War sovereign Soaring The Heavens ตอนที่ 1942

อ่านนิยายจีนเรื่อง War Sovereign Soaring The Heavens ตอนที่ 1942 3Novel | อ่านนิยายออนไลน์ นิยายแปลไทย อ่านนิยายฟรี.

ตอนที่ 1,942 : พี่น้องสกุลหยวน
 
ถึงแม้ว่าจูลู่ฉีเองก็ได้ยินเรื่องราวที่ต้วนหลิงเทียนสังหารยอดฝีมือขอบเขตเซียนปฐพีขั้นสูงสุดได้เมื่อ 10 วันก่อนมาแล้ว…
 
อย่างไรก็ตามในใจมันคงยากจะเชื่อได้ลงคอว่าต้วนหลิงเทียนจะมีพลังฝีมือกล้าแข็งสูงส่งมากพอจะฆ่าหยางชง กำจัดภัยคุกคามได้ทันก่อนที่อีกฝ่ายจะพบพานภูมิหลังความเป็นมาได้ดั่งว่าจริงๆ…
 
นอกจากนี้หลังจากที่ตัวมันเองก็ได้ขึ้นมายังภูมิภาคเบื้องบนแห่งนี้ จึงได้รับทราบความสำคัญของพรสวรรค์รากวิญญาณ อันเป็นสิ่งที่ดั่งสวรรค์ประทานมาให้แต่กำเนิด และยังเป็นสิ่งที่ลิขิตชีวิตความเป็นไปของผู้คนในหนทางฝึกตน…
 
และพรสวรรค์รากวิญญาณของตัวมันจูลู่ฉีนั้น ก็เป็นเพียงพรสวรรค์รากวิญญาณสีเหลืองเท่านั้น ทำให้มันทราบดีว่าอนาคตของมันเบื้องหน้า…ช่างแสนเหน็บหนาวมืดมนยิ่ง…
 
ตอนแรกมันยังหลงคิดว่าด้วยอัจฉริยะภาพและพรสวรรค์ของต้วนหลิงเทียนจากเรื่องราวทั้งหมดที่ได้ประสบพบเจอ มิแคล้วอีกฝ่ายต้องเป็นอัจริยะที่มีพรสวรรค์รากวิญญาณสีน้ำเงินหรือแม้แต่กระทั่งสีครามขึ้นไปแน่!
 
อนิจจาใดๆในหล้าล้วนหาได้เป็นไปตามที่คาดคิดเสมอไม่…
 
ด้วยข่าวที่แพร่มาจากแท่นบูชาเต่าทมิฬ มันแน่นอนว่าย่อมได้รับทราบเรื่องราวพรสวรรค์รากวิญญาณของต้วนหลิงเทียน จึงได้รู้ที่แท้อัจฉริยะคนนี้ก็มีพรสวรรค์รากวิญญาณสีเหลืองดุจเดียวกับมัน…
 
พรสวรรค์รากวิญญาณสีเหลืองนั้น ลำพังบุกทะลวงให้ถึงขอบเขตเซียนนภาก็นับว่ายากเย็นเต็มกลืน! แทบไม่ต้องฝันถึงเรื่องจะทะยานแตะขอบเขตเซียนสวรรค์แม้แต่น้อย!!
 
และหยางชงผู้นั้น กลับเป็นถึงยอดฝีมืออันดับที่ 146ในรายนามยอดเซียน! เกรงว่าต่ำๆก็ต้องเป็นถึงเซียนสวรรค์ 3 เปลี่ยน…เผลอๆอาจเป็นได้ถึงเซียนสวรรค์ 4 เปลี่ยน!!
 
ต้วนหลิงเทียน ผู้ฝึกตนที่มีพรสวรรค์รากวิญญาณเพียงสีเหลือง จะไปทำอะไรหยางชงได้?
 
‘ไม่รู้ที่ผ่านมาด้านพี่กู่เป็นยังไงบ้าง…’
 
หลังจากแยกกับจูลู่ฉีแล้ว ต้วนหลิงเทียนก็เหินร่างตีวงโค้งไปตามเส้นทาง เข้าสู่ทางไปยังทางตอนเหนือของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ และตรงไปยังแท่นบูชานกไฟทันที
 
เมื่อมาถึงบริเวณใกล้ๆแท่นบูชานกไฟแล้ว ต้วนหลิงเทียนก็มไถ่ถามจากศิษย์ของแท่นบูชานกไฟทันทีว่าเขตที่พักอยู่ที่ใด หลังจากนั้นไม่นานเขาก็มาถึงเขตที่พักดังกล่าว
 
“อย่างที่พี่หลิวบอกจริงๆ เขตที่พักแท่นบูชานกไฟก็มีรูปแบบเหมือนกันกับแท่นบูชาเต่าทมิฬและแท่นบูชาพยัคฆ์ขาว…”
 
เขตที่พักของแท่นบูชานกไฟนั้นก็มีรูปแบบเหมือนกันกับเขตที่พักของแท่นบูชาที่ต้วนหลิงเทียนพบเห็นมาไม่มีผิด ปากจึงอดไม่ได้ที่จะพึมพำกล่าวออกมาขณะเหินร่างมองดูทิวทัศน์เบื้องหน้า
 
เขตที่พักของแท่นบูชานกไฟก็แบ่งออกเป็น 4 ระดับดุจเดียวกัน
 
“พี่ชายท่านนี้สบาย…ข้าขอถามอะไรจากท่านสักเล็กน้อยได้หรือไม่ มิทราบท่านรู้จักศิษย์นามกู่ลี่บ้างไหม?”
 
ต้วนหลิงเทียนลอยร่างเข้าไปประสานมือทักทายศิษย์คนหนึ่งที่พึ่งเปิดประตูออกจากบ้านด้วยความสุภาพ
 
“กู่ลี่หรือ? ข้าไม่รู้จัก”
 
ศิษย์แท่นบูชานกไฟคนนั้นเพียงเหลือบมองต้วนหลิงเทียนแล้วตอบคำกลับมาห้วนๆ ก่อนที่จะจากไปโดยไม่หันกลับมาเหลียวแลต้วนหลิงเทียนแม้แต่น้อย
 
“ดูเหมือนจะเป็นไปไม่ได้จริงๆที่ข้าจะพบคนใจดีเหมือนพี่หลิวทุกที่…”
 
มองไปยังแผ่นหลังศิษย์แท่นบูชานกไฟที่จากไป ต้วนหลิงเทียนก็ได้แต่ส่ายหัวไปมา ก่อนที่จะละสายตาจากอีกฝ่ายแล้วไปมองหาศิษย์คนอื่นทันที
 
“ขออภัยพี่ชายท่านนี้…ไม่ทราบท่านรู้จักศิษย์นามกู่ลี่บ้างหรือไม่?”
 
“ศิษย์พี่หญิง…ไม่ทราบท่านรู้จักกู่ลี่หรือไม่?”
 
……
 
ต้วนหลิงเทียนพยายามเข้าไปถามไถ่เหล่าศิษย์ที่เหินสัญจรไปตามทางทั้งศิษย์ที่พึ่งออกจากบ้าพักมาด้วยทีท่าราวกับจะรักษาม้าตายดุจม้าเป็น…
 
สำหรับการตะโกนเรียก ‘กู่ลี่’ ออกมาดังๆนั้นเขาแน่นอนว่าแอบคิดเอาไว้อยู่บ้าง…
 
อนิจจาที่นี่คือสถานที่พักของเหล่าศิษย์แท่นบูชานกไฟ หากเขาตะโกนเสียงดังออกมายังไม่รบกวนผู้คนหรือไร? น่ากลัวว่าจะสร้างความหมางใจให้ศิษย์แท่นบูชานกไฟมากมายแล้ว…เขาอาจรอดตัวหนีไปได้ แต่กู่ลี่ไม่พ้นต้องมาตามล้างตามเช็ดเรื่องที่เขาก่อแน่นอน…
 
เรียกว่าหากเกิดเรื่องแบบนั้นขึ้นจริง ความเป็นอยู่ของกู่ลี่ในแท่นบูชานกไฟหลังจากนี้ คงยากจะมีคืนวันอันดีได้อีก…
 
หน้ากระท่อมไม้ชั้น 4 หลังหนึ่งที่ต้วนหลิงเทียนกำลังเหินวนหาคน พอดีมีเหล่าศิษย์กลุ่มหนึ่งกำลังนั่งสนทนากันไปตามประสา
 
และหนึ่งในนั้นมิคาดพอมันเห็นร่างต้วนหลิงเทียนที่เหินมาคิ้วมันพลันยู่ย่นเป็นปมทันที คล้ายพบเห็นอะไรบางอย่าง
 
“เอ๊ะ…เจ้านั่น ไฉนแลดูคุ้นหน้านักนะ เจ้าศิษย์แท่นบูชาเต่าทมิฬที่เหาะอยู่คนนั้นน่ะ พวกเจ้าดูเถอะ มันใช่เข้าร่วมแท่นบูชาจตุรลักษณ์พร้อมกับพวกเราหรือไม่?”
 
ต่อมาศิษย์คนนั้นก็สะกิดให้สหายทั้ง 2 ที่อยู่ใกล้ๆมองขึ้นไปด้านบนด้วย
 
ทันใดนั้นศิษย์ทั้ง 2 ก็เงยหน้าขึ้นไปมองทันที และพวกมันก็ได้เห็นร่างต้วนหลิงเทียนเช่นกัน
 
“เฮ่ย! ช้าก่อนสหาย…นั่นมันต้วนหลิงเทียนไม่ใช่รึไง!”
 
ลูกตาศิษย์คนหนึ่งของแท่นบูชานกไฟหดหยีลงทันที “ข้าจำมันได้…วันนั้นเป็นเจ้านี่ล่ะที่ฆ่าลูกชายคนรองของหยางชงอาวุโส 5 แห่งวังอุดรไพศาล ‘หยางหวู่’กับมือ! ยังลงมือต่อหน้าต่อตาอาวุโสหลี่อันของแท่นบูชาเต่าทมิฬด้วย!!”
 
“ต้วนหลิงเทียน!?”
 
ศิษย์แท่นบูชานกไฟอีกคนพอยืนยันตัวตนต้วนหลิงเทียนได้ ลูกตามันก็ทอประกายวูบวาบ ก่อนที่จะลุกขึ้นและรีบร้อนเหินร่างจากไปทันที
 
“เจ้าบ้านี่จริงๆเลย! มันจะรีบไปไหนของมันเล่า!?”
 
“ข้าว่ามันรีบไปหาหยวนค่วงไม่ผิดแน่”
 
“หยวนค่วง? ให้ตายเถอะข้าเกือบลืมเรื่องศิษย์พี่หยวนค่วงไปแล้ว เห็นว่าอยากให้ต้วนหลิงเทียนนั่นมาเยือนแท่นบูชานกไฟสักครามาตลอด…เพราะอยากเจอหน้าต้วนหลิงเทียน เช่นนั้นสหายของมันอย่างกู่ลี่เลยโดนดีอยู่บ่อยๆ!”
 
……
 
เสียงกระซิบกล่าวของศิษย์แท่นบูชานกไฟนั้น ต้วนหลิงเทียนที่เหินร่างอยู่บนฟ้าสูงแน่นอนว่าย่อมไม่ได้ยิน
 
อย่างไรก็ตามศิษย์ที่รีบร้อนจากมาก่อนหน้านั้น ตอนนี้มันแจ้นมาถึงบ้านพักชั้น 3 หลังหนึ่งก่อนที่จะเคาะประตูปึงปังอย่างรีบร้อน
 
“มีเรื่องอะไร?”
 
ประตูดังกล่าวไม่นานก็ถูกผลักออกโดยแรง ปรากฏร่างชายหนึ่มคนหนึ่งเดินออกมาด้วยใบหน้าไม่สบอารมณ์สักเท่าไหร่ที่ถูกรบกวน
 
“ศิษย์พี่หยวนค่วงเป็นต้วนหลิงเทียน! ต้วนหลิงเทียนมาถึงนี่แล้ว!!”
 
เมื่อศิษย์แท่นบูชานกไฟได้เห็นชายหนุ่มที่เปิดประตูออกมาด้วยใบหน้าบึ้งตึง มันก็รีบกล่าวคำเสียงดังมือยังชี้ขึ้นฟ้าไปยังร่างหนึ่งไกลตาบนฟ้าทันที
 
“ต้วนหลิงเทียนรึ?”
 
หยวนค่วงพอได้ยินแววตาก็ทอประกายลึกล้ำ จากนั้นมันก็หันมองไปตามทิศทางที่ศิษย์ก่อนหน้าชี้ไปทันที
 
และมันก็สามารถจดจำคนได้แทบจะทันที “เป็นมันจริงๆ! มันมาแท่นบูชานกไฟของพวกเราทำอะไร?หรือเจ้ากู่ลี่นั่นมันกระดูกแข็งได้ไม่นาน สุดท้ายก็เรียกมันมาหาแล้ว?”
 
“มิน่าจะใช่”
 
ศิษย์แท่นบูชานกไฟพลันส่ายหัวกล่าว “ศิษย์พี่หยวน ท่านก็เห็นแล้วว่ากู่ลี่มันกระดูกแข็งทั้งดื้อรั้นปานใด…ข้าคิดว่าต่อให้พวกเราตีมันให้ตายมันก็คงไม่เรียกต้วนหลิงเทียนมายุ่งแน่…ข้าคิดว่าครานี้ไม่ 8 ก็ 9 ส่วนที่ต้วนหลิงเทียนมันมาของมันเอง”
 
“ดูเหมือนมันกำลังเหินร่างวนไปวนมาคล้ายจะถามอะไรจากผู้คนอยู่…ท่าทางจะเป็นมันนึกมาหากู่ลี่ด้วยตัวเองจริงๆ แต่ดูเหมือนมันเองก็ยังไม่รู้ว่ากู่ลี่พักอยู่ที่ใด…”
 
หยวนค่วงพึมพำกล่าวออกมา ในลูกตาเผยประกายเย็นเยียบหนึ่ง
 
หลังจากนั้นมันก็เหินร่างขึ้นไปบนฟ้าทันที และมาถึงเขตเกาะลอยของเรือนชั้นรองที่มีอยู่นับร้อย
 
ครู่ต่อมามันก็ไปหยุดเคาะประตูเรือนชั้นรองหลังหนึ่ง
 
ปึง! ปึง! ปึง!
 

 
เรียกว่ามาถึงหยวนค่วงก็กระหน่ำเคาะประตูอย่างแรง คล้ายจะไม่กลัวคนที่อยู่ด้านไหนตำหนิแม้แต่น้อย
 
ปังงง!!
 
ครู่ต่อมาประตูก็เปิดอ้าออกอย่างแรงคล้ายถูกถีบ ยังมีร่างหนึ่งก้าวเดินออกมาด้วยใบหน้าบิดเบี้ยวปั้นยากนัก
 
อย่างไรก็ตามเมื่อพบว่าผู้ที่ยืนอยู่หน้าประตูเป็นหยวนค่วง อารมณ์ขุ่นมัวของมันก็จางหายไปในพริบตา รีบกล่าวถามออกมาด้วยสงสัยเสียงอ่อนทันที “เสี่ยวค่วง…ไฉนมาหาพี่ได้เล่า?”
 
ผู้ที่อยู่ด้านหลังประตูนั้น ก็เป็นชายหนุ่มคนหนึ่ง แถมหน้าตายังละม้ายคล้ายหยวนค่วงหลายส่วน
 
“ท่านพี่ เจ้าต้วนหลิงเทียนนั่นมันมาแล้ว!”
 
หยวนค่วงเร่งกล่าวออกมา พร้อมหันหน้าชี้มือชี้ไม้ไปทางต้วนหลิงเทียนทันที
 
ชายหนุ่มที่พึ่งเปิดประตูออกมาพบคนผู้นี้ก็ไม่ใช่ใครอื่นมันคือ หยวนหง  พี่ชายของหยวนค่วงเอง
 
หลังได้ยินคำของหยวนค่วง ทันใดนั้นลูกตาของหยวนหงก็คล้ายจะลุกวาวส่องแสงขึ้นมา มันหันไปมองตามทางที่นิ้วหยวนค่วงชี้ไปทันที “เป็นชุดศิษย์แท่นบูชาเต่าทมิฬจริงๆ…เสี่ยวค่วงเจ้าแน่ใจแล้วหรือว่ามันคือต้วนหลิงเทียน?”
 
“ท่านพี่ ท่านอย่าได้ลืมไป ว่าวันที่มันกับหยางหวู่ประลองเป็นตายกันข้าเองก็อยู่ในเหตุการณ์ด้วย…ไหนเลยข้าจะจดจำไม่ได้ว่ามันคือต้วนหลิงเทียน!”
 
หยวนค่วงกล่าวออกด้วยความมั่นใจถึงที่สุด
 
“อย่างไรก็ตามในเมื่อกู่ลี่กระดูกแข็งนั่นมิได้เรียกมันมา…และเหมือนมันคล้ายกำลังถามหาคนอยู่ 9 ใน 10 ส่วนล้วนมิพ้นกำลังหากู่ลี่สหายมันอยู่แน่!”
 
หยวนค่วงกล่าวออกอีกครั้ง
 
“ข้าคิดจะบุกไปหามันถึงที่อยู่พอดี…มิคาดมันกลับมาเคาะประตูข้าเองเช่นนี้ ประเสริฐนัก!”
 
หยวนหงเพ่งมองร่างต้วนหลิงเทียนบนฟ้าด้วยสายตาเยียบเย็น ใบหน้ายังเผยความเหี้ยมโหดออกมา
 
“แต่ท่านพี่ ข่าวที่ได้มาจากแท่นบูชาเต่าทมิฬเมื่อสองวันก่อน…ต้วนหลิงเทียนผู้นี้ดูเหมือนจะมีเวทย์พลังขั้นสูงถึง 2 ชนิด ทำให้แม้พลังฝึกปรือมันมีเพียงเซียนปฐพีขั้นต้น…แต่กลับเอาชนะศิษย์ยอดฝีมือขอบเขตเซียนปฐพีขั้นสูงสุดได้ กระทั่งยังฆ่าตายมากับมือ…”
 
หยวนค่วงกล่าวสืบต่อ “เห็นว่าศิษย์ยอดฝีมือผู้นี้คืออัจฉริยะผู้มีพรสวรรค์รากวิญญาณสีน้ำเงิน อาวุโสหลี่อันเองก็คิดจะรับเป็นศิษย์อีกด้วย หากยังมิตกตายมิพ้นต้องได้เป็นอาจารย์อาของท่านแล้ว ท่านพี่!”
 
“ยังดีที่ท่านอาจารย์ยังมิรับทราบเรื่องนี้ หาไม่แล้วคงได้มีโมโหนัก!”
 
หยวนหงมองต้วนหลิงเทียนที่ลอยร่างไกลตาด้วยสายตาเยียบเย็น “ในที่สุดท่านบรรพจารย์ก็พบคนที่เหมาะจักเป็นศิษย์ส่วนตัวในรอบหลายปี มิคิดเลยว่ากลับต้องมาตกตายด้วยน้ำมือของต้วนหลิงเทียนนั่น! เห็นชัดว่าต้วนหลิงเทียนมันคิดจะต่อต้านท่านอาจารย์ปู่ถึงที่สุดถึงได้กล้าลงมือฆ่าคน!”
 
“วันนี้ข้าหากไม่ทุบตีสอนสั่งบทเรียนให้มันหลาบจำสักคราเพื่อระบายแค้นให้ท่านบรรพจารย์อย่าได้เรียกข้าหยวนหง!”
 
ยามกล่าวประโยคนี้น้ำเสียงของหยวนหงช่างฟังอำมหิตนัก!
 
“แต่ท่านพี่ พลังฝีมือของมันก็มิใช่ชั่ว เรื่องนี้…ไม่ง่ายเลย”
 
หยวนค่วงกล่าวเตือน
 
“ไม่ง่ายอันใด? มิใช่มันก็แค่เทียบได้กับเซียนปฐพีขั้นสูงสุดรึไร! กลับกันข้าได้ทะลวงถึงเซียนนภาขั้นต้นมาตั้งแต่ต้นปีแล้ว คิดทุบตีมันยังจะยากอันใดไปกว่าเตะสุนัขสักตัว!?”
 
หยวนหงกล่าวค่อนแคะออกมาด้วยวาจาดูหมิ่น
 
หยวนหงคนนี้เป็นลูกศิษย์แท่นบูชานกไฟ พลังฝึกปรือของมันบรรลุถึงเซียนนภาขั้นต้นแล้ว
 
นอกจากนี้มันยังมีอีกฐานะหนึ่ง
 
มันเป็นศิษย์ส่วนตัวของศิษย์คนโตอาวุโสหลี่อัน ผู้เป็นอาวุโสเพลิงเงินอันดับ 1 แห่งแท่นบูชาเต่าทมิฬ
 
ในลำดับอาวุโสแล้ว หลี่อันเป็นดั่ง บรรพจารย์ของมัน!
 
ถึงแม้ศิษย์คนโตของหลี่อันจะมีพรสวรรค์รากวิญญาณสีน้ำเงิน ทว่าด้วยความที่ยังมีวัยวุฒิไม่ถึงจึงยังเป็นเพียงอาวุโสเพลิงทองแดงเท่านั้น…
 
แต่อย่างไรก็ตามด้วยพรสวรรค์รากวิญญาณสีน้ำเงิน สักวันศิษย์คนโตของหลี่อันคนนี้ไม่พ้นต้องได้กลายเป็นอาวุโสเพลิงเงินแน่นอน!
 
กระทั่งเรื่องจะเป็นถึงอาวุโสเพลิงทองก็ไม่ใช่เรื่องไกลเกินเอื้อม!
 
เช่นนั้นหยวนหงจึงรู้ดีว่าอนาคตของมันสดใสเพียงไร
 
นอกจากนี้มันยังรู้สึกว่าตัวเองมีโชคนักที่ได้มีวาสนากราบอาจารย์ที่มีอนาคตไกลเช่นนี้ ทั้งๆที่ตัวมันเองก็มีแค่พรสวรรค์รากวิญญาณสีเขียวเท่านั้น…เช่นนั้นแล้วเพื่อให้อาจารย์ของมันรักและเอ็นดูให้ความสำคัญกับมันมากขึ้น มันจึงคิดหาทางสร้างความพึงพอใจให้อาจารย์ของมันเสมอมา
 
บังเอิญน้องชายของมัน หยวนค่วง ก็มีวาสนาได้เข้าร่วมกับลัทธิบูชาไฟเช่นกัน มันจึงอ้างนามอาจารย์ขอให้อาวุโสเพลิงเงินแท่นบูชานกไฟที่ไปคัดสิษย์วันนั้นรับตัวน้องชายของมันมาอยู่ที่แท่นบูชานกไฟแห่งนี้ด้วย
 
นั่นทำให้มันได้รับทราบเรื่องราวที่ว่ามีศิษย์ใหม่คนหนึ่งได้สร้างความแค้นเคืองให้แก่อาวุโสหลี่อันผู้เป็นดั่งบรรพจารย์ของมัน!
 
พริบตานั้นมันก็รู้ได้ทันทีว่าฟ้าได้ส่งหนทางสร้างความดีความชอบมาให้มันแล้ว…
 
ตราบใดที่มันทุบตีต้วนหลิงเทียนให้หลาบจำจนไม่กล้าหืออือได้ล่ะก็ นี่ต้องสร้างความพึงพอใจครั้งใหญ่ให้แก่ท่านบรรพจารย์เป็นแน่! สุดท้ายท่านบรรพจารย์มิพ้นต้องชมเชยอาจารย์ของมันว่ามีมันเป็นศิษย์อันประเสริฐ เช่นนี้ไหนเลยอาจารย์ยังไม่โปรดปรานเอ็นดูมันมากขึ้นได้?!

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด