The Novel’s Extra ตอนที่ 370
บทที่ 370 ชั้น 20 (6) “จริงสิ ฉันได้ยินมาว่าปาร์ตี้ของซูโฮก็เคลียร์ชั้น 13 แล้ว” จินเซยอนพูดถึงราวกับว่าเธอเพิ่งนึกขึ้นได้ “พวกเขาเหรอ?” ไอลีนตอบพร้อมคิดว่า ‘ฉันคิดว่าพวกเขาให้ความสำคัญกับการปกป้อง Crevon มากกว่าการปีนหอคอย ฉันเดาว่าพวกเขาสามารถทำให้ทั้ง 2 อย่างสมดุลกันได้นะไม่งั้นพวกเขาพลาดอะไรดีๆเยอะแน่’ “ใช่แล้ว ฉันได้ยินมาว่าพวกเขาฆ่า ‘คิเมร่า’ ลงแล้สด้วย” “ …อะไรนะจริงๆเหรอ” ในที่สุดไอลีนก็แสดงความประหลาดใจออกมา แต่พอเธอมองเห็นใบหน้าของ จินเซยอน เธอก็ขมวดคิ้วบอกเป็นนัยๆว่าเธอไม่มีความสุข “ใช่.” “ …นี่ไม่ใช่ตัวที่ 2 ของพวกเขาใช่ไหม” “ถูกตัอง.” ภัยพิบัติครั้งแรกที่จะถูกสังหารคือ ‘ไพตัน’ ซึ่งถูกสังหารโดยพรรคพวกของ ดอกบัวดำ ภัยพิบัติตัวที่ 2 ที่ต้องฆ่าคือ ‘เมดูซ่า’ ซึ่งถูกสังหารด้วยพรสวรรค์ ดาบศักดิ์สิทธิ์ของคิมซูโฮ ภัยพิบัติที่ 3 ‘มิโนทอร์’ เป็นไอลีนที่ถูกกำหนดให้มันศัตรูตั้งแต่แรกเนื่องจากพวกเขาไม่สามารถเอาชนะมันได้ในครั้งแรกที่พวกเขาต่อสู้กับมัน…แน่นอนไม่ผิดถ้าจะบอกว่าเธอแพ้ สุดท้ายแล้วไอลีนและพรรคพวกของเธอก็แทบจะไม่รอดจนต้องใช้‘เวทมนต์ย้อนกลับ’ แต่ครั้งที่ 2 ที่สู้กันไอลีนชนะด้วยความช่วยเหลือจากนักธนูระดับสูงอย่าง จินเซยอน, เพลิงนรก อียองฮา และ ชินจงฮัก “พวกเขาเอาชนะ คิเมร่า ได้ยังไง?” “พวกเราทุกคนก็รู้ว่าพรสวรรค์ของ คิมซูโฮ มันเป็นของโกง” ดาบศักดิ์สิทธิ์ – ความสามารถคือ ตัดได้ทุกสิ่งทุกอย่างรวมถึงสิ่งที่จับต้องไม่ได้ มันเป็นพรสวรรค์ชั้นยอดที่ทุกคนต้องการ ในขณะที่ ไอลีน และ จินเซยอน กำลังคุยกันอยู่นั้น อียองฮา ก็เข้ามา “อ๊ะ แต่เฟนริลก็แข็งแกร่งเหมือนกันนะ เธอเคยเห็นเขามาก่อนใช่มั้ย เขาฆ่ามอนสเตอร์เหล่านั้นทั้งหมดได้ด้วยปืนของเขาได้ยังไง?” “…ใช่. เขาหากระสุนพวกนั้นมาได้ยังไง?” “ใครจะรู้? เขามีพรสวรรค์ที่เกี่ยวข้องกับปืนดังนั้นจะแปลกอะไรถ้าเขาจะไม่สามารถสร้างพวกเขาได้ด้วยพรสวรรค์ของเขา” “ฉันก็คิดว่าอย่างนั้น?” เฟนริล เพิ่งทำลายล้างมอนสเตอร์ในเขต Crevon ทั้งหมด ความสำเร็จของเขาตั้งแต่วันนั้นยังคงถูกพูดคุยกันในชุมชน “แต่นายพูดถูก ยองฮา เขามีอะไรบางอย่างจริงๆ ใครจะคิดว่าเขาจะเอาปืนของเขามาที่หอคอยพร้อมกับตั๋วสีดำ” ในขณะนั้น…ตู้มมมมมมมม—! เสียงระเบิดดังขึ้นอย่างฉับพลันและสิ่งมีชีวิตที่ดูแปลกๆก็ปรากฏขึ้นมาจากกระเบื้องบนพื้น 1 2 3 4 …มีอย่างน้อย 20 ตัว ไอลีนไขว้แขนและขมวดคิ้ว “เอ้ย พวกนี้มันอะไร?” คำว่า ‘น่ากลัว’ และ ‘ผิดปกติ’ อธิบายถึงพวกมันได้อย่างเหมาะสม “พวกมันดูเหมือนจะเป็นศัตรูของพวกเราที่ชั้น 15 รูปร่างของพวกมันดูเหมือนกันเล็กน้อย…ไม่ดีเลย” จินเซยอน ตอบเมื่อเธอเร่งพลังเวทมนต์ของเธอ ชินจงฮักก็ยกหอกของเขาขึ้นมาและในขณะที่ไอลีนกำลังจะเปิดใช้งาน วาจาสิทธิ์ของเธอเวทมนตร์พุ่งทะยานขึ้นมา “… ?” ในทันใดสภาพแวดล้อมเปลี่ยนเป็นสีขาว เมื่อหิมะพัดไปทั่วอากาศมันเป็นเวทมนตร์น้ำแข็งที่เรียบง่าย แต่พลังของมันก็ไม่ธรรมดาเลยแม้แต่น้อย สิ่งมีชีวิตต่างดาวที่อยู่ตรงหน้าของพวกเขากลายเป็นรูปสลักน้ำแข็งก่อนที่จะแตกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย “อะไรกัน…?” ไอลีนและคนอื่นๆมึนงง “พวกคุณสบายดีไหม…?!” ผู้หญิงคนหนึ่งวิ่งมาหาพวกเขาและตะโกนอย่างร้อนใจ เห็นได้ชัดว่าเธอเป็นคนที่ใช้เวทมนตร์น้ำแข็งที่ทรงพลังเมื่อครู่ แต่เมื่อเธอเห็นไอลีนและคนอื่นๆใบหน้าของเธอก็เย็นชา “เอ๊ะ?” ไอลีนจำใบหน้าของผู้หญิงคนนั้นได้ “คุณ เมเดีย?” เธอเป็นผู้ดูแลระบบชั้น 3 – เมเดีย ‘ทำไมเธอถึงมาอยู่ที่นี่ ไม่อยู่ในชั้น 3 ?’ ในขณะที่ไอลีนกำลังคิดเช่นนั้น “อาาาาาาาา-!” เมเดีย กรีดร้องอย่างหงุดหงิด จากนั้นเธอจ้องมองที่ ไอลีน และคนอื่น ๆ ด้วยความโกรธ “บ้าจริง เมื่อไรเขาจะกลับมาที่นี่กัน!” เธอกระทืบเท้าและตะโกนเรื่องที่เข้าใจยาก ไอลีน และคนอื่นๆเฝ้าดูเธอพร้อมเครื่องหมายคำถามเหนือหัว ************************************************************************* [ชั้น 20 กลกลวงแห่งความเจ็บปวด – สถานีสุดท้าย] ผมออกมาข้างนอกหลังจากเอาชนะ ด็อปเปิลแกงเกอร์ ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ผมยังคงเป็นคิมฮาจินอยู่ “… .” ผมมองลงไปที่ปืนในมือของผม ด้วยสิ่งนี้ผมฆ่าชายคนหนึ่งที่เหมือนผม [คุณเอาชนะการทดสอบ ด็อปเปิลแกงเกอร์ของ ชั้น 20][คุณได้รับ ‘Guidance of the Foolhardy Mist’ เป็นรางวัล][ระวัง! สหายของคุณอาจถูกกลืนกินโดยคนเฝ้าประตูของพวกเขา][ระวัง! ขณะนี้การซิงโครไนซ์ 7%] การซิงโครไนซ์ มันเริ่มต้นที่ 5% แต่เพิ่มขึ้นเป็น 7% ในขณะที่พวกเราต่อสู้กัน ผมไม่รู้ว่าอะไรที่ทำให้มันเพิ่มขึ้นหรือเขาทำอะไรกันแน่ แต่เห็นได้ชัดว่าการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยจะเกิดขึ้นภายในตัวผมเมื่อเปอร์เซ็นต์เพิ่มขึ้น “เฮ้ออออออออออออ… .” ผมถอนหายใจและเงยหน้าขึ้นมองทิวทัศน์ภายนอก ด้านนอกของชั้นที่ 20 เป็นสถานีรถไฟที่ว่างเปล่า ภายใต้ความมืดทึบทางรถไฟสีเทาทอดยาวไปทางซ้ายและขวาอย่างไม่มีที่สิ้นสุด ผมยืนอยู่ในความว่างเปล่าอันกว้างใหญ่นี้ ผมมองไปรอบๆอย่างรวดเร็ว ไม่มีอะไรจริงๆนอกจากทางรถไฟ ชิ… เสียงของการเปิดประตูดังขึ้นและเสียงที่คุ้นเคยก็ลอยเข้ามาในหูของผม “…นี่มันที่ไหนกันแน่” เป็น ชอคจุนกยอง ร่างกายของเขาเต็มไปด้วยอาการบาดเจ็บ แต่ดูเหมือนเขาจะมีความสุขมาก ด้วยรอยยิ้มที่เบ่งบานเขาเข้าหาผมมีประตูเปิดมากขึ้นเรื่อย ๆ จินโยฮาน, เจนและบอสออกมาจากข้างในพวกเขาต่างเอาชนะผู้ติดตามของพวกเขา แต่ดวงตาของผมมองไปที่บอสก็โดยธรรมชาติ ดูเหมือนว่าการต่อสู้ของเธอจะรุนแรงที่สุดขณะที่เธอยืนพิงกำแพงสถานีและพูดพึมพำ ผมหันมามองเธอและจ้องไปที่สถานีว่างอีกครั้ง ไม่นานระบบแจ้งเตือนก็โผล่ขึ้นมา [ยินดีต้อนรับสู่ย่านพักอาศัยของชั้น 20 ‘สถานีแห่งจุดสิ้นสุด’!] “อะไรนะ? ย่านที่อยู่อาศัย?” ชอคจุนกยอง ขมวดคิ้วของเขา “สถานที่นี้แห่งนี้เป็นย่านที่อยู่อาศัย?” ทันทีที่เขาพูดอย่างนั้นแสงปรากฏในสถานี สภาพแวดล้อมของพวกเราสว่างขึ้นทันทีเผยให้เห็นร้านค้า โรงแรม ม้านั่งและสำนักงานขายตั๋วที่ซ่อนอยู่ภายใต้ความมืด “เฮ้ คิมฮาจิน ดูเหมือนว่าพวกเราจะต้องไปที่สำนักงานขายตั๋วก่อนนะ” ผมส่ายหัว สถานีแห่งนี้เป็นจุดเริ่มต้นส่วนสุดท้ายของหอคอย การซื้อตั๋วเพียงใบเดียวไม่เพียงพอที่จะให้เราขึ้นเครื่องไป “รถไฟต้องมาถึงที่นี่ก่อนพวกเราถึงจะขึ้นรถไฟได้ ยังเวลาอยู่” “จริงเหรอ?” “ลองถามระบบดู” [รถไฟของสถานีนี้วิ่งเป็นระยะเวลา 3 เดือน][อีก 61 วัน 16 ชั่วโมงและ 33 นาทีจนกระทั่งรถไฟขบวนถัดไปมาถึง][ต้องมีแขกอย่างน้อย 100 คนถึงจะขึ้นรถไฟได้] “… ?” ผมรู้สึกประหลาดใจกับข้อมูลของระบบ เงื่อนไขสุดท้ายที่ต้องการแขกอย่างน้อย 100 คนเป็นสิ่งที่ไม่มีอยู่ในเนื้อเรื่องเดิม “เฮ้ออออออออออออ … .” ไม่ใช่ครั้งแรกหรือครั้งที่สองที่เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น สำหรับผมมีอย่างอื่นที่สำคัญกว่า ผมมองดูบอส เธออยู่ไกลจากผมเมื่อเธอออกมาจากประตูเป็นครั้งแรก แต่เธอเข้ามาใกล้ผมก่อนที่ผมจะสังเกตเห็น เมื่อมองไปที่ใบหน้าของเธอ ผมก็ไตร่ตรอง ในอดีตเมื่อผมถามเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นของ คิมชุนดงยูยอนฮา ได้กล่าวว่าเป็น ‘Chameleon Troupe’ ที่ฆ่าพ่อแม่ของเขายิ่งไปกว่านั้นภาพร่างที่เธอแสดงให้เห็นว่าคนพา คิมชุนดง ไปที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าชัดเจนว่าเป็น ‘บอส’ ในกรณีนี้บอสคงจะรู้ว่าใครใน Chameleon Troupe ที่ฆ่าพ่อแม่ของคิมชุนดง “… ?” ในขณะนั้นเองบอสจ้องมองมาที่ฉัน เธอเองก็คงจะรู้ว่าผมกำลังจ้องมองเธออย๔่ เธอปัดผมของเธอไว้ข้างหลังหูแล้วเงยศีรษะของเธอขึ้นมา “… บอส.” เมื่อได้ยินเสียงของผม บอสก็ปล่อยเสียงไอแห้งๆแล้วตอบ “เกิดอะไรขึ้นเหรอ?” ผมมองบอสและพูดต่อ “ดูเหมือนว่าพวกเราจะไม่สามารถขึ้นไปต่ออีกแล้ว” มันอาจไม่ใช่การสนทนาที่พวกเราต้องพูดกัน แต่มันเป็นเรื่องจริงอย่างแน่นอน อาจเป็นเพราะ ‘การซิงโครไนซ์’ ที่ระบบกล่าวถึง…หรืออาจเป็นเพราะคำขอร้องของ คิมชุนดง … “พวกเราไปคุยกันแบบส่วนตัวได้มั้ย?” ทำให้………….ผมอดทนรอไม่ไหว
คอมเม้นต์