War sovereign Soaring The Heavens ตอนที่ 2200
ตอนที่ 2,200 : ไปเอาความมั่นใจมาจากไหน? สมบัติเทวะนั้น เป็นสมบัติที่สามารถก่อเกิดจิตวิญญาณที่มีความนึกคิดขึ้นมาได้เอง! เรียกว่ามันสามารถก่อเกิดสำนึกเทวะขึ้นมาได้ด้วยตัวเอง!! และเนื่องจากอุบัติขึ้นมาจากสมบัติเทวะ เช่นนั้นจึงเรียกขานกันว่าจิตวิญญาณสถิตย์เทวสมบัติ! ส่วนยอดสมบัติสวรรค์นั้น ในฐานะที่เป็นเพียงแค่สมบัติสวรรค์ จึงไม่อาจอุบัติสำนึกเทวะหรือจิตวิญญาณอะไรขึ้นมาเองได้ หากจะให้ยอดสมบัติสวรรค์มีจิตวิญญาณสถิตย์อยู่ ก็ทำได้แค่ไปจับผู้ใดมากักขังเอาไว้ในสมบัติสวรรค์ชิ้นนั้นเท่านั้น เช่นเดียวกับผู้เฒ่าหั่ว ที่ถูกกักขังไว้ในเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติ สุดท้ายจึงเป็นดั่งจิตวิญญาณของเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติ วิญญาณที่สถิตย์อยู่ในยอดสมบัติสวรรค์อย่างผู้เฒ่าหั่ว เรียกอีกอย่างว่า จิตวิญญาณประจำสมบัติ ถึงแม้ว่าจิตวิญญาณประจำสมบัติเดิมทีจะไม่ได้เป็นหนึ่งเดียวกับสมบัติสวรรค์ แต่ก็เป็นไปไม่ได้เลยที่จะแยกตัววออกจากสมบัติสวรรค์ เว้นเสียแต่เจ้าของสมบัติสวรรค์ชิ้นนั้นๆ จะทำการปลดปล่อยออกมา… ส่วนจิตวิญญาณสถิตย์เทวสมบัตินั้น เป็นวิญญาณที่ถือกำเนิดขึ้นมาด้วยตัวเอง มีอิสระที่จะออกจากสมบัติเทวะ กระทั่งยังสามารถไปได้ทุกที่ๆอยากไป ถึงแม้ทั้งสองจะคล้ายๆกันอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ได้เหมือนกันเลย เมื่อจิตวิญญาณประเภทแรกเจอกับประเภทหลัง ก็มีแต่จะถูกสะกดข่มเอาไว้ทุกทาง เช่นเดียวกับผู้เฒ่าหั่ว ที่เป็นเพียงจิตวิญญาณประจำเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติแห่งนี้ ต่อหน้าวิญญาณกระบี่กวงหลิง ที่เป็นจิตวิญญาณสถิตย์ ‘กระบี่ผลาญฟ้าอาสัญ’ ก็ไม่มีแม้แต่พลังอำนาจจะต่อต้านอะไร ยังถูกสะกดกข่มให้หวาดกลัวไปถึงก้นบึ้งของวิญญาณ! “ใต้เท้า…ท่าน…ท่านคือจิตวิญญาณของกระบี่ผลาญฟ้าอาสัญจริงๆหรือ!?” เมื่อคิดถึงต้นกำเนิดของตัวตนเบื้องหน้า ผู้เฒ่าหั่วอดไม่ได้ที่จะลอบสูดลมหายใจเข้าเฮือกใหญ่ มองไปยังวิญญาณกระบี่กวงหลิงเบื้องหน้าอีกครั้ง ในส่วนลึกของใจนอกจากหวาดกลัวแล้ว ยังบังเกิดความอิจฉาขึ้นมาอย่างไม่ทราบสาเหตุ “ดูเหมือนว่าเจ้าเองก็เคยได้ยินเรื่องของข้ามาบ้าง…” ชายหนุ่มในชุดแดงเลือดนก ผู้เป็นจิตวิญญาณสถิตย์กระบี่ผลาญฟ้าอาสัญ กล่าวออกเสียงเบา “ใต้เท้าเป็นถึงจิตวิญญาณสถิตย์กระบี่เทวะอันดับหนึ่งในระนาบเทวโลก…ข้าน้อยจักไม่รู้ได้อย่างไร?” ผู้เฒ่าหั่วได้แต่เผยยิ้มเจื่อนๆ กระบี่ผลาญฟ้าอาสัญนั้น ให้มองไปทั่วทั้งระนาบเทวโลกทั้งมวลก็นับเป็นหนึ่งในสมบัติเทวะที่แข็งแกร่งที่สุด “กระบี่เทวะอันดับ 1 ในระนาบเทวโลก?” ได้ยินคำของผู้เฒ่าหั่ว ชายหนุ่มในชุดแดงเลือดนกวิญญาณกระบี่กวงหลิงหยีตาลงเล็กน้อย ค่อยส่ายหัวไปมาพลางกล่าวว่า “ดูเหมือนเจ้าจะออกจากระนาบเทวโลกมานานแล้วจริงๆ…จึงไม่รู้ว่าเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมาข้าได้ประมือกับ กระบี่เซียนหยวนเหยียนหวง สุดท้ายก็ได้แต่เสมอกัน” “เช่นนั้นจึงไร้ซึ่งกระบี่เทวะอันดับ 1 อีกต่อไป มีเพียงกระบี่เทวะที่แข็งแกร่งที่สุด 2 เล่มเท่านั้น…” กล่าวถึงจุดนี้ น้ำเสียงของวิญญาณกระบี่กวงหลิงก็เผยความทอดถอนออกมา เดิมที่มันก็คือกระบี่เทวะอันดับ 1 ทว่าบัดนี้มีกระบี่เทวะอีกเล่มที่มีพลังอำนาจทัดเทียมกับมันแล้ว…. ยิ่งไปกว่านั้นศักยภาพของอีกฝ่ายยังเหนือล้ำกว่ามันมาก หากมันยังไม่อาจก้าวหน้าอะไร เกรงว่าวันที่อีกฝ่ายจะก้าวข้ามมันไปก็คงอีกไม่นาน “กระบี่เซียนหยวนเหยียนหวง?” ได้ยินวาจานี้ของชายหนุ่มชุดแดงผู้เฒ่าหั่วอดไม่ได้ที่จะตกใจ กระบี่เซียนหยวนเหยียนหวง นั่นไม่ใช่ ‘กระบี่เซียนหยวน’ ของ ‘กงซุนเซียนหยวน’ จากอวี้หวงเทียนรึไง?! แต่ไม่ใช่ว่า… กระบี่เซียนหยวนนั้นเป็นแค่ยอดสมบัติสวรรค์หรือไร!? แล้วไฉนอยู่ดีๆถึงกลายเป็นกระบี่เทวะได้เล่า? แถมยังเรียกกระบี่เซียนหยวนเหยียนหวงอีก? “หากข้าจำไม่ผิด…กงซุนเซียนหยวน กับกระบี่เซียนหยวนเหยียนหวงในมือของมัน ก็มาจาก อวี้หวงเทียน ของเจ้าไม่ใช่หรือไร?” เสียงของวิญญาณกระบี่กวงหลิงดังขึ้นอีกครั้ง “มิผิด” ได้ยินคำของวิญญาณกระบี่กวงหลิง ผู้เฒ่าหั่วพลันรู้สึกตัว ก่อนที่จะเร่งพยักหน้าตอบกลับ ขณะเดียวกันในใจก็คล้ายจะบังเกิดมรสุมปั่นป่วน เพราะมันสามารถตระหนักได้ถึงเรื่องราวประการหนึ่งจากอีกฝ่าย… กระบี่เซียนหยวนเหยียนหวง ก็คือกระบี่เซียนหยวนที่มันรู้จักจริงๆ! ผู้เฒ่าหั่วไม่คิดเลยว่าจะเกิดเรื่องใหญ่โตระดับนี้ขึ้นในตอนที่มันออกจากระนาบเทวโลก ยอดสมบัติสวรรค์ของกงซุนเซียนหยวน…กระบี่เซียนหยวนนั้น ไม่เพียงแต่จะยกระดับจากยอดสมบัติสวรรค์กลายเป็นสมบัติเทวะไปแล้ว แต่ยังสามารถประชันขันแข่งกับกระบี่เทวะอันดับ 1 อย่างกระบี่ฟ้าอาสัญได้อีก! ถึงขั้นใช้นามกระบี่เทวะที่แข็งแกร่งที่สุด 2 เล่มในระนาบเทวโลกร่วมกัน! “ตอนนี้ใช่เจ้ากำลังอยากรู้หรือไม่…ว่าไฉนข้าถึงมาปรากฏในระนาบโลกียะแห่งนี้?” ทันใดนั้นเองวิญญารกระบี่กวงหลิงพลันกล่าวถามออกมา ผู้เฒ่าหั่วก็เร่งพยักหน้ารับทันที มันเองก็อยากรู้เรื่องงนี้นัก กระบี่ผลาญฟ้าอาสัญ จะอย่างไรก็เป็นกระบี่เทวะที่ไม่เป็นรองกระบี่เทวะเล่มใดในระนาบเทวโลกทั้งมวล ถึงแม้ตอนนี้จะมีกระบี่เซียนหยวนเหยียนหวงทัดเทียม ก็ไม่ใช่ว่าพลังอำนาจของมันจะอ่อนด้อยลงแต่อย่างใด ไม่ต้องกล่าวถึงผู้ใช้กระบี่ผลาญฟ้าอาสัญด้วยซ้ำ ลำพังแค่จิตวิญญาณสถิตย์กระบี่เทวะอย่าง วิญญาณกระบี่กวงหลิงผู้นี้ ก็นับเป็นตัวตนที่ทรงพลังอย่างยิ่งในระนาบเทวโลก ตัวตนระดับนี้มาปรากฏกายในระนาบโลกียะแสนต้อยต่ำ ไหนเลยผู้เฒ่าหั่วจะไม่บังเกิดความอยากรู้ได้? แน่นอนว่าผู้เฒ่าหั่วไม่ได้แปลกใจเลยว่าไฉนอีกฝ่ายสามารถมาปรากฏตัวในระนาบโลกียะเช่นนี้ได้ ตัวตนอันเป็นวิญญาณสถิตย์เทวสมบัติ อย่างวิญญาณกระบี่กวงหลิงผู้เป็นจิตวิญญาณของกระบี่ผลาญฟ้าอาสัญนั้น…ทรงพลังนัก! แข็งแกร่งจนถึงขั้นฉีกมิติทลายความว่างเปล่าได้ง่ายดาย สามารถท่องไปทั่วระนาบเทวโลกทั้งระนาบโลกียะทั้งมวลได้อย่างอิสระ…. “ที่ข้ามาที่นี่ครั้งนี้…เพราะเจ้านายคนปัจจุบันของเจ้า” วิญญาณกระบี่กวงหลิงกล่าว ฟืด! แทบจะพร้อมกันกกับที่ชายหนุ่มในชุดสีแดงเลือดนกกล่าว ผู้เฒ่าหั่วอดไม่ได้ที่จะสูดลมหายใจเข้าด้วยความตื่นตระหนก ยังแผ่สำนึกเทวะออกไปหยุดอยู่บนร่างชายหนุ่มชุดม่วงด้านนอกเจดีย์อย่างไม่รู้ตัว ชายหนุ่มชุดม่วงผู้นี้คือเจ้านายคนปัจจุบันของมัน ต้วนหลิงเทียน! แน่นอนว่าต้วนหลิงเทียนไม่ได้รู้เลยว่าตอนนี้ภายในเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติเกิดเรื่องอะไรขึ้น เพราะตอนนี้เขากำลังเผชิญหน้ากับกลุ่มคนของลัทธิอารามทมิฬ พร้อมกับผู้พิทักษ์อีก 4 คนของลัทธิบูชาไฟ กลุ่มคนของลัทธิอารามทมิฬที่นำโดยมหาธรรมราชาทั้ง 2 ก็กำลังมองมายังร่างต้วนหลิงเทียนอย่างเอาเรื่อง! แววตาของพวกมันไม่ปกปิดจิตสังหารแม้แต่น้อย! เรียกว่าบรรยากาศระหว่าง 2 ฝ่ายช่างคลุ้งกลิ่นดินปืนนัก! ราวกับพร้อมจะปะทุระเบิดฆ่าฟันกันได้ทุกเวลา! ฟุ่บ! ฟุ่บ! เสียงแหวกฝ่าสายลม 2 เสียงดังขึ้นจากด้านหลังกกลุ่มต้วนหลิงเทียน ไม่นานก็ปรากฏร่าง 2 ร่างที่พึ่งเหินมาถึง “ท่านผู้พิทักษ์ทั้ง 5 ให้พวกเราช่วยพวกท่านอีกแรง!” สองคนที่พึ่งมาถึงนี้ ไม่ใช่ใครที่ไหนแต่เป็นรองจ้าวลัทธิบูชาไฟทั้ง 2 หลังจากที่พวกมันมาถึง สายตาก็จับจ้องไปยังรองจ้าวลัทธิอารามทมิฬ 2 คนเขม็ง! การปรากฏตัวของรองจ้าวลัทธิบูชาไฟทั้ง 2 ด้านมหาธรรมราชาของลัทธิอารามทมิฬไม่ได้ให้ความสนใจอะไรแม้แต่น้อย ทว่าสำหรับรองจ้าวลัทธิอารามทมิฬแล้ว พวกมันสองคนบังเกิดความโล่งใจขึ้นมาอย่างอดไม่ได้ เพราะถ้ารองจ้าวลัทธิบูชาไฟไม่ปรากฏตัวขึ้น เช่นนั้นพวกมันก็ได้แต่ประมือกับผู้พิทักษ์ของลัทธิบูชาไฟแล้ว ทว่าพลังฝึกปรือของพวกมันนั้นก็เพียงแค่เซียนสวรรค์ 6 เปลี่ยน จะไปสู้รบปรบมืออะไรกับชนชั้นผู้พิทักษ์ได้? แค่นึกพวกมันก็ละเหี่ยใจแล้ว! ทว่าตอนนี้พอรองจ้าวลัทธิบูชาไฟปรากฏตัวขึ้นมา พวกกมันรู้สึกเสมือนได้ยกหินออกจากอก! มีคู่มือที่เหมาะสม!! แน่นอนว่าในสายตาของมหาธรรมราชาทั้ง 2 ของลัทธิอารามทมิฬเอง รองจ้าวลัทธิบูชาไฟที่พึ่งมาก็ไม่ได้อยู่ในสายตาพวกมันเลยเช่นกัน การประมือระหว่างตัวตนขอบเขตเซียนสวรรค์ 7 เปลี่ยนหรือเหนือกว่านั้น ไม่ใช่อะไรที่ตัวตนขอบเขตเซียนสวรรค์ 6 เปลี่ยนอย่างรองจ้าวลัทธิบูชาไฟที่พึ่งมาทั้ง 2 จะสอดมือเข้ามายุ่งเกี่ยวได้ เผชิญหน้ากับเรื่องราวที่บังเกิดความเปลี่ยนแปลงไปเหนือคาดตรงหน้า สีหน้าท่าทีต้วนหลิงเทียนก็ยังสงบไม่แยแส ไม่ได้แลดูทุกข์ร้อนอะไรราวกับต่อให้ไท่ซานถล่มลงตรงหน้าเขาก็ไม่ขยับ ไม่ต้องกล่าวถึงเรื่องที่ตอนนี้หล่างเชียนจินไม่อยู่ที่นี่ด้วยซ้ำ ต่อให้มันอยู่เขายังต้องกลัวด้วยหรือ?! ที่จริงตอนแรกเขาได้เตรียมรับมือสถานการณ์เลวร้ายที่สุด อย่างการต้องเจอกับหล่างเชียนจินเอาไว้แล้ว… แต่ทว่าจ้าวลัทธิบูชาไฟได้ล่อมันออกไป ทำให้เขาเพียงเผชิญหน้ากับชนชั้นมหาธรรมราชาและรองจ้าวลัทธิอารามทมิฬเท่านั้น! ต้องทราบด้วยว่าในตอนที่เขาวางแผนว่าอาจจะเจอสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุด! เขาถึงกับจินตนาการไปว่าถ้าเจอหล่างเชียนจินกับที่เหลือกลุ้มรุมเขาจะหนีอย่างไรด้วยซ้ำ… จากคำโกหกหลอกลวงก่อนหน้าที่หล่างเชียนจินประกาศออกมา ทำให้เขารู้ดีว่าหล่างเชียนจินมันหมายตาสมบัติในตัวเขาขนาดไหน แน่นอนต้วนหลิงเทียนรู้ดีว่าหล่างเชียนจินไม่ได้มุ่งหวังจะครอบครองตราผนึกมารของเขา และเรื่องนี้เขาทราบจากเรื่องที่มันกล่าวว่าจะสาบานกับถังซวนก่อนหน้านี้… สิ่งที่อีกฝ่ายสนใจสมควรเป็นกระบี่นิลสวรรค์ของเขา ที่มันเข้าใจว่าเป็นกระบี่ไร้ลักษณ์! เทียบกับตราผนึกมารที่ใช้ได้แต่กับผู้ฝึกมารและเผ่าพันธุ์ปีศาจแล้ว กระบี่ไร้ลักษณ์เป็นอะไรที่ครอบคลุมกว่ามาก เช่นนั้นหากเลือกได้ ไม่ว่าจะเป็นใครก็สมควรเลือกกระบี่ไร้ลักษณ์ก่อนทั้งสิ้น! ‘หากถังซวนเลือกละทิ้งข้า เดิมทีก็จะคิดใช้ความโลภของหล่างเชียนจินเพื่อจัดการตัวมันเอง..เพียงกล่าวหลอกว่าซุกซ่อนของดีไว้ที่อื่นแล้วหาโอกาสใช้เจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติให้ดีเหมือนครั้งตี้ยง ไม่พ้นแพะชราที่ละความโลภไม่ได้อย่างมันต้องหลงกลแน่…’ ‘และหากล่อลวงมันเข้าเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติได้จริง ผู้เฒ่าหั่วคงสามารถฆ่ามันให้ตายได้อย่างง่ายดาย…’ ‘ขอเพียงมันตายไปสักคน…ที่เหลือในลัทธิอารามทมิฬยังจะมีปัญญาทำอะไรข้าได้อีก…’ นี่คือสิ่งที่ต้วนหลิงเทียนตระเตรียมไว้ตั้งแต่แรก ทันทีที่เขาได้ยินว่าผู้ที่มาเรียกร้องหาตัวเขาคือหล่างเชียนจินอาวุโสสูงสุดของลัทธิอารามทมิฬ เขาก็ได้เริ่มวางแผนรับมือสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุดเอาไว้แล้ว ใช้ความโลภของมันเองหลอกล่อมันให้เข้าไปในเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติ! ไฉนเขาถึงมั่นใจว่าจะสำเร็จน่ะหรือ? กระทั่งแค่กระบี่ไร้ลักษณ์นั่นมันยังกล้าลดตัวมาประกาศหลอกคนทั้งแผ่นดิน! แล้วถ้ามันเจอสิ่งที่เหนือล้ำกกว่ากระบี่ไร้ลักษณ์ไปคนละโลกกอย่างกระบี่นิลสวรรค์เล่า? ไหนจะยังยอดสมบัติชิ้นอื่นในเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติ กระทั่งตัวเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติเองอีก? ต่อให้หล่างเชียนจินจะระแวงไม่กล้าเข้าไปในเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติในตอนแรก แต่ถ้าเขาใส่ของไว้ในเจดีย์แล้วกล่าวสาบานว่าไม่มีวันที่มันจะได้สิ่งใดหากไม่เข้าไปในเจดีย์ล่ะ? ถึงตอนนั้นมันจะไม่คิดเข้าไปจริงหรือ? กระทั่งด้วยฐานะยอดฝีมืออันดับ 2 เช่นมัน มันยังต้องกลัวเขาเล่นตุกติกทำร้ายมันด้วยหรือ? ทุกขั้นตอนต้วนหลิงเทียนได้คำนวณเอาไว้หมดแล้ว ดังนั้นเขาไม่กลัวแม้กระทั่งหากถังซวนกับผู้พิทักษ์ทั้ง 4 จะละทิ้งเขาแล้วไม่ออกมาช่วยเหลือด้วยซ้ำ และหากหล่างเชียนจินยังอยู่ตอนนี้ บางทีเขาอาจจะยังบังเกิดอากการหวั่นเกรงอยู่บ้างว่ามันอาจจะไม่โลภอะไร แล้วคิดฆ่าเขาอย่างเดียว… ทว่าตอนนี้ไม่เพียงหล่างเชียนจินยังเผยความโลภออกชัดแถมมันกลับไม่อยู่ที่นี่! รวมถึงยังมีผู้พิทักษ์ลัทธิบูชาไฟอยู่ช่วยเหลือเขาด้วยซ้ำ กับอีแค่คนของลัทธิอารามทมิฬยังจะนับเป็นอะไรได้? ให้มีเขาคนเดียวสู้กับพวกมันยังไม่กลัว แล้วตอนนี้เขายังต้องกลัวอะไร?! “ผู้พิทักษ์สื่อเฟิง ผู้พิทักษ์ชิงหั่ว ผู้พิทักษ์หงอวิ๋น และผู้พิทักษ์เหลิ่งอิง…” ตอนนี้เอง จ้าวลัทธิอารามทมิฬพลันหันมองไปยังผู้พิทักษ์อีก 4 คนยกเว้นต้วนหลิงเทียนด้วยประกายตาคมกล้า “วันนี้พวกเราลัทธิอารามทมิฬคิดสะสางความแค้นระหว่างพวกเรากับต้วนหลิงเทียนเท่านั้น…ข้าหวังว่าผู้พิทักษ์ทั้ง 4 ท่านจะไม่สอดมือ…” “หาไม่แล้วข้าเองก็มิอาจรับประกันความปลอดภัยของผู้พิทักษ์ทั้ง 4 ได้…” วาจาของจ้าวลัทธิอารามทมิฬนั้น ท้ายประโยคเรียกว่ายกตนข่มท่านอย่างแรง ทำราวกับมันสามารถลิขิตความเป็นตายของผู้พิทักษ์ทั้ง 4 ได้… “ฮ่าๆๆๆ…!!!” เหลิ่งอิงอดไม่ได้ที่จะระเบิดเสียงหัวเราะออกมาดังลั่น หลังได้ยินคำจ้าวลัทธิอารามทมิฬ ต้วนหลิงเทียนเองก็เอียงคอโค้งคิ้วด้วยสงสัย ด้วยไม่ทราบจริงๆว่าจ้าวลัทธิอารามทมิฬไปเอาความมั่นใจมาจากไหน… คนอื่นๆก็ประหลาดใจไม่ต่างกัน จ้าวลัทธิอารามทมิฬผู้นี้ มีพลังอำนาจถึงขั้นลิขิตความเป็นตายพวกมันได้ด้วย? ถึงแม้ว่าลัทธิอารามทมิฬจะมี 2 มหาธรรมราชาผู้เป็นขอบเขตเซียนสวรรค์ 8 เปลี่ยน และลัทธิบูชาไฟมีเพียงผู้พิทักษ์สื่อเฟิงที่บรรลุถึงเซียนสวรรค์ 8 เปลี่ยนแค่คนเดียวแถมอ่อนด้อยกว่าพวกมันทั้งคู่เล็กน้อย… ทว่าลัทธิบูชาไฟของพวกมันยังมี ผู้พิทักษ์หลิงเทียน!!
คอมเม้นต์