War sovereign Soaring The Heavens ตอนที่ 2021

อ่านนิยายจีนเรื่อง War Sovereign Soaring The Heavens ตอนที่ 2021 3Novel | อ่านนิยายออนไลน์ นิยายแปลไทย อ่านนิยายฟรี.

ตอนที่ 2,021 : เซียนสวรรค์ 3 เปลี่ยน! เปลี่ยนสู่เนตรวิญญาณ!!
 
 
ขอบเขตเซียนนภา!
 
ได้ยินคำตอบของผู้เฒ่าหั่ว ลูกตาต้วนหลิงเทียนอดไม่ได้ที่จะเบิกโพลง!
 
ต้องทราบด้วยว่าพลังฝึกปรือของเขาตอนนี้ พึ่งจะทะลวงถึงเซียนปฐพีขั้นต้นเท่านั้น!
 
หากคิดจะทะลวงผ่านขอบเขตเซียนปฐพีจนบรรลุถึงขอบเขตเซียนนภาล่ะก็ ต่อให้มีเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติช่วยเหลือ แต่นั่นก็ยังต้องใช้เวลาอีกพักใหญ่!
 
ยิ่งไปกว่านั้นกว่าจะบ่มเพาะพลังจนบรรลุขอบเขต เกรงว่าจุดรอคอยที่ต้องพบเจอคงไม่ใช่แค่เล็กน้อย!
 
“ผู้เฒ่าหั่ว…ท่านไม่ได้มองผิดแน่นะ?”
 
สูดลมหายใจเข้าลึกๆคราหนึ่ง ต้วนหลิงเทียนกล่าวถามออกไปด้วยสงสัย
 
“ไม่”
 
ผู้เฒ่าหั่วไม่เพียงตอบอย่างมั่นใจ ยังให้เหตุผลสืบต่อ “เมื่อบรรลุถึงขอบเขตเซียนสวรรค์ 3 เปลี่ยน ไม่เพียงแต่พลังเซียนต้นกำเนิดจะถูกยกระดับให้แข็งแกร่งขึ้นกว่าเซียนสวรรค์ 2 เปลี่ยนเท่านั้น ยังสมควรเกิดความเปลี่ยนแปลงเฉพาะบางประการที่ทำให้เหนือกว่าเซียนสวรรค์ 2 เปลี่ยนมากอีกด้วย”
 
“และการเปลี่ยนแปลงเฉพาะที่สมควรเกิดขึ้นเมื่อบรรลุถึงขอบเขตเซียนสวรรค์ 3 เปลี่ยนที่ข้าพูดถึง ก็คือการเปลี่ยนแปลงไปของดวงตา ข้าพบว่าสายตาของเซียนสวรรค์ 3 เปลี่ยนคล้ายจะแหลมคมขึ้นอย่างที่เซียนสวรรค์ 2 เปลี่ยนมิอาจเทียบ…”
 
ตั้งแต่ที่ต้วนหลิงเทียนมาถึงลัทธิบูชาไฟ เขาได้พบตัวตนที่มีพลังฝึกปรืออยู่ในขอบเขตเซียนสวรรค์ 3 เปลี่ยนรวมถึงสูงกว่านั้นหลายคน
 
แน่นอนคนที่เขาพบเหล่านี้ไม่ใช่ศิษย์ หากแต่เป็นชนชั้นผู้อาวุโสทั้งหลาย
 
และในช่วงที่เขาได้พบเจอตัวตนระดับอาวุโส ผู้เฒ่าหั่วเองก็ได้ค้นพบพวกมันด้วย และจากสำนึกเทวะผู้เฒ่าหั่วย่อมพบความแตกต่างระหว่างพวกมันหลายอย่าง
 
ในบรรดาเรื่องที่ผู้เฒ่าหั่วค้นพบจากเหล่าอาวุโสของลัทธิบูชาไฟ ดูเหมือนชนชั้นเซียนสวรรค์ 3 เปลี่ยนทั้งหลาย ดวงตาของพวกมัน ดูเหมือนจะได้รับความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่บางประการหลังทะลวงผ่านเซียนสวรรค์ 2 เปลี่ยนมาได้!
 
“ตัวตนขอบเขตเซียนสวรรค์ 3 เปลี่ยน…ดวงตาสมควรบังเกิดการเปลี่ยนแปลงบางอย่างงั้นเหรอ?”
 
ได้ยินคำตอบของผู้เฒ่าหั่ว ต้วนหลิงเทียนอดไม่ได้ที่จะตกใจ
 
ทันใดนั้นเขาก็คาดเดาเรื่องราวบางอย่างขึ้นในใจทันที ‘ที่เซียนสวรรค์ 1 เปลี่ยนถูกเรียกว่า เปลี่ยนสู่เซียนต้นกำเนิด เพราะพลังเซียนในร่างจะยกระดับกลายเป็นพลังเซียนต้นกำเนิด…’
 
‘และ ทั้ง 9 เปลี่ยนก็ไม่ใช่แค่การเปลี่ยนแปลงขึ้นของพลังเซียนต้นกำเนิดทำให้ระดับพลังสูงขึ้นอย่างก้าวกระโดดอย่างเดียว…ยังมีความเปลี่ยนแปลงเฉพาะอันเป็นเอกลักษณ์!’
 
‘เช่นนั้นหมายความว่า…เซียนสวรรค์ 3 เปลี่ยน ความเปลี่ยนแปลงของมันเกี่ยวข้องกับดวงตา? ทำให้ดวงตาเปลี่ยนไปเป็นแหลมคมขึ้นอะไรทำนองนั้นงั้นเหรอ?’
 
หลังจากคาดเดาจบ ต้วนหลิงเทียนก็มั่นใจว่ามันต้องเป็นอะไรทำนองนี้แน่
 
‘ไว้ศิษย์พี่หลิวอวิ๋นกลับมาค่อยถามดูแล้วกัน…ต้องโทษที่ในหอตำราที่เคยเข้าไปหาข้อมูลดันไม่ได้กล่าวถึงเรื่องนี้ไว้อย่างละเอียด…’
 
อย่างไรก็ตามแม้ต้วนหลิงเทียนจะมั่นใจว่าเขาสมควรเดาถูก แต่อย่างไรทั้งหมดก็แค่การคาดเดาของเขาเท่านั้น เช่นนั้นเขาก็คร้านจะคิดมากสืบไป เพียงรอถามหลิวอวิ๋นกลับมาก็จบ เพราะอย่างไรหลิวอวิ๋นที่เป็นเซียนสวรรค์ 2 เปลี่ยนแล้วก็น่าจะรู้ถึงเรื่องพวกนี้ดี…
 
เวลาค่อยๆไหลผ่านไปอย่างเงียบงัน
 
หลังจากนั้นราวๆครึ่งชั่วยามร่างหลิวอวิ๋นก็ปรากฏขึ้นที่สุดฟ้าไกลตา ไม่นานก็บรรลุถึงเบื้องหน้าต้วนหลิงเทียน ทำให้สองตาเขาสว่างไสวด้วยความสนใจ!
 
“เป็นอย่างไรบ้างศิษย์พี่หลิวอวิ๋น”
 
ต้วนหลิงเทียนมองถามหลิวอวิ๋นออกไปด้วยความคาดหวังทันที
 
ตอนนี้เขาไม่อาจใช้กระบี่นิลสวรรค์กับศิษย์พี่ของเวินเยี่ยน เช่นนั้นเขาจึงไม่ใช่คู่ต่อสู้ของมัน
 
หากอีกฝ่ายไม่ได้ออกไปไหนหรือปิดด่านบ่มเพาะพลังอยู่ ไม่แคล้วต้องมาเยือนถึงหน้าประตูบ้านเขาในเร็วๆนี้แน่!
 
ถึงตอนนั้นเขาก็ทำได้แค่หลบซ่อนอยู่ในบ้าน เพราะหากออกมาก็ไม่พ้นถูกศิษย์พี่ของเวินเยี่ยนทุบตีแน่นอน
 
และจากความแค้นของเวินเยี่ยนที่มีต่อเขา น่ากลัวว่าอีกฝ่ายคงไม่ทุบตีสั่งสอนเขาแค่เบาะๆ!
 
ถึงตอนนั้นไม่พ้นเขาต้องบาดเจ็บสาหัส!
 
และถ้าเขามาได้รับบาดเจ็บสาหัสหมานความว่าเขาต้องพักฟื้นรักษาตัว และเกรงว่าคงไม่อาจหายดีได้ในเวลาสั้นๆ! เช่นนั้นเขาก็ต้องพลาดไปทำงานในหอคุมกฏ!!
 
และเมื่อไม่ได้ไปทำงานในหอคุมกฏ ย่อมหมายความว่าเขาไม่มีโอกาสได้พบหน้าเค่อเอ๋อแม่ลูก!
 
นั่นคือสิ่งที่ต้วนหลิงเทียนไม่อาจยอมรับได้
 
เพราะตอนนี้เขากระทั่งอยากมีปีกงอกเงยออกมาสักคู่ จะได้เหินไปหอคุมกฏเพื่อทำงานด้วยซ้ำ
 
หากต้องล่าช้าและไม่อาจพบเค่อเอ๋อแม่ลูกได้ในเร็ววันเพราะสาเหตุนี้…เขาทนรับมันไม่ไหวจริงๆ!
 
“ฮ่าๆๆ ศิษย์น้องหลิงเทียนเจ้านับว่าโชคดีเสียจริง…ปู้หงนั่นดูเหมือนว่าจะออกเดินทางไกลไปเมื่อไม่นานมานี้ และท่าทางคงไม่กลับมาในเร็วๆนี้แน่!”
 
หลิวอวิ๋งเร่งตอบกลับไปทันที
 
‘ปู้หง’ ที่หลิวอวิ๋นพูดถึงก็คือศิษย์คนโตของจ้าวแท่นบูชามังกรคราม ศิษย์พี่ใหญ่ของเวินเยี่ยน! และเป็นศิษย์ที่แท้จริงที่มีอันดับที่ 2 ในทำเนียบยอดฝีมือ ซึ่งด่านพลังฝึกปรือได้บรรลุถึงขอบเขตเซียนสวรรค์ 3 เปลี่ยนเรียบร้อยแล้ว!!
 
“ออกเดินทางไกลงั้นเหรอ?”
 
ต้วนหลิงเทียนย่อมดีใจเป็นธรรมดาเมื่อได้ยินข่าวนี้ ขณะเดียวกันเขาก็โล่งใจไม่น้อย
 
ด้วยเหตุนี้จึงไม่ส่งผลกระทบต่อการเดินทางไปยังวังชินหั่วเพื่อรับงาน และไปทำงานที่หอคุมกฏ
 
“ศิษย์น้องหลิงเทียนถึงแม้ปู้หงมันจะออกเดินทางไกล และสมควรไม่ย้อนกลับมาในเวลาสั้นๆ…แต่ช่วงนี้เจ้าก็อย่าได้ออกไปไหนไกลเลย เร่งบ่มเพาะเพิ่มพูนพลังของเจ้าเถอะ”
 
หลิวอวิ๋นกล่าวกับต้วนหลิงเทียนเสียงเข้ม “ถึงแม้พรสวรรค์รากวิญญาณของเจ้าจะเป็นรากวิญญาณสีเหลือง แต่ตราบใดที่เจ้าพยายามให้มาก ก็ยังมีโอกาสที่จะทะลวงถึงด่านพลังเซียนนภา! ถึงตอนนั้นด้วยเวทย์พลังขั้นสูงทั้งหมดที่เจ้ามี…ก็ไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้ที่จะเอาชนะปู้หง!”
 
หลิวอวิ๋นกล่าวออกมารวดเดียวจบ
 
ในวาจายังเผยความมั่นใจในตัวต้วนหลิงเทียนไม่น้อย
 
ถึงแม้ในสายตาของมัน พรสวรรค์รากวิญญาณของต้วนหลิงเทียนจะเป็นเพียงรากวิญญาณสีเหลืองก็ตามที
 
แต่เหตุผลที่ทำให้หลิวอวิ๋นคิดแบบนี้ เพราะมันได้ประจักษ์พลังฝีมือของต้วนหลิงเทียนมากับตา ความแข็งแกร่งของต้วนหลิงเทียนนับว่ายากที่มันตอนนี้จะทัดเทียมได้ และเป็นอะไรที่ทำให้มันรู้สึกนับถือเลื่อมไสนัก
 
ต้วนหลิงเทียนเผชิญหน้ากับเวินเยี่ยน อันดับ 9 ในทำเนียบยอดฝีมือ ทว่ากลับสยบนางได้ราบคาบ!
 
พอได้ทราบเรื่องนี้ หลิวอวิ๋นก็เป็นกังวลไม่น้อย ด้วยกลัวว่าปู้หง ศิษย์พี่ของเวินเยี่ยนจะพิโรธ…
 
แต่สำหรับเรื่องที่ต้วนหลิงเทียนสามารถเอาชนะเวินเยี่ยนได้นั้น หลิวอวิ๋นไม่ได้แปลกใจอะไร
 
เพราะในวิหารเป็นตายวันนั้น กระบี่สุดท้ายที่ต้วนหลิงเทียนใช้ฆ่าหยางเหวิน ก็เป็นอะไรที่ตัวมันเองไม่อาจแลเห็นได้แม้แต่เงา จึงทำให้มันตระหนักได้ทันที…!
 
พลังฝีมือของต้วนหลิงเทียน แม้จะกวาดมองเซียนสวรรค์ 2 เปลี่ยนทั่วดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋า น่ากลัวว่าจะติดอยู่ในอันดับต้นๆ! ซึ่งเวินเยี่ยนที่มีพลังฝีมือจัดอยู่ในระดับกลางๆ ไม่ใช่อะไรที่จะเทียบเคียงได้เลย!!
 
และด้วยเหตุนี้มันยังสรุปได้อีกอย่าง
 
ด้วยพลังฝีมือที่ต้วนหลิงเทียนเผยออกวันนั้น จะติดอยู่ใน 5 อันดับแรกของทำเนียบยอดฝีมือศิษย์ที่แท้จริง ก็ไม่ถือว่าผิดแปลกอะไร
 
ดังนั้นมันก็ไม่ได้แปลกใจอะไรที่ต้วนหลิงเทียนจะเอาชนะเวินเยี่ยนได้ง่ายดาย เพราะนี่เป็นเรื่องปกติ!
 
‘รากวิญญาณสีเหลือง?’
 
ต้วนหลิงเทียนได้แต่ลอบส่ายหัวไปมาในใจหลังได้ยินคำของหลิวอวิ๋น
 
สำหรับเขา รากวิญญาณสีเหลือง เป็นดั่งปฏิทินสีเหลืองเก่าเจียนเปื่อยยุ่ยไปแล้ว…
 
เพราะตอนนี้รากวิญญาณของเขาได้เปลี่ยนไปเป็นสีน้ำเงินเรียบร้อย!
 
ด้วยมีความช่วยเหลือของเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติ…ความเร็วในการบ่มเพาะพลังของเขาตอนนี้ สามารถเทียบได้กับอัจฉริยะปีศาจที่มีพรสวรรค์รากวิญญาณสีครามด้วยซ้ำ!
 
แต่ก็เป็นเรื่องธรรมดาที่หลิวอวิ๋นจะไม่ทราบเรื่องนี้
 
เพราะในสายตาของหลิวอวิ๋น พรสวรรค์รากวิญญาณของต้วนหลิงเทียนก็เป็นเช่นเดียวกับข่าวลือที่ออกมา…รากวิญญาณสีเหลือง
 
“ศิษย์พี่หลิวอวิ๋น…”
 
ทันใดนั้นต้วนหลิงเทียนคล้ายนึกอะไรได้ออก เร่งมองถามหลิวอวิ๋นออกมาทันที “การเปลี่ยนแปลงครั้งแรกของเซียนสวรรค์ 1 เปลี่ยนคือ เปลี่ยนสู่พลังเซียนต้นกำเนิด…แล้วการเปลี่ยนแปลงของเซียนสวรรค์ 3 เปลี่ยนคืออะไรหรือ?”
 
“การเปลี่ยนแปลงครั้งที่ 3 ของขอบเขตเซียนสวรรค์ เรียกว่า ‘เปลี่ยนสู่เนตรวิญญาณ’”
 
ถึงแม้จะไม่ทราบว่าไฉนต้วนหลิงเทียนถึงกล่าวถามเรื่องนี้ออกมา แต่หลิวอวิ๋นก็ตอบกลับไปทันที
 
“เปลี่ยนสู่เนตรวิญญาณ?”
 
ลูกตาของต้วนหลิงเทียนหดเล็กลงโดยพลันเมื่อได้ยินคำตอบของหลิวอวิ๋น และตระหนักได้ว่าการเดาของเขาก่อนหน้านี้สมควรไม่ผิดพลาดแล้ว
 
การเปลี่ยนแปลงครั้งที่ 3 ของขอบเขตเซียนสวรรค์ เป็นการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับดวงตาจริงๆ!
 
ไม่แปลกใจเลยที่ไฉนผู้เฒ่าหั่วถึงได้กล่าวว่า เมื่อเทียบกับเซียนสวรรค์ 2 เปลี่ยนแล้ว เซียนสวรรค์ 3 เปลี่ยนถึงได้มีสายตาแหลมคมกว่า เป็นเพราะบังเกิดความเปลี่ยนแปลงของดวงตานี่เอง!
 
“ศิษย์พี่หลิวอวิ๋นสำหรับเปลี่ยนที่ 1 ของเซียนสวรรค์ที่เรียกว่าเปลี่ยนสู่เซียนต้นกำเนิด เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างไรข้าพอรู้มาบ้าง…”
 
“แต่ท่านรู้หรือไม่ไฉนการเปลี่ยนแปลงครั้งที่ 3 ของเซียนสววรรค์…ถึงได้เรียกว่าเปลี่ยนสู่เนตรวิญญาณ?”
 
ต้วนหลิงเทียนยังคงถามออกมาต่อ
 
“ข้ารู้”
 
ถึงแม้จะยังไม่ทราบว่าไฉนต้วนหลิงเทียนถึงได้สนใจเรื่องนี้นัก แต่หลิวอวิ๋นก็ยังคงตอบกลับไปทันที “การเปลี่ยนแปลงครั้งที่ 3 ของผู้ฝึกตนขอบเขตเซียนสวรรค์ ไฉนถึงได้เรียกว่าเปลี่ยนสู่เนตรวิญญาณนั้นเป็นเพราะว่า…เซียนสวรรค์ 2 เปลี่ยนทุกคนจำต้องใช้พลังวิญญาณขัดเกลาดวงตาของตัวเองให้กลายเป็นเนตรวิญญาณให้ได้เสียก่อน ถึงจะบรรลุขอบเขตเซียนสวรรค์ 3 เปลี่ยนได้…”
 
“ด้วยเหตุนี้ผู้ฝึกตนขอบเขตเซียนสวรรค์ 3 เปลี่ยนหรือเหนือกว่านั้น จะมีสายตาที่แหลมคม! ยังสามารถมองเห็นในสิ่งที่คนปกติไม่อาจเห็น!”
 
เมื่อกล่าวถึงจุดนี้หลิวอิว๋นคล้ายนึกอะไรออก จึงกล่าวบอกต้วนหลิงเทียนออกมาทันที “ข้าไม่ได้คุยโวอะไร แต่หากข้าสามารถขัดเกลาดวงตาให้กลายเป็นเนตรวิญญาณได้สำเร็จ ข้าอาจจะเห็นกระบี่สุดท้ายที่เจ้าใช้ฆ่าหยางเหวินได้”
 
หลิวอวิ๋นยังคงรำลึกถึงกระบี่สุดท้ายที่เป็นกระบี่สังหารของต้วนหลิงเทียนวันนั้นอยู่เสมอ
 
“ที่แท้เป็นแบบนี้นี่เอง”
 
คำอธิบายของหลิวอวิ๋นก็ทำให้ต้วนหลิงเทียนทราบว่าสิ่งที่ผู้เฒ่าหั่วกล่าวบอกนั้น ไม่มีผิดเพี้ยนแม้แต่น้อย
 
ตัวตนตั้งแต่ขอบเขตเซียนสวรรค์ 3 เปลี่ยนขึ้นไป มีสายตาที่แตกต่างไปจากคนธรรมดา
 
ดูท่าเขาจำต้องบรรลุให้ถึงด่านพลังเซียนนภาแล้วจริงๆ ถึงจะสามารถใช้กระบี่นิลสวรรค์ได้อย่างไร้ร่องรอยต่อหน้ายอดฝีมือขอบเขตเซียนสวรรค์ 3 เปลี่ยน…
 
“ว่าแต่ศิษย์น้องหลิงเทียน เจ้าถามเรื่องนี้ทำไมหรือ?”
 
หลิวอวิ๋นกล่าวถามด้วยสงสัย
 
“ข้าแค่อยากรู้น่ะ ก็เจ้าปู้หงอะไรนั่นมันบรรลุพลังฝึกปรือขอบเขตนี้ไม่ใช่หรือไง…”
 
ต้วนหลิงเทียนกล่าวตอบออกไปด้วยรอยยิ้ม ทว่าลึกลงไปในแววตากลับเผยประกายแหลมคมวูบหนึ่ง
 
ประกายแหลมคมนั่นวูบสว่างขึ้นมาค่อยดับไปดั่งละอองไฟ ยากที่หลิวอวิ๋นจะสังเกตเห็นได้ทัน
 
“ศิษย์น้องหลิงเทียน”
 
ทันใดนั้นคล้ายหลิวอวิ๋นพึ่งนึกอะไรออก มันมองจ้องต้วนหลิงเทียนค่อยกล่าวถามออกมาอีกครั้ง “ข้าได้ยินมาว่าเจ้าไปที่วังชินหั่วแล้วถามเรื่องการเข้าทำงานที่หอคุมกฏมาแล้ว กระทั่งเจ้ายังคิดจะเข้าไปทำงานที่หอคุมกฏด้วยใช่หรือไม่?”
 
“ใช่”
 
ต้วนหลิงเทียนพยักหน้าตอบรับ
 
เขาย่อมอยากเข้าไปทำงานที่หอคุมกฏ เพราะตอนนี้ลูกเมียของเขาถูกขังอยู่ที่นั่น
 
และหากเขาคิดจะช่วยทั้งคู่ออกมาให้ได้จริง เขาก็จำต้องสำรวจที่ทางให้ดีเสียก่อน ทั้งหมดเพื่อให้เขาวางแผนการช่วยเหลือได้อย่างเหมาะสม
 
“ศิษย์น้องหลิงเทียน…เจ้ารู้จักธิดาเทพใช่หรือไม่?”
 
และหลังจากที่ต้วนหลิงเทียนพยักหน้าตอบรับไปไม่ทันไร หลิวอวิ๋นก็ยิงคำถามนี้ออกมาทันที
 
และคำถามดังกล่าวของหลิวอวิ๋น ก็ทำให้ม่านตาต้วนหลิงเทียนเบิกกว้างออกเล็กน้อย
 
เพราะเขาไม่คิดจริงๆว่าอยู่ๆหลิวอวิ๋นจะยิงคำถามนี้ออกมา
 
อย่างไรก็ตามม่านตาที่เบิกกว้างออกของเขาก็หวนคืนสู่ความปกติในชั่วพริบตา จากนั้นต้วนหลิงเทียนก็กล่าวถามออกไปด้วยน้ำเสียงท่าทางปกติคล้ายคนไม่รู้เรื่องราว “ศิษย์พี่หลิวอวิ๋น ไฉนท่านถึงได้ถามเรื่องนี้เล่า?”
 
“ไม่มีอะไรหรอก ข้าแค่รู้สึกว่าเรื่องราวมันบังเอิญเกินไป…”
 
แม้ม่านตาต้วนหลิงเทียนจะเบิกกว้างขึ้นวูบหนึ่งก่อนที่จะกลับสู่ความปกติในเสี้ยวพริบตา ยากที่ใครจะสังเกตเห็นได้ทัน ทว่าหลิวอวิ๋นที่มองจ้องอยู่แต่แรกอย่างไม่วางตา…ย่อมสามารถแลเห็นความเปลี่ยนแปลงที่ยากจะเห็นนี้ได้! ทำให้มันมั่นใจในข้อสันนิษฐานของตัวเองเพิ่มขึ้นหลายส่วน!!
 
ต้วนหลิงเทียน สมควรรู้จักธิดาเทพของลัทธิบูชาไฟ!
 
“หือ? เรื่องราวมันบังเอิญเกินไป?”
 
ต้วนหลิงเทียนกล่าวถามด้ววยสีหน้างุนงง
 
“ศิษย์น้องหลิงเทียน เจ้าต้องการฟังคำตอบจริงๆ?”
 
หลิวอวิ๋นมองต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาลึกซึ้งค่อยถาม

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด