War sovereign Soaring The Heavens ตอนที่ 2042
ตอนที่ 2,042 : รองจ้าวหอคุมกฏ ต่งหยวนจิ้น! อย่างไรก็ตามแม้อาจารย์ของนางจะแค้นเวินเยี่ยนมากเพียงใด แต่ก็ไม่สะดวกที่จะลงมือกับเวินเยี่ยนด้วยตัวเอง เพราะสุดท้ายแล้วอาจารย์ของนางก็เป็นถึง 1 ใน 3 ผู้พิทักษ์ของลัทธิบูชาไฟ ไหนเลยจะลงมือกับศิษย์ที่แท้จริงคนหนึ่งได้ หากเรื่องนี้แพร่ออกไปน่ากลัวคงทำให้ผู้คนหัวเราะเยาะว่าเป็นเฒ่าพันปีรังแกเด็ก! เรียกว่าถึงตอนนั้นไม่เพียงแค่ลัทธิบูชาไฟ กระทั่งทั่วภูมิภาคเบื้องบนของดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าคงเห็นอาจารย์นางเป็นตัวตลก “ต้วนหลิงเทียน ที่ข้าช่วยเจ้าได้ก็มีแค่เท่านี้…” หลังเมิ่งฉีจากไป ก่านหรูเยี่ยนก็ได้แต่พึมพำออกมาเบาๆ ในขณะที่เมิ่งฉีนำหยกบันทึกเสียงของก่านหรูเยี่ยนออกจากเรือนจำ และกำลังจะออกเดินทางจากหอคุมกฏเพื่อไปส่งมอบของนั้น ด้านต้วนหลิงเทียนก็ได้กลับมาถึงส่วนที่พักในหอหลักที่หอคุมกฏจัดไว้ให้เรียบร้อยแล้ว หลังกลับมาถึงส่วนที่พัก ต้วนหลิงเทียนก็ไปหาหลิวอวิ๋นทันที เขาย่อมจดจำสิ่งที่เขารับปากหลิวอวี่ได้ดี “ศิษย์น้องหลิงเทียน เจ้าได้พบธิดาเทพกับลูกสาวของนางหรือไม่?” เมื่อเห็นต้วนหลิงเทียนกลับมา หลิวอวิ๋นที่อดไม่ไหวก็กล่าวถามออกมาทันที “ไม่” ต้วนหลิงเทียนเผยยิ้มขื่นขมพร้อมส่ายหน้าไปมา “ทั้งคู่ไม่ได้ถูกขังรวมกับก่านหรูเยี่ยน…ข้าจึงได้พบแค่ก่านหรูเยี่ยน” “น่าเสียดาย…” หลิวอวิ๋นถอนหายใจออกเฮือกหนึ่งหลังได้ยินคำต้วนหลิงเทียน ค่อยกล่าวปลอบออกไป “ศิษย์น้องหลิงเทียนเจ้าไม่ต้องห่วงข้าจะลองคุยกับท่านบรรพชนดูอีกครั้ง…ดูว่าพอจะมีทางไหนให้เจ้าได้พบธิดาเทพกับลูกสาวได้บ้าง” “ขอบคุณศิษย์พี่หลิวอวิ๋นมาก” แม้จะรู้ดีว่าคำของหลิวอวิ๋นยากจะเป็นจริงได้ แต่ต้วนหลิงเทียนก็รู้สึกขอบคุณไม่น้อย เพราะสุดท้ายแล้วเขาก็รับทราบถึงความหวังดีจากอีกฝ่ายชัดเจน “ศิษย์พี่หลิวอวิ๋น” ทว่าผ่านไปครู่หนึ่ง สีหน้าต้วนหลิงเทียนอยู่ๆก็แปรเปลี่ยนไปเป็นจริงจัง ฟันกรามขบแน่นเล็กน้อย กล่าวคำออกมาราวกับตัดสินใจได้แล้ว… “หืม?” เมื่อเห็นต้วนหลิงเทียนอยู่ๆก็ชักทีท่าขึงขังจริงจัง หลิวอวิว๋นอดไม่ได้ที่จะสงสัย กล่าวถามออกมาว่า “ศิษย์น้องหลิงเทียน เจ้าใช่มีเรื่องใดในใจหรือไม่…เป็นเรื่องสำคัญหรือ?” “ศิษย์พี่หลิวอวิ๋น แม้พวกเราจะพึ่งรู้จักกันไม่นาน แต่ในใจข้ายึดถือท่านเป็นสหายคนหนึ่ง” ต้วนหลิงเทียนกล่าวคำนี้ออกมาด้วยสีหน้าจริงจัง หลิวอวิ๋นอดไม่ได้ที่จะส่ายหัวไปมาด้วยรอยยิ้ม อย่างไรก็ตามประโยคถัดมาของต้วนหลิงเทียน ทำให้สีหน้าหลิวอวิ๋นชะงักค้างไปทันใด “แต่ข้าหวังว่าหลังจากนี้ พวกเราควรอยู่ให้ห่างกันเอาไว้!” นี่เป็นประโยคที่ทำให้รอยยิ้มบนใบหน้าหลิวอวิ๋นจางหายไปอย่างสมบูรณ์ มันยังมองต้วนหลิงเทียนด้วยความเหลือเชื่อ “ศิษย์น้องหลิงเทียน ที่เจ้ากล่าวที่แท้เป็นเรื่องใดกันแน่ หรือเจ้าคิดว่าข้าไม่คู่ควรเป็นสหายเจ้า?” น้ำเสียงของหลิวอวิ๋นเริ่มเปลี่ยนไป “ย่อมไม่ใช่” ต้วนหลิงเทียนรู้ดีว่าหลิวอวิ๋นกำลังเข้าใจผิด อดไม่ได้ที่จะยิ้มกล่าวออก “ศิษย์พี่หลิวอวิ๋น ในใจข้าท่านเป็นเหมือนพี่ชายคนหนึ่ง…ไม่ใช่แค่เพียงสหายแต่เสมือนคนในครอบครัว! นอกจากนี้ต่อให้ท่านมีตัวคนเดียวข้าก็ยังจะตัดสินใจเช่นนี้” “ถึงข้าจะมาอยู่ลัทธิบูชาไฟได้ไม่นาน แต่ข้าก็มีเรื่องบาดหมางกับผู้คนไม่น้อย…โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ต่งหลิน ที่บิดาของมันเป็นถึงรองจ้าวหอคุมกฏ แม้ข้าจะไม่คิดกลัวมัน…แต่ข้าก็ไม่อยากฉุดลากท่านกระทั่งตระกูลของท่านให้จมปลักโคลนนี้ไปกับข้าด้วย” ต้วนหลิงเทียนกล่าวออกมาจากใจ “ท่านบรรพชนให้เจ้าทำแบบนี้ใช่หรือไม่?” สีหน้าหลิวอวิ๋นบิดเบี้ยวไปไม่น้อย กล่าวออกเสียงหนัก “ศิษย์พี่หลิวอวิ๋น เรื่องที่ข้าไม่อยากทำให้ตายข้าก็ไม่กระทำ แต่เรื่องที่ข้าอยากกระทำไม่ต้องมีผู้ใดให้กระทำข้ายังกระทำ…ครั้งนี้เป็นข้าตัดสินใจกระทำด้วยตัวเอง! ระหว่างข้าท่าน มิตรภาพพวกเราล้วนไม่มีวันเปลี่ยนแปลง แต่ช่วงนี้พวกเราสมควรเว้นระยะห่างกันไว้” ต้วนหลิงเทียนกล่าวออกเสียงเข้ม “ข้าสัญญากับท่าน ว่าข้าจะเร่งจัดการภัยคุกคามทั้งหมดให้ได้เร็ววัน…ถึงตอนนั้นข้ากับท่านก็ไม่จำเป็นต้องเล่นละครอะไรอีกต่อไป” วาจาของต้วนหลิงเทียนทำให้หน้าหลิวอวิ๋นเปลี่ยนสี “อย่าได้กล่าวแล้ว ข้าเพียงถอนตัวออกจากตระกูลเสียก็สิ้นเรื่อง!” สุดท้ายหลิวอวิ๋นก็กกัดฟันกล่าววาจาถอนตัวออกจากตระกูลออกมา ด้วยวิธีนี้มันก็ไม่ต้องกลัววกุลหลิวที่อยู่เบื้องหลังจะพลอยเดือดร้อนไปด้วย! “ศิษย์พี่หลิวอวิ๋น เรื่องนี้ทำไม่ได้เด็ดขาด!” ต้วนหลิงเทียนตกใจไม่น้อย แต่ในใจก็รู้สึกอบอุ่นไม่เบา เขาไม่คิดเลยว่าหลิวอวิ๋นจะเลือกออกจากตระกูลเพื่อเขา! ครู่ต่อมาต้วนหลิงเทียนก็ปรับสีหน้า และมองไปทางหลิวอวิ๋นด้วยความไม่เต็มใจ ก่อนที่จะเริ่มโน้มน้าวหลิวอวิ๋นอย่างจริงจัง และในวันนั้น ก็มีข่าวใหญ่เกิดขึ้นที่ห้องโถงใหญ่ของหอหลัก ต้วนหลิงเทียนกับหลิวอวิ๋นที่เป็นสหายคล้ายจะมีปากเสียงอย่างหนัก ก่อนลงมือลงไม้กันถึงขั้นทำให้หลิวอวิ๋นบาดเจ็บ จากนั้นอาวุโสคุมกฏหลิวอวี่ก็ได้เข้ามายุติเรื่องราว ก่อนที่จะลงโทษหลิวอวิ๋นและต้วนหลิงเทียนทั้งคู่ที่ก่อเหตุทะเลาะวิวาทกันในห้องโถงเล็กน้อย ต้วนหลิงเทียนกับหลิวอวิ๋นแตกหักกัน ต่างคนต่างอยู่เสมือนคนแปลกหน้า เรื่องนี้ทำให้หอคุมกฏของลัทธิบูชาไฟตื่นตะลึงกันใหญ่ “ไฉนศิษย์พี่หลิงเทียนกับศิษย์พี่หลิวอิว๋นถึงได้แตกหักตัดสัมพันธ์กันเล่า…” “นั่นสิ มิใช่ดูจากทีท่าตอนแรกทั้งคู่แลดูสนิทกันดีหรือไร ข้าไม่ทราบจริงๆว่ามีเหตุผลใดที่ทำให้ต้องทะเลาะถึงขั้นแตกคอกันเช่นนี้” … เมื่อเรื่องราวนี้แพร่ออกไปด้านนอก เหล่าศิษย์ของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ก็แปลกใจกันไม่น้อย ต่างงุนงงสงสัยด้วยไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น “อะไร? พี่อวิ๋นกับศิษย์น้องหลิงเทียน…แตกหักกันแล้ว?” หากจะถามว่าเรื่องนี้ใครได้รับผลกระทบมากที่สุดย่อมเป็น หลิวมู่ หากเทียบกับลูกพี่ลูกน้องอย่างหลิวอวิ๋นแล้ว หลิวมู่ถือได้ว่ารู้จักต้วนหลิงเทียนมาก่อน ยังกล่าวได้ว่าที่หลิวอวิ๋นรู้จักต้วนหลิงเทียนได้ก็เพราะมัน เท่าที่มันรู้ศิษย์น้องหลิงเทียนของมันไม่ใช่คนที่ทำอะไรอย่างไร้เหตุผล หรือคราวนี้จะเป็นลูกพี่ลูกน้องของมันทำผิดต่อต้วนหลิงเทียน? ยิ่งมาหลิวมู่ก็ยิ่งกังวลนัก ยังร้อนใจอยากไปหอคุมกฏเพื่อไกล่เกลี่ยข้อพิพาทระหว่างต้วนหลิงเทียนกับหลิวอวิ๋น อย่างไรก็ตามมันรู้ดีว่าหอคุมกฏไม่ใช่สถานที่ๆมันนึกอยากจะไปก็ไปได้ตามอำเภอใจ ทำให้แม้มันอยากรู้ว่าที่แท้หลิวอวิ๋นกับต้วนหลิงเทียนทะเลาะกันเรื่องอะไรกันแน่ แต่มันก็ไม่อาจไปได้ ทำได้แค่รอให้เวลาผ่านไป 1 เดือน เมื่อต้วนหลิงเทียนกับหลิวอวิ๋นสิ้นสุดระยะเวลาทำงานที่หอคุมกฏแล้ว มันค่อยไปถามไถ่เรื่องราว ณ ห้องโถงหลักของหอคุมกฏ ภายในห้องโถงหลักอันกว้างใหญ่ ต่งหลิน ในฐานะอาวุโสเพลิงทองแดงก็อยู่ที่นี่ด้วยเช่นกัน “ต้วนหลิงเทียนแตกคอกับหลิวอวิ๋นแล้วงั้นเรอะ?” ได้ยินข่าวนี้ ต่งหลินก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มเย้ย “ต้วนหลิงเทียนเจ้านับเป็นดาววิบัติโดยแท้…กว่าเจ้าจะมีสหายสักคนแต่สุดท้ายก็แตกคอกันจนได้ น่าเสียดายที่อาวุโสหลิวอวี่ลงโทษเจ้าเบาเกินไป” “แต่อย่าคิดว่าอาวุโสหลิวอวี่ลงโทษเจ้าสถานเบา แล้วข้าจะปล่อยผ่านเรื่องราวครั้งนี้ไปง่ายๆ!” เมื่อคิดถึงจุดนี้ ต่งหลิน ก็ลุกออกจากโต๊ะ เดินออกจากห้องโถงหลักทันที มันมุ่งหน้าไปทางทิศตะวันออกของหอคุมกฏ ซึ่งสถานที่แห่งนี้นี้เป็นดั่ง ‘เขตหวงห้าม’ ของหอคุมกฏก็ว่าได้ สถานที่แห่งนี้เป็นที่ๆจ้าวหอคุมกฏและรองจ้าวหอคุมกฏรวมถึงอาวุโสระดับสูงไม่กี่คนใช้เป็นที่ฝึกฝนบ่มเพาะพลัง แน่นอนว่าสำหรับอาวุโสทั่วไปและศิษย์ที่ทำงานในหอคุมกฏ สถานที่แห่งนี้เสมือนสถานที่ต้องห้ามที่ไม่อาจล่วงล้ำเข้ามาได้… ทว่าต่งหลินเป็นข้อยกเว้น นั่นเพราะมันเป็นถึงบุตรชายคนเดียวของรองจ้าวหอคุมกฏ ต่งหยวนจิ้น 1 ใน 3 ผู้มีอำนาจสูงสุดของหอคุมกฏลัทธิบูชาไฟ มันจะผ่านเข้าออกที่นี่เมื่อไหร่ ก็ไม่มีใครพูดอะไรทั้งสิ้น ภายในหุบเขาอันเงียบสงบ แว่วเสียงสกุณาตัวจ้อยขับขาน สายลมหอบกลิ่นไอดินทั้งความหอมของบุปผานานาพรรณพัดโชยมาในบรรยากาศ เคล้าคลอไปกับเสียงน้ำตก บริเวณพื้นที่โล่งด้านหน้าน้ำตกปรากฏคฤหาสน์หลังหนึ่งปลูกสร้างเอาไว้ คฤหาสน์ที่อยู่ท่ามกลางขุนเขาลำน้ำเช่นนี้ แลแล้วให้บรรยากาศสงบสบายไม่น้อย วูบ! คล้ายดั่งสายลมกรรโชกหอบหนึ่งพัดผ่าน หน้าคฤหาสน์พลันปรากฏร่างต่งหลิน “นายน้อย” แทบจะพร้อมกันกับที่ต่งหลินมาถึง ชายชราในชุดผ้าธรรมดาคนหนึ่งไม่ทาบมาจากไหน แต่มันก็ปรากฏตัวขึ้นมากล่าวคำต้อนรับทันที ชายชราผู้นี้ร่างกายผ่ายผอมนัก แลแล้วเสมือนกิ้งไม้แห้งเหี่ยวใกล้หักร่วงเต็มที “เหล่าหยาง” ทว่าชายชราผู้นี้แม้แลดูธรรมดาไร้เรื่องราว ทว่าต่งหลินกลับทักทายอีกฝ่ายด้วยท่าทีเคารพ นั่นเพราะชายชราเบื้องหน้า เป็นผู้ติดตามที่ดูแลรับใช้บิดามันมานานปี! แต่มันรู้ดีแก่ใจ… ความแข็งแกร่งของชายชราผอมแห้งเบื้องหน้า ไม่ได้ด้อยกว่าบิดาของมันมากนัก หากเข้าร่วมลัทธิบูชาไฟอย่างเป็นทางการล่ะก็ ชายชราผู้นี้ย่อมได้เป็นอาวุโสเพลิงทองแน่นอน! “นายน้อยกำลังตามหานายท่านหรือ?” ชายชรากล่าวถามออกมาด้วยน้ำเสียงแหบแห้งสิ้นแรง ราวกับมันใกล้จะตายเต็มที “ใช่” ต่งหลินพยักหน้า ขณะเดียวกันในแววตาก็เผยประกายเคียดแค้นชิงชังออกมาอย่างไร้สิ้นสุด ต่งหยวนจิ้นนั้นเป็น 1 ในรองจ้าวหอคุมกฏ รูปร่างหน้าตาของมันแลไม่ต่างอะไรจากชายวัยกลางคน ทว่าร่างกายของมันแข็งแรงบึกบึน ยามยืนอยู่เฉยๆในสวนด้านหลังคฤหาสน์ ยังให้ความรู้สึกคล้ายหอคอยเหล็กตั้งตระหง่าน “ท่านพ่อ!” ต่งหลินที่ถูกพามาโดยชายชราร่างผอม ไม่นานก็ได้พบต่งหยวนจิ้น มันประสานมือคารวะทักบิดาออกไปทันที “อืม” แม้จะอยู่ต่อหน้าบุตรชาย หากแต่ต่งหยวนจิ้นยังแลดูสง่างามเคร่งขรึมไม่น้อย เพราะถึงแม้มันจะรักและถนอมบุตรชายคนนี้ปานแก้วตาดวงใจ แต่มันก็มักเข้มงวดกับบุตรชายเสมอด้วยกลัวว่าลูกชายคนเดียวของมันจะประพฤติตัวเหลวไหลเอาแต่ใจ เกียจคร้านการบ่มเพาะพลัง และนั่นไม่ใช่อะไรที่มันอยากจะเห็น ในโลกที่ยึดถือพลังเป็นที่สุด มีเพียงผู้เข้มแข็งเท่านั้นที่จะได้รับความเคารพ มันต่งหยวนจิ้น หากไม่อาจบรรลุถึงเซียนสวรรค์ 7 เปลี่ยน…มันย่อมมีวันตาย และหากเป็นเช่นนั้นมันก็ไม่อาจอยู่ดูแลปกป้องลูกชายได้! “ท่านพ่อ ข้า…” ต่งหลินปริปากกล่าวคำ ทว่าไม่ทันได้พูดอะไรก็ถูกต่งหยวนจิ้นยกมือขัดไว้เสียก่อน “เจ้ามานี่เพราะอยากให้ข้าสั่งสอนบทเรียนให้ต้วนหลิงเทียน?” ต่งหยวนจิ้นที่ยกมือขัด กล่าวออกมาเสียงเฉย สายตาของมันกระจ่างราวเห็นซึ้งทุกสิ่ง “ใช่” ติ่งหลินยิ้มแหยเห็นฟันขาว ค่อยพยักหน้า “ในฐานะบิดา ข้าหวังว่าเจ้าจะสามารถแก้ปัญหานี้ด้วยตัวเองได้…อย่างไรเสียข้าได้ยินว่าเจ้าหนุ่มต้วนหลิงเทียนผู้นั้นมีฝีมือมิใช่ชั่ว ยังมีฝีมือย่อยอันร้ายกาจถึงขั้นที่เจ้าทำอะไรมันไม่ได้เลย” ต่งหยวนจิ้นกล่าวออก จากเรื่องนี้เห็นได้ชัดว่ามันก็ได้สืบเรื่องราวของต้วนหลิงเทียนมาไม่น้อย แต่แน่นอนว่าในสายตาของมันก็ไม่ได้เห็นต้วนหลิงเทียนเป็นภัยคุกคามใดๆ แม้พลังฝีมือของต้วนหลิงเทียนจะร้ายกาจถึงขั้นครอบงำเซียนสวรรค์ 2 เปลี่ยนทั้งหมด และอาจเทียบได้กับเซียนสวรรค์ 3 เปลี่ยน อย่างไรก็ตาม ต่งหยวนจิ้นในฐานะรองจ้าวหอคุมกฏ พลังฝีมือของมันเหนือกว่าอาวุโสเพลิงทองส่วนใหญ่ เท้าข้างหนึ่งของมันย่ำเหยียบธรณีประตูเซียนสวรรค์ 6 เปลี่ยนแล้ว ไม่ต้องกล่าวถึง เซียนสวรรค์ 3 เปลี่ยนด้วยซ้ำ กระทั่งสุดยอดฝีมือขอบเขตเซียนสวรรค์ 4 เปลี่ยนมันก็ไม่เห็นอยู่ในสายตา!
คอมเม้นต์