War sovereign Soaring The Heavens ตอนที่ 2474

อ่านนิยายจีนเรื่อง War Sovereign Soaring The Heavens ตอนที่ 2474 3Novel | อ่านนิยายออนไลน์ นิยายแปลไทย อ่านนิยายฟรี.

ตอนที่ 2,474 : เซียนอมตะเสเพล 9 ทัณฑ์อีกคน!
 
ร่างที่ปรากฏต่อหน้าต้วนหลิงเทียนและทุกคน เป็นชายชราผู้หนึ่ง
 
ชายชราดิ่งลงจากฟากฟ้าด้วยความเร็วดั่งมังกรทะยานผ่าน 9 สวรรค์ พริบตาก็บรรลุถึงข้างกายบรรพบุรุษชิงเย่ เซียนอมตะเสเพล 9 ทัณฑ์แห่งด่าน 9 เซียนระนาบคงสิง!
 
ชายชราผู้มาใหม่สวมใส่ชุดคลุมสีเขียว เส้นผมสีดอกเลาของมันปลิวสยายดั่งอสรพิษแม้ไร้ลม ทำท่าประหนึ่งพร้อมจะฉกกัดทำร้ายผู้คนได้ทุกเมื่อ!
 
รูปร่างของผู้ชราแลดูไม่อ้วนไม่ผอมไม่สูงไม่เตี้ย
 
ทว่าชายชราที่แลดูไม่เด่นอันใดคนนี้ แม้จะยืนข้างๆร่างชายวัยกลางคนอันทรงพลัง กลับให้ความรู้สึกอันเข้มแข็งไม่อ่อนด้อยกว่ากันออกมาประการหนึ่ง!
 
“ท่านบรรพบุรุษ!”
 
“ท่านบรรพบุรุษ!”
 

 
และทันทีที่ชายชราชุดเขียวปรากฏกาย เสียงคารวะทักทายของคนกลุ่มหนึ่งพลันดังขึ้นทันที
 
“หืม? เจ้าพวกนั้น…มันคนนิกายคุนหม่างของระนาบฉีอวิ๋นของพวกเรานี่”
 
“ไม่ผิด นั่นคืออาวุโสผู้เฒ่าของนิกายคุนหม่างเป็นเซียนอมตะเสเพล 8 ทัณฑ์…ส่วนข้างๆนั่นคืออาวุโสลำดับที่ 3 ขอนิกายคุนหม่างเซียนอมตะเสเพล 7ทัณฑ์!”
 
“สวรรค์ช่วย! แล้วผู้ใดกันที่ทำให้อาวุโสผู้เฒ่าถึงขั้นเรียกหาว่าบรรพบุรุษด้วยความเคารพขนาดนี้ได้…หรือนั่นจักเป็นบรรพบุรุษที่เร้นกายคอยพิทักษ์นิกายคุนหม่าง? ผู้เฒ่าเทียนหมิง!!”
 
“มิผิด ข้าเกรงว่านอกจากบรรพบุรุษนิกายคุนหม่างผู้นั้นแล้ว คงไม่มีใครในนิกายคุนหม่างที่จะทำให้อาวุโสผู้เฒ่าเรียกหาว่าบรรพบุรุษได้…”
 

 
ทันทีที่คนของนิกายคุนหม่างทักทายชายชรา ผู้คนจากระนาบฉีอวิ๋นก็พอจะเคาดเดาได้ว่าอีกฝ่ายเป็นใคร จึงประสานมือทักทายชายชราไปอย่างมากคารวะ
 
อย่างไรก็เป็นยอดฝีมือที่มาจากนิกายคุนหม่างแห่งระนาบฉีอวิ๋น!
 
ในระนาบฉีอวิ๋นนั้น นิกายคุนหม่างถือเป็นขุมพลังระดับแนวหน้า เป็นดั่งมหาอำนาจยักษ์ใหญ่ ชนชั้นยอดฝีมือมีมากมายดั่งหมู่เมฆ กระทั่งชนชั้นเซียนอมตะเสเพเพล 7 ทัณฑ์ในนิกายคุนหม่างยังมีเป็นสิบๆ!
 
และเซียนอมตะเสเพล 9 ทัณฑ์ที่แข็งแกร่งที่สุดในนิกายคุนหม่างนั้นก็คือ ผู้เฒ่าเทียนหมิง!
 
“เซียนอมตะเสเพล 9 ทัณฑ์ อีกคนงั้นหรือ…”
 
หลังได้รับบทราบอัตลักษณ์ของชายชราชุดเขียวผู้มาใหม่จากกลุ่มคนจากระนาบฉีอิ๋น ผู้คนที่รวมตัวอยู่ที่นี่อดไม่ได้ที่จะเผยความหวาดกลัวออกมา
 
ตอนนี้พวกมันยังรู้สึกไปว่า…
 
เซียนอมตะเสเพล 9 ทัณฑ์ ไฉนแลดูไร้ราคาขนาดนี้?
 
คนแรกก็ต้วนหลิงเทียน ที่แม้จะเป็นครึ่งก้าวเซียนอมตะ แต่พลังความแข็งแกร่งกลับเทียบได้กับตัวตนขอบเขตเซียนอมมตะเสเพล 9 ทัณฑ์!
 
จากกนั้นก็ปรากฏเซียนอมตะเสเพล 9 ทัณฑ์จากวังเซียนหยวนของระนาบเหยียนหวง
 
ไม่ทันไรบรรพบุรุษชิงเย่ ตัวตนเซียนอมตะเสเพล 9ทัณฑ์ของด่าน 9 เซียนก็ปรากฏกาย
 
สุดท้ายก็ผู้เฒ่าเทียนหมิงแห่งนิกายคุนหม่าง ที่เป็นเซียนอมตะเสเพล 9 ทัณฑ์อีกคน!
 
“ให้ตายเถอะ…วันนี้ข้าไม่เพียงได้พบพานตัวตนครึ่งก้าวเซียนอมตะที่ร้ายกาจทัดเทียมเซียนอมตะเสเพล 9 ทัณฑ์ ยังได้เห็นเซียนอมตะเสเพล 9 ทัณฑ์ตัวเป็นๆติดๆกันถึง 3 คน!!”
 
“ข้ายังหนักกว่าเจ้าอีก…ตลอดชั่วชีวิตของข้าก่อนหน้านี้ไม่เคยพบเคยเจอเซียนอมตะเสเพล 9 ทัณฑ์แม้แต่คนเดียวด้วยซ้ำ! แต่วันนี้วันเดียวข้ากลับได้เห็นตัวตนขอบเขตเซียนอมตะเสเพล 9 ทัณฑ์พร้อมกันถึง 3 คน!”
 

 
หลังได้รับทราบว่าชายชราชุดเขียวที่พึ่งปรากฏตัว ก็เป็นเซียนอมตะเสเพล 9 ทัณฑ์เช่นกัน เหล่าผู้คนโดยรอบก็เริ่มฮือฮาขึ้นมาอีกครั้ง
 
มีเพียงต้วนหลิงเทียนเท่านั้นที่แตกต่างออกไป บรรยากาศรอบกายยังอึมครึมลงไม่น้อย
 
“ไอแก่ชุดเขียวนั่นพอมาถึงก็ไปยืนข้างชิงเย่อย่างสนิทสนม…หรือพวกมันคิดรวมหัวกัน?”
 
หานเฉวี่ยไน่กล่าวออกด้วยน้ำเสียงหนักอึ้ง
 
“สิบในสิบพวกมันคิดรวมหัวกันไม่ผิดแน่…หาไม่แล้วไฉนบรรพบุรุษชิงเย่อันใดนั่น ทั้งๆที่รู้ตัวว่ามันอย่างดีก็ทำได้แค่สู้ทัดเทียมกับน้องหลิงเทียน ถึงได้หาญกล้าประกาศอย่างมั่นใจว่าจะเข่นฆ่าพวกเราชิงทรัพย์แต่แรก?!”
 
จางยี่กล่าวออกมาด้วยความหวาดกลัว
 
“2 เซียนอมตะเสเพล 9 ทัณฑ์…”
 
กระทั่งสตรีทั้ง 3 อย่างเฟิ่งเทียนหวู่ มู่อีอี และก่านหรูเยี่ยนยังอดไม่ได้ที่จะชักสีหน้าเคร่งเครียด
 
กระทั่งสีหน้าต้วนหลิงเทียนก็แลดูเคร่งขรึมจริงจังนัก
 
เซียนอมตะเสเพล 9 ทัณฑ์ ไม่ใช่อะไรที่เกินมือเขา…
 
แต่ถ้าเป็นเซียนอมตะเสเพล 9 ทัณฑ์ 2 คน…
 
“น้องชิงเย่..แม้เราท่านได้ตกลงร่วมมือกันเพื่อฆ่าต้วนหลิงเทียนกับพวกเพื่อยอดสมบัติสวรรค์…แต่กระทั่งพี่น้องแท้ๆยังต้องลงบัญชีให้ละเอียด พวกเรามาตกลงเรื่องแบ่งปันยอดสมบัติสวรรค์กันก่อนเถอะ”
 
ภายใต้สายตาของทุกคน ผู้เฒ่าเทียนหมิงจากนิกายคุนหม่างแห่งระนาบฉีอวิ๋น หันไปยิ้มกล่าวกับชิงเย่ บรรพบุรุษแห่งด่าน 9 เซียนจากระนาบคงสิงด้วยน้ำเสียงไม่รีบไม่ร้อน “หากมียอดสมบัติสวรรค์ที่แบ่งได้ลงตัวก็แล้วไป…แต่หากมีเศษเหลือมิอาจแบ่งได้ลงตัวเรื่องที่พวกเราสมควรทำอย่างไร ดูเหมือนจักยังมิได้กล่าวถึง…”
 
“มิผิดพี่หมิง ก่อนหน้าพวกเรามิได้กล่าวถึงเรื่องนี้มาก่อนจริงๆ”
 
ได้ยินคำของผู้เฒ่าเทียนหมิง บรรพบุรุษชิงเย่พยักหน้ารับก่อน ค่อยกล่าวออกมาว่า “พี่หมิงเห็นด้วยหรือไม่หากข้าคิดจัดการยอดสมบัติสวรรค์ที่เหลือเป็นเศษ…โดยการให้พวกเราเลือกตัวแทนที่เป็นรุ่นเยาว์ออกมาคนนึงแล้วประลองกัน ผู้ใดชนะก็เอายอดสมบัติสวรรค์ชิ้นสุดท้ายไป?”
บรรพบุรุษชิงเย่กล่าวเสนอวิธีเสร็จก็เผยยิ้มบางๆ
 
“ไม่เลว!”
 
ผู้เฒ่าเทียนหมิงพยักหน้ารับ มันเห็นด้วยกับข้อเสนอของบรรพบุรุษชิงเย่
 
ทั้ง 2 สนทนาทำข้อตกลงกันเสร็จสรรพ ราวกับไม่เห็นผู้ใดอยู่ในสายตา
 
“บ้าจริง พวกมันรวมหัวกันจริงๆด้วย!”
 
หน้าหายเฉวี่ยไน่เปลี่ยนสีไปใหญ่หลวง
 
“ไม่น่าแปลกใจ…ไม่น่าแปลกกใจเลย ที่ไฉนก่อนหน้าบรรพบุรุษชิงเย่ถึงได้ตัดสินต้วนหลิงเทียนไปเช่นนั้น!”
 
“เดิมทีพอเห็นบรรพบุรุษชิงเย่มั่นใจนักว่าจักฆ่าต้วนหลิงเทียนกับพวกเพื่อชิงของ แต่อยู่ๆกลับมาบอกว่าอย่างดีก็ทำได้แค่สู้เสมอกับต้วนหลิงเทียน ข้าก็สงสัยอยู่แล้วเชียวว่าไฉนวาจาถึงฟังย้อนแย้งพิกล…แต่ที่แท้ได้เตรียมตัวมาพร้อมแล้วเช่นนี้นี่เอง”
 
“มิผิด ความมั่นใจในตอนแรกของมันมาจากผู้เฒ่าเทียนหมิงนี่เอง!”
 
“เซียนอมตะเสเพล 9 ทัณฑ์ 2 คนผนึกกำลังกัน…ไม่ต้องกล่าวถึงเรื่องที่ต้วนหลิงเทียนเป็นเพียงครึ่งก้าวเซียนอมตะที่ทัดเทียมเซียนอมตะเสเพล 9 ทัณฑ์ด้วยซ้ำ ต่อให้เป็นเซียนอมตะเสเพล 9 ทัณฑ์ที่แท้จริง 2หมัดก็ยากต้าน 4 ฝ่ามือ!”
 
“น่าเสียดาย…เป็นฟ้าริษยาอัจริยะแล้วจริงๆ ตัวตนท้าทายสวรรค์เช่นต้วนหลิเทียนกลับต้องมาตกตายที่นี่วันนี้…”
 
“หากวันนี้มันมิตกตาย ด้วยศักยภาพฝืนฟ้าของมันต่อให้เป็นในระนาบเทวโลก ก็สมควรเป็นดาวรุ่งดวงใหม่…”
 

 
มาตอนนี้ทุกคนพลันรับทราบแล้ว ว่าวาจาเปี่ยมความมั่นใจก่อนหน้าของบรรพบุรุษชิงเย่ที่แท้อาศัยต้นทุนอันใด
 
ปรากฏว่าความมั่นใจของมันไม่ได้มีบ่อเกิดจากพลังฝีมือตัวเอง แต่มีทุนรอนมาจากผู้เฒ่าเทียนหมิง!
 
มันได้ทำข้อตกลงร่วมมือกับผู้เฒ่าเทียนหมิงแต่แรก!
 
“ก่อนหน้า…เช่นนั้นพวกเจ้าก็อยู่ที่นี่กันแต่แรกแล้วงั้นสิ?”
 
ต้วนหลิงเทียนมองสลับไปยังบรรพบุรุษชิเย่กับผู้เฒ่าเทียนหมิงพลางกล่าวถามออกมาเสียงขรึม
 
“ไม่ผิด”
 
ได้ยินคำถามของต้วนหลิงเทียนบรรพบุรุษชิเย่หยีตากล่าวตอบ “ข้ากับพี่หมิงอยู่ที่นี่ตั้งแต่แรก…กระทั่งเจ้าต้วนหลิงเทียนก็มาถึงที่นี่หลังพวกเราเสียอีก!”
 
“ตอนเจ้าลงมือฆ่าเซียนอมตะเสเพล 8 ทัณฑ์อันดับ 1ของระนาบโหมหลัว พวกเราทั้งคู่ล้วนเห็นชัดถนัดตา…ตั้งแต่ตอนนั้นพวกเราก็รู้แล้วว่าพลังฝีมือเจ้าทัดเทียมเซียนอมตะเสเพล 9 ทัณฑ์”
 
“ด้วยวรยุทธ์เซียนอมตะพิสดารที่ฉกชิงยอดสมบัติสวรรค์ผู้อื่นได้ กระทั่งเซียนอมตะเสเพล 9 ทัณฑ์ที่มียอดสมบัติสวรรค์ในมือก็ไม่แน่ว่าจะเอาชนะเจ้าได้”
 
“มันก็แค่…หากหนึ่งเซียนอมตะเสเพล 9 ทัณฑ์ไม่อาจเอาชนะเจ้าได้ แต่ถ้าเป็น 2 เล่า?”
 
กล่าวถึงจุดนี้สองตาที่หดหยีลงของบรรพบุรุษชิงเย่ก็เผยเจตนาฆ่าฟันอำมหิตออกมา ปานจะกลืนกินเลือดเนื้อผู้คน!
 
“ถ้างั้นพวกเจ้านับว่ามีความอดทนเป็นเลิศจริงๆ…เฝ้ารออยู่ได้ตั้งนาน”
 
ต้วนหลิงเทียนไม่คิดเลยว่า 2 คนเบื้องหน้าจะมาถึงที่นี่เร็วกว่าเขา
 
นอกจากนี้ยังเห็นได้ชัด
 
ว่วาพวกมันทั้งคู่มีความอดทนสูงมาก ถึงไม่รีบร้อนออกมาจนนกระทั่งตอนนี้
 
“อันที่จริงตอนแรกพวกเราก็คิดลงมือจัดการเจ้าตั้งแต่ที่เจ้ากับพวกมาถึง…”
 
ตอนนี้เองผู้เฒ่าเทียนหมิงพลันกล่าวเสริมออกมา “เพียงแค่พวกเราคิดว่าแตงห่ามย่อมไม่หวาน เพียงเฝ้ารอให้เจ้าเก็บเกี่ยวอันใดในมรดกต้าหลัวจินเซียนเสียก่อนค่อยลงมือก็ยังไม่สาย…ถึงตอนนั้นยอดสมบัติสวรรค์หรือสมบัติล้ำค่าอันใดที่เจ้าได้รับจากมรดกสถานต้าหลัวจินเซียนก็ไม่พ้นต้องเป็นของพวกเราด้วย”
 
“เพียงแค่ พวกเราเองก็คิดไม่ถึงจริงๆ…”
 
ผู้เฒ่าเทียนหมิงกล่าวถึงจุดนี้ ต้วนหลิงเทียนก็เอ่ยขัดขึ้นมา “เพียงแค่พวกเจ้าคิดไม่ถึงว่าผู้ที่ได้รับสืบทอดมรดกจากต้าหลัวจินเซียนจะเป็นสหายข้างั้นสินะ….แถมยังเกี่ยวข้องกับเซียนอมตะเสเพล 9ทัณฑ์อีกคน”
 
“มิผิด”
 
ถูกต้วนหลิงเทียนเอ่ยขัด ผู้เฒ่าเทียนหมิงก็ไม่ได้มีโมโหอะไร
 
เพราะท้ายที่สุดแล้ว ในสายตาของมันต้วนหลิงเทียนก็ไม่ต่างอะไรจากคนที่ตายไปแล้ว มันไหนเลยต้องสนใจคนตายอีก?
 
“กล่าวได้ว่าพอพวกเจ้าพบว่าผู้ที่ได้รับสืบทอดมรดกต้าหลัวจินเซียนเป็นสหายข้า ทั้งเกี่ยวข้องกับเซียนอมตะเสเพล 9 ทัณฑ์อีกคน พวกเจ้าเลยกลัวหัวหดจนไม่กล้าลงมือ…มาตอนนี้พอสหายข้ากับเซียนอมตะเสเพล 9 ทัณฑ์จากไป พวกเจ้าถึงได้กล้าโผล่หัวออกมาจากกระดอง?”
 
ต้วนหลิงเทียนกล่าวถามออกไปเสียงเรียบ
 
ถึงแม้เขาจะถามไปแบบนั้น แต่อันที่จริงเขารู้คำตอบดีอยู่แล้ว
 
“เจ้าก็นับว่าฉลาดไม่เบา”
 
ได้ยินคำถามด้วยวาจาค่อนแคะ บรรพบุรุษชิงเย่เพียงหยีตากล่าวออกด้วยรอยยิ้มแสยะ “น่าเสียดายวันนี้ให้เจ้าฉลาดแค่ไหนเจ้าก็ต้องตาย…ดั่งคำ ‘คนไม่ผิด ผิดที่ครอบครองหยก’ หากเจ้าคิดจะโทษก็โทษที่ตัวเจ้ากับสหายดันครอบครองยอดสมบัติสวรรค์ไว้เป็นจำนวนมากเถอะ!”
 
กล่าวถึงจุดนี้ ความโลภในแววตาบรรพบุรุษชิงเย่ก็ส่องสว่างออกมาปานเพลิงไฟ
 
“ข้าอยากรู้เรื่องหนึ่ง…”
 
ไม่ทราบตั้งแต่เมื่อไหร่ สองตาต้วนหลิงเทียนพลันหดเล็กลงเผยประกายแหลมคม กล่าวถามออกมาเสียงเย็น “ทำไมพวกเจ้าถึงเลือกพวกข้า…แทนที่จะเลือกกลุ่มที่ได้รับสืบทอดมรดกของต้าหลัวจินเซียน?หรือเพราะเห็นว่าอีกฝั่งมีเซียนอมตะเสเพล 9 ทัณฑ์ที่แท้จริง?”
 
เป็นธรรมดาว่าที่ต้วนหลิงเทียนถามออกมาแบบนี้ ไม่ใช่เพราะคิดหวังให้ทั้งสองไปปล้นฝั่งซูหลี่
 
เขาแค่อยากรู้เฉยๆ
 
ว่าไฉนพวกมันสองคนถึงได้เลือกเขา แทนที่จะเป็นฝ่ายซูหลี่
 
เพราะสุดท้ายซูหลี่เป็นถึงผู้ที่ได้รับสืบทอดมรดกต้าหลัวจินเซียนมา
 
“นับว่าเจ้าถามได้ดี”
 
ผู้เฒ่าเทียนหมิงยิ้มกล่าว “สาเหตุที่ไฉนพวกเราไม่เลือกอีกฝ่าย เป็นเพราะพวกข้ารู้สึกว่าเจ้ากับพวกสมควรมียอดสมบัติสวรรค์มากชิ้นกว่า…”
 
“ถึงแม้มรดกของต้าหลัวจินเซียนจักประเสริฐ…แต่พวกเราก็ไม่อาจช่วงชิงไปจากสหายของเจ้าได้!”

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด