War sovereign Soaring The Heavens ตอนที่ 2727

อ่านนิยายจีนเรื่อง War Sovereign Soaring The Heavens ตอนที่ 2727 3Novel | อ่านนิยายออนไลน์ นิยายแปลไทย อ่านนิยายฟรี.

WSSTH ตอนที่ 2,727 : ฟ้าไม่ลงทัณฑ์เจ้า ข้าจะลงทัณฑ์เจ้าเอง!
 
 
วันเวลาค่อยๆไหลผ่านไปอย่างเงียบงัน
 
แค่พริบตาเดียว วันที่โรงประมูลสกุลเหนียนจะจัดงานประมูลย่อยก็มาถึงแล้ว
 
ภายในโรงเตี๊ยมหลิวเหนียน ปรากฏผู้คนทยอยกันเปิดประตูเรือนพักออกมาไม่น้อย และไม่ว่าผู้ใดที่เดินออกมาหน้าเรือน ก็จะมีข้ารับใช้ที่คอยท่าอยู่เพื่อพาพวกมันไปรวมกันที่จุดพักตัว เพื่อจะนำไปยังโรงประมูลสกุลเหนียนอีกทีด้วยสีหน้าเฉยเมย
 
ตอนนี้เหล่าผู้ที่จะเข้าร่วมงานประมูลก็มียอดฝีมือขอบเขตยอดเซียนอมตะถึง 4 คนคอยคุ้มกัน แยกย้ายกันไปอยู่หัวท้ายว้ายขวา 4 ทิศแข็งขัน
 
ในบรรดายอดฝีมือผู้คุ้มกัน ก็ไม่ได้มีแต่ยอดฝีมือที่ประจำการที่โรงเตี๊ยมเท่านั้น แต่ยังมียอดฝีมือขอบเขตยอดเซียนอมตะจากทาโรงประมูลสกุลเหนียนที่ส่งมาเสริมกำลัง 2 คน
 
และที่ไฉนจึงมียอดฝีมือมาเสริมกำลังคอยพาตัวแขกไปเช่นนี้ เนื่องเพราะเป็นบริการของทางโรงเตี๊ยมที่จะคอยคุ้มครองความปลอดภัยของเหล่าลูกค้าที่มาพักแรม กล่าวได้ว่าเป็นส่วนหนึ่งของสวัสดิการ!
 
“เฮ่ น้องชาย เจ้าไปล่วงเกินผู้ใดมารึ?”
 
ต้วนหลิงเทียนที่กำลังเดินตามกลุ่มคนเดินออกประตูหน้าโรงเตี๊ยมหลิวเหนียนเพื่อไปยังโรงประมูล ก็มีชายหนุ่มหน้าใสผู้หนึ่งที่เดินนำอยู่ด้านหน้า แต่พอดีอีกฝ่ายเหลือบมาแล้วเห็นว่าต้วนหลิงเทียนก็แลดูหล่อเหลาไม่ด้อยไปกว่ามัน จึงหยุดชวนเขาคุยด้วยท่าทางร่าเริง
 
“ข้าไม่ได้ไปล่วงเกินใคร”
 
ต้วนหลิงเทียนเอ่ยตอบเสียงเบา
 
“หา! พี่ชายไม่ได้ไปล่วงเกินใคร แต่มาเลือกพักที่โรงเตี๊ยมหลิวเหนียนหรือ นี่จักไม่ฟุ่มเฟือยเกินไปหน่อยหรือไร?”
 
ชายหนุ่มหน้าใสแลดูประหลาดใจไม่น้อย หากแต่ลึกลงไปในแววตากลับเผยประกายเรืองขึ้นวาบหนึ่ง บ่งบอกให้รู้ว่ามันไม่ได้เชื่อคำพูดของต้วนหลิงเทียนสักเท่าไหร่
 
“ก็นะ”
 
ต้วนหลิงเทียนยังคงเอ่ยตอบเสียงเบา ไม่ได้สนใจอะไร
 
“เหอะๆ…ว่าแต่พี่ชายรู้หรือไม่ว่าไฉนข้าถึงต้องมาอยู่ในโรงเตี๊ยมหลิวเหนียน”
 
ชายหนุ่มหน้าใสหัวเราะเบาๆ ค่อยยักคิ้วกล่าวถามด้วยสีหน้าอยากอวดเสียเต็มประดา
 
“ทำไมล่ะ?”
 
เดิมต้วนหลิงเทียนที่รำคาญพวกตีซี้ไปทั่วแบบนี้จึงคิดจะตอบไปว่า ‘ข้าไม่เห็นจะอยากรู้’ แต่พอคิดอีกทีตอนนี้ก็มีแต่ต้องเดินไปโรงประมูลเฉยๆไม่ได้มีอะไรทำ เช่นนั้นคุยกับอีกฝ่ายแก้เบื่อก็ไม่เสียหายอะไร
 
“นั่นเพราะข้าไปฉุดคุณหนูสกุลจีมาปล้ำอย่างไรเล่า! อนิจจาสุดท้ายข้าดันเผลอออกแรงขย่มมากไปหน่อย จึงทำนางตายคาที่โดยไม่รู้ตัว! ตอนนี้คนสกุลจีนั่นเลยแทบทนรอฆ่าข้าไม่ไหวแล้ว แต่ยังดีที่ในแหวนของคุณหนูสกุลจีนั่นมีหินอมตะอยู่ไม่น้อย ข้าจึงสามารถหลบมาพักในโรงเตี๊ยมหลิวเหนียนได้…”
 
ชายหนุ่มหน้าใสยิ้มร่าราวกับผู้ชนะ
 
“ว่าไปแล้วพวกมันก็อดทนยิ่ง…โดยเฉพาะไอ้แก่นั่นเจ้าเห็นหรือไม่? มารดามันเถอะ! นั่นเป็นถึงผู้นำสกุลจีเชียวนะ แต่พวกล่อมาดักรอข้าหน้าโรงเตี๊ยมหลิวเหนียนเป็นเดือนๆไม่ไปไหนเสียที จ้องจะล้างแค้นข้าให้ได้!”
 
ขณะที่กล่าวประโยคนี้กับต้วนหลิงเทียน ชายหนุ่มหน้าใสก็ชี้ไปทางหนึ่ง
 
ต้วนหลิงเทียนก็หันไปมองตาม
 
จึงเห็นว่าห่างออกไปไกลๆ มีชายชราคนหนึ่งในชุดไว้ทุกข์ยืนนำกลุ่มชายวัยกลางคนและสตรีวัยกลางคนหลายคนในชุดไว้ทุกข์เช่นกัน
 
ตอนนี้สองตาชายชราก็แดงฉานปานก้อนโลหิต มองจ้องมาที่ชายหนุ่มหน้าใสที่คุยกับเขาไม่วางตา
 
เห็นสายตาของชายชรา ต้วนหลิงเทียนก็รับทราบถึงความเกลียดชังสุดใจได้ชัดเจน
 
และพอเขามองชายชรา อีกฝ่ายก็มองมาที่เขาเช่นกัน สายตายังเต็มไปด้วยความอาฆาตราวกับเห็นเขาเป็นศัตรูอีกคน
 
“แล้วทำไมเจ้าต้องฉุดคุณหนูสกุลจีนั่นไปข่มขืนจนตายด้วยล่ะ นางไปทำอะไรให้เจ้าขุ่นเคืองงั้นเหรอ?”
 
ต้วนหลิงเทียนเอ่ยถาม
 
ตอนนี้เขาก็มาอยู่ในเมืองหลวงของประเทศอมตะเถิงหลงได้ 8 วันแล้ว นอกจาก 3 วันแรกที่ปิดด่านบ่มเพาะพลัง จนสามารถทะลวงถึงจินเซียนตะวันน้ำเงินได้สำเร็จ อีก 5 วันที่เหลือต้วนหลิงเทียนก็ไม่ได้ปิดด่านบ่มเพาะพลังแต่อย่างใด แต่เลือกจะไปนั่งฟังเรื่องราวในเหลาอาหารกับตระเวนหาซื้อยันต์อมตะเก็บความทรงจำเพื่อหาความรู้ รวมถึงโอสถและยันต์อมตะจิปาถะต่างๆ
 
เนื่องเพราะ 5 วันก่อน ได้พบปะสนทนากับองค์ชาย 4 แล้ว ต้วนหลิงเทียนจึงไม่กลัวว่าในประเทศอมตะเถิงหลงแห่งนี้ยังจะมีใครกล้าหาเรื่องเขา และไม่กลัวสกุลโจวจะตอบโต้อีกด้วย
 
เพราะเขารู้ดีว่า…จนกว่าจะขุดก้นบึ้งหาความเป็นมาของเขาพบ ไม่งั้นจะสกุลโจวหรือองค์ชาย 4 ก็ไม่มีใครกล้าลงมือกับเขาอย่างวู่วามเป็นแน่!
 
ด้วยเหตุนี้เขาจึงออกจากโรงเตี๊ยมหลิวเหนียนและไปที่ต่างๆอย่างสบายใจ ไร้ซึ่งความกังวลใดๆ
 
และหลังจากออกไปเตร็ดเตร่อยู่ด้านนอกไม่กี่วัน เขาก็ได้รู้เรื่องราวทั่วไปในเมืองหลวงของประเทศอมตะเถิงหลงมามากมาย และยังทราบถึงขุมกำลังสำคัญๆทั้งหลายในเมืองหลวง ว่าใครเขม่นกับใครอะไรยังไงบ้าง
 
อย่างไรก็ตามเขากลับไม่เคยได้ยินเรื่องตระกูลจีที่ชายหนุ่มหน้าใสเอ่ยถึงเลย
 
เช่นนั้นตระกูลจีที่อีกฝ่ายเอ่ยถึง สมควรเป็นแค่ตระกูลเล็กๆตระกูลหนึ่งในเมืองหลวงแห่งนี้ และไม่ได้สลักสำคัญอะไรนัก
 
“คุณหนูสกุลจีอะไรนั่นไม่ได้ทำอะไรให้ข้าขุ่นเคืองใจหรอก ตระกูลของนางก็ไม่มีใครเคยมีเรื่องมีราวอะไรกับข้า ก็แค่ข้าเห็นคุณหนูสกุลจีนั่นสวยดี แถมยังเป็นยังเป็นดรุณีน้อยวัยขบเผาะที่บริสุทธิ์ไร้เดียงสา ข้าเลยฉุดนางมาเปิดบริสุทธิ์เสีย! ถ้าหากเป็นตระกูลใหญ่ๆข้าก็ไม่กล้าลงมือหรอก แต่กับตระกูลจีนี่ข้าไม่มีอะไรต้องกลัว”
 
ชายหนุ่มยิ้มกล่าว เล่าถึงกลางประโยคมันก็หัวเราะขึ้นมาดังร่าทำราวกับภาคภูมิใจในเรื่องบัดซบที่กระทำนี่นัก “แต่ข้าตัวคนเดียว 2 หมัดยากต้านทาน 4 ฝ่ามือ ให้สู้กับคนทั้งตระกูลจีก็คงไม่ไหว เลยมาหลบอยู่ในโรงเตี๊ยมหลิวเหนียนเอา”
 
“หลังจากนี้อีกแค่สิบวันครึ่งเดือน พี่ชายข้าที่ได้รับยันต์อมตะสื่อสารก็น่าจะเดินมาถึง และด้วยพลังฝีมือของพี่ชายข้ากับคนที่พี่ชายข้าพามา คิดจะหนีไปอย่างปลอดภัยก็ไม่ใช่เรื่องยากเย็นอะไร ถึงตอนนั้นคนสกุลจีก็ได้แต่ยืนมองข้าออกจากโรงเตี้ยมหลิวเหนียนกระทั่งไปจากเมืองหลวงตาปริบๆ…”
 
กล่าวถึงจุดนี้ สีหน้าของชายหนุ่มยิ่งมาก็ยิ่งแลดูภาคภูมิใจมากขึ้นเรื่อยๆ “ที่สำคัญเลยก็คือ หินอมตะระดับสูงในแหวนคุณหนูสกุลจีช่างมีมากมายเหลือเกิน ต่อให้ข้าเอาไปจ่ายค่าโรงเตี๊ยมหลิวเหนียนล่วงหน้าอีกครึ่งเดือน ก็ยังเหลือ!”
 
“ข้ายังคิดอยู่เลย ว่าพอพี่ชายข้ามาถึงแล้วพาข้าออกจากโรงเตี๊ยมหลิวเหนียนทั้งไปจากเมืองหลวงได้อย่างปลอดภัย…ไม่พ้นไอ้แก่ผู้นำสกุลจีนั่นคงต้องกระอักเลือดตายแน่!!”
 
กล่าวถึงจุดนี้ชายหนุ่มหน้าใสก็หันมองไปยังชายชราผู้นำตระกูลจี ด้วยรอยยิ้มมั่นมาดทำราวกับเป็นผู้ชนะ
 
“เดียรัจฉาน!”
 
ด้านผู้นำชราของตระกูลจีก็มีโมโหนัก มันขบเคี้ยวฟันกรามแทบแตก จิตสังหารปะทุออกถึงขีดสุด ไอพลังกำจายออกทั่วร่าง คนคล้ายพร้อมจะพุ่งออกไปเข่นฆ่าชายหนุ่มหน้าใสได้ทุกเวลา แต่ก็ถูกคนอื่นๆในตระกูลหยุดยั้งเอาไว้
 
สุดท้ายมันจึงทำได้แค่ถลึงตามองชายหนุ่มหน้าใสด้วยความแค้นปานจะกลืนกินเลือดเนื้อผู้คน
 
และเมื่อเห็นอาการของผู้นำตระกูลจีรวมถึงแววตาแดงฉานเปี่ยมล้นไปด้วยความเคียดแค้นชิงชังถึงขีดสุดนั่น ต้วนหลิงเทียนก็รู้สึกเสมือนในใจมีเพลิงโทสะหนึ่งลุกโชนขึ้นอย่างไม่อาจห้าม
 
“เจ้าไม่คิดว่า…การทำแบบนี้มันจะเกินไปหน่อยเหรอ?”
 
ต้วนหลิงเทียนเอ่ยถามเสียงหนัก
 
“เกินไป?”
 
ได้ยินคำถามของต้วนหลิงเทียน ชายหนุ่มหน้าใสอึ้งไปเล็กน้อย ค่อยระเบิดเสียงหัวเราะออกมาดังร่า “ฮ่าๆๆ เกินไปแล้วจะอย่างไรเล่าพี่ชาย? ในเมื่อสุดท้ายข้าก็ยังเป็นผู้ชนะอยู่ดี…อย่างไรเสียพวกมันก็ไม่มีปัญญาทำอะไรข้าได้นี่นา หรือฟ้าจะลงทัณฑ์ข้าเล่า?”
 
“พี่ชายอย่าจริงจังนักเลย…ข้าจะบอกอะไรท่านให้ อันที่จริงเรื่องทั้งหมดนี้สำหรับข้ามันก็เหมือนเกมๆหนึ่งเท่านั้นล่ะ ชีวิตคนเรามันต้องมีอะไรตื่นเต้นๆให้เลือดลมสูบฉีดมิใช่หรือ?”
 
กล่าวถึงจุดนี้รอยยิ้มบนหน้าใสๆของชายหนุ่มก็ฉีกกว้างขึ้น
 
“ฟ้าไม่ลงทัณฑ์เจ้า…ข้าจะลงทัณฑ์เจ้าเอง”
 
หลังได้ยินวาจาไร้สำนึกของชายหนุ่มหน้าใส ต้วนหลิงเทียนก็ไม่อาจทนไหวสืบไป เพลิงโทสะในใจปะทุขึ้นในฉับพลัน หลังแค่นคำเสียงต่ำด้วยอำมหิต พลังเซียนอมตะทั่ววร่างก็ปะทุขึ้นเร็วไว สองนิ้วยกจี้ดั่งดัชนีกระบี่ ปรากฏพลังควบแน่นจากไร้สภาพสู่มีสภาพ ตวัดฟันออกไปฉับไว!
 
ฉัวะ!!
 
ปรากฏแสงกระบี่ลากเป็นเส้นเดียวค้างกลางอากาศ ดัชนีกระบี่ลากจากซ้ายไปขวาด้วยความเร็วอัศจรรย์!
 
ชายหนุ่มหน้าใสไม่ทันได้ตอบสนองสิ่งใด ศีรษะที่ใบหน้ายังคงยิ้มร่าอย่างภาคภูมิก็ปลิวกระเด็นหมุนคว้างกลางหาว! จวบจนตกพื้นกลิ้งหลุนๆ มันก็ยังคงไม่ทราบว่าตัวเองได้ตกตายไปแล้ว…
 
ตุบ! ตุบ!
 
พริบตาต่อมา ต้วนหลิงเทียนอาศัยเพียงหนึ่งห้วงคิด พลังไร้สภาพขุมหนึ่งก็ปะทะออกจากฝ่าเท้า ซัดร่างที่ลำคอกลับกลายเป็นตอน้ำพุโลหิต ทั้งศีรษะที่ยังคงยิ้มร่าดังกล่าวไปตกลงเบื้องหน้าคนของสกุลจี
 
ฟืด! ฟืด! ฟืด! ฟืด! ฟืด!
 

 
จวบจนซากร่างไร้ชีวิตหนึ่งหัวหนึ่งตัวสร้างแอ่งโลหิตเจิ่งนอง ผู้คนโดยยรอบจึงค่อยมีปฏิกริยยาตอบสนอง เร่งสูดอากาศเข้ากันยกใหญ่
 
ไม่มีใครคิดเลยว่าอยู่ๆดี ในห้วงเวลาดุจละอองไฟวาบดับจะเกิดฉากฆาตกรรมเช่นนี้ขึ้น!
 
ซู่ม! ซู่ม!
 
ทันใดนั้นกลิ่นอายพลัง 2 ขุมพลันระเบิดกำจายออกมารุนแรง เป็นยอดฝีมือที่ร้ายกาจที่สุด 2 คน ที่ทางโรงประมูลของสกุลเหนียนส่งมานำทาง พอรู้สึกตัวก็เร่งเร้าพลังเตรียมลงมือทันที
 
ฟุ่บ! ฟุ่บ!
 
ทันใดนั้นยอดฝีมือขอบเขตยอดเซียนอมตะทั้ง 2 ที่ทางโรงประมูลสกุลเหนียนส่งมา ก็วูบร่างพุ่งทะยานจี้ไปทางต้วนหลิงเทียนดังภูตผี!
 
และในขณะที่ทุกคนคิดว่าต้วนหลิงเทียนต้องโดนยอดฝีมือทั้ง 2 จัดการแน่แล้ว
 
พลันเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้น
 
เป็นยอดฝีมือของทางโรงเตี๊ยมหลิวเหนียน 2 ที่เป็นยอดเซียนอมตะเช่นกัน เร่งปะทุพลังวูบร่างไปดั่งสายลมก่อนหยุดลงเบื้องหน้าต้วนหลิงเทียน ขัดขวางไม่ให้ยอดฝีมือทั้ง 2 จากโรงประมูลที่พุ่งเข้ามาได้ทำอะไร
 
“พวกเจ้าสองคน…คิดจะทำอะไร?”
 
ยอดฝีมือทั้งสองจากโรงประมูลที่จำต้องหยุดลงกลางทาง อดไม่ได้ที่จะมองทั้งสองถลางถามด้วยสงสัย
 
“พี่ท่านทั้งสองใจเย็นก่อน คนที่พึ่งตกตายไปนั้น เมื่อครู่มันกล่าวเหลวไหลทั้งสิ้น ตัวมันได้จ่ายเงินคืนห้องให้ทางโรงเตี๊ยมเราแล้ว เช่นนั้นมันจึงไม่ได้รับความคุ้มครองจากโรงเตี๊ยมสกุลเหนียนของพวกเราอีกต่อไป…”
 
ยอดฝีมือขอบเขตยอดเซียนอมตะทั้ง 2 ของโรงเตี๊ยมหลิวเหนียน มองสหายยร่วมตระกูลทั้ง 2 พลางกล่าวออกมาเสียงดังฟังชัด ราวกับจงใจให้ทุกคนได้ยินกันอย่างทั่วถึง
 
ยอดฝีมือของโรงเตี๊ยมหลิวเหนียนทั้ง 2 คนนั้น ที่มาช่วยต้วนหลิงเทียนเอาไว้ได้ทัน เพราะพวกมันอยู่ใกล้กับต้วนหลิงเทียนมากกว่า
 
เช่นนั้นบทสนทนาระหว่างต้วนหลิงเทียนกับชายหนุ่มหน้าใสที่พึ่งหัวตัวแยกจาก จึงดังเข้าหูพวกมันทั้งคู่ชัดเจน
 
เดิมทีตอนที่ต้วนหลิงเทียนระเบิดพลังสังหาร หากพวกมันคิดจะหยุดขวางต้วนหลิงเทียนก็ยังพอกระทำได้อยู่
 
แต่พวกมันก็ไม่คิดจะลงมือ
 
เหตุผลเดียวที่พวกมันไม่ลงมือทำอะไร เพราผู้ดูแลโรงเตี๊ยมหลิวเหนียนได้กำชับกับพวกมันเอาไว้ก่อนหน้า ว่าชายหนุ่มชุดม่วงผู้นี้ เป็นลูกค้าที่มีความเป็นมาไม่ธรรมดาอย่างยิ่ง!
 
กระทั่งองค์ชาย 4 ยังไม่กล้าล่วงเกินตอแย!
 
“ชำระเงิน คืนห้อง?”
 
ยอดฝีมือทั้ง 2 จากทางโรงประมูลขมวดคิ้ว ด้วยคิดว่าเหตุผลสหายร่วมตระกูลทั้ง 2 ช่างเหลวไหลสิ้นดี
 
หากเจ้านั่นมันจ่ายเงินคืนห้องแล้ว ไฉนพวกเจ้ายังติดตามคุ้มครองมันมาถึงนี่เล่า พวกเจ้าตลกเหรอ?
 
“สหายทั้งสอง…ชายหนุ่มชุดม่วงผู้นี้มิใช่ลูกค้าธรรมดา กระทั่งองค์ชาย 4 ของประเทศอมตะเถิงหลงเรายังไม่กล้ายั่วโทสะของมัน”
 
ทันใดนั้นเอง 2 ยอดฝีมือขอบเขตยอดเซียนอมตะของทางโรงเตี๊ยมหลิวเหนียน ก็เร่งส่งเสียงผ่านพลังไปแจ้งเรื่องราวให้กับยอดฝีมือทั้ง 2 ของทางโรงประมูลจนทั้งคู่ถึงกับหรี่ตาลงทันใด
 
พอมองไปทางต้วนหลิงเทียนอีกครั้ง ในสายตาของพวกมันก็ฉายให้เห็นถึงความหวาดกลัว
 
“ขอบคุณพวกเจ้าสองคนที่เร่งเตือนพวกเรา”
 
ด้านยอดฝีมือขอบเขตยอดเซียนอมตะทั้ง 2 ของทางโรงประมูลก็เร่งส่งเสียผ่านพลังกล่าวขอบคุณผู้แจ้งเตือนทันที
 
เพราะเมื่อครู่หากอีกฝ่ายไม่ปรากฏตัวมาหยุดขวางพวกมันเอาไว้ ไม่พ้นย่อมเป็นการชักนำเภทภัยมาสู่ตระกูลแน่แท้
 
องค์ชาย 4 ไม่กล้าแตะต้องผู้อื่น แล้วพวกมันยังจะไปแหยมผู้อื่นเขาได้หรือ?
 
จากนั้นยอดฝีมือขอบเขตยอดเซียนอมตะทั้ง 4 ของสกุลเหนียนก็มองส่งสายตากกันเล็กน้อย ค่อยแยกย้ายกันไปทำตามหน้าที่คุ้มกันผู้คนต่อ
 
“ขอบคุณท่านมาก ท่านผู้มีพระคุณ!!”
 
ขณะเดียวกันนั้นเอง ทางด้านคนสกุลจี ผู้ชำชราก็เป็นผู้นำทั้งหมด คุกเข่าลงพลางกล่าวขอบคุณต้วนหลิงเทียนออกมาเสียงดัง
 
ด้านแขกที่เข้าพักโรงเตี๊ยมหลิวเหนียนคนอื่นๆ พอมองไปยังต้วนหลิงเทียนอีกครั้ง ในแววตาก็ฉายชัดถึงความหวาดกลัวระคนตื่นตระหนกออกมา
 
ชำระเงินคืนห้อง?
 
พวกมันย่อมไม่เชื่อเรื่องเหลวไหลเช่นนั้นเป็นธรรมชาติ!
 
เนื่องเพราะพวกมันไม่เชื่อเหตุผลที่ทางยอดฝีมือขอโรงเตี๊ยมหลิวเหนียนยกอ้างขึ้นมา ทั้งหมดจึงตระหนักได้ทันทีว่าชายหนุ่มชุดม่วงผู้นี้หาได้ง่ายดายไม่!

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด