War sovereign Soaring The Heavens ตอนที่ 2231
ตอนที่ 2,231 : ผลิตอัจฉริยะไร้ผู้ต้านได้ตามใจ ร้อยปีในหนึ่งห้วงคิด! แนวคิดนั้นคืออะไร? นั่นหมายความว่าในห้วงเวลาชั่วพริบตาสำหรับผู้อื่น ต้วนหลิงเทียนได้ตีความเวทย์พลังปฐมเวทย์กลืนกินไปแล้วถึง 100 ปี! เรียกว่าครั้งนี้ต้วนหลิงเทียนใช้ถ้ำกาลเวลาสร้างกำไรครั้งมโหฬารจริงๆ! กระทั่งยอดคนที่สร้างถ้ำกาลเวลาขึ้นมา หากได้รู้ว่าต้วนหลิงเทียนสามารถบรรลุร้อยปีในหนึ่งห้วงคิด เกรงว่าคงตกใจแทบตายและหาคำอธิบายไม่ได้แน่นอน! แน่นอนว่าต่อให้ตกใจและพูดไม่ออก แต่มันต้องยินดีอย่างยิ่งแน่ๆ! เพราะถ้ำกาลเวลาที่มันทิ้งไว้ไม่สูญเปล่า! ถ้ำกาลเวลาของมัน หากให้คนอื่นหรือกระทั่งตัวมันเองใช้ เวลาที่จะได้รับในห้วงคิดเต็มที่ก็ไม่กี่สิบปีเท่านั้น แต่ทว่าพอผู้ใช้คือต้วนหลิงเทียนกลับทำได้ถึง 100 ปี! เรื่องนี้เป็นอะไรที่อยู่เหนือความคาดหมายของผู้สร้างไปแล้ว เพราะดูจากข้อความที่เหลือทิ้งไว้ คำว่า ‘อาจ’ มีคนได้รับเวลาหลายสิบปี…ย่อมบ่งบอกว่ามันเองก็ไม่บรรลุถึงจุดนั้น! ‘ไม่รู้เมื่อครู่หลังถ้ำกาลเวลาแสดงผลข้าใช้เวลาไปนานเท่าไหร่กันแน่’ ถึงแม้ว่าหลังใช้ถ้ำกาลเวลาแล้วต้วนหลิงเทียนจะผ่านร้อยปีในห้วงคิดเดียว… อย่างไรก็ตามเขาที่ดำดิ่งสู่ภวังค์ฌาณเพื่อตีความปฐมเวทย์กลืนกินอย่างใจจดจ่อ ได้หลงลืมเวลาไปอย่างสิ้นเชิง กระทั่งถึงจุดที่เขาไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าได้ตีความปฐมเวทย์กลืนกินซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนไม่เหลืออะไรให้เขาเข้าใจอีกอยู่พักหนึ่ง จึงค่อยตระหนักว่าตัวเองแตกฉานเรียบร้อยแล้วค่อยหยุดลง และทันทีที่เขาถอนสมาธิออกจากการตีความเวทย์พลัง เขาก็หลุดออกจากผลของถ้ำกาลเวลาทันที ด้านพลังลี้ลับในถ้ำกาลเวลานั้น มันก็อันตรธานหายไปทันทีราวกับไม่เคยมีมาก่อน สำหรับหวงเหวินจิ้งที่ยืนอยู่ไม่ไกลแล้ว ในขณะที่ต้วนหลิงเทียนผ่านเวลาร้อยปีในหนึ่งห้วงคิดนั้น…เป็นอะไรแค่ชั่วพริบตาเดียวเท่านั้น ดังนั้นนางจึงไม่อาจรู้เลยว่าต้วนหลิงเทียนได้รับเวลาจากถ้ำกาลเวลาไปเท่าไหร่ และแน่นอน ว่าเหตุผลที่ต้วนหลิงเทียนถึงได้รับร้อยปีในห้วงคิดเดียวจากถ้ำกาลเวลา ทั้งหมดเป็นเพราะปฐมเวทย์กลืนกินมันไม่ใช่เวทย์พลังธรรมดา! หากเขาใช้มันเพื่อตีความเวทย์พลังอื่นๆ เกรงว่าคงไม่มีทางที่จะประวิงเวลาได้เป็นร้อยปีแบบนี้ ปฐมเวทย์กลืนกินนั้นต่อให้มันไปปรากฏในระนาบเทวโลก ก็ยังเป็นเวทย์พลังระดับต้นๆ! ไม่ใช่อะไรที่จะนำเวทย์พลังของระนาบโลกียะไปเทียบได้เลย ยังแข็งแกร่งกว่าเซียนอมตะข้ามภพที่ต้วนหลิงเทียนมีไม่รู้ตั้งเท่าไหร่!! ขนาดต้วนหลิงเทียนที่มีความสามารถในการแตกฉานเรื่องราวต่างๆจากผลของยอดใจกระบี่แล้ว ยังต้องใช้เวลาถึง 100 ปีจากจุดเดิมถึงจะบรรลุขั้นตอนไร้ตำหนิ… จากจุดนี้ก็บ่งบอกให้รู้ชัด ว่าเป็นเรื่องยากเย็นขนาดไหนที่จะตีความมันให้แตกฉานถึงขั้นตอนไร้ตำหนิ! ‘ด้วยมีปฐมเวทย์กลืนกินที่บรรลุถึงขั้นตอนไร้ตำหนิแบบนี้…ไม่รู้ว่าถ้าลองกลืนพลังวิญญาณฟ้าดินเต็มขีดจำกัดมันจะยกระดับพลังเซียนสุริยันต้นกกำเนิดให้ข้าได้เท่าไหร่…’ พอคิดถึงจุดนี้สองตาต้วนหลิงเทียนพลันเผยประกายระยิบระยับปานดวงดารากลางฟ้ามืด ด่านพลังบ่มเพาะของเขาตอนนี้อยู่ในขอบเขตเซียนสวรรค์ 6 เปลี่ยน ก่อนที่เขาจะเข้าใช้ถ้ำกาลเวลา …หากไม่ใช้เวทย์พลังปฐมเวทย์กลืนกิน อาศัยพลังเซียนสุริยันต้นกำเนิดในร่างของเขาอย่างเดียว ก็ทำให้เขามีพลังอำนาจเหนือกว่าตัวตนที่แข็งแกร่งที่สุดในขอบเขตเซียนสวรรค์ 6 เปลี่ยน… แต่แม้จะเหนือกว่าสุดยอดฝีมือขอบเขตเซียนสวรรค์ 6 เปลี่ยน ทว่าพอยกไปเทียบกับขอบเขตเซียนสวรรค์ 7 เปลี่ยนแล้ว ยังนับว่าด้อยกว่าเล็กน้อย อาศัยเรื่องนี้เป็นพื้นฐาน ตอนเขาใช้ปฐมเวทย์กลืนกินพลังเซียนสุริยันต้นกำเนิดในร่างจะถูกยกระดับให้สูงขึ้นไปทักเทียมกับเซียนสวรรค์ 8 เปลี่ยน! ด้วยทักษะทั้งหมดที่เขามีรวมถึงเคล็ดกระบี่อยู่ที่ใจอันเป็นขั้นที่ 3 ของยอดใจกระบี่ เรียกว่าแทบจะคงกระพันในขอบเขตเซียนสวรรค์ 8 เปลี่ยน! เช่นนั้นหลังใช้ถ้ำกาลเวลาเสร็จ ต้วนหลิงเทียนจึงยินดีอย่างมากที่ปฐมเวทย์กลืนกินก้าวหน้าถึงขีดสุด! เพราะนั่นหมายความว่า… หลังจากนี้เมื่อเข้าใช้ปฐมเวทย์กลืนกิน พลังเซียนสุริยันต้นกำเนิดของเขาจะไม่หยุดอยู่ที่เซียนสวรรค์ 8 เปลี่ยนอีกต่อไป! เผลอๆอาจจะบรรลุถึงสุดปลายเซียนสวรรค์ 8 เปลี่ยน หรือกระทั่งทัดเทียมกับเซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยน!! ยิ่งคิดถึงเรื่องนี้ต้วนหลิงเทียนก็ยิ่งตื่นเต้น สองตาเขาทอแสงจ้า เร่งลุกขึ้นจากแท่นศิลาทันที ‘ปฐมเวทย์กลืนกิน!’ พร้อมกันกับที่ต้วนหลิงเทียนคิดในใจ วังวนพลังดูดรั้งอันน่ากลัวโดยมีร่างต้วนหลิงเทียนเป็นจุดศูนย์กลางพลันอุบัติขึ้น ทำให้พลังววิญญาณฟ้าดินโดยรอบปั่นป่วนทันที! วังวันพลังดูดกลืนพลังวิญญาณฟ้าดินรอบๆอย่างหิวกระหาย ยกระดับพลังเซียนสุริยันต้นกำเนิดของเขาให้เพิ่มพูนขึ้นด้วยความเร็วสูง! ‘พลังเซียนสุริยันต้นกำเนิด…มากกว่าเดิมแล้ว!’ ไม่นานต้วนหลิงเทียนก็พบได้ทันที ว่าระดับพลังเซียนสุริยันต้นกำเนิดของเขาได้เพิ่มพูนขึ้นมาเหนือกว่าเดิมแล้ว อีกทั้งพลังเซียนสุริยันต้นกำเนิดของเขายังเหลือที่ว่างให้เพิ่มพูนอีกมากมาย! อย่างไรก็ตามด้วยสถานที่ไม่เอื้ออำนวย พลังวิญญาณฟ้าดินโดยรอบได้ถูกต้วนหลิงเทียนกลืนกินจนหมดสิ้น! จึงทำให้พลังเซียนสุริยันต้นกำเนิดเพิ่มพูนขึ้นด้วยอัตราที่เชื้องช้าอย่างยิ่ง เพราะต้องรอให้พลังวิญญาณฟ้าดินจากด้านนอกหลั่งไหลมาเติม… สุดท้ายต้วนหลิงเทียนก็จำต้องล้มเลิกการลองใช้เวทย์พลังปฐมเวทย์กลืนกินไปอย่างช่วยไม่ได้ ‘ที่นี่มันแคบเกินไป พลังวิญญาณฟ้าดินมีจำกัดนัก ออกไปจากนี่แล้วค่อยลองอีกครั้ง…ที่แน่ๆปฐมเวทย์กลืนกินที่สำเร็จขั้นตอนไร้ตำหนิสามารถยกระดับพลังเซียนสุริยันต้นกำเนิดให้ข้าได้อย่างอื้อซ่ากว่าเดิมแน่!!’ คิดถึงจุดนี้ ต้วนหลิงเทียนก็เผยความตื่นเต้นยินดีอีกครั้ง หากแต่เขาก็สูดลมหายใจเข้าลึกๆเพื่อระงับอาการ สงบความคึกคักลิงโลดลง ‘นอกจากนี้เมื่อข้ารู้แจ้งในปฐมเวทย์กลืนกิน ก็ไม่ใช่เรื่องยากที่จะใช้มันเพื่อเพิ่มพรสวรรค์รากวิญญาณให้คนอื่น…กล่าวคือนับจากวันนี้ไปขอแค่มีพรสวรรค์รากวิญญาณให้ข้าดูดกลืนมากพอ ข้าจะผลิตอัจฉริยะไร้ผู้ต้านรากวิญญาณสีม่วงกี่คนก็ทำได้!’ ผลิตอัจฉริยะไร้ผู้ต้านที่มีรากวิญญาณสีม่วงเท่าไหร่ก็ได้ เรื่องนี้จะให้กล่าวอย่างไรดี? พอคิดถึงจุดนี้ความตื่นเต้นคึกคักที่สงบลงไปก่อนหน้าก็ปะทุขึ้นอีกครั้งอย่างยากที่จะสงบลงได้ในเวลาอันสั้น หลังจากนั้นพักหนึ่งต้วนหลิงเทียนก็ดึงสติกลับคืน ค่อยพบว่ามีร่างหนึ่งจ้องเขาไม่วางตา และท่าทางนางน่าจะยืนมองเขาอยู่นานแล้ว “เจ้าอยู่ในถ้ำกาลเวลานานเท่าไหร่หรือ?” ผู้ที่มองเขาแน่นอนว่าคือ โฉมงามอันดับหนึ่งของเผ่าปีศาจมนุษย์ ยังเป็นอัจฉริยะอันดับ 1 ในบรรดารุ่นเยาว์ของวังเซียนสัญจร หวงเหวินจิ้ง ถึงแม้ในสายตาของนางต้วนหลิงเทียนเสมือนนั่งลงแล้วลุกขึ้นแทบจะทันที… แต่นางรู้ดีว่าพริบตาที่ต้วนหลิงเทียนแวบหายไปเพราะถูกม่านสีเทาบดบัง อาจจะเป็นเวลาหลายปีหรือกระทั่งหลายสิบปี “ข้าเองก็ไม่รู้ว่ามันผ่านไปนานแค่ไหน…” ต้วนหลิงเทียนได้แต่ส่ายหัวเป็นการตอบหวงเหวินจิ้ง ค่อยพูดต่อว่า “อย่างไรก็ตามเวทย์พลังที่ข้าเลือกทำความเข้าใจ ได้บรรลุถึงจุดสูงสุดแล้ว…” “ตัดสินจากระดับความยากของเวทย์พลังที่ข้าเลือก เกรงว่าคงใช้เวลาไปไม่ต่ำกว่าสิบปี กระทั่งอาจจะหลายสิบปีเพราะอำนาจของถ้ำกาลเวลา” ต้วนหลิงเทียนกล่าวตอบอย่างไม่มั่นใจ นอกจากนี้ยังเห็นได้ชัดจากคำพูดของต้วนหลิงเทียน ว่ากระทั่งตัวเขาเองยังประเมินปฐมเวทย์กลืนกินต่ำเกินไป “อาจเป็นหลายสิบปีหรือ…เช่นนั้นเจ้านับว่าใช้ถ้ำกาลเวลานี่ได้คุ้มค่ายิ่ง!” หวงเหวินจิ้งกล่าว ครู่ต่อมาคล้ายนางนึกอะไรได้ออกจึงกล่าวเสริมด้วยสีหน้าจริงจังว่า “มีบางเรื่องที่ข้าไม่สมควรบอกเจ้า…แต่ในเมื่อเจ้าเป็นคนช่วยชีวิตข้าไว้ ข้าเลยตัดสินใจบอกเจ้า….” “ทั้ง 3 คนที่เจ้าฆ่าไปด้านนอกมรดกสถานแห่งนี้ล้วนมีอาวุโสวังเซียนสัญจรอยู่เบื้องหลัง…และทั้งหมดล้วนเป็นเซียนสวรรค์ 8 เปลี่ยน!” “ในเมื่อที่นี่ไม่มีอะไรมีค่าให้ฉกฉวยอีก…ข้าแนะนำว่าให้เจ้ารีบหนีไปจากกที่นี่เถอะ” ในขณะที่กกล่าวเรื่องนี้ยิ่งมาน้ำเสียงหวงเหวินจิ้งยิ่งมายิ่งเคร่งขรึม “ขอบคุณเจ้า” ได้ยินคำเตือนของหวงเหวินจิ้ง แม้ต้วนหลิงเทียนจะไม่คิดว่าเซียนสวรรค์ 8 เปลี่ยนจะเป็นภัยคุกคามอะไร แต่เขาก็รู้สึกขอบใจนางไม่น้อย เพราะสุดท้ายแล้วหวงเหวินจิ้งก็ไม่รู้ ว่าตอนนี้พลังต่อสู้ของเขาก้าวหน้าขึ้นถึงขั้นที่ไม่เห็นเซียนสวรรค์ 8 เปลี่ยนอยู่ในสายตาอีกต่อไป “แต่…ข้าไม่คิดจะไปจากที่นี่ก่อนจะตอบแทนเจ้า” ในขณะที่หวงเหวินจิ้งคิดว่าต้วนหลิงเทียนจะฟังคำเตือนและรีบจากไป ต้วนหลิงเทียนพลันกล่าวประโยคนี้ออกมา เขาต้องการตอบแทนบุญคุณของหวงเหวินจิ้ง! ต้วนหลิงเทียนย่อมรู้ดีแก่ใจ วันนี้หากไม่มีหวงเหวินจิ้งช่วยเหลืออีกแรง เกรงว่าเขาคงไม่อาจมาถึงที่นี่ได้ด้ววยซ้ำ นับประสาอะไรกับการได้ใช้ถ้ำกาลเวลาจนแตกฉานปฐมเวทย์กลืนกินถึงขั้นตอนไร้ตำหนิ! เช่นนั้นในใจเขาจึงรู้สึกติดค้างหวงเหวินจิ้ง และต้องการตอบแทนบุญคุณนี้ทันที! “ตอบแทนบุญคุณ?” มาตอนนี้หวงเหวินจิ้งพึ่งนึกถึงคำพูดก่อนหน้าของต้วนหลิงเทียน ทว่าน่างส่ายหัวไปมาค่อยกล่าวต่อว่า “ข้าไม่ต้องการให้เจ้าตอบแทนบุญคุณอะไรข้า เจ้ารีบไปให้เร็วที่สุดเถอะ…หากล่าช้าข้าเกรงว่าต่อให้เจ้าคิดไปเจ้าก็ไปไม่ได้” หวงเหวินจิ้งรู้ดีว่าเบื้องหลังนายน้อยสวะทั้ง 3 เป็นใครและพวกมันมีความสำคัญอย่างไรบ้าง! ไม่พ้นเซียนสวรรค์ 8 เปลี่ยน ผู้อาวุโสของวังเซียนสัญจรเหล่านั้นต้องเร่งรุดเดินทางมาที่นี่ทันทีหลังพบว่าไข่มุกวิญญาณของพวกมันแตกเป็นแน่!! เช่นนั้นนางจึงรีบบอกให้ต้วนหลิงเทียนหนีไป เหตผลที่นางพยายามให้ต้วนหลิงเทียนหนีไป หนึ่งเลยเป็นเพราะ ต้วนหลิงเทียนช่วยชีวิตนางไว้ ส่วนอีกอย่างนางเองก็ไม่ทราบว่าเพราะอะไร แต่นางไม่อยากเห็นชายตรงหน้าที่พึงพบกันวันแรกต้องเกิดเรื่อง นางกระทั่งไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าขณะเกลี้ยกล่อมให้ต้วนหลิงเทียนรีบจากไป น้ำเสียงยังอ่อนลงหลายส่วน! “งั้นถ้าข้าบอกว่า ข้ามีวิธียกระดับพรสวรรค์รากวิญญาณของเจ้าให้เป็นรากวิญญาณสีม่วงล่ะ…เจ้ายังแน่ใจนะว่าจะไม่รับการตอบแทนบุญคุณของข้า?” ต้วนหลิงเทียนเมินคำเกลี้ยกล่อมของหวงเหวินจิ้ง ก่อนที่จะมองถามหวงเหวินจิ้งด้วยสายตาขึงขัง รากวิญญาณสีม่วง!? ทันทีที่ประโยคนี้ของต้วนหลิงเทียนดังเข้าหูหวงเหวินจิ้ง ก็ทำให้นางอื้ออึงไปทันที กระทั่งวาจาดังกล่าวของต้วนหลิงเทียน ยังคล้ายจะดังก้องซ้ำไปซ้ำมาในหู!
คอมเม้นต์