War sovereign Soaring The Heavens ตอนที่ 1585

อ่านนิยายจีนเรื่อง War Sovereign Soaring The Heavens ตอนที่ 1585 3Novel | อ่านนิยายออนไลน์ นิยายแปลไทย อ่านนิยายฟรี.

กุญแจเปิดสระชำระมังกร
 
ทั้งเมื่อตี้จิ่วนึกถึงเรื่องที่มันได้ลอบส่งเสียงไปบอกผู้นำตลาดมืดหยินชานเรื่องต้วนหลิงเทียนก่อนหน้า มันก็ยิ่งสบายใจขึ้นมาไม่น้อย!
 
ในสายตาของมัน
 
5 ปีหลังจากนี้ก็ไม่แน่ด้วยซ้ำว่าต้วนหลิงเทียนจะยังมีชีวิตอยู่!
 
ถึงแม้อีกฝ่ายจะมีชีวิตอยู่จริงๆ แต่ก็ไม่มีวันเป็นคู่ต่อสู้ของมันได้เด็ดขาด!
 
‘คิดให้ต้วนหลิงเทียนเอาชนะข้าในอีก 5 ปีหลังจากนี้เหรอ เจ้ามันตัวโง่งมขนานแท้!’
 
ตี้จิ่วคิดไม่ถึงเลยจริงๆ ว่าต้วนหรูเฟิงจะยื่นข้อเสนอเป็นใจให้มันแบบนี้ ยังดูถูกความคิดของต้วนหรูเฟิงนัก อีกฝ่ายคิดจริงๆเหรอว่าเวลาแค่ 5 ปี ต้วนหลิงเทียนจะมีปัญญาเอาชนะมันได้?
 
“ตาแก่ข้าว่าที่ต้วนหรูเฟิงมันยื่นข้อเสนอแบบนี้ออกมา เพราะว่ามันก็ยังกริ่งเกรงเผ่ามังกรของพวกเรา เพียงแค่มันกลัวเสียหน้าที่จะเปิดเผยออกมาเท่านั้น…มันเสนอเงื่อนไขแบบนี้เพียงเพราะคิดหาทางลงให้ตัวเองเป็นแน่! มันสมควรรู้ดีกว่าใครว่าลูกมันไม่มีวันเอาชนะข้าได้ในเวลาแค่ 5 ปี!!”
 
ตี้จิ่วที่กำลังได้ใจเร่งส่งเสียงกล่าวย้ำกับตี้ชาน
 
อย่างไรก็ตามตี้ชานยังคงลังเลไม่น้อย “ที่เจ้าพูดมาข้าก็ไม่ใช่ว่าจะไม่คิด…แต่ต้วนหรูเฟิงผู้นี้สามารถก้าวขึ้นมามีอำนาจในเวลาอันสั้นนัก! จ้าวตำหนักเมฆาครามคนก่อนเป็นตัวตนเช่นไรเจ้าสมควรรู้ดี ทว่าต้วนหรูเฟิงเพียงลำพังกลับชิงอำนาจยึดครองตำหนักเมฆาครามมาได้! กระทั่งกู่มี่กับหรงหยวนเองที่ไม่ค่อยจะเชื่อฟังจ้าวตำหนักเมฆาครามคนก่อน ก็กลายเป็นเคารพนับถือต้วนหรูเฟิงหมดใจ…”
 
“ต้วนหรูเฟิงผู้นี้นับว่ามิใช่ธรรมดาอย่างแท้จริง…ที่มันกล้าเสนอเรื่องนี้ขึ้นมารวมถึงการกระทำทั้งหมดที่กระทำลงไปในวันนี้ ข้ากลัวว่าจุดประสงค์หลักของมันที่แท้ก็คือคิดให้บุตรชายของมันได้เข้าสระชำระมังกรของพวกเรา!”
 
ตี้ชานกล่าวสืบต่อ มันรู้สึกสังหรณ์ใจอย่างไรชอบกลกับเรื่องรับข้อเสนอของต้วนหรูเฟิง
 
อย่างไรก็ตามมันดูจากท่าทีของต้วนหรูเฟิงแล้ว เรื่องนี้สมควรเป็นขีดจำกัดของอีกฝ่าย
 
ดังนั้นถึงแม้ว่าตี้ชานจะไม่เห็นด้วยเพียงใดแต่มันก็ไม่ได้รีบปฏิเสธออกไป หันมากล่าวถามความเห็นตี้จิ่วก่อนแบบนี้
 
เพราะสุดท้ายแล้ว ตี้จิ่วก็สมควรเป็นผู้ที่ไม่อยากให้สิทธิ์ในการเข้าสระชำระมังกรตกไปอยู่ในมือคนนอกมากที่สุด!
 
อย่างไรก็ตามตี้จิ่วกลับเต็มไปด้วยความมั่นใจนัก
 
อีกทั้งเมื่อเห็นสีหน้าต้วนหรูเฟิงที่เริ่มเคร่งขึ้นเรื่อยๆ แถมปราณมารยังแผ่ออกมาแทบจะย้อมฟ้าให้อาสัญ คล้ายใกล้หมดความอดทนเต็มที มันก็รู้ดีว่าต้องตัดสินใจแล้ว!!
 
“ตี้จิ่ว…เจ้าแน่ใจนะว่าจักให้ข้ารับข้อเสนอมัน”
 
ตี้ชานยังกล่าวถามตี้จิ่วอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ
 
“รับตกลงรับข้อเสนอมันเร็วตาแก่! ข้าเชื่อว่ามันแค่แสร้งทำเป็นลึกลับเท่านั้น!”
 
ตี้จิ่วตอบกลับไปด้วยความมั่นใจถึงที่สุด
 
เมื่อเห็นว่าตี้จิ่วมั่นใจว่าจะเอาชนะต้วนหลิงเทียนได้มากขนาดไหน พร้อมทั้งแรงกดดันที่แผ่ออกมาจากร่างต้วนหรูเฟิง ในที่สุดตี้ชานก็หันไปพยักหน้าเห็นด้วย “จ้าวตำหนักต้วนข้าจักยอมรับข้อเสนอนี้ของท่าน เวลาเปิดสระชำระมังกรจะยืดไปเป็นหลังจากนี้อีก 5 ปี…หากต้วนหลิงเทียนบุตรชายท่านมีชัยเหนือตี้จิ่ว ลูกท่านก็ได้สิทธิ์เข้าสระชำระมังกร หากลูกชายท่านพ่ายแพ้ ตี้จิ่วจักเป็นผู้ที่ได้รับสิทธิ์เข้าสระชำระมังกร”
 
“ในเมื่อผู้นำตี้ชานเห็นด้วยกับข้อเสนอของข้า เช่นนั้นก็ส่ง 1 ในกุญแจที่ใช้เปิดสระชำระมังกรมาฝากไว้กับข้าเถอะ…จะเป็นกุญแจตะวัน หรือกุญแจจันทราก็ได้ เพื่อให้ข้ามั่นใจ”
 
หลังจากตี้ชานตกลงรับข้อเสนอ ต้วนหรูเฟิงพลันกล่าวออกมาเสียงเรียบ
 
สระชำระมังกรนั้น นอกจากจะเปิดออกทุกๆ 5,000 ปีและเข้าไปได้เดียงคนเดียวแล้ว การจะเปิดเข้าไปทุกครั้ง ยังต้องใช้กุญแจตะวัน กับกุญแจจันทรา ที่สืบทอดกันมาในเผ่าพันธุ์มังกรเพื่อใช้ในการเปิดมันอีกด้วย
 
โดยทั่วไปแล้วกุญแจทั้ง 2 จะถูกเก็บไว้กับตัวผู้นำเผ่าพันธุ์มังกร
 
ดังนั้นต้วนหรูเฟิงจึงขอกุญแจจากตี้ชานโดยตรง
 
“ท่านจ้าวตำหนักต้วน เรื่องนี้จำเป็นด้วยหรือ…เป็นไปได้หรือไม่ที่ท่านกลัวว่าข้าผู้นำเผ่าพันธุ์มังกรจะหลอกลวงท่าน?”
 
ตี้ชานขมวดคิ้ว
 
กุญแจตะวัน และกุญแจจันทรา ก็เสมือน ‘ของศักดิ์สิทธิ์’ สำหรับเผ่าพันธุ์มังกร มันย่อมไม่เต็มใจส่งมอบให้ใคร แม้ต้วนหรูเฟิงจะเอาไปเป็นการชั่วคราวก็ตามที
 
“ข้าต้องกลัว!”
 
คำตอบของต้วนหรูเฟิงนับว่าตรงไปตรงมานัก นั่นทำให้สีหน้าของตี้ชานมืดลงทันที เพราะนี่เสมือนต้วนหรูเฟิงแคลงใจในความน่าเชื่อถือของตัวมัน!
 
“ท่านจ้าวตำหนักต้วน…หากท่านไม่เชื่อใจข้า เช่นนั้นให้ข้าสาบานต่อทัณฑ์สวรรค์เก้าเก้าด้วยหรือไม่?”
 
ตี้ชานมองต้วนหรูเฟิงเขม็ง
 
“สาบานต่อทัณฑ์สวรรค์เก้าเก้าแน่นอนว่าย่อมต้องทำอยู่แล้ว แต่ข้าจะเก็บหนึ่งในกุญแจเปิดสระชำระมังกรไว้กับข้า…ท่านสามารถมั่นใจได้ผู้นำเผ่าพันธุ์มังกร หลังจากนี้อีก 5 ปี ไม่ว่าต้วนหลิงเทียนลูกชายของข้าจะชนะหรือแพ้ ข้าจะส่งมอบกุญแจนั่นคืนให้ท่าน…แน่นอนว่าข้าก็จะกล่าวคำสาบานต่อทัณฑ์สวรรค์เก้าเก้าด้วย!”
 
ต้วนหรูเฟิงกล่าว
 
เมื่อเห็นว่าต้วนหรูเฟิงกล่าวออกมาถึงขนาดนี้ ตี้ชานก็ไม่อาจปฏิเสธได้อีกต่อไป เพราะตอนนี้ถ้าขืนยังยืนกรานปฏิเสธ นั่นหมายความว่าใจมันมีเรื่องแอบแฝง!
 
‘ตี้จิ่ว ข้าหวังว่าเจ้าจะไม่ทำให้ข้าผิดหวัง’
 
ตี้ชานลอบกล่าวในใจ ก่อนที่จะยกมือขึ้นเบาๆ ปรากฏกุญแจรูปจันทร์เสี้ยวที่คล้ายทำจากหยกผุดโผล่จากความว่าง ยามต้องสะท้อนแสงตะวัน ตัวกุญแจยังเปล่งแสงออกมาเรืองรองนวลตา แลไปนับว่างดงามนัก
 
กุญแจดอกนี้คือกุญแจจันทรา 1 ใน 2 กุญแจที่ต้องใช้ในการเปิดสระชำระมังกร!
 
หลังจากได้รับกุญแจจันทรามาแล้ว ทั้งต้วนหรูเฟิงกับตี้ชานก็เอ่ยคำสาบานต่อทันฑ์สวรรค์เก้าเก้า
 
คำที่ตี้ชานกล่าวสาบานต่อทัณฑ์สวรรคืเก้าเก้าก็คือ หากต้วนหลิงเทียนสามารถเอาชนะตี้จิ่วได้ มันจะเปิดสระชำระมังกร และอนุญาตให้ต้วนหลิงเทียนเข้าไปใช้สระชำระมังกร
 
ส่วนคำสาบานต่อทัณฑ์สวรรค์เก้าเก้าของต้วนหรูเฟิงก็คือ หากต้วนหลิงเทียนพ่ายแพ้ตี้จิ่วในอีก 5 ปีหลังจากนี้ มันจะล้มเลิกความคิดใช้สระชำระมังกร และจะส่งกุญแจจันทราดอกนี้คืนให้เผ่าพันธุ์มังกรเหมือนเดิม
 
“ผู้นำตี้ชาน หลังจากนี้ 5 ปี ค่อยพบกันใหม่”
 
หลังจากกล่าวคำสาบานต่อทัณฑ์สวรรค์เก้าเก้าแล้ว ต้วนหรูเฟิงก็มองกล่าวกับตี้ชาน
 
หลังจากนั้นก็ไม่รอให้ตี้ชานกล่าวอะไรเพิ่มเติม ร่างคนกลับกลายเป็นเงาเลือนหายตัวไปต่อหน้าต่อตาตี้ชานและคนอื่นๆทันที
 
“ท่านผู้นำ เห็นชัดว่าจ้าวตำหนักต้วนมีความมั่นใจในตัวบุตรชายสูงนัก…เรื่องนี้ท่านใจร้อนเกินไปหรือไม่?”
 
อาวุโสชิงเหยียน มังกรเทพยาดาสีเขียว 5 กรงเล็บกล่าวถามด้วยใบหน้าเคร่งขรึม
 
เฉวียฉานและอาวุโสคนอื่นๆของเผ่ามังกรเองก็ขมวดคิ้วมองตี้ชานเช่นกัน
 
“ในเมื่อเรื่องราวมันบานปลายมาถึงขั้นนี้แล้ว ข้ายังจะปฏิเสธได้อีกหรือ!? พวกเจ้ามิเห็นหรือไรว่าต้วนหรูเฟิงมีนิสัยเอาแต่ใจเพียงใด แถมนั่นสมควรเป็นขีดจำกัดล่างของมันแล้ว! นอกจากนี้ตี้จิ่วที่รู้จักบุตรชายของต้วนหรูเฟิงดีที่สุดก็เต็มไปด้วยความมั่นใจนัก! และในเมื่อกระทั่งมันยังเห็นด้วยที่จะรับข้อเสนอของต้วนหรูเฟิง พวกเจ้าจะให้ข้าตัดสินใจอย่างไรได้อีก?”
 
ตี้ชานกล่าวออกด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ
 
จังหวะนี้เฉวียฉานและอาวุโสเผ่าพันธุ์มังกรคนอื่นๆก็หันไปมองตี้จิ่วเขม็ง “ตี้จิ่ว เจ้ามั่นใจแน่หรือ””
 
“ตี้จิ่ว เจ้าอย่าได้ตบหน้าตัวเองให้บวมเพื่อดูอ้วน มิใช่สักแต่จะกล่าว หากอีก 5 ปีหลังจากนี้เจ้าพ่ายแพ้ ไม่เพียงแต่เจ้าจะพลาดโอกาสอันดี เจ้ายังจะกลายเป็นคนบาปของเผ่าพันธุ์มังกร!”
 
“ตี้จิ่ว เรื่องนี้เจ้ามิอาจล้อเล่นได้!”
 
……
 
อาวุโสมังกรเทพยาดา 5 กรงเล็บแต่ละคนทยอยกันกล่าววาจาออกมาคาดคั้นตี้จิ่ว
 
“อาวุโสทั้งหลายข้าเข้าใจถึงความกังวลของพวกทานดี”
 
ตี้จิ่วว่ายตามองตี้ชานและอาวุโสคนอื่นๆ “ข้าได้เจอต้วนหลิงเทียนลูกชายของต้วนหรูเฟิงมาแล้ว วันนั้นที่ข้าเจอมัน ตัวมันก็แค่สู่เซียนขั้นสมบูรณ์แบบเท่านั้น…พวกท่านคิดจริงๆหรือว่าสู่เซียนขั้นสมบูรณ์แบบจะเอาชนะข้าได้ในอีก 5 ปีหลังจากนี้? มิต้องกล่าวถึงต้วนหลิงเทียนด้วยซ้ำ ต่อให้เป็นต้วนหรูเฟิงเองให้มันมีด่านพลังฝึกปรือเท่าลูกมันตอนนี้ ในเวลา 5 ปีมันก็ไม่มีวันเอาชนะข้าได้!!”
 
หลังจากกล่าวออกมาด้วยความมั่นใจถึงขีดสุด ตี้จิ่วก็จากไปทันที
 
ถึงแม้ว่ามันจะกล่าวออกมาด้วยความเชื่อมั่น แต่มันก็ไม่คิดประมาท!
 
หลังจากทั้งหมดแล้วเรื่องนี้ก็สำคัญใหญ่หลวง
 
ใน 5 ปีนี้มันจะปิดด่านบ่มเพาะอย่างจริงจัง มันเองก็สัมผัสได้ว่าจุดรอคอยของมันเริ่มคลายตัวแล้ว หากมันสามารถทะลวงด่านพลังได้ล่ะก็ พลังฝึกปรือของมันก็จะทัดเทียมกับ สื่อชิง มังกรเทพยาดาสีม่วง 5 กรงเล็บ อันเป็นผู้อาวุโส!
 
มันยังเชื่อมั่นอีกว่า ในอีก 5 ปีหลังจากนี้ มันสามารถเอาชนะ อาวุโสอย่าง สื่อชิง ได้!
 
แน่นอนว่านี่ไม่ใช่หมายความว่าตี้จิ่วหวาดกลัวว่าต้วนหลิงเทียนจะมีพลังฝีมือก้าวหน้าขึ้นมาจนเป็นภัยคุกคามกับมันได้ แต่มันต้องการเอาชนะต้วนหลิงเทียนด้วยพลังอำนาจที่เหนือชั้นให้ได้มากที่สุด เพื่อตอกหน้าต้วนหรูเฟิงให้รู้กันไป ว่าการตัดสินใจครั้งนี้มันโง่เขลาถึงเพียงใด!!
 
ถึงแม้วันนี้มันจะไม่กล้าหืออืออะไรยามอยู่ต่อหน้าต้วนหรูเฟิง แต่ในใจของมันก็เต็มไปด้วยความโกรธแค้น ยังคิดจะสับร่างต้วนหรูเฟิงให้แหลกเป็นพันหมื่นชิ้น!
 
แน่นอนว่ามันรู้ตัวดีว่ามันไม่มีพลังสามารถที่จะทำแบบนั้น
 
เช่นนั้นมันจึงได้แต่ใช้วิธีอื่นเพื่อตอบโต้ตัวบัดซบต้วนหรูเฟิงนั่น!
 
การประลองกับต้วนหลิงเทียนในอีก 5 ปีหลังจากนี้ เป็นโอกาสที่ฟ้าประทานมาให้มันอย่างไม่ต้องสงสัยเลย วันนั้นมันจะใช้พลังฝีมือที่แข็งแกร่งอย่างที่ต้วนหลิงเทียนทาบไม่ติด ถล่มต้วนหลิงเทียนให้ย่อยยับ บดขยี้อีกฝ่าย ให้ทั้งพ่อทั้งลูกพบพานกับความสิ้นหวัง!!
 
ความคิดในหัวตี้จิ่วตอนนี้ ต้วนหรูเฟิงแน่นอนว่าไม่รู้
 
แต่ก็แน่นอนอีกว่าต้วนหรูเฟิงไม่เคยสนใจอยากจะรู้!
 
หลังจากที่ออกมาจากเผ่าพันธุ์มังกรได้สักพัก ในที่สุดกู่มี่ที่ลอยร่างติดตามต้วนหรูเฟิงมาด้านหลังก็อดไม่ได้ที่จะถามออกมา “ท่านจ้าวตำหนัก อีก 5 ปีหลังจากนี้ นายน้อยจักสามารถเอาชนะตี้จิ่วได้จริงหรือ ถึงแม้ตี้จิ่วนั่นจักยังมิได้เติบโตเต็มที่ แต่อย่างไรมันก็เป็นถึงมังกรเทพยาดาสีทอง 5 กรงเล็บ…อาศัยพลังฝีมือของมันตอนนี้ มากพอจะยืนหยัดทัดเทียมกับอาวุโสมังกรเทพยาดา 5 กรงเล็บที่อ่อนแอที่สุดได้แล้ว…”
 
ฟังจากคำถามของกู่มี่แล้ว เห็นได้ชัดว่ามันไม่คิดว่าจ้าวตำหนักน้อยของมันอย่างต้วนหลิงเทียน จะเอาชนะตี้จิ่วได้ในเวลาแค่ 5 ปี
 
เพราะสุดท้ายแล้วมันก็รู้ดีว่าสายเลือดของตี้จิ่วมันเป็นอย่างไร มีพรสวรรค์ถึงเพียงไหน
 
กระทั่งในปัจจุบันพลังฝีมือของตี้จิ่วก็นับว่าสูงมากแล้ว ถึงแม้อีกฝ่ายจะไร้ความก้าวหน้าพัฒนาอันใดในระยะเวลา 5 ปีหลังจากนี้ แต่จ้าวตำหนักน้อยของมันก็ไม่แน่ว่าจะเอาชนะอีกฝ่ายได้!
 
“กู่มี่ เจ้าเองก็ไม่ใช่คนนอก ข้าจึงไม่คิดจะปิดบังเจ้าอีก”
 
ลูกตาต้วนหรูเฟิงทอประกายเรืองขึ้นมาวูบหนึ่ง ค่อยกล่าว “เหตุผลที่ข้ามาในวันนี้ทั้งหมดล้วนเป็นเพราะ เจตจำนงของท่านผู้เฒ่าพยากรณ์! อันที่จริงกระทั่งตัวข้าเองยังไม่เชื่อด้วยซ้ำว่าลูกชายของข้าจะสามารถเอาชนะตี้จิ่วได้ในอีก 5 ปีหลังจากนี้ เพราะเรื่องราวมันเหลือเชื่อไม่สมจริงเกินไป!”
 
กล่าวจบต้วนหรูเฟิงอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมาเฮือกหนึ่ง
 
“ท่านผู้เฒ่าพยากรณ์!?”
 
วาจาของต้วนหรูเฟิงทำให้สองตากู่มี่ลุกวาวขึ้นมาทันที
 
“อันที่จริงแล้วนับเป็นครั้งที่ 2 ที่ข้าได้พบกับท่านผู้เฒ่าพยากรณ์…ท่านผู้เฒ่าอยู่ๆก็มาหาข้าถึงตำหนักเมฆาคราม กล่าวไปด่านพลังฝึกปรือของท่านล้ำลึกนัก กระทั่งมาปรากฏตัวตรงหน้าข้าได้อย่างไรข้าก็มิอาจทราบได้…เรื่องนี้เจ้าสมควรรู้ใช่หรือไม่ว่ามันหมายความว่าอะไร?”
 
กล่าวถึงท้ายประโยคสีหน้าต้วนหรูเฟิงก็เผยความเคร่งขรึมไม่น้อย
 
“ทะ…ท่านผู้เฒ่า หรือจักเป็นยอดฝีมือจากภูมิภาคเบื้องบน?”
 
กู่มี่อึ้งไปอ้าปากหวอพักหนึ่ง ค่อยกล่าวถาม
 
“ข้ามั่นใจว่าท่านผู้เฒ่าสมควรมาจากภูมิภาคเบื้องบน…ยิ่งไปกว่านั้นข้ารู้สึกว่าพลังฝีมือของท่านผู้เฒ่า กระทั่งในภูมิภาคเบื้องบนยังนับเป็นยอดฝีมือระดับแนวหน้า!”
 
ต้วนหรูเฟิงกล่าวสืบต่อ
 
“ผู้คนล้วนกล่าวกันว่าท่านผู้เฒ่าพยากรณ์เป็นดั่งมังกรเทพยาดาเห็นหัวไม่เห็นหาง…กระทั่งผู้นำตลาดมืดหยินชานอย่างถูกู่หลิงนั่น ยังพยายามไปหาท่านผู้เฒ่าหลายครั้งหลายคราแต่สุดท้ายกลับมิเคยได้พบ…มิคิดเลยว่าท่านจ้าวตำหนักกลับมีวาสนาได้พบกับท่านผู้เฒ่าถึง 2 ครั้ง…กระทั่งท่านผู้เฒ่ายังมาหาท่านจ้าวตำหนักเองเช่นนี้!”
 
กู่มี่กล่าวออกด้วยรอยยิ้ม

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด