War sovereign Soaring The Heavens ตอนที่ 2246
ตอนที่ 2,246 : ความทะเยอทะยานของต้วนหลิงเทียน ‘อยากรู้นักว่าหากรากวิญญาณของข้ามันกลายเป็นสีดำสนิท แล้วความเร็วในการบ่มเพาะมันจะมหาศาลแค่ไหน! ข้าล่ะอยากเห็นวันนั้นเต็มที!’ หลังกล่าวในใจ สองตาต้วนหลิงเทียนก็เผยประกายจ้าราวเพลิงไฟ แลดูเร่าร้อนปานจะผลาญเผาโลกได้ทั้งใบ ถึงแม้ตอนนี้ความเร็วในการบ่มเพาะของเขาจะสูงกว่าตอนที่รากวิญญาณเป็นสีม่วงเข้มไปแล้ว หากแต่มันยังไม่พัฒนาไปสู่อีกระดับหนึ่งอย่างสมบูรณ์ ความเร็วจึงยังมีจำกัด ตอนนี้ระยะห่างจากการที่รากวิญญาณเขาจะกลายเป็นสีดำ มันก็แค่ก้าวเดียวเท่านั้น…ทว่าหนึ่งก้าวนี้ประหนึ่งหุบเหวกว้างใหญ่ไร้ทางข้าม หากต้วนหลิงเทียนไม่อาจข้ามไปได้ ก็เสมือนรากวิญญาณของเขามีสีม่วงเข้มเท่านั้น แต่หากข้ามไปได้พรสวรรค์รากวิญญาณของเขาก็จะกลายเป็นสีดำอย่างสมบูรณ์ และพรสวรรค์ในการบ่มเพาะของเขาคงไม่พ้นได้รับความเปลี่ยนแปลงเสมือนไก่บ้านกลับกลายเป็นหงส์ฟ้า! ทะยานสู่สวรรค์!! ส่วนมันจะมีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นขนาดไหน ต้องบรรลุถึงจึงทราบ! “น่าเสียดาย ที่จนป่านนี้แล้วข้ายังไม่ได้เบาะแสของพวกท่านพ่อกับคนอื่นๆเลย…” ต้วนหลิงเทียนอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมาอย่างอับจน หลังละความสนใจจากรากวิญญาณในตัว ตลอดครึ่งปีที่ผ่านมา เขาตระเวนไปทั่วท้องทะเล พบพานเกาะน้อยใหญ่มากมาย เข่นฆ่าปีศาจไปจนไม่อาจนับได้ พยายามมองหาเบาะแสครอบครัวอย่างแข็งขัน อนิจจาผ่านไปครึ่งปีก็แล้ว แต่กลับไร้เบาะแสใดๆ ‘ตอนนี้ก็ออกมาจากเมืองเหรินโม่เชิ่งครบปีแล้ว…ไม่รู้สถานการณ์ของภูมิภาคเบื้องล่างมันเป็นยังไงบ้าง?’ ไม่ทันไรต้วนหลิงเทียนก็ออกจากเมืองเหรินโม่เชิ่งมาหนึ่งปีเต็มๆ ครึ่งหนึ่งนั้นเขาใช้มันในการตระเวนหาไปทั่วทวีปมนุษย์ทั้ง 3 ส่วนอีกครึ่งเขาใช้มันไปกับมหาสมุทรอันกว้างใหญ่ ตลอดเวลาที่ผ่าน ต้วนหลิงเทียนก็กวาดล้างเผ่าพันุ์ปีศาจทั่วทวีปมนุษย์ทั้ง 3 รวมถึงปีศาจร้ายกาจมากมายที่อาศัยอยู่ตามเกาะน้อยใหญ่ในทะเล เรียกว่าพวกมันตายตกนับไม่ถ้วน! กระทั่งเขาฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ของพวกมันไปบางเผ่าแล้วด้วยซ้ำ! แต่แน่นอนว่าพวกปีศาจเหล่านี้ ก็เป็นพวกปีศาจชั้นต่ำในแดนเนรเทศ หากจับพวกมันมาเทียบกับเผ่าปีศาจทั้งหมด ก็ต่ำต้อยเสียจนไม่คู่ควรให้กล่าวถึง เช่นนั้นการตายของพวกมันก็ไม่ได้แรงกระเพื่อมใดๆต่อภาพรวมเผ่าปีศาจ “พวกเรากลับไปทวีปดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋ากันก่อน” พอคิดถึงเรื่องนี้ต้วนหลิงเทียนก็พาทุกคนกลับดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าภูมิภาคเบื้องล่างทันที “เนื่องจากพวกท่านพ่อท่านแม่กับเสี่ยวเฟยเอ๋อไม่ได้อยู่ในทวีปมนุษย์กับในทะเล…เช่นนั้นมีความเป็นไปได้เพียงอย่างเดียวเท่านั้นคือทุกคนยังซ่อนตัวอยู่ในดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าภูมิภาคเบื้องล่าง” ด้วยเหตุนี้ต้วนหลิงเทียนจึงนำทุกคนกลับ และในระหว่างที่ต้วนหลิงเทียนกำลังพาทุกคนเดินทางกลับนั้น ไม่ว่าจะในท้องทะเลหรือทวีปมนุษย์ทั้ง 3 เหล่าปีศาจจำนวนมากที่ไหวตัวทัน หรือบังเอิญรอดพ้นจากการกวาดล้างมาได้อย่างฉิวเฉียด ก็หลบหนีออกมาจากทวีปมนุษย์รวมถึงท้องทะเลกลับมาทวีปหลัก…ดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าภูมิภาคเบื้องล่างด้วยความตื่นตระหนก! หลังจากพวกมันกลับมาถึงภูมิภาคเบื้องล่างดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าแล้ว พวกมันก็เริ่มแพร่ข่าวอันน่าประหลาดใจนี้ออกไปทั่ว “ยอดฝีมือมนุษย์อันร้ายกาจ ได้กวาดล้างเผ่าพันธุ์ปีศาจทั่วทวีปมนุษย์และทะเล กระทั่งบางเผ่าพันธุ์ยังล่มสลายลงไปแล้ว!” แต่แม้ข่าวนี้จะแพร่ออกมา มันก็ไม่ได้มีความสำคัญอะไรมากมาย ฟังจากคำพูดของปีศาจทรงพลังบางตน “ยอดฝีมือมนุษย์ร้ายกาจอันใด ถึงได้ไปรังแกพวกปีศาจปลายแถวเช่นนั้น? หากแน่จริงก็มาที่ดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าภูมิภาคเบื้องล่างแห่งนี้เถอะ!” ยิ่งปีศาจที่แข็งแกร่งกว่านั้นยังเกทับมาว่า “ยอดฝีมือร้ายกาจหรือ? ขอให้เจ้ายอดฝีมือมนุษย์ผู้นั้นไสหัวมาที่นี่เถอะ บิดาจะให้มันมาแล้วไม่ได้กลับ!!” กว่าข้อความเหล่านี้จะมาถึงหูต้วนหลิงเทียน ต้วนหลิงเทียนก็พาทุกคนกลับมาถึงเมืองเหรินโม่เชิ่งของเผ่าปีศาจมนุษย์เรียบร้อยแล้ว “โฮ่? ตราบใดที่ข้ามาที่นี่แล้วข้าจะไม่ได้กลับงั้นเหรอ?” ลูกตาต้วนหลิงเทียนส่องสว่างฉายแววเย้ยหยันออกมา ด้วยความแข็งแกร่งของเขาตอนนี้ เกรงว่าเหล่าปีศาจใต้ขอบเขตเซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยน…เขาไม่กลัวหน้าไหนจริงๆ! กระทั่งต่อให้ต้องเผชิญหน้ากับปีศาจขอบเขตเซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยนจริงๆ หากรู้ตัวก่อนและมีเวลาให้เขาเตรียมตัวเขาก็ไม่กลัว! ที่สำคัญเขายังมีตราผนึกมาร! ด้วยยอดศาสตราเซียนดาวข่มเผ่าพันธุ์ปีศาจในมือ หากเตรียมตัวพร้อมแต่แรก เขาไม่กลัวปีศาจที่พลังฝึกปรือต่ำกว่าครึ่งก้าวเซียนอมตะแน่นอน! หากไม่มีเวลาให้เขาเตรียมตัว แต่ด้วยมีตราผนึกมาร ถึงแม้เขาจะไม่อาจจัดการกับปีศาจครึ่งก้าวเซียนอมตะได้ ทว่าเหล่าปีศาจขอบเขตเซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยนทั่วไปที่ไม่ใช่ชนชั้นยอดฝีมือก็ยากจะรอดพ้นความตาย! ‘ทั้งหมดเพราะตราผนึกมารมันไม่สมบูรณ์ หากข้าเจอชิ้นส่วนที่แหว่งหายไปล่ะก็…’ ‘ขอเพียงตราผนึกมารมันกลับมามีสภาพสมบูรณ์ และด่านพลังข้าทะลวงถึงเซียนสวรรค์ 7 เปลี่ยน! ตอนนั้นต่อให้เป็นปีศาจครึ่งก้าวเซียนอมตะก็ไม่แน่ว่าจะรอดพ้นเงื้อมมือข้าได้!’ คิดถึงจุดนี้สองตาต้วนหลิงเทียนเผยประกายระยิบระยับปานดวงดาวยามค่ำคืน ‘ตลอดปีที่ผ่านมาแม้จะไม่ได้ตั้งหน้าตั้งตาบ่มเพาะพลัง แต่ก็ไม่ได้ว่างเว้นการบ่มเพาะ…ตอนนี้พลังเซียนสุริยันต้นกำเนิดในร่าง มันห่างจากขอบเขตเซียนสวรรค์ 7 เปลี่ยนอีกแค่ก้าวเดียวเท่านั้น’ ‘ถึงแม้พรสวรรค์รากวิญญาณของข้าจะยังไม่ทันเปลี่ยนเป็นสีดำ…แต่ภายในเวลาหนึ่งเดือน ย่อมสามารถทะลวงถึงเซียนสวรรค์ 7 เปลี่ยนได้แน่’ ‘ถึงตอนนั้น…ข้าจะไปเข้าร่วมกับวังเซียนสัญจร!’ ก่อนหน้านี้ในระหว่างที่เดินทางกลับมายังเมืองเหรินโม่เชิ่ง ต้วนหลิงเทียนก็ได้วางแผนสำหรับก้าวต่อไปเอาไว้แล้ว หลังจากที่พลังฝึกกปรือเขาบรรลุเซียนสวรรค์ 7 เปลี่ยน เขาจะเข้าร่วมกับวังเซียนสัญจร 1 ใน 3 วัง 6 ตำหนักของเผ่าปีศาจมนุษย์ และเอาตำแหน่งผู้อาวุโสมาครอง ก่อนจะหาทางยึดอำนาจพวกมันทั้งวัง! ต้องกล่าวเลยว่าความทะเยอทะยานของต้วนหลิงเทียนนั้นน่ากลัวมาก เป้าหมายของเขาคือยึดวังเซียนสัญจรเป็นของตัวเอง และทำให้วังเซียนสัญจรเป็นกองกำลังภายใต้การสั่งการณ์ของเขา ‘หากข้ายึดอำนาจวังเซียนสัญจรได้แล้ว ไม่เพียงแต่การค้นหาพวกท่านพ่อท่านแม่กับเสี่ยวเฟยเอ๋อจะมีประสิทธิภาพมากขึ้น…แต่จะยังส่งผลต่อสงครามระหว่างมนุษย์กับปีศาจอีกด้วย ในจังหวะสำคัญถ้านำพาวังเซียนสัญจรให้ก่อกบฏต่อเผ่าปีศาจได้ล่ะก็…อย่างน้อยๆก็ต้องช่วยผู้คนได้มากขึ้น!’ นี่คือเป็นความตั้งใจของต้วนหลิงเทียน และเป้าหมายในการยึดครองวังเซียนสัญจร ‘จ้าววังนั่นเห็นว่าเป็นยอดฝีมือเซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยน แถมยังไม่ใช่ยอดฝีมือเซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยนธรรมดาๆ…แต่อย่างไรเสียหลังข้าทะลวงถึงเซียนสวรรค์ 7 เปลี่ยนแล้ว อาศัยตราผนึกมารก็อาจจะฆ่ามันได้…’ สองตาต้วนหลิงเทียนเผยความมั่นใจออกมาให้เห็นเด่นชัด และตอนนี้ต้วนหลิงเทียนก็พาสตรีทั้ง 3 มานั่งในเหลาอาหารใหญ่โตแห่งหนึ่ง ยังเลือกใช้ห้องส่วนตัวที่อยู่ใกล้ทางเดินหลัก ด้วยห้องส่วนตัวอยู่ใกล้ทางเดินหลัก และถัดไปเป็นโต๊ะรวม เขาย่อมเงี่ยหูฟังเรื่องราวภายนอกได้ชัดเจน ตอนนี้นอกจากกล่าวถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นในทวีปมนุษย์ทั้ง 3 รวมถึงเกาะแก่งทั้งหลายในทะเลแล้ว เหล่าปีศาจยังพูดคุยถึงเรื่องชนชั้นอัจฉริยะของขุมพลังชั้นสูงที่ตกตายในมรดกสถานที่คาดกันว่าเป็นของปรมาจารย์จารึกเซียนระดับสวรรค์! พวกมันยังสงสัยกันว่าเป็นฝีมือของวังเซียนสัญจร!! ‘คิดไม่ถึงจริงๆว่ากระทั่งผ่านไปหนึ่งปีแล้วเรื่องนี้จะยังไม่เงียบ’ ต้วนหลิงเทียนระบายลมหายใจออกมาเบาๆ สายตาเผยความผิดคาดอยู่บ้าง ‘แต่ก็กะไว้แล้วเชียวว่าพวกมันไม่พ้นต้องสงสัยคนของวังเซียนสัญจรแน่ๆ’ สาเหตุที่ทำให้พวกมันทั้งหมดสงสัยแบบนี้ เพราะในบรรดาคนของวังเซียนสัญจร มีแค่นายน้อยสวะ 3 คนที่ตกตายหน้าทางเข้ามรดกสถานเท่านั้น คนอื่นๆกลับรอดตายทั้งหมด… มีเพียงคนของวังสัญจรอย่างเดียวที่เข้าไปในมรดกสถานแล้วกลับออกมาได้ทั้งยังมีชีวิต ทว่าคนอื่นตายตกหมดสิ้น… ขอเพียงเป็นคนปกติไม่ว่าใครก็ต้องสงสัยทั้งนั้น อย่างไรก็ตาม ต่อให้พวกมันสงสัยกันให้ตาย แต่เมื่อไร้ซึ่งหลักฐาน อีก 2 วังรวมถึง 6 ตำหนักก็ไม่กล้าเปิดฉากโจมตีวังเซียนสัญจร ‘ดูเหมือนว่าพวกปีศาจมนุษย์ที่ข้าฆ่าในมรดกสถานจะมีพวกตัวตนสำคัญไม่น้อยเลยทีเดียว…นี่มันก็ปีกว่าแล้วแต่พวก 2 วัง 6 ตำหนักนั่นยังตามสืบเรื่องราวกันไม่เลิก’ ต้วนหลิงเทียนลอบกล่าวในใจ อย่างไรก็ตาม เขาไม่ได้กังวลเลยว่าคนของ 2 วัง 6 ตำหนักจะเจอตัวเขา ตราบใดที่ หวงเหวินจิ้ง ของวังเซียนสัญจรไม่พูดอะไร ย่อมไม่มีใครสงสัยเอะใจว่าเป็นเขา! ยิ่งไปกว่านั้นต่อให้คนของ 2 วัง 6 ตำหนักเจอตัวเขาจริง แต่ขอเพียงเขามีเวลาตั้งตัวแล้วจะยังไง? ‘ยังไงก็แล้วแต่ตอนนี้ที่สำคัญที่สุดคือต้องทะลวงให้ถึงเซียนสวรรค์ 7 เปลี่ยนก่อน…มีเพียงทะลวงผ่านแล้ว ข้าถึงจะมีพลังมากพอจะเข้าร่วมกับวังเซียนสัญจรแล้วหาทางยึดอำนาจพวกมันได้’ คิดถึงจุดนี้ต้วนหลิงเทียนก็กระตือรือร้นอยากกลับไปบ่มเพาะพลังนัก เช่นนั้นหลังจากซือหลิงกินอิ่มแล้ว ต้วนหลิงเทียนก็พาทั้งหมดไปหาโรงเตี๊ยมที่พักทันที โรงเตี๊ยมที่พักที่เขาเลือก ก็เป็นที่เดิมอันเป็นกิจการของวังอัคคีสีชาด 1 ใน 3 วัง 6 ตำหนักของเผ่าปีศาจ นับว่ามีความปลอดภัยสูงมาก แน่นอนว่าก่อนที่จะกลับมายังเมืองเหรินโม่เชิ่ง ต้วนหลิงเทียนก็แวะเข่นฆ่าปีศาจไปมากมายหลายตัว ดูดกลืนปราณมารของพวกมันมาฉาบไว้ใต้ผิวเขากับทุกคนเรียบร้อย ป้องกันไม่ให้ฐานะถูกเปิดเผย หากฐานะถูกเปิดเผยล่ะก็ ไม่พ้นได้เป็นศัตรูร่วมของเผ่าปีศาจมนุษย์ทั้งหมดแน่! ด้วยความแข็งแกร่งของต้วนหลิงเทียนคนเดียวในตอนนี้ เขายังไม่อาจรับมือกับเผ่าปีศาจมนุษย์ทั้งหมดได้! “เค่อเอ๋อ ข้าปิดด่านบ่มเพาะรอบนี้ไม่น่าจะเกินหนึ่งเดือน…ระหว่างนี้พวกเจ้าอย่าได้ออกไปไหนกันเล่า” ก่อนที่จะปิดด่านบ่มเพาะ ต้วนหลิงเทียนย่อมไม่ลืมกำชับพวกเค่อเอ๋อเอาไว้ “เข้าใจแล้วพี่เทียน” เค่อเอ๋อย่อมพยักหน้ารับคำอย่างเชื่อฟัง ในขณะที่ต้วนหลิงเทียนกำลังปิดด่านบ่มเพาะอยู่นั้น… ฟู่บ!! ปรากฏร่างหนึ่งพุ่งทะยานออกมาดั่งสายลม ปรากฏตัวขึ้นบริเวณที่ตั้งค่ายกลเคลื่อนย้ายข้ามแดนของดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าภูมิภาคเบื้องล่างในกาลก่อน “ในที่สุดข้าก็กลับมาได้เสียที!” เป็นชายหนุ่มในชุดสีคราม หว่างคิ้วละม้ายคล้ายคลึงกับต้วนหลิงเทียน! และที่แท้มันก็คือต้วนหรูเฟิง ที่เข้าสู่อาคมโลหิตกลืนวิญญาณถวายชีพไปเมื่อปีที่แล้วนั่นเอง!! วันนั้นต้วนหรูเฟิงที่เข้าสู่ประตูมิติของอาคมโลหิตกลืนวิญญาณถวายชีพ ไม่เพียงหนีรอดเงื้อมมือจ้าววังวิญญาณอสุราไปได้ กระทั่งยังทะลุมิติไปโผล่ในดินแดนเนรเทศอีกด้วย! ดินแดนเนรเทศย่อมเป็นสถานที่แปลกใหม่สำหรับต้วนหรูเฟิง ไม่มีความคุ้นเคยโดยสิ้นเชิง! นอกจากนั้นด้วยความที่ปีศาจส่วนใหญ่ก็พากันแห่มายังดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าภูมิภาคเบื้องล่าง ทำให้ที่ทางช่างเปลี่ยวร้าง ไปทางไหนก็แทบไม่เจอปีศาจให้เค้นความ เช่นนั้นต้วนหรูเฟิงจึงต้องลำบากลำบนหาหนทางอยู่ตลอดทั้งปีเต็มๆ กว่าจะหาทางกลับมายังภูมิภาคเบื้องล่างดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าได้…
คอมเม้นต์