War sovereign Soaring The Heavens ตอนที่ 2067

อ่านนิยายจีนเรื่อง War Sovereign Soaring The Heavens ตอนที่ 2067 3Novel | อ่านนิยายออนไลน์ นิยายแปลไทย อ่านนิยายฟรี.

ตอนที่ 2,067 : ต้วนหลิงเทียนผู้ครอบงำ!
 
เมืองคงหมิงก็คือเมืองที่ต้วนหลิงเทียนกำลังอาศัยอยู่ ณ ตอนนี้ หากแต่มันก็เป็นเพียงเมืองเล็กๆทางตอนใต้ของเขตตะวันตกเท่านั้น
 
จากบทสนทนาของผู้ที่มาดื่มกินในเหลาอาหาร เขาเองก็มีความเข้าใจในเมืองนี้ไม่น้อย และรู้ดีว่าตระกูลใดเป็นผู้ถืออำนาจใหญ่ในเมือง
 
ในเมืองคงหมิง นอกเหนือจากกลุ่มพันธมิตรผู้ฝึกตนพเนจรแล้ว ขุมอำนาจที่ทรงพลังที่สุดก็คือตระกูลใหญ่ทั้ง 3
 
3 ตระกูลใหญ่ที่ว่าก็ได้แก่ ตระกูลเฝิง ตระกูลชิว และตระกูลตงฟาง ในภูมิภาคเบื้องบนแห่งนี้ทั้ง 3 ตระกูลยังถือได้ว่าเป็นขุมพลังชั้น 3!
 
ในหมู่พวกมันตระกูลเฝิงนับว่าแข็งแกร่งที่สุด
 
‘ชิวมู่ชิง…แซ่ชิว หรือนางจะเป็นคนของสกุลชิว’
 
แม้จะได้ยินวาจาถามไถ่พร้อมแนะนำตัวอย่างถือดีของตงฟางฉู่ แต่ต้วนหลิงเทียนก็คร้านจะสนใจอะไรมัน เลือกที่จะเมินแล้วคาดเดาเรื่องราวในใจ
 
“ไอ้หนู นี่เจ้าไม่ได้ยินที่ข้าพูดรึไง?”
 
เมื่อเห็นว่าต้วนหลิงเทียนกล้าที่เมินมัน ตงฟางฉู่ย่อมมีโมโหไม่น้อย สองตาทอประกายเยียบเย็นดุร้ายปานจะกลืนกินเลือดเนื้อผู้คน!
 
มันที่เป็นถึงคุณชายรองตระกูลตงฟาง ไหนเลยจะเคยถูกผู้คนเมินเฉยไม่เห็นหัวแบบนี้!
 
อย่างไรก็ตามต้วนหลิงเทียนไม่เพียงแต่จะยังคงเมินเฉยมันเหมือนเดิม ยังหันไปมองถามชิวมู่ชิงอีกด้วย “หากข้าเดาไม่ผิด…แม่นางสมควรเป็นลูกสาวคนเดียวของผู้นำตระกูลชิวในปัจจุบันใช่หรือไม่?”
 
ก่อนหน้าต้วนหลิงเทียนก็ได้ยินคนที่มาดื่มกินในเหลาสุรากล่าวถึง สาวงามของตระกูลชิวเช่นกัน อีกทั้งผู้ที่เมามายยังพร่ำเพ้อเรียกนางว่าเทพธิดาไม่หยุด ทว่าไม่ได้กล่าวชื่อของนางออกมาตรงๆ
 
นอกจากเรื่องนี้ยังมีหลายคนกล่าวถึงเรื่องราวความเป็นไป ทั้งสถานการณ์ของเมืองคงหมิงให้เขาฟังหลายอย่าง จนเขาปะติดปะต่อเรื่องราวได้ บัดนี้ไม่ว่าฝ่ายไหนเข่มนกัน ดองกัน กระทั่งเรื่องลักลอบเป็นชู้กันเขายังล่วงรู้มาไม่น้อย…
 
ในเมืองคงหมิงแห่งนี้ แม้จะมี 3 ตระกูลใหญ่แข่งขันกันช่วงชิงอำนาจปกครองสั่งสมความมั่งคั่ง ทว่าตระกูลที่แข็งแกร่งที่สุดก็คือตระกูลเฝิง! ยังแข็งแกร่งถึงขั้นที่อีก 2 ตระกูลจำต้องผนึกกำลังกันคานอำนาจ หาไม่แล้วคงได้ถูกกลืนกิน!!
 
อีก 2 ตระกูลที่ว่าก็คือตระกูลตงฟาง กับตระกูลชิวนั่นเอง แน่นอนว่าพวกมันก็หวังที่จะเชื่อมสัมพันธ์ให้แน่นแฟ้น จะได้ไม่ต้องกลัวโดนอีกฝ่ายแว้งกัด
 
และการแต่งงานก็คือการเชื่อมสัมพันธ์ที่ดีที่สุดสำหรับ 2 ตระกูล
 
กล่าวกันว่าผู้นำตระกูลชิวตัดสินใจที่จะให้บุตรีคนเดียวของมันหมั้นหมายกับคุณชายรองตระกูลตงฟาง
 
อย่างไรก็ตามต้วนหลิงเทียนได้ยินมาว่าคุณหนูของสกุลชิวคนนี้ไม่สนใจอะไรคุณชายรองแม้แต่น้อย ทำให้เรื่องราวการหมั้นหมายจำต้องลากถ่วงออกมาช้านาน
 
ตอนแรกต้วนหลิงเทียนก็ยังไม่ทันเอะใจ
 
แต่ตอนนี้พอได้ยินคำแนะนำตัวของชายหนุ่ม กอปรทั้งทีท่าของสตรีชุดขาว เขาก็เดาได้ทันทีว่าทั้งคู่ไม่พ้นคุณชายรองสกุลตงฟางกับคุณหนูสกุลชิวที่ไม่ยอมหมั้นหมายกันเสียทีนั่นเอง…
 
ต้วนหลิงเทียนที่อยู่ๆก็หันมากล่าวถามนั้น วาจาท่าทางแลดูเป็นกันเองราวกับเป็นสหายของชิวมู่ชิง
 
ชิวมู่ชิงที่สัมผัสได้ถึงลมร้อนจากถ้อยคำของต้วนหลิงเทียน หน้าถึงกับขึ้นสีแดงเรื่อเล็กน้อย ค่อยถามกลับไปด้วยท่าทางประหลาดใจ “ทะ…ท่านรู้จักข้าหรือ?”
 
“ไม่หรอก ข้าแค่เดา”
 
ต้วนหลิงเทียนส่ายหัวไปมา ตอนนี้เขาเข้าใจแล้วว่าก่อนหน้าเขาเข้าใจนางผิดไป
 
คุณหนูสกุลชิวผู้นี้ถึงแม้จะมาด้วยกันกับตงฟางฉู่ แต่ท่าทางนางจะไม่ได้เต็มใจมากับมันแม้แต่น้อย ไม่พ้นคงถูกทางตระกูลบังคับกดดันให้ใช้เวลาร่วมกับตงฟางฉู่หมายเพิ่มพูนความสัมพันธ์ เพื่อนางจะได้มีใจให้อีกฝ่าย
 
ไม่ยากที่ต้วนหลิงเทียนจะคาดเดาเรื่องทั้งหมดได้
 
ด้วยเหตุนี้การที่ชิวมู่ชิงมาหาอะไรกินพร้อมตงฟางฉู่ทั้งๆที่แลดูรังเกียจอีกฝ่ายก็มีคำตอบแล้ว
 
“เดาหรือ?”
 
ชิวมู่ชิงแปลกใจกับคำตอบของต้วนหลิงเทียนอยู่บ้าง หากแต่ก็ไม่ได้สงสัยอะไร
 
นางประทับใจบุรุษที่แลดูไม่ธรรมดาคนนี้ไม่น้อย อีกทั้งสามารถบอกได้ว่าอีกฝ่ายไม่ได้กล่าววาจาโป้ปดเพื่อคิดเอาใจนาง
 
“ข้าได้ยินมาว่าเจ้าไม่ค่อยชอบคนของตระกูลตงฟางสักเท่าไหร่…มาตอนนี้พอได้ยินเสียงเห่าของเจ้าคางคกนั่นข้าก็เดาเรื่องราวได้ไม่ยาก”
 
ต้วนหลิงเทียนกล่าวตอบออกมา
 
ในวาจาเปรียบเปรยไม่ได้ไว้หน้าผู้คนแม้แต่น้อย
 
“อุฟ!”
 
ได้ยินคำเปรียบเปรยของต้วนหลิงเทียน ชิวมู่ชิงอึ้งไปครู่หนึ่ง ค่อยหัวเราะออกมาอย่างอดไม่ได้ คิ้วนางโค้งดั่งเสี้ยวจันทร์ หน้าตาแลดูสดใสน่ารักขึ้นไม่น้อย
 
เห็นนางตอนหัวเราะร่าเริงแบบนี้ ต้วนหลิงเทียนที่มทันได้ตั้งตัวก็ถึงกับเหม่อไปอยู่บ้าง
 
ตอนชิวมู่ชิงหัวเราะร่าเริง ช่างน่าดูกว่าตอนทำหน้าบึ้งตึงไร้รอยยิ้มนัก
 
รอยยิ้มสดใสนี้ของนางพอจะเทียบกับเค่อเอ๋อและลี่เฟยได้เลยทีเดียว
 
เห็นว่าต้วนหลิงเทียนมองจ้องนางตอนหัวเราะไม่วางตา ชิวมู่ชิงอดไม่ได้ที่จะรู้สึกเคอะเขิน แก้มเริ่มแดงมากขึ้นเรื่อยๆ กระทั่งลำคอที่ขาวกระจ่างทั้งเกลี้ยงเกลาดั่งหยกมันแพะก็ขึ้นสีแดง เผยให้รู้ว่าตอนนี้นางเขินมากมายเพียงใด
 
คางคก?
 
ด้านตงฟางฉู่ที่นั่งตรงข้ามต้วนหลิงเทียนกับชิวมู่ชิงแน่นอนว่าย่อมได้ยินวาจาเปรียบเปรยของต้วนหลิงเทียนชัดถนัดหู
 
มันไม่ใช่ตัวโง่งม ไหนเลยจะไม่รู้ว่าคางคกที่เห่าในวาจาของต้วนหลิงเทียนก็คือตัวมัน!
 
อย่างไรก็ตามมันไม่คิดไม่ฝันเลย
 
ว่าในเมืองคงหมิงแห่งนี้ ยังมีใครที่กล้าเปรียบมันเป็นคางคกอยู่เช่นนี้!
 
ในขณะที่โทสะตงฟางฉู่กำลังทะลักล้นในใจ พอมาเห็นพวงแก้มชิวมู่ชิงหญิงที่มันหมายปองขึ้นสีแดงเรื่อ กระทั่งลำคอที่ขาวผุดผ่องก็ยังขึ้นสีไม่ต่าง เผยให้ทราบว่านางกำลังเขินจนอายม้วนเพียงใด ก็ไม่ต้องสงสัยเลยว่านี่ไม่ต่างอะไรจากเติมน้ำมันราดรดกองไฟ!
 
ฟืด! ฟาด! ฟืด! ฟาด!
 

 
แม้จะสูดลมหายใจเข้าหนักหน่วงไปหลายรอบ แต่ตงฟางฉู่ก็ไม่อาจระงับอารมณ์ได้สืบไป
 
“ไอ้หนู! เจ้าอยากตายมากนักเหรอ!!”
 
เสียงตะโกนด้วยอำมหิตลั่นดังขึ้น ร่างมันทะลึ่งพรวดลุกขึ้นจากเก้าอี้ วาจาไม่กล่าวให้มากความ คนยิงหมัดอัดแน่นไปด้วยพลังเซียนอันเกรี้ยวกราด หมายตะบันหน้าหล่อเหลาของต้วนหลิงเทียนให้หงาย!
 
“ระวัง!”
 
ชิวมู่ชิงที่แต่เดิมขวยเขินอายม้วนราวสาวน้อยข้างต้วนหลิงเทียน พอเห็นตงฟางฉู้ลงมืออย่างไร้เหตุผลต่อต้วนหลิงเทียน หน้างามแปรเปลี่ยนเป็นจริงจัง นางเองก็ลุกพรวดขึ้นมาหมายหยุดหมัดของตงฟางฉู่ทันที
 
อนิจจานางที่แต่เดิมก็มีพลังฝึกปรือทัดเทียมกับตงฟางฉู่ เมื่อลงมือทีหลังเช่นนี้ไหนเลยจะช่วยต้วนหลิงเทียนได้ทัน
 
ปงงง!!
 
และในขณะที่ชิวมู่ชิงกำลังร้อนใจ เสียงหนึ่งก็ดังขึ้นสนั่นลั่นเหลาอาหาร ก่อนที่จะบังเกิดสายลมหอบใหญ่ซัดกวาดออกมาจากต้นกำเนิดเสียงสนั่นดังกล่าว พาลให้เหลาอาหารป่วนปั่นไม่น้อย ถ้วยชามกระเด็นกระดอน อาหารที่คีบจับคล้ายมีชิวิตขึ้นมาอีกครั้ง ต่างดิ้นหลุดตะเกียบกันจ้าละหวั่น…
 
ขณะเดียวกันผู้ที่มาดื่มกินไม่สนจานชามอาหารที่คว่ำมือเพียงคว้าจอกและกาสุราเอาไว้ราวสิ่งล้ำค่า หลังจากนั้นต่างหันไปสนใจโต๊ะของต้วนหลิงเทียนที่เป็นต้นตอความปั่นป่วนทันที
 
“หืม? เจ้านั่นมิใช่คุณชายรองตระกูลตงฟาง ตงฟางฉู่รึไร?”
 
“ส่วนสตรีที่งดงามปานภาพวาดนั่น…หรือว่าจะเป็นคุณหนูมู่ชิง!”
 
“งามเสียขนาดนั้นสมควรเป็นคุณหนูมู่ชิงไม่ผิดแน่! นี่น่ะหรือ…โฉมงามอันดับหนึ่งของเมืองคงหมิงเรา! ช่างสมคำร่ำลือนัก นางช่างเปล่งประกายมีรัศมีเหนือหญิงอื่นจริงๆ!!”
 
“เฮ่อ ถึงแม้หน้าตาของคุณชายรองสกุลตงฟางจะพอไปวัดไปวาได้ แต่หากนำมาเทียบกกับนางแล้ว…ช่างต่างกันเกินไป”
 
“ข้าก็คิดเช่นนั้น…หากจะเทียบกันแล้ว ข้าว่าเจ้าหนุ่มชุดม่วงที่นั่งข้างคุณหนูมู่ชิงยังจะเหมาะสมกว่า มิว่าจะท่วงท่าความรู้สึก ช่างสง่างามเหนือคุณชายรองสกุลตงฟางนัก…ยามนั่งข้างแม่นางมู่ชิวยังสมกันดั่งกิ่งทองใบหยก”
 
“ข้าก็คิดว่าแม่นางมู่ชิงเหมาะกับเจ้าหนุ่มชุดม่วงข้างๆนางมากกว่าเช่นกัน…”
 
“แล้วนี่สองคนนั่นทำอันใดกัน ต่อยตีแย่งหญิงงามกันรึ?”
 

 
คนที่มาดื่มกินในเหลาสนทนากันอย่างออกรส
 
ในวาจาของพวกมัน เห็นชัดว่าไม่แยแสพื้นหลังของตงฟางฉู่กับชิวมู่ชิงแม้แต่น้อย กล้าแสดงความเห็นอย่างไม่หวาดกลัวสกุลใหญ่
 
เพราะในเมืองคงหมิงแห่งนี้ นอกจาก 3 ตระกูลใหญ่แล้ว ก็มีพันธมิตรผู้พเนจรอยู่ด้วย
 
เช่นนั้นพวกมันไม่กลัวว่าตระกูลตงฟางกล้าที่จะเอาเรื่องพวกมันด้วยเรื่องราวเล็กน้อยเท่านี้
 
ได้ยินวาจาจากเหล่าผู้ที่มาดื่มกินในเหลาอาหาร สีหน้าชิวมู่ชิงเริ่มย้อมไปด้วยสีแดงอีกครั้ง ขณะเดียวกันนางก็ลอบมองไปยังต้วนหลิงเทียน พอพบว่าอีกฝ่ายไม่ได้มองมาที่นาง ร่างบางก็อดไม่ได้ที่จะระบายลมหายใจออกมาด้วยความโล่งอก…
 
‘บัดซบ! ไฉนไอ้หนูนี่มันถึงได้ร้ายกาจนักเล่า!?’
 
ส่ววนอีกด้านนั้น ตงฟางฉู่ที่ถูกต้วนหลิงเทียนรับหมัดเอาไว้ได้อย่างไร้เรื่องราว ใบหน้าก็เริ่มเผยความเจ็บปวดออกมา สีหน้ายังเริ่มเปลี่ยนไปเป็นซีดเซียว! เพราะอีกฝ่ายกำลังบีบหมัดมันแทบแหลก! ยังมีพลังอันน่าสะพรึงกลัวชำแรกเข้าร่างสะกดไม่ให้มันเดินพลังต่อต้านอันใดได้!!
 
“เจ้าหนุ่มชุดม่วงนั่นท่าทางจะร้ายกาจไม่เบา…เห็นนิ่งๆอย่างนั้นทว่ายามลงมือช่างแข็งแกร่งยิ่ง!”
 
“ใช่ จะอย่างไรตงฟางฉู่นั่นมันก็บรรลุถึงเซียนปฐพีขั้นยิ่งใหญ่แล้ว ทว่าต่อหน้าเจ้าหนุ่มชุดม่วงสภาพมันแทบไม่ต่างจากทารกน้อย 3 ขวบ! ผู้อื่นเพียงยกมือขึ้นมาอย่างไร้เรื่องราวก็รับหมัดมันได้ง่ายๆ!!”
 
“เหอะๆ นี่น่ะหรือคุณชายรองสกุลตงฟาง ช่างไม่ได้เรื่องเสียจริง!”
 
“อาศัยพลังฝีมืออ่อนด้อยเพียงเท่านี้ แต่คิดแต่งงานกับโฉมงามอันดับ 1 ของเมืองคงหมิงเรางั้นหรือ? ช่างฝันเฟื่องนัก! ในสายตาข้าต้องเป็นอัจฉริยะเท่านั้นที่จะคู่ควรกับแม่นางมู่ชิง! อย่างเจ้าหนุ่มชุดม่วงนั่นก็มิเลวเลย! เฮ่ เจ้าหนุ่มชุดม่วงผู้นั้นน่ะ รีบๆอัดมันแล้วไปขอแม่นางมู่ชิงที่ตระกูลชิวเร็ว!!”
 
“เอาเลยๆ พวกเราเห็นด้วย! ทุบตีมันเสีย!!”
 

 
เมื่อเห็นว่าตงฟางฉู่ทำอะไรต้วนหลิงเทียนไม่ได้เลย หมัดที่ต่อยออกไปอย่างเกรี้ยวกราดถูกหยุดได้ง่ายดาย เหล่าผู้ที่มาดื่มกินในเหลาก็กลัวโลกหล้าจะวุ่นวายไม่พอ ต่างกล่าวคำซ้ำเติมทั้งยุยงอย่างสนุกสนานกันใหญ่!
 
ในวาจาไม่ขาดคำยกยอสรรเสริญต้วนหลิงเทียน
 
นอกจากนั้นพวกมันยังกล่าวค่อนแคะตงฟางฉู่ที่พวกมันไม่ชอบเป็นทุน ว่าต้วนหลิงเทียนมีอัจฉริยะภาพเหนือกว่า และคู่ควรกับแม่นางชิง โฉมงามอันดับ 1 ในเมืองคงหมิงของพวกมันมากกว่า
 
สีหน้าตงฟางฉู่ถึงกับเปลี่ยนเป็นสีเขียวด้วยโทสะ หลังได้ยินวาจาของคนในเหลา
 
แต่เดิมแค่ความเจ็บปวดจากหมัดก็ทำให้หน้ามันแดงก่ำแล้ว พอมามีสีเขียวทับไปอีกช่างอัปลักษณ์นัก
 
“มิว่าเจ้าจะเป็นผู้ใดรีบปล่อยมือข้าเสีย…หาไม่แล้ววันนี้ปีหน้าจักเป็นวันครบรอบวันตายของเจ้า!”
 
ขณะเดียวกันตงฟางฉู่ที่ดิ้นรนอย่างหนัก เมื่อไม่อาจแข็งขืนหรือทำอะไรได้เลย ก็ได้แต่กล่าวคำขมข่มขู่ออกมาด้วยความโกรธ
 
“เห? วันนี้ปีหน้าจะเป็นวันครบรอบวันตายของข้าเหรอ?”
 
สองตาต้วนหลิงเทียนเผยประกายเยียบเย็นออกมาทันทีหลังได้ยินวาจาของตงฟางฉู่ มุมปากยังยกยิ้มแสยะขึ้นมาอย่างมีเลศนัย หลังจากนั้นเขาก็เร่งทักผู้เฒ่าหั่วในเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติทันที “ผู้เฒ่าหั่วช่วยข้ากลืนพรสวรรค์รากวิญญาณของมันที”
 
“กลืนพรสวรรค์รากวิญญาณของมัน…ต่อหน้าผู้คนมากมายเช่นนี้?”
 
หลังถูกเรียกหา ผู้เฒ่าหั่วก็แผ่สำนึกเทวะออกมาตรวจสอบเรื่องราวด้านนอก ค่อยถามออกมาด้วยความตกใจ
 
“ท่านไม่ต้องห่วง…กระทั่งยอดฝีมือที่แข็งแกร่งที่สุดในเมืองนี้ข้าก็จัดการมันได้อย่างง่ายดาย”
 
ต้วนหลิงเทียนกล่าวออกมาอย่างครอบงำ
 
ในวาจาเผยให้เห็นว่ามั่นใจในพลังฝีมือของตัวเองมาก!
 
จะอย่างไรในเมืองคงหมิงแห่งนี้ ที่แข็งแกร่งที่สุดอย่างตระกูลเฝิงก็เป็นแค่ขุมพลังชั้น 3 เท่านั้น!
 
สำหรับขุมพลังชั้น 3 ของภูมิภาคเบื้องบนดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋านั้น มีไม่กี่คนเท่านั้นที่จะบรรลุถึงขอบเขตเซียนสวรรค์
 
ไม่ต้องกล่าวถึงเรื่องเซียนสวรรค์ 4 เปลี่ยนหรือเหนือกว่านั้นด้วยซ้ำ กระทั่งเซียนสววรรค์ 3 เปลี่ยนยังอาจไม่มีสักคน
 
เช่นนั้นเขาจะกลัวอะไร
 
ต้วนหลิงเทียนตอนนี้รั้งอยู่ในอันดับที่ 421 ของรายนามยอดเซียน ถึงแม้จะบอกว่าที่เขาได้อันดับนี้มาเพราะกระบี่นิลสวรรค์ แต่กระบี่นิลสวรรค์ในเมื่อเป็นของเขา ก็ถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของพลังฝีมือและความแข็งแกร่งของเขา
 
“เริ่มกันเถอะ”
 
ได้ยินคำของต้วนหลิงเทียนผู้เฒ่าหั่วก็ไม่ลังเลอะไรสืบไป ให้ความร่วมมือกับต้วนหลิงเทียน นำร่องสำนึกเทวะของต้วนหลิงเทียนไปยังตำแหน่งที่ตั้งพรสวรรค์รากวิญญาณของตงฟางฉู่ทันที
 
“เป็นแค่รากวิญญาณสีเหลืองเท่านั้น”
 
ไม่นานเสียงผู้เฒ่าหั่วก็ดังขึ้น
 
“ไม่เป็นไรหรอกผู้เฒ่าหั่ว ยุงถึงมันจะตัวเล็กแต่ก็ยังมีเนื้อ! ค่อยๆสะสมไปเรื่อยๆ”
 
ต้วนหลิงเทียนกล่าวตอบเสียงเรียบ
 
หลังจากนั้นต้วนหลิงเทียนก็ใช้ออกด้วยปฐมเวทย์กลืนกินทันที และวังวนพลังดูดรั้งก็ดูดกลืนพรสวรรค์รากวิญญาณของตงฟางฉู่อย่างอำมหิต ทั้งๆที่มันยังมีสติครบถ้วน!

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด