War sovereign Soaring The Heavens ตอนที่ 1759

อ่านนิยายจีนเรื่อง War Sovereign Soaring The Heavens ตอนที่ 1759 3Novel | อ่านนิยายออนไลน์ นิยายแปลไทย อ่านนิยายฟรี.

ตอนที่ 1,759 : กู่ซืออวิ๋น
 
ในตำหนักฟ้าลี้ลับนั้นแม้จะไม่มีเซียนมนุษย์ที่มีพรสวรรค์ด้านพลังวิญญาณสูงล้ำจนมีสำนึกเทวะร้ายกาจถึงขั้นใช้วิชาควาญวิญญาณได้ หากแต่ก็ไม่ขาดเซียนปฐพี!
 
เช่นนั้นจึงไม่นับว่ายากเย็นอะไรที่ตำหนักฟ้าลี้ลับจะใช้วิชาควาญวิญญาณหาข้อมูล!
 
‘อย่างไรเสียอีกแค่ 10 วันแดนลับเซียนก็จะเปิดแล้ว…ถึงตำหนักฟ้าลี้ลับคิดลงมือจัดการคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องจริง แต่อย่างน้อยๆก็คงต้องรอเรื่องแดนลับเซียนจบก่อนล่ะนะ…’
 
การเปิดแดนลับเซียนนั้น ผู้ที่จะดำเนินการเปิดก็คือจ้าวตำหนักฟ้าลี้ลับ!
 
ไม่ต้องกล่าวถึงเรื่องช่วงเวลาสำคัญแบบนี้ที่ตำหนักฟ้าลี้ลับคงไม่ว่างไปถล่มคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องเลย
 
ต่อให้ไม่มีแดนลับเซียน เกรงว่าการจะบุกคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องก็ต้องใช้เวลาปรึกษาหารือ วางแผนกันให้ดีเสียก่อน
 
แม้คฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องจะด้อยพลังกว่าตำหนักฟ้าลี้ลับ แต่มันก็ไม่ใช่ตะเกียงไร้น้ำมัน อย่างไรเสียก็เป็นขุมพลังชั้น 4 ขุมหนึ่ง
 
หากตำหนักฟ้าลี้ลับเลือกที่จะบุกไปปะทะตรงๆไร้แบบแผน…ถึงแม้ว่าจะชนะแน่นอน แต่เกรงว่ายากจะหลีกเลี่ยงการบาดเจ็บสูญเสีย! แน่นอนว่าเรื่องเท่านี้คงไม่ได้ถึงขั้นกระทบต่อรากฐานของตำหนักฟ้าลี้ลับอะไร
 
แต่หากตำหนักฟ้าลี้ลับสามารถเอาชนะคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องได้โดยไร้การสูญเสีย กระทั่งสามารถบุกถล่มม้วนเดียวจบได้ง่ายๆ ไม่ใช่ว่าเป็นเรื่องประเสริฐกว่าหรือ?
 
หากวางแผนให้ดี ขุมพลังกึ่งชั้น 3 ย่อมมีพลังเช่นนั้น!
 
“ช้าก่อน!”
 
ต้วนหลิงเทียนที่เหินกลับมาจนถึงที่พัก พอเขากำลังจะเปิดประตูเข้าบ้านก็มีเสียงหนึ่งทักขึ้นมาเสียก่อน
 
ไม่ต้องหันกลับไปดู ต้วนหลิงเทียนก็รู้ว่าเจ้าของเสียงเป็นใคร…หวางเฟยเซวียน!
 
“เจ้ามีอะไรเหรอ?”
 
ต้วนหลิงเทียนหันไปมองหวางเฟยเซวียนค่อยยิ้มถาม
 
หลังจากเกิดเรื่องก่อนหน้า ใจต้วนหลิงเทียนก็เห็นหวางเฟยเซวียนเป็นสหายคนหนึ่ง
 
ถึงแม้นางจะเป็นสตรี หากแต่ยังมีความรับผิดชอบและความกล้าหาญมากกว่าบุรุษบางคนเสียอีก
 
ตอนที่เผชิญหน้ากับจ้าวไป๋ฉวี่และจ้าวเฮยถูแม้นางจะรู้ดีว่าพลังฝีมืออ่อนด้อยกว่าอีกฝ่ายมาก แต่นางก็ไม่ครั่นคร้ามแม้แต่น้อย
 
โลกนี้ไม่ขาดคนรอแต่งหน้าเค้ก หากแต่ผู้ที่คอยส่งถ่านกลางหิมะนั้นหายากนัก!
 
เมื่อเห็นว่าต้วนหลิงเทียนกลับมามองทั้งส่งยิ้มให้เช่นนี้ หวางเฟยเซวียนถึงกับหน้าแดงขึ้นมาทันที
 
อีกทั้งนางยังสัมผัสได้ชัดว่าว่าสายตาที่ต้วนหลิงเทียนใช้มองนางนั้น ได้เปลี่ยนทัศนคติที่มีต่อนางไปแล้ว นับเป็นอะไรที่ทำให้นางดีใจนัก!
 
“ก็ไม่มีอะไรมากหรอก…แค่อยากถามว่าเจ้ารู้จักกับศิษย์พี่กู่ลี่มาก่อนงั้นหรือ?”
 
หวางเฟยเซวียนกล่าวถาม
 
“อ๋อ ข้าไม่รู้จักพี่กู่มาก่อนหรอก”
 
ต้วนหลิงเทียนส่ายหน้าไปมา อันที่จริงเขาพึ่งรู้จักกับกู่ลี่วันนี้เท่านั้น เมื่อวานกระทั่งชื่อยังไม่เคยได้ยินด้วยซ้ำ…
 
แน่นอน่วานี่ไม่ใช่เพราะกู่ลี่ไม่มีชื่อเสียง แต่ต้วนหลิงเทียนไม่ได้สนใจเอง
 
“งั้นจริงๆเหรอที่ศิษย์พี่กู่ลี่ช่วยเจ้าทั้งๆที่ไม่รู้จัก เพราะถูกใจศักยภาพพรสวรรค์และนิสัยของเจ้า?”
 
คำพูดของต้วนหลิงเทียนแน่นอนว่าหวางเฟยเซวียนย่อมเชื่อถือ และนั่นทำให้นางอดไม่ได้ที่จะมองถามต้วนหลิงเทียนออกมาด้วยความประหลาดใจ
 
“ก็ไม่ใช่แค่นี้หรอก”
 
ต้วนหลิงเทียนไม่คิดปิดเรื่องนี้กับหวางเฟยเซวียน “เจ้าจำผู้อาวุโสที่เฝ้าสระวิญญาณของวังนภาได้รึเปล่า…นั่นคืออาจารย์ของบิดาพี่กู่เขาน่ะ เรียกว่าท่านเป็นบรรพจารย์ของพี่กู่…และเป็นเพราะผู้อาวุโสท่านนั้นกล่าวเล่าเรื่องข้าให้พี่กู่ฟัง เขาเลยสนใจข้าขึ้นมาน่ะ”
 
“วันนี้พี่กู่ก็เลยมาหาข้า…ต่อมาก็ออกหน้าช่วยข้าเพราะถูกชะตานิสัยข้า”
 
ต้วนหลิงเทียนกล่าวออกมารวดเดียวจบ
 
“ท่านผู้อาวุโสคนนั้น…คืออาจารย์ของท่านอาวุโสผู้พิทักษ์กู่เลยหรือ!?”
 
หลังได้ฟังคำของต้วนหลิงเทียน หวางเฟยเซวียนอดไม่ได้ที่จะอ้าปากค้าง เสียงกล่าวยังสั่นไปเล็กน้อยเห็นได้ชัดว่าตกใจพอสมควร
 
อาวุโสผู้นั้นถึงกับเป็นอาจารย์ของอาวุโสผู้พิทักษ์กู่!
 
ในตำหนักฟ้าลี้ลับอาวุโสผู้พิทักษ์ทั้ง 2 นั้นเพียงมีพลังฝึกปรือด้อยกว่าจ้าวตำหนักเท่านั้น!
 
นี่แสดงให้เห็นว่าฐานะของชายชราแขนเดียวที่เฝ้าสระวิญญาณนั้นไม่ใช่ต่ำต้อยเลย!
 
หลังจากอึ้งไปพักหนึ่ง หวางเฟยเซวียนก็ดึงสติกลับมาได้ นางหันไปมองกล่าวกับต้วนหลิงเทียนอีกครั้ง “ข้ามาหาเจ้ายังมีอีกเรื่องหนึ่ง…อีกคนที่มาจากคฤหาสน์ข้ามฟ้าที่ไม่ได้อยู่ในวังนภานั้น มันไม่อาจชิงสิทธิ์เข้าแดนลับเซียนมาได้เหมือนกัน เช่นนั้นหนี้บุญคุณที่เจ้าติดค้างอาวุโสของพวกมันไว้ ครั้งนี้คงยากใช้คืนแล้ว”
 
“อา”
 
ต้วนหลิงเทียนพยักหน้ารับทราบ เขาไม่ได้แปลกใจกับเรื่องนี้สักเท่าไหร่ เพราะไม่แน่ใจแต่แรกแล้วว่าศิษย์คฤหาสน์ข้ามฟ้าอีกคนจะชิงสิทธิ์เข้าแดนลับเซียนมาได้หรือไม่…
 
“เอาล่ะที่ต้องบอกก็บอกเจ้าหมดแล้ว ข้าไม่กวนเจ้าแล้ว บ่มเพาะพลังให้ดีเถอะอีก 10 วันเจอกัน!”
 
กล่าวจบหวางเฟยเซวียนก็ลาต้วนหลิงเทียนไป
 
ต้วนหลิงเทียนก็เปิดประตูเข้าบ้าน ก่อนที่จะเดินเข้าไปในห้อง เมื่อปิดหน้าต่างอะไรดีแล้วเขาก็วูบร่างเข้าเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติไปทันที 10 วันด้านนอกนั้นเท่ากับ 50 วันบนชั้น 3 ของเจดีย์หลิงหลง!
 
ระยะเวลาเกือบ 2 เดือนเช่นนี้ มากพอที่จะทำให้ต้วนหลิงเทียนปรับปรุงพลังฝึกปรือ ทั้งเข้าใจเต๋ากระบี่จากยอดใจกระบี่มากขึ้น
 
ในขณะที่ต้วนหลิงเทียนกำลังบ่มเพาะพลังในเจดีย์ ตำหนักฟ้าลี้ลับที่สงบก็คล้ายจะบังเกิดคลื่นก่อตัว
 
หลังจากที่กู่ลี่แยกกับต้วนหลิงเทียนมา มันก็เร่งไปหาบิดาของมัน 1 ใน 2 อาวุโสผู้พิทักษ์ของตำหนักฟ้าลี้ลับ กู่ซืออวิ๋น ทันที
 
“ลี่เอ๋อ เจ้ารีบร้อนมาหาพ่อเช่นนี้มีเรื่องอันใดหรือ?”
 
หากเป็นคนอื่นบุกเข้ามาหามันตอนที่กำลังปิดด่านบ่มเพาะแบบนี้ กู่ซืออวิ๋นคงหัวเสียหนักข้อแน่แล้ว ทว่าเมื่ออีกฝ่ายเป็นบุตรชายคนเดียว มันไม่เพียงหัวเสีย แต่ยังยิ้มถามอย่างสนใจ
 
“ท่านพ่อขออภัยด้วย หากเลือกได้ข้าก็ไม่อยากขัดจังหวะบ่มเพาะของท่าน…ทว่าเรื่องนี้สำคัญเกินไป”
 
กู่ลี่กล่าวขอขมาบิดาตัวก่อน ค่อยกล่าวสืบต่อด้วยสีหน้าจริงจัง
 
“หืม? มีเรื่องอะไรหรือ?”
 
กู่ซืออวิ๋นย่อมรู้นิสัยบุตรชายคนเดียวของมันดี หากไม่ใช่เรื่องสำคัญจริงๆ สีหน้าคงไม่จริงจังขนาดนี้
 
บางทีอาจเพราะติดเชื้อจากกู่ลี่ก็เป็นได้ สีหน้ากู่ซืออวิ๋นพลันจริงจังขึ้นมาเช่นกัน
 
กับบิดากู่ลี่ย่อมไม่มีอะไรปิดบัง รีบเล่าเรื่องราวที่สรุปได้จากการฟังความจากต้วนหลิงเทียนออกมาให้บิดารับฟังทีละเรื่องๆ
 
“ฉีจิ้ง นายน้อยคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่อง…เคล็ดบำเพ็ญมาร? แฝงเคล็ดรวมวิญญาณ?”
 
หลังได้ฟังเรื่องราวจากปากกู่ลี่ สีหน้ากู่ซืออวิ๋นอดไม่ได้ที่จะขรึมเคร่งขึ้นมาทันที
 
ในฐานะที่เป็นถึง 1 ใน 2 อาวุโสผู้พิทักษ์ของตำหนักฟ้าลี้ลับ กู่ซืออวิ๋นย่อมรู้เรื่องราวของเคล้ดบำเพ็ญมารดีกว่ากู่ลี่!
 
มันยังรู้อีกด้วยว่าเคล็ดรวมวิญญาณนั่น สามารถทำให้ผู้ฝึกมารโกงความตาย ฟื้นคืนชีวิตกลับมาได้!
 
ในภูมิภาคเบื้องบนของดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋า เคล็ดบำเพ็ญมารระดับสูงๆที่มีเคล็ดรวมวิญญาณแฝงอยู่ก็หาได้ยากมากแล้ว…ภูมิภาคเบื้องล่างยิ่งแทบไม่เคยพบเจอเลย!
 
ทว่าตอนนี้มันได้ฟังจากปากของบุตรชายตัวเอง ว่าในภูมิภาคเบื้องล่างกลับมีเคล็ดบำเพ็ญมารระดับสูงแบบนั้นอยู่!
 
ทันใดนั้นลมหายใจของกู่ซืออวิ๋นก้อดไม่ได้ที่จะถี่รัวขึ้น!
 
เคล็ดบำเพ็ญมารนั่น หากเป็นอวิชชาชั่วร้ายที่สร้างหายนะให้ผู้คนจริง มันต้องถูกทำลาย!!
 
แต่ถ้าหากไม่ใช่อวิชชาที่เบียดเบียนผู้บริสุทธิ์และเป็นภัยต่อใต้หล้า! ก็นับเป็นโอกาสอันประเสริฐของตำหนักฟ้าลี้ลับ!!
 
บางทีอาจเพราะมีเคล็ดบำเพ็ญมารนี้ อีกไม่กี่ปีตำหนักฟ้าลี้ลับอาจมีผู้ฝึกมารยอดฝีมือเกิดขึ้นมากมายก็เป็นได้! และนั่นอาจเป็นขุมพลังลับที่อาจทำให้ตำหนักฟ้าลี้ลับกลายเป็นขุมพลังกึ่งชั้น 3 ที่ร้ายกาจที่สุดในภูมิภาคเบื้องล่าง!!
 
ภูมิภาคเบื้องล่างของดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋านั้น ในสายตาคนทั่วไปพวกมันเห็นขุมพลังกึ่งชั้น 3 เป็นดั่งมหาอำนาจไร้ใดสั่นคลอน
 
ทว่าในความเป็นจริง มีเพียงขุมพลังกึ่งชั้น 3 แค่ 2 ขุมพลังเท่านั้นที่ถือเป็นมหาอำนาจยักษ์ใหญ่อย่างแท้จริง
 
ตลาดมืดหยินชาน กับตำหนักเมฆาคราม!

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด