War sovereign Soaring The Heavens ตอนที่ 2495

อ่านนิยายจีนเรื่อง War Sovereign Soaring The Heavens ตอนที่ 2495 3Novel | อ่านนิยายออนไลน์ นิยายแปลไทย อ่านนิยายฟรี.

ตอนที่ 2,495 : สหายเก่าในเผ่าปีศาจ
 
การที่สามารถหั่นแบ่งภูมิภาคเบื้องบนของดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าไปครองได้ครึ่งหนึ่งในเวลาไม่กี่ปี ย่อมมากพอแล้วที่จะบอกถึงพลังความแข็งแกร่งของเผ่าพันธุ์ปีศาจนั้น…ว่ามันช่างน่ากลัวนัก!
 
ยิ่งไปกว่านั้นเผ่าปีศาจก็ไม่ขาดตัวตนขอบเขตเซียนอมตะเสเพล!
 
ในช่วงที่เผ่าปีศาจรุกรานเข้ามาในภูมิภาคเบื้องล่าง ตัวตนขอบเขตเซียนอมตะเสเพลยังไม่ได้ออกโรงแต่อย่างไร ทั้งหมดยังคงปิดด่านบ่มเพาะกันอยู่ในแดนเนรเทศ…
 
จนเมื่อสถานการณ์ในภูมิภาคเบื้องล่างเริ่มคงตัว เหล่าเซียนอมตะเสเพลทั้งหลายก็เริ่มทยอยกันเข้ามาบ่มเพาะในภูมิภาคเบื้องล่างมากขึ้น
 
อีกทั้งตัวตนขอบเขตเซียนอมตะเสเพลที่ทรงพลังก็เริ่มย้ายถิ่นฐานตามๆกันมา
 
และตัวตนเหล่านั้นหากจะเทียบกับเซียนอมตะเสเพลที่ปรากฏตัวขึ้น ในช่วงที่ต้วนหลิงเทียนยังอยู่ในเมืองเหรินโม่เชิ่งของภูมิภาคเบื้องล่าง ก็เป็นอะไรที่ร้ายกาจกว่ากันมาก!
 
สุดท้ายเผ่าปีศาจจึงยึดครองภูมิภาคเบื้องล่างได้สมบูรณ์ มนุษย์ได้แต่หลบหลี้หนีตายไปยังดินแดนอันเปลี่ยวร้าง บ้างก็อพยพกลับไปยังทวีปมนุษย์ทั้ง 3 อย่างอดสู…
 
และเมื่อเหล่าตัวตนขอบเขตเซียนอมตะเสเพลอันร้ายกาจของเผ่าปีศาจปรากฏตัวมากเข้า เสถียรภาพของเผ่าปีศาจในภูมิภาคเบื้องล่างก็มั่นคงและเป็นปึกแผ่นในเวลาอันสั้น สุดท้ายพวกมันจึงได้ยกพลขึ้นมารุกรานภูมิภาคเบื้องบนด้วยพลังอำนาจพร้อมรบเต็มอัตราศึก!
 
ดังนั้นไม่ต้องบอกก็รู้ว่าพลังสภาวะของทัพปีศาจที่ยาตราเข่นฆ่าสังหารเข้ามา ประหนึ่งภูผาสูงชั้นโถมถล่มยากที่จะมีผู้ใดต้านทาน!
 
เช่นนั้นทางภาคเหนือและภาคใต้ของภูมิภาคเบื้องบน จึงถูกเผ่าพันธุ์ปีศาจยึดครองได้ในเวลาอันสั้น อีกทั้งตอนนี้พวกมันยังลงหลักปักฐานเรียบร้อย แดนมนุษย์กลับกลายเป็นดั่งบ้านของเผ่าปีศาจจากแดนเนรเทศ มองหามนุษย์แทบไม่มีอีกต่อไป…
 
“ในหมู่มนุษย์…กลับมีตัวตนที่เข่นฆ่าได้กระทั่งประมุขเผ่ามังกรที่เป็นเซียนอมตะเสเพล 9 ทัณฑ์?และตัวตนที่ว่าก็คือภรรยาของต้วนหลิงเทียน ผู้นำ 7ทวาราเที่ยงแท้?”
 
เมื่อข่าวดังกล่าวแพร่มาถึงภาคเหนือและภาคใต้ที่กลายเป็นถิ่นฐานของเผ่าปีศาจไปแล้ว ก็ทำให้สมาชิกเผ่าปีศาจทั้งหลายแตกตื่นไม่น้อย
 
นอกจากนั้นยังมีสมาชิกเผ่าปีศาจมากมายที่หวาดกลัวเสียขวัญ
 
“แดนเซียนแห่งนี้…กลับมีตัวตนขอบเขตเซียนอมตะเสเพล 9 ทัณฑ์อยู่จริงๆงั้นหรือ?”
 
“ตัวตนขอบเขตเซียนอมตะเสเพล 9 ทัณฑ์ที่ว่า ในแดนเนรเทศเราแม้จะผ่านไปหลายยุคสมัยยังยากนักที่จะปรากฏขึ้นสักตน…แต่แดนเซียนกลับมีเซียนอมตะเสเพล 9 ทัณฑ์อยู่จริงๆ?”
 
“ประมุขของเผ่ามังกร…ที่แท้เป็นเซียนอมตะเสเพล 9ทัณฑ์งั้นเหรอ?”
 

 
ตอนแรกพอได้ยินว่าประมุขเผ่ามังกรเป็นถึงเซียนอมตะเสเพล 9 ทัณฑ์ เหล่าเซียนอมตะเสเพลของเผ่าปีศาจก็แตกตื่นกันไม่น้อย
 
เพราะพวกมันไม่คิดไม่ฝันจริงๆว่าแดนเซียนของมนุษย์ที่พวกมันบุกมายึดครองในยุคสมัยนี้ กลับมีตัวตนขอบเขตเซียนอมตะเสเพล 9 ทัณฑ์ดำรงอยู่!
 
ด้วยเหตุนี้คนของเผ่าปีศาจจึงอดไม่ได้ที่จะหวาดกลัว
 
อย่างไรก็ตาม ไม่นานพวกมันก็ได้รู้เรื่องราวหนึ่ง
 
ว่าในยุคสมัยนี้ เผ่าปีศาจของพวกมันดูเหมือนจะมีตัวตนขอบเขตเซียนอมตะเสเพล 9 ทัณฑ์อยู่ด้วย!
 
“จากข่าวที่แพร่ออกมาของเผ่ามังกร…วันนั้นประมุขเผ่ามังกรได้ลั่นวาจาไว้ ว่าหากต้วนหลิงเทียนมิร่วมมือกับเซียนอมตะเสเพล 9 ทัณฑ์ของเผ่าปีศาจเรา ก็ไม่มีวันทำอะไรมันได้…”
 
“หากฟังวาจาของประมุขเผ่ามังกรให้ดี…เห็นได้ชัดว่าที่แท้ในเผ่าปีศาจของพวกเราก็มีตัวตนขอบเขตเซียนอมตะเสเพล 9 ทัณฑ์ดำรงอยู่!”
 
“ข้าเองยังสงสัยอยู่พอดี ว่าหากเผ่ามังกรมีเซียนอมตะเสเพล 9 ทัณฑ์อยู่จริง ไฉนจึงไม่ลงมือตอบโต้พวกเราเผ่าปีศาจให้ล่าถอยกลับแดนเนรเทศเสียที…ไม่คิดเลยว่าที่แท้ในเผ่าปีศาจเราจะมีเซียนอมตะเสเพล 9 ทัณฑ์อยู่ด้วย!”
 

 
ด้วยข่าวที่มาจากเผ่ามังกร จึงทำให้เหล่าปีศาจได้ตระหนักว่า
 
ที่แท้ในเผ่าปีศาจของพวกมัน ก็มีตัวตนขอบเขตเซวียนอมตะเสเพล 9 ทัณฑ์ดำรงอยู่!
 
พวกมันไหนเลยจะอดตื่นเต้นได้ไหว!
 
อย่างไรก็ตามพวกมันเพียงตื่นเต้นฝันหวานกันได้ไม่นาน ก็ต้องสะดุ้งตื่นดั่งถูกน้ำเย็นราดรดศีรษะ ยากจะตื่นเต้นยินดีได้อีกต่อไป…
 
“ต้วนหลิงเทียน ผู้นำ 7 ทวาราเที่ยงแท้แม้จะเป็นครึ่งก้าวเซียนอมตะ…แต่พลังความแข็งแกร่งของมันกลับทัดเทียมตัวตนขอบเขตเซียนอมตะเสเพล 9ทัณฑ์?”
 
“เช่นนั้นกล่าวได้ว่า…ในแดนเซียนมีเซียนอมตะเสเพล 9 ทัณฑ์มากกว่าหนึ่ง?”
 

 
หลังได้รับทราบว่าพลังฝีมือของ ต้วนหลิงเทียน ผู้นำ 7 ทวาราเที่ยงแท้ก็มีพลังฝีมือเทียบได้กับเซียนอมตะเสเพล 9 ทัณฑ์ คนของเผ่าปีศาจก็อดไม่ได้ที่จะแตกตื่นกันขึ้นมาอีกครั้ง!
 
ด้วยไม่คิดเลยว่า ผู้นำ 7 ทวาราเที่ยงแท้ที่เป็นเพียงรุ่นเยาว์กลับร้ายกาจได้ขนาดนั้น!
 
อันที่จริงหลังพวกมันรุกรานเข้ามาในดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าได้ไม่นาน พวกมันก็ได้รับทราบถึงความร้ายกาจอันน่ากลัวของ ผู้นำ 7 ทวาราเที่ยงแท้อย่างต้วนหลิงเทียนมาไม่น้อย
 
ทว่าตั้งแต่ที่พวกมันยกพลบุกขึ้นมายังภูมิภาคเบื้องบน ข่าวคราวของผู้นำ 7 ทวาราเที่ยงแท้ก็ได้เงียบหายไปอย่างไร้ร่องรอย…
 
พวกมันหลงคิดว่าสมควรเกิดเรื่องกับผู้นำ 7 ทวาราเที่ยงแท้แน่แล้ว ข่าวคราวถึงได้เงียบหายไปนานปีแบบนี้…
 
แต่ช่างเป็นอะไรที่อยู่เหนือความคาดหมายนัก!
 
หลังจากที่ผู้นำ 7 ทวาราเที่ยงแท้ปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง พลังสามารถกลับเหนือล้ำกว่าเมื่อหลายปีก่อนอย่างน่าเหลือเชื่อ!
 
ตอนแรกพลังฝีมือของผู้นำ 7 ทวาราเที่ยงแท้อย่างต้วนหลิงเทียน ถูกคาดกันว่าสมควรเข้มแข็งทัดเทียมกับเซียนอมตะเสเพล 6 ทัณฑ์เท่านั้น…
 
แต่ตอนนี้กลับเทียบได้กับเซียนอมตะเสเพล 9ทัณฑ์!!
 
“ว่ากันว่าเมื่อแสนปีที่แล้ว ในแดนเซียนอุบัติตัวตนท้าทายสวรรค์ขึ้นคนหนึ่ง แม้พลังฝึกปรือของมันเป็นเพียงครึ่งก้าวเซียนอมตะ…แต่กลับเข่นฆ่าเซียนอมตะเสเพล 8 ทัณฑ์ได้! และยังสามารถต่อสู้กับตัวตนเซียนอมตเสเพล 9 ทัณฑ์ได้โดยไม่แพ้พ่าย!!”
 
“ตัวตนอันท้าทายสวรรค์นี้ เห็นว่าถูกผู้คนทั้งแดนเซียนขนานนามว่าเซียนกระบี่ฟงชิงหยาง…ที่สำคัญเห็นว่าเซียนกระบี่ฟงชิงหยางผู้นี้ ก็คือผู้สืบทอดนามทวาราเที่ยงแท้ลำดับที่ 1 หมอกพิรุณรุ่นก่อนของ 7ทวาราเที่ยงแท้ อันเป็นขุมพลังสังกัดของต้วนหลิงเทียนในปัจจุบัน และต้วนหลิงเทียนนั่นก็รับสืบทอดมรดกของมันมา…”
 

 
ด้วยความที่ต้วนหลิงเทียนมีพลังทัดเทียมได้กับตัวตนขอบเขตเซียนอมตะเสเพล 6 ทัณฑ์ทั้งๆที่มีพลังฝึกปรือแค่ครึ่งก้าวเซียนอมตะ จึงเป็นที่รู้จักกันในบรรดาเผ่าปีศาจไม่น้อย
 
หากเป็นแค่เซียนอมตะเสเพล 6 ทัณฑ์ธรรมดา คงไม่กระตุ้นความสนใจของเผ่าปีศาจขนาดนี้
 
“แต่สิ่งที่น่ากลัวที่สุด…ยังคงเป็นภรรยาของต้วนหลิงเทียนผู้นั้น! หากพลังของนางเป็นจริงดั่งข่าวลือ…เกรงว่าพลังฝึกปรือของนางอาจจะก้าวข้ามขอบเขตเซียนอมตะเสเพล 9 ทัณฑ์ไปแล้ว!”
 
“มิผิด ลองเข่นฆ่าได้กระทั่งเซียนอมตะเสเพล 9ทัณฑ์อย่างง่ายดาย…ด่านพลังฝึกปรือของภรรยามันย่อมก้าวล้ำเหนือเซียนอมตะเสเพล 9 ทัณฑ์ไปแล้วแน่นอน! แต่นั่นหมายความว่าข่าวลือที่แพร่กันตอนนี้เป็นความจริงเสียก่อน!!”
 
“ไม่ว่าพวกเจ้าจะเชื่อหรือไม่ แต่ข้าผู้หนึ่งที่ไม่เชื่อว่าในบรรดาพวกมนุษย์จะมีตัวตนอันร้ายกาจเช่นนี้อยู่จริง!”
 
“ข้าเองก็ไม่เชื่อ”
 

 
หลังจากที่เหล่าปีศาจได้รับทราบข่าวที่ภรรยาต้วนหลิงเทียน เค่อเอ๋อ สามารถเข่นฆ่าประมุขเผ่ามังกรที่เป็นถึงเซียนอมตะเสเพล 9 ทัณฑ์ลงได้ง่ายดาย ปฏิกิริยาตอบสนองแรกของพวกมันคือไม่เชื่อ! และคิดว่านี่สมควรเป็นข่าวลวงที่มนุษย์จงใจปล่อยออกมา!!
 
สำหรับจุดประสงค์ในการแพร่ข่าวลวงดังกล่าวออกมา ก็ไม่มีอะไรมากไปกว่าขู่ให้เผ่าปีศาจของพวกมันหวาดกลัว!
 
“หากพวกมนุษย์มันมียอดฝีมือระดับนี้อยู่จริงๆ…ไฉนเผ่าปีศาจเรารุกรานขึ้นมาถึงภูมิภาคเบื้องบนตั้งหลายปีดีดัก นางยังไม่ปรากฏตัวออกมาทำอะไรกับพวกเรา? ไยนางจึงไม่ปรากฏตัวออกมาขับไล่พวกเรากลับแดนเนรเทศแต่แรก?”
 
“มิผิด! หากพวกมนุษย์มีตัวตนอันร้ายกาจเช่นนี้อยู่จริง ไฉนจะปล่อยให้พวกเราเผ่าปีศาจหั่นเฉือนดินแดนในภูมิภาคเบื้องบนมาครองถึงกึ่งหนึ่งเช่นนี้!”
 
“หึ! ไอ้พวกมนุษย์โง่เขลา! คิดว่าอาศัยข่าวลวงผายลมเช่นนี้จักทำให้พวกเราหลงเชื่อได้รึ?”
 

 
ยิ่งมาสมาชิกเผ่าปีศาจหลายต่อหลายตนก็เริ่มเชื่อมั่นว่าข่าวที่แพร่ออกมาหนาหูช่วงนี้เป็นเพียงข่าวลวง!
 
กระทั่งนานวันไป เผ่าปีศาจไม่น้อยก็พากันคิดไปว่า…
 
กระทั่งเรื่องที่พลังฝีมือของต้วนหลิงเทียนร้ายกาจถึงขั้นเทียบได้กับเซียนอมตะเสเพล 9 ทัณฑ์ดุจเดียวกับประมุขเผ่ามังกร และเรื่องที่ภรรยาต้วนหลิงเทียนเข่นฆ่าประมุขเผ่ามังกรได้…ล้วนเป็นเรื่องเหลวไหลทั้งเพ!
 
“ข่าวพวกนี้…ที่แท้จริงหรือหลอกกันแน่?”
 
ภายในเมืองแห่งหนึ่งทางตอนใต้ของภูมิภาคเบื้องบน ปรากฏร่างชายคนหนึ่งเหินออกจากอาคารปลูกสร้างหลังใหญ่ขึ้นไปบนฟ้า พลางกล่าวพึมพำออกมาด้วยความสงสัย
 
“พลังฝีมือของน้องหลิงเทียน…เทียบได้กับเซียนอมตะเสเพล 9 ทัณฑ์แล้วงั้นเหรอ!? อีกทั้งภรรยาของน้องหลิงเทียนยังร้ายกาจยิ่งกว่าเซียนอมตะเสเพล 9 ทัณฑ์?!”
 
หากต้วนหลิงเทียนอยู่ที่นี่ต้องบอกได้ทันที
 
ว่าร่างชายดังกล่าวไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็น หวงฉี่หลิง ศิษย์ของวังเซียนสัญจร ที่เขาได้พบกันนอกเมืองเหรินโม่เชิ่งที่ภูมิภาคเบื้องล่างในปีนั้น!
 
ยังเป็นหนึ่งในสหายของต้วนหลิงเทียนที่มีเพียง 2คนในวังเซียนสัญจร!
 
“น้องเหวินจิ้ง!”
 
ไม่นานหวงฉี่หลิงก็ดิ่งร่างลงมายังประตูหน้าเรือนหลังใหญ่ที่ปลีกวิเวกออกมาอย่างสันโดษหลังหนึ่ง พลางกล่าวเรียกหาอยู่หน้าประตู
 
“เข้ามา”
 
เสียงเยียบเย็นดังขึ้น เป็นการอนุญาตให้หวงฉี่หลิงเข้ามา
 
และหลังจากที่หวงฉี่หลิงเข้าผ่านประตูเข้ามา มันก็มองข้ามลานด้านหน้าไปจนเห็นแผ่นหลังร่างหนึ่งไกลตา ปากกล่าวถามออกมาเสียงเบา “น้องเหวินจิ้ง…เจ้าได้ยินข่าวที่กำลังลือกันอยู่แล้วหรือยัง?”
 
แผ่นหลังของร่างที่ยืนอยู่ชายขอบลานด้านหน้าที่หวงฉี่หลิงทักไปนั้น สมควรเป็นแผ่นหลังของสตรีนางหนึ่ง
 
เป็นสตรีในชุดขาวราวหิมะ กำลังยืนสงบจิตอยู่อย่างเงียบงัน เส้นผมสีดำขลับทอดยาวลงมาดั่งม่านน้ำตก และแม้จะเห็นเพียงแผ่นหลัง ทว่ากลับให้ความรู้สึกเสมือนทั่วร่างได้แผ่ไอเย็นออกมาโดยรอบหมายผลักไสผู้อื่นให้ล่าถอยออกไปนับพันลี้…
 
หลังได้ยินคำถามดังกล่าวของหวงฉี่หลิง แผ่นหลังของร่างสตรีดังกล่าวก็สะท้านไปเล็กน้อย ก่อนที่นางจะหยักหน้าลงเบาๆ
 
ขณะเดียวกัน นางก็ค่อยๆหันกลับมา เปิดเผยรูปโฉมอันงามล้ำไร้คู่เปรียบ…
 
หากทว่ารูปโฉมอันงามล้ำไร้คู่เปรียบตอนนี้ คล้ายฉาบเคลือบไว้ด้วยชั้นน้ำแข็งก็ไม่ปาน ช่างแลดูเย็นชาไม่รับแขกนัก!
 
สตรีนางนี้คืออีก 1 ที่ต้วนหลิงเทียนยึดถือเป็นสหายในวังเซียนสัญจรตั้งแต่ตอนที่ยังอยู่ในภูมิภาคเบื้องล่าง…
 
หวงเหวินจิ้ง โฉมงามอันดับหนึ่งแห่งเผ่าปีศาจมนุษย์!
 
ตั้งแต่ที่เผ่าปีศาจมนุษย์ยกพลบุกขึ้นมารุกรานภูมิภาคเบื้องบน นางเองก็ได้แต่ติดสอยห้อยตามขึ้นมาด้วย
 
ถึงหวงฉี่หลิงกับหวงเหวินจิ้งจะถือเป็นรุ่นเยาว์ที่มีฐานะไม่ใช่ชั่วในวังเซียนสัญจร แต่ทั้งคู่ก็ไม่อาจไม่ติดตามเผ่าปีศาจมนุษย์ขึ้นมารุกรานภูมิภาคเบื้องบนได้…
 
และเป็นธรรมดาว่าหลังติดตามเผ่าปีศาจมนุษย์บุกขึ้นมาภูมิภาคเบื้องบน ทั้งคู่ก็ทำได้แค่พยายามหลีกเลี่ยงการเข่นฆ่ามนุษย์ให้มากที่สุด
 
ด้วยเพราะตอนนี้เหล่าเซียนอมตะเสเพลของเผ่าปีศาจ ได้พากันปรากฏตัวกันออกมาควบคุมกองกำลัง เช่นนั้นยังนับประสาอะไรกับทั้งคู่ ต่อให้เป็นชนชั้นจ้าววังเซียนสัญจรอย่าง อวี่เหวินฮ่าวเฉิน และอาวุโสของวังเซียนสัญจร ก็ทำได้แค่กระทำตามคำสั่งเท่านั้น!
 
“น้องเหวินจิ้ง…แล้วเจ้าคิดว่าข่าวเรื่องนั้นเป็นความจริงหรือไม่…ที่น้องหลิงเทียนกลับมีพลังฝีมือสูงส่งขึ้นถึงขนาดนั้น ไหนจะภรร…”
 
หวงฉี่หลิงกล่าวถามออกมาอีกครั้ง
 
อย่างไรก็ตามมันถามออกมาไม่ทันจบคำดีมันก็ชะงักไปไม่กล้าถามต่อ…ด้วยพึ่งนึกอะไรได้ออก
 
มันไหนเลยจะไม่รู้ว่าถ้าหากยังถามสืบต่อ ไม่พ้นต้องไปแขวะแผลเก่าในใจของสตรีเบื้องหน้าแน่แล้ว…
 
“ไหนจะภรรยาของมัน ที่ร้ายกาจถึงขั้นเข่นฆ่าเซียนอมตะเสเพล 9 ทัณฑ์ได้ง่ายดายเช่นนั้นหรือ?”
 
อย่างไรก็ตามแม้หวงฉี่หลิงจะเงียบไปไม่ถามให้จบ แต่หวงเหวินจิ้งกลับต่อประโยคดังกล่าวออกมาเองจนจบ!
 
จังหวะนี้หวงฉี่หลิงอดไม่ได้ที่จะคลี่ยิ้มเหยเก เร่งกล่าวขอภัยออกมาด้วยสีหน้ารู้สึกผิด “ข้าขอโทษด้วยน้องเหวินจิ้ง ข้า…”
 
“ไม่มีอะไรต้องขอโทษ”
 
หวงเหวินจิ้งกล่าวขัดคำด้วยน้ำเสียงเฉยเมย “ข้ามิได้มีใดเกี่ยวข้องกับมัน…ก่อนหน้าไม่ ตอนนี้ไม่ ต่อไป…”
 
ท้ายประโยค นางกลับมิอาจเอื้อนเอ่ยคำ ‘ไม่’ ออกมา…
 
นั่นเพราะสุดท้ายแล้ว…ลึกๆในใจของนาง ก็ยังอดไม่ได้ที่จะหวัง…
 
ถึงแม้นางจะรู้ดี
 
ว่าบุรุษผู้นั้น ยิ่งมายิ่งไกลห่างนางออกไปก็ตามที…

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด