Super God Gene ตอนที่ 2313

อ่านนิยายจีนเรื่อง Super God Gene ตอนที่ 2313 3Novel | อ่านนิยายออนไลน์ นิยายแปลไทย อ่านนิยายฟรี.

แต่ละวันของหานเซิ่นไม่ได้เป็นไปด้วยดีนัก ถึงเขาจะเอาชนะไป๋อู๋ฉางได้ แต่มังกรกษัตริย์รากแก้วก็ถูกองค์ชายอีกคนแย่งไป
 
หานเซิ่นไม่แข็งแกร่งพอที่จะเอาชนะองค์ชายระดับราชันคนนั้นและองครักษ์ระดับครึ่งเทพทั้ง 7 คนของเขาได้ และถึงเขาจะทำได้ ไป๋เวยก็ไม่อยากจะไปละเมิดองค์ชายคนนั้น พวกเขาจึงต้องยอมทิ้งมังกรกษัตริย์รากแก้วไป
 
ไป๋เวยเลือกมังกรกษัตริย์ที่ด้อยกว่าเพื่อฝึกฝน หานเซิ่นคิดว่าการทำแบบนั้นเป็นอะไรที่ไร้ความหมาย ถ้าพวกเขาชิงมังกรกษัตริย์รากแก้วมาไม่ได้ อย่างนั้นแล้วมันก็มีลมปราณกษัตริย์ไม่มากพอที่เขาจะดูดซับได้ แบบนั้นการสกัดพลังโกสต์โบนในร่างกายของเขาจะเป็นอะไรที่รวดเร็วกว่า
 
ราชาไป๋มีบุตรธิดาอยู่หนึ่งร้อยคน แต่มันมีมังกรกษัตริย์รากแก้วอยู่เพียงแค่ 30 เท่านั้น ดังนั้นโอกาสที่จะได้ครองหนึ่งในพวกมันโดยไม่ต่อสู้ถือว่าหาได้ยากมากๆ
 
ดังนั้นหานเซิ่นและไป๋เวยจึงไปฝึกฝนอยู่บนมังกรกษัตริย์ที่ด้อยกว่า โชคดีที่หานเซิ่นนำยีนซีโน่เจเนอิคระดับดยุกบางส่วนติดตัวมาด้วย ทำให้เพิ่มยีนระดับดยุกจนเต็มหนึ่งร้อยได้อย่างรวดเร็ว พวกมันเป็นทรัพยากรที่อี๋ซามอบให้กับเขา เมื่อเขาได้เป็นเด็กศักดิ์สิทธิ์ของแนร์โรว์มูน
 
“ร่างต่อสู้กายหยกถึงมาตรฐานที่จำเป็น ต้องการจะปลดล็อคยีนหรือไม่?”
 
“ร่างต่อสู้เลือดกลายพันธุ์ถึงมาตรฐานที่จำเป็น ต้องการปลดล็อคยีนหรือไม่?’
 
เสียงประกาศดังขึ้นในหัวของหานเซิ่น เขาประหลาดใจและไม่รู้ว่ากำลังเกิดอะไรขึ้นกันแน่
 
หัวใจของหานเซิ่นเต้นรัว วิชากายหยกทำงานด้วยตัวของมันเอง หลังจากนั้นร่างกายของเขาก็กลายเป็นหยก บางอย่างที่เหมือนกับสวิตซ์ภายในยีนของเขาถูกสับ มันเหมือนกับว่าหน้าต่างทั้งหมดภายในห้องที่ปิดตายตอนนี้ถูกเปิดออก ด้วยเหตุนั้นพลังงานที่อยู่ภายนอกจึงสามารถเข้าไปเติมเต็มร่างกายของเขาได้ พลังที่ไม่มีที่สิ้นสุดพลุ่งพล่านในตัวของหานเซิ่น
 
“ร่างต่อสู้กายหยกปลดล็อคยีนขั้นที่ 1”
 
หานเซิ่นตกใจ เขาเคยปลดล็อคยีนภายในก็อตแซงชัวรี่มาก่อน แต่เขาไม่รู้ว่าร่างกายที่ถูกสร้างขึ้นมาใหม่และการมาที่จักรวาลจีโนนั้นต้องปลดล็อคยีนอีกครั้ง
 
แต่การปลดล็อคนี้แตกต่างไปจากในก็อตแซงชัวรี่ ตอนนี้หลังจากที่ยีนถูกปลดล็อค หานเซิ่นก็รู้สึกราวกับว่าร่างกายของเขาเชื่อมต่อกับดวงดาว ด้วยการยืนอยู่บนดาวดวงหนึ่ง เขาสามารถที่จะดึงพลังของดวงดาวมาใช้ได้ มันทำให้เขานึกไปถึงคำบรรยายเกี่ยวกับร่างแอสทรัลที่เคยได้ยินก่อนหน้านี้
 
หลังจากที่ปลดล็อคยีนของวิชากายหยก ยีนระดับดยุกทั้งหนึ่งร้อยก็หายไป และยีนระดับดยุกของเขากลับมาอยู่ที่ศูนย์อีกครั้ง
 
“นี่หมายความว่าเราต้องใช้ยีนระดับดยุก 100 เพื่อปลดล็อคหนึ่งยีนอย่างนั้นหรอ?” หานเซิ่นรู้สึกเสียใจกับความจริงที่ว่าเขาไม่ได้นำยีนซีโน่เจเนอิคทั้งหมดติดตัวมาด้วย
 
แต่เมื่อเขาคิดเกี่ยวกับมัน เขาก็รู้สึกตัวว่าการนำพวกมันติดตัวมาไม่ใช่ความคิดที่ดีเท่าไหร่นัก เขาไม่มีที่สำหรับเก็บพวกมัน และถ้าการปลดล็อคยีนหนึ่งต้องใช้ยีนระดับดยุกถึงหนึ่งร้อย อย่างนั้นแล้วการปลดล็อคยีนของวิชาจีโนทั้ง 4 ก็จำเป็นต้องใช้ยีนระดับดยุกถึง 4 ร้อย นอกจากนั้นมันอาจจะมียีนที่เขายังไม่รู้อีก แบบนั้นยังไงซะยีนซีโน่เจเนอิคที่เขาเก็บสะสมเอาไว้ก็ไม่เพียงพอที่จะปลดล็อคยีนทั้งหมดอยู่แล้ว
 
แต่ถึงอย่างนั้นหานเซิ่นก็รู้สึกดีใจ ถ้าหนึ่งร้อยยีนระดับดยุกสามารถปลดล็อคยีนหนึ่งได้ อย่างนั้นแล้ววิชาเรื่องราวของยีนก็ควรจะทำตามกฎเดียวกัน การใช้ยีนระดับดยุกหนึ่งร้อยยีนเพื่อปลดล็อคยีนนั้นดีกว่าการใช้ทรัพยากรมากมายมหาศาลเพื่อทำให้เรื่องราวของยีนแทบจะไม่คืบหน้าไปไหน
 
แต่น่าเสียดายที่เรื่องราวของยีนยังไม่ถึงระดับดยุก ด้วยแหตุนั้นหานเซิ่นจึงไม่สามารถทดสอบทฤษฎีนี้ได้
 
‘ยังไงก็ตามเราจำเป็นต้องหายีนซีโน่เจเนอิคระดับดยุกมามากกว่านี้’
หานเซิ่นไม่คิดจะฝึกในสวนของกษัตริย์อีกต่อไป หลังจากที่คิดดูดีๆแล้วเขาก็ตัดสินใจว่าจะออกไปล่าซีโน่เจเนอิค
 
“องค์หญิง การฝึกของข้าในที่แห่งนี้ไปไกลที่สุดเท่าที่จะไปได้แล้ว มันไม่มีอันตรายอะไรภายในสวนของกษัตริย์ ดังนั้นทำไมเธอถึงไม่อยู่ฝึกที่นี่ ขณะที่ข้าออกไปล่าซีโน่เจเนอิค”
 
นี่คือผลประโยชน์จากการที่หานเซิ่นเลือกไป๋เวย ถ้าเขาเป็นองครักษ์ของไป๋ชางลัง เขาก็ต้องเคลื่อนไหวตามคำสั่งขององค์ชายเท่านั้น เขาไม่สามารถพูดอะไรแบบนี้ออกมาได้
 
ไป๋เวยคิดอยู่ชั่วครู่และพูด “ถ้าเจ้าอยากจะล่าซีโน่เจเนอิค เจ้าก็ไปที่พิมานของอัศวิน ที่นั่นถูกสร้างขึ้นสำหรับราชองครักษ์ มันมีซีโน่เจเนอิคมากมายอยู่ที่นั่น และมีเพียงแค่ราชองครักษ์เท่านั้นที่เข้าไปได้”
 
การฆ่าฟันถูกห้ามภายในสวนของกษัตริย์ ดังนั้นเธอจึงไม่ได้ตกอยู่ในอันตรายอะไร ไป๋เวยไม่เห็นว่ามันจะมีเหตุผลอะไรที่จะบังคับให้หานเซิ่นอยู่ที่นี่ด้วย เธอไปส่งหานเซิ่นออกจากสวนของกษัตริย์ ก่อนที่เธอจะกลับไปฝึกด้วยตัวเอง
 
ไป๋เวยไม่มีคิดจะต่อสู้เพื่อแย่งชิงมังกรกษัตริย์รากแก้ว ดังนั้นเธอจึงไปหามังกรกษัตริย์ที่ด้อยกว่าเพื่อฝึกฝน แบบนั้นมันก็ไม่มีใครจะเสียเวลามาต่อสู้แย่งชิงกับเธอ
 
หานเซิ่นอยากจะพาเป่าเอ๋อ นกแดงน้อยและกิเลนโลหิตเข้าไปในพิมานของอัศวินด้วย แต่เขาถูกบอกว่ามีแค่ราชองครักษ์เท่านั้นที่เข้าไปได้ ด้วยเหตุนั้นเขาจึงต้องไปตามลำพัง
 
พิมานของอัศวินเป็นระบบจักรวาลระบบหนึ่ง มันไม่มีดวงดาวที่สนับสนุนการอยู่อาศัยของสิ่งมีชีวิตทั่วไป แต่ถึงอย่างซีโน่เจเนอิคมากมายก็อาศัยอยู่ที่นั่น
 
ถึงแม้หานเซิ่นจะมีวาฬขาวอยู่ เขาก็ไม่คิดจะใช้มัน หลังจากที่เข้าไปในพิมานของอัศวินแล้ว เขาก็เห็นว่าระบบจักรวาลเป็นที่อยู่อาศัยของกุ้งกาแลกติก
 
หานเซิ่นสังเกตเหล่ากุ้งกาแลกติกและพบว่าพวกมันส่วนใหญ่เป็นระดับดยุก แต่พวกมันมีกันอยู่ไม่มากนัก เมื่อเทียบกับฝูงกุ้งกาแลกติกในระดับจักรวาลเคออสแล้ว จำนวนของพวกมันก็ดูน้อยอย่างน่าสมเพศ
 
หานเซิ่นไม่ได้เข้าไปฆ่าเหล่ากุ้งกาแลกติก เขาบินตรงไปยังดวงดาวสีส้มแทน ก่อนที่จะเข้ามาในที่นี่ เขาได้ทำการสืบค้นข้อมูล เขารู้ว่าดาวสีส้มนั้นเต็มไปด้วยซีโน่เจเนอิคที่เป็นหินและโลหะ พลังป้องกันของพวกมันถือว่าน่าประทับใจอย่างมาก และพวกมันก็ถือว่าหาได้ยาก แต่ที่นั่นขาดแคลนซีโน่เจเนอิคระดับราชัน ด้วยเหตุนั้นราชองครักษ์คนอื่นจึงไม่คิดจะมาล่าบนดาวดวงนี้
 
เนื่องจากหานเซิ่นไม่มีคิดจะไปล่าบนดวงดาวที่เป็นที่นิยม เขาก็มีเรื่องให้กังวลน้อยลงไป การล่าบนดวงดาวที่เป็นที่นิยมจะมีราชองครักษ์ระดับราชันอยู่มากเกินไป และพวกเขาก็เป็นภัยที่ใหญ่หลวงที่สุดสำหรับหานเซิ่น
 
พิมานของอัศวินไม่เหมือนกับสวนของกษัตริย์ เพราะที่นี่มีแค่ราชองครักษ์เท่านั้นที่เข้ามาได้ กฎข้อบังคับจึงหละหลวมกว่า หานเซิ่นไม่สามารถคาดเดาสิ่งที่อาจจะเกิดขึ้นได้ถ้าเขาต้องไปเจอกับคนอื่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่ไม่เป็นมิตร
 
หานเซิ่นลงมาเหยียบบนดาวคิงคอง และเขาพบตัวเองถูกห้อมล้อมไปด้วยก้อนหินสีส้มไกลสุดลูกหูลูกตา ขณะที่หินสีส้มแก่ตัวลง พวกมันก็จะค่อยเสื่อมโทรมกลายเป็นทรายสีส้ม
 
เนื่องจากสภาพแวดล้อมของดาวดวงนี้ไม่ได้สนับสนุนสิ่งมีชีวิตธรรมดาทั่วไป บนดวงดาวจึงไม่มีพืชอยู่เลย นั่นหมายความว่าอุณหภูมิบนผิวของดวงดาวราวๆ 200 เคลวินเท่านั้น แรงโน้มถ่วงก็มากกว่าดวงดาวส่วนใหญ่หลายเท่าอีกด้วย มนุษย์ธรรมดาไม่สามารถมีชีวิตอยู่ที่นี่ได้
 
แต่สภาพแวดล้อมแบบนั้นไม่มีผลต่อดยุกคนหนึ่ง หานเซิ่นเหยียบลงบนทรายสีส้มและเริ่มเดินออกไป
 
เนื่องจากซีโน่เจเนอิคซ่อนตัวอยู่ในถ้ำหรือใต้เนินทราย ด้วยเหตุนี้เขาจึงเลือกจะเดินไปบนพื้น
 
ซีโน่เจเนอิคส่วนใหญ่บนดาวคิงคองนั้นชอบอาศัยอยู่ตามลำพัง ซึ่งนั่นเป็นหนึ่งในเหตุผลที่ทำให้ราชองครักษ์คนอื่นไม่อยากมาที่นี่ ถึงแม้ราชองครักษ์ระดับราชันจะต้องการยีนซีโน่เจเนอิคระดับต่ำ มันก็จะใช้เวลานานกว่าที่พวกเขาจะสะสมยีนซีโน่เจเนอิคได้เป็นจำนวนมาก เนื่องจากการที่ซีโน่เจนอิคของดาวดวงนี้นั้นอยู่อาศัยตามลำพัง
 
หานเซิ่นเดินไปเรื่อยๆจนกระทั่งเขาเห็นทรายยกตัวขึ้นรอบๆตัว บางสิ่งที่สูง 3 เมตรโผล่ขึ้นมาจากพื้นทรายอย่างกะทันหัน

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด