม่สำคัญว่าพวกเขาจะตอบอะไร พวกเขาก็ต้องตายอยู่ดี
 
“ถ้าเจ้าต้องการจะฆ่าข้า ก็ฆ่าข้าซะเลย ข้าจะไม่ตอบคำถามห่วยๆของเจ้า” ระดับราชันไร้ชื่อคนหนึ่งตะโกนออกมา
 
“ถ้านั่นคือสิ่งที่เจ้าปรารถนา ข้าก็จะทำให้เจ้าสมหวัง”
ฟินิกซ์ยังคงทำตัวสูงส่ง มันลดตัวลงมาและอ้าปากเพื่อสูดลมหายใจ ระดับราชันคนนั้นย่อยสลายกลายเป็นผุยผง
 
หานเซิ่นรู้สึกแย่ เขาหวังว่าคำถามของฟินิกซ์นั้นจะคล้ายคลึงกับการอธิษฐานที่ถูกเสนอโดยคนที่อ้างตัวว่าเป็นพระเจ้า เขาจึงคิดไปว่าถ้าเขาไม่ตอบคำถาม ฟินิกซ์ก็อาจจะไม่ทำร้ายเขา แต่หลังจากที่ได้เห็นการตายของเหยื่อคนล่าสุดก็เห็นได้ชัดว่ามันไม่ได้เป็นแบบนั้น
 
ใบหน้าของดราก้อนวันและเป่าเหลียนดูซีดเซียวและเต็มไปด้วยเหงื่อ พวกเขารู้สึกสิ้นหวัง
 
ฟินิกซ์ถามคำถามเดิมกับอีกหลายคน แต่ไม่ว่าพวกเขาจะตอบอะไร ผลลัพธ์ที่ออกมาก็เหมือนเดิม พวกเขาจะถูกดูดเอาพลังชีวิตของตัวเองออกไปจากร่าง
 
ผู้อาวุโสนาเดอร์เป็นถึงระดับเทพเจ้าขั้นทรานส์มิวเทชั่นที่ทรงพลัง แต่เขาก็ทำได้แต่มองดูเหตุการณ์นี้เกิดขึ้น เขาไม่สามารถต่อต้านหรือทำอะไรกับมันได้
 
ที่สุดแล้วฟินิกซ์ก็มาหยุดอยู่ที่ผู้อาวุโสนาเดอร์ สามหัวและหกตาของผู้อาวุโสนาเดอร์จ้องกลับไปที่ฟินิกซ์ ดูเหมือนกับว่าเขาต้องการจะจู่โจมฟินิกซ์ แต่ร่างกายของเขาถูกรัดแน่นเกินไป เขาไม่สามารถแม้แต่จะขยับเขยื้อนได้ การจะต่อสู้นั้นยิ่งไม่ต้องพูดถึง เขาไม่สามารถกระดิกนิ้วได้ด้วยซ้ำ
 
กิ่งไม้นั้นไม่ได้แค่จับร่างกายของเขาเอาไว้ ถ้าสถานการณ์เป็นอะไรที่ง่ายอย่างนั้น เขาที่เป็นถึงระดับเทพเจ้าขั้นทรานส์มิวเทชั่นก็คงจะไม่ถูกทำให้หมดหนทางด้วยการถูกรัดร่างกายเอาไว้แบบนี้
 
แต่ตอนนี้ผู้อาวุโสนาเดอร์นั้นไม่สามารถปลดปล่อยพลังอะไรออกมาได้ เขาไม่แน่ใจว่ามันเป็นเพราะพลังของเขาถูกปิดผนึกเอาไว้หรือถูกดูดออกไปจนหมดกันแน่
 
ขณะที่ทุกคนรอที่ผู้อาวุโสนาเดอร์จะถูกฆ่า จู่ๆฟินิกซ์ก็หันหน้าหนีไป มันหันไปรอบๆและสายตาของมันก็มาหยุดอยู่ที่หานเซิ่นและคนอื่นๆอีกสองคนที่อยู่ข้างๆ
 
หัวใจของทั้งสามคนก็เริ่มจะเต้นรัว ก่อนที่พวกเขาจะรู้สึกตัวว่าเกิดอะไรขึ้น ฟินิกซ์ก็กระพือปีกและบินลงมาจากภูเขา
 
“โอ้ไม่นะ” หานเซิ่นรู้สึกแย่ขึ้นมา ทำไมจู่ๆฟินิกซ์ถึงได้เกิดเปลี่ยนใจและเลือกบินมาทางพวกเขาแทน?
 
ใบหน้าของดราก้อนวันและเป่าเหลียนเปลี่ยนเป็นสีเขียว ดราก้อนวันตะโกนใส่เป่าเหลียน
“เป่าเหลียน ถ้าพวกเราไม่สู้ พวกเราก็จะไม่มีโอกาสรอด!”
 
ใบหน้าของเป่าเหลียนดูมืดมัว “เจ้าคิดว่าข้าไม่อยากสู้หรือยังไง? เจ้ามองไม่ออกหรือไงว่าความแตกต่างของพลังมีมากเกินไป ถึงแม้มันจะดูเหมือนว่าร่างกายแห่งราชันของข้าไม่ได้ถูกยับยั้ง แต่ข้าก็ใช้พลังไม่ได้ เจ้าเป็นเผ่าดราก้อนไม่ใช่หรอ? พวกเจ้าบอกว่าตัวเองเป็นเผ่าพันธุ์ที่กล้าหาญที่สุดไม่ใช่หรือยังไง? ไม่ใช่ว่าพวกเจ้ามีความต้านทานที่สูงหรอกหรอ? เจ้าทำลายพลังที่ยับยั้งข้าจากการใช้ร่างกายแห่งราชันได้ไหมล่ะ? บางทีนั่นอาจจะเป็นหนทางที่ทำให้พวกเรารอดไปจากที่นี่”
 
ดราก้อนวันพูดขึ้นว่า “ถ้าข้าปล่อยตัวเองให้เป็นอิสระได้ เจ้าคิดว่าข้าจะยังอยู่ที่นี่อีกอย่างนั้นหรอ?”
 
การพูดคุยเป็นอะไรที่ไร้ประโยชน์ พวกเขาทั้งสองคนถูกล็อคเอาไว้กับพื้น ดราก้อนวันเห็นว่าเป่าเหลียนนั้นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเขาจึงหันมาหาหานเซิ่น
“ดอลลาร์ ถ้าเจ้าหนีไปได้ พาพวกเราไปตอนนี้เลย ก่อนที่มันจะสายเกินไป”
 
หานเซิ่นส่ายหัว ถึงแม้เขาจะใช้ร่างกายเทพเจ้าสปิริตขั้นสุดยอดเพื่อหนีไปได้ แต่มันก็เป็นตัวเลือกสุดท้ายจริงๆ เพราะยังไงซะร่างกายเทพเจ้าสปิริตขั้นสุดยอดก็มีเวลาที่จำกัด และเมื่อเวลาหมดลง พลังของฟินิกซ์ก็จะล็อคตัวเขาลงกับพื้นอีกครั้ง แบบนั้นเขาก็จะถูกฆ่าตาย
 
พวกเขาทั้งสามคนไม่สามารถทำอะไรได้ และตอนนี้ฟินิกซ์ก็มาถึงพวกเขาแล้ว มันบินลงบนพื้นที่ห่างจากทั้งสามคนไปเพียงแค่สิบเมตร หลังจากนั้นมันก็มองมาที่หานเซิ่น
 
“ไม่มีทาง มันมีสิ่งมีชีวิตมากมายอยู่ที่นี่ แต่เลือกจะกินข้าเนี่ยนะ? ข้าไม่ใช่พระถังซัมจั๋ง มาจ้องมองข้าเพื่ออะไร?”
หานเซิ่นรู้สึกหดหู่ เขาเตรียมตัวจะเปิดใช้ร่างกายเทพเจ้าสปิริตขั้นสุดยอด ถึงแม้โอกาสหนีไปได้จะต่ำ แต่มันก็คุ้มค่าที่จะลองดู
 
หานเซิ่นจะรอจนกระทั่งฟินิกซ์เริ่มถามคำถาม และทันทีที่มันเริ่มพูด เขาก็จะใช้ร่างกายเทพเจ้าสปิริตขั้นสุดยอดเพื่อเทเลพอร์ตหนีไป บางทีแบบนั้นเขาอาจจะรอดไปได้
 
แต่ในตอนที่ฟินิกซ์เปิดปาก มันไม่ได้ถามคำถาม มันปล่อยแรงดูดที่น่ากลัวออกมาดึงร่างกายของหานเซิ่น
 
‘โอ้ไม่นะ…มันจบสิ้นแล้ว’ หานเซิ่นคิดด้วยความสิ้นหวัง มันสายเกินไปแล้วที่เขาจะใช้ร่างกายเทพเจ้าสปิริตขั้นสุดยอดในตอนนี้
 
หานเซิ่นคิดว่าตัวเองจะถูกเปลี่ยนให้กลายเป็นผุยผง แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่เกิดขึ้น ร่างกายของเขาบินผ่านอากาศเข้าไปหาฟินิกซ์
 
ก่อนที่หานเซิ่นจะรู้สึกตัวว่าเกิดอะไรขึ้น ฟินิกซ์ก็กระพือปีกและปล่อยลมใส่ตัวหานเซิ่นเพื่อส่งเขาไปบนหลังของมัน
 
หานเซิ่นนั่งอยู่บนเปลวไฟสีขาว แต่เขาไม่ได้รู้สึกร้อน มันรู้สึกอบอุ่นและผ่อนคลายแทน เขารู้สึกราวกับว่ากำลังนั่งอยู่ในบ่อพุร้อน ร่างกายของฟินิกซ์ดูเหมือนจะเต็มเปี่ยมไปด้วยพลังชีวิตที่ไม่จำกัด มันไหลผ่านตัวเขาและทำให้ร่างกายของเขารู้สึกราวกับไม้เก่าที่ได้รับชีวิตชีวากลับคืนมาอีกครั้ง
 
“นี่มันเกิดอะไรขึ้น?” หานเซิ่นสับสน
 
เป่าเหลียน ดราก้อนวันและสิ่งมีชีวิตอื่นก็ดูสับสนเช่นกัน พวกเขาไม่สามารถเชื่อได้ว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น
 
พวกเขาทั้งหมดคิดว่าหานเซิ่นจะถูกดูดพลังชีวิตจนกลายเป็นผุยผง พวกเขาไม่ได้คาดคิดว่าหานเซิ่นจะถูกพาขึ้นไปนั่งบนหลังของฟินิกซ์ พวกเขาทุกคนจ้องไปที่หานเซิ่นด้วยความแปลกใจ
 
หลังจากที่ฟินิกซ์พาหานเซิ่นไปไว้บนหลังของมัน มันก็กระพือปีกและบินกลับไปที่สะพานไม้
 
หานเซิ่นนั่งอยู่บนหลังของฟินิกซ์และเขาสามารถบอกว่าฟินิกซ์ไม่ได้มีจิตมุ่งร้ายอะไรต่อเขา
 
เมื่อฟินิกซ์กลับมาที่สะพานอีกครั้ง มันก็ลงมาตรงหน้าของผู้อาวุโสนาเดอร์ที่ยังคงถูกพันเอาไว้ราวกับรังไหม เสียงของฟินิกซ์ดังขึ้นในหัวของทุกคนอีกครั้ง
 
“เจ้ากินสิ่งนี้” ฟินิกซ์พูด ทุกคนอ้าปากค้างเมื่อได้ยินแบบนั้น
 
ถึงแม้ฟินิกซ์จะไม่ได้เรียกชื่อของผู้อาวุโสนาเดอร์ แต่ก็เห็นได้ชัดว่าฟินิกซ์นั้นคิดว่าเดสทรอยเยอร์เป็นอาหารที่เอร็ดอร่อยและมีคุณค่าทางโภชนาการ และมันต้องการให้หานเซิ่นกินเขาคนนั้น

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด