War sovereign Soaring The Heavens ตอนที่ 1960
WSSTH ตอนที่ 1,960 : เว่ยเหอชะตาขาด! “อาวุโสกัวฉง…” ต้วนหลิงเทียนหันไปมองกัวฉงด้วยสายตาจริงจัง เปิดประตูเห็นภูผากล่าวออก “ข้ารู้ว่าท่านหวังดีและคิดแนะนำข้าให้จ้าวแท่นบูชารับเป็นศิษย์…อย่างไรก็ตามน้ำใจนี้ของท่านข้าคงได้แต่รับไว้ด้วยใจ เพราะข้ามีอาจารย์อยู่แล้ว!” “นอกจากนี้ตามธรรมเนียมที่บ้านเกิดของข้า ก่อนที่จะได้รับความยินยอมจากอาจารย์ ข้าไม่อาจคารวะผู้ใดเป็นอาจารย์คนที่สองได้อีก” “หาไม่แล้วจะถือว่าเป็นความผิดฐานเนรคุณ!” ต้วนหลิงเทียนกล่าววาจาออกมาอย่างฉะฉาน “เจ้ามีอาจารย์อยู่แล้วงั้นหรือ?” กัวฉงรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย ก่อนที่จะกล่าวถามออกมาต่อว่า “มิทราบว่าอาจารย์ของเจ้าที่แท้คือยอดฝีมือท่านใด?” “ท่านอาจารย์ของข้าเป็นเพียงผู้ฝึกตนพเนจนเท่านั้น ไม่ได้สังกัดฝักฝ่ายหรืออยู่ขุมพลังอันใด” ต้วนหลิงเทียนส่ายหัว “ต้วนหลิงเทียน เรื่องนี้เจ้าคิดให้ดีก่อนเถอะ…หากเจ้ากราบ ‘อาวุโสเพลิงทอง’ อย่างจ้าวแท่นบูชาเต่าทมิฬของพวกเราเป็นอาจารย์ล่ะก็…สำหรับเจ้าแล้วเรื่องนี้ล้วนมีแต่ประโยชน์ไร้โทษอันใด!” กัวฉงพยายามกล่าวโน้มน้าวออกมาด้วยสีหน้าจริงจัง “ไม่ต้องกล่าวถึงเรื่องอื่นใดให้มาก เพียงดูเรื่องราวบาดหมางระหว่างเจ้ากับหลี่อัน…ขอเพียงเจ้าได้เป็นศิษย์ของจ้าวแท่น ต่อให้หลี่อันมันจะมีความกล้ามากกว่านีอีกสิบเท่า มันก็ไม่กล้าเห็นเจ้าเป็นศัตรูอีกต่อไป!” “เรื่องที่สำคัญที่สุดก็คือจ้าวแท่นบูชาเรามิใช่คนหยุมหยิม ท่านย่อมไม่นำพาเรื่องที่เจ้ามีอาจารย์มาก่อน…ตราบใดที่เจ้ายินดีกราบท่านจ้าวแท่นเป็นอาจารย์ ด้วยพรสวรรค์ของเจ้า…ท่านจ้าวแท่นย่อมไม่คิดปฏิเสธที่จะรับเจ้าเป็นศิษย์!” กัวฉงพยายามโน้วน้าวต้วนหลิงเทียนอย่างไม่ถอดใจ ในสายตาของมันด้วยพรสวรรค์รากวิญญาณสีน้ำเงินของต้วนหลิงเทียน บวกกับไหวพริบปฏิภาณ…เกรงว่าในลัทธิบูชาไฟแห่งนี้ ต้วนหลิงเทียนจะถือได้ว่าเป็นหัวกะทิในบรรดาอัจฉริยะผู้มีรากวิญญาณสีน้ำเงิน! มันมั่นใจเป็นอย่างยิ่งว่า ถ้าหากพาต้วนหลิงเทียนไปแนะนำให้จ้าวแท่นบูชาเต่าทมิฬรู้จักล่ะก็ ขี้คร้านคนจะยิ้มร่ารอรับน้ำชาคารวะจากต้วนหลิงเทียนเพื่อรับศิษย์ “อาวุโสกัวฉงขอท่านอย่าได้โน้มน้าวข้าอีกเลย…ข้าตัดสินใจแล้ว” ต้วนหลิงเทียนส่ายหัวไปมา วาจาที่กล่าวออกอีกครั้งยังเด็ดขาด ไม่คิดเปลี่ยนใจ กล่าวกันตามตรงพอได้ฟังคำของกัวฉง เขาเองก็รู้สึกถูกชักจูงไม่น้อย อย่างไรก็ตามเขารู้สึกผิด! ไม่ต้องกล่าวถึงเลยว่านี่อาจจะเป็นการสร้างความเสื่อมเสียให้อาจารย์ที่เขาไม่เคยพบอย่างเซียนกระบี่ฟงชิงหยาง แต่เขาก็ไม่อยากลากคนอื่นให้จมปลักโคลนนี้ไปด้วย ถูกแล้ว! ไม่อยากลากคนอื่นให้จมปลักโคลน! ต้องทราบด้วยว่าการมาลัทธิบูชาไฟของเขานั้น ไม่ใช่ว่าเขาอยากจะเป็นศิษย์ของลัทธิบูชาไฟจริงๆ ทั้งไม่ได้อยากมีตำแหน่งใหญ่โตและกลายเป็นผู้มีชื่อเสียงที่ใครต่อใครก็นับหน้าถือตาอะไรในลัทธิบูชาไฟทั้งนั้น เขามาลัทธิบูชาไฟเพียงเพื่อจุดประสงค์เดียว… ช่วยภรรยาและลูกสาวของเขา! เกิดเขาคารวะผู้ใดในลัทธิบูชาไฟเป็นอาจารย์ขึ้นมา…หลังจากที่เขาช่วยภรรยากับลูกสาวไปแล้ว แน่นอนว่าผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นอาจารย์ของเขาไม่พ้นต้องพลอยติดร่างแหไปด้วยแน่ ตามคำกล่าวที่ว่า ‘เป็นอาจารย์วันหนึ่งเสมือนเป็นบิดาไปตลอดชีวิต’ ไม่ต้องกล่าวถึงเรื่องที่อีกฝ่ายเป็นถึงอาจารย์ด้วยซ้ำ กระทั่งคนอื่นๆที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ ต้วนหลิงเทียนก็ไม่อยากให้พลอยมาติดร่างแหเพราะเขา “เฮ่อ…ในเมื่อเป็นความต้องการของเจ้า เช่นนั้นข้าก็จักไม่เกลี้ยกล่อมเจ้าอีกแล้ว” กัวฉงเมื่อเห็นวว่าต้วนหลิงเทียนได้ตัดสินใจแน่วแน่แล้ว มันก็ไม่คิดจะเซ้าซี้อะไรต้วนหลิงเทียนอีก หลังระบายลมหายใจเฮือกหนึ่งมันจึงกล่าวต่อว่า “อีก 1 ข้าจะไปรับเจ้า พวกเราจักไปเหมืองลำดับที่ 1 ด้วยกัน” หลังจากกล่าวแจ้งเรื่องต้วนหลิงเทียนกัวฉงก็เหินร่างจากไปทันที โดยไม่รอให้ต้วนหลิงเทียนตอบสนองอะไร เห็นได้ชัดว่ามันเองก็โดนความดื้อรั้นของต้วนหลิงเทียนทำให้ไม่ค่อยพอใจอยู่บ้าง หลังกัวฉงจากไปแล้ว ต้วนหลิงเทียนก็เหินร่างย้อนกลับไปยังเขตที่พักแท่นบูชาเต่าทมิฬ ไม่นานก็กลับมาถึงเรือนชั้นรองของตัวเอง อย่างไรก็ตามตลอด 1 เดือนหลังจากนั้นเขาไม่ได้ปิดด่านบ่มเพาะพลัง เวลาที่เหลือบ้างก็ใช้ทำความเข้าใจยอดใจกระบี่ บ้างก็พยายามตีความเวทย์พลังอื่นๆที่เขามีให้บรรลุสู่ขั้นตอนความสำเร็จที่สูงขึ้น สำหรับเวทย์พลังเจ้าปัญหาอย่าง ‘ปราการเต่าทมิฬ’ นั้น…เขาพักมันเอาไว้ก่อน ‘ไม่จำเป็นต้องไปเสียเวลาคลำทางให้เหนื่อย ขอเพียงเห็นใครสักคนใช้เวทย์พลังปราการเต่าทมิฬ ข้าต้องสำเร็จมันได้ในเวลาอันสั้นแน่’ นี่เป็นเหตุผลว่าทำไมต้วนหลิงเทียนถึงเลือกที่จะพักการตีความเวทย์พลังปราการเต่าทมิฬเอาไว้ก่อน นอกจากนั้นเวทย์พลังอื่นๆของเขายังมีช่องว่างให้ก้าวหน้าขึ้นอีกเยอะ ไม่ว่าจะเป็นปฐมเวทย์กลืนกิน หรือเซียนอมตะข้ามภพ เช่นนั้นต้วนหลิงเทียนจึงเลือกที่จะใช้เวลากับพวกมันมากขึ้น ดั่งคำที่ว่า…ฟ้าย่อมไม่ละทิ้งคนเพียร! สิบเดือนต่อมา ในที่สุดต้วนหลิงเทียนก็ได้สัมผัส ‘ธรณีประตู’ ขอบเขตที่ 3 ของยอดใจกระบี่ได้สำเร็จ และสามารถยกระดับความเข้าใจที่มีต่อเวทย์พลังเซียนอมตะข้ามภพไม่น้อย อย่างไรก็ตามตอนนี้ปฐมเวทย์กลืนกินคล้ายพบพานจุดรอคอย คงยากที่จะก้าวหน้าขึ้นได้หากไม่เกิดอาการรู้แจ้งอะไรขึ้นมา “ถึงเวลาแล้ว…” เพียงห้วงคิด ร่างต้วนหลิงเทียนก็วูบออกมานอกเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติทันที หลังจากเก็บเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติไว้กับตัวเรียบร้อย ต้วนหลิงเทียนก็เดินออกจากบ้านไปนั่งที่โต๊ะหินในลานว่างหน้าบ้าน สิบเดือนในชั้น 4 ของเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติ ด้านนอกก็พึ่งผ่านพ้นไปหนึ่งเดือนเท่านั้น ‘ดูจากเวลา…อีกไม่นานอาวุโสกัวฉงสมควรมาได้แล้ว’ ต้วนหลิงเทียนลอบกล่าวในขณะที่นั่งผ่อนคลายอารมณ์อยู่ที่โต๊ะหินอ่อน และตอนนี้เองพลันมีเสียงสนทนาดังขึ้นจากเรือนชั้นรองที่อยู่ไม่ไกล “นี่พวก เจ้าได้ยินหรือนี้แล้วหรือไม่…เห็นว่าเว่ยเหอศิษย์เอกของอาวุโสหลี่อัน ได้ถูกหอคุมกฏพิพากษาโทษประหารไปเมื่อ 3 วันก่อน!” เว่ยเหอถูกตัดสินประหารชีวิต? ได้ยินเรื่องนี้ต้วนหลิงเทียนอดไม่ได้ที่จะประหลาดใจ ไม่นานหลังจากนั้น อีกเสียงก็ดังขึ้น “นี่เจ้าพูดจริงเรอะ! อย่าบอกข้านะว่าเป็นเพราะข่าวลือว่าเว่ยเหอไปดูหมิ่นหอคุมกฏนั่นน่ะ?” “หึ แค่ข่าวลือหรือ? ถึงแม้จะไม่มีใครทราบว่าผู้ใดแพร่ข่าวลือว่าเว่ยเหอลูบคมหอคุมกฏในดินแดนศักดิ์สิทธิ์…แต่เว่ยเหอก็ถูกคุมตัวอยู่ที่ห้องลงทัณธ์ในหอคุมกฏของดินแดนศักดิ์สิทธิ์จริง!” เสียงแรกดังขึ้นอีกครั้งทันที “บางทีตอนแรกข้าเชื่อว่าด้านหอคุมกฏเองก็เพียงคิดลงทัณฑ์สถานหนักเท่านั้น เพราะอย่างไรเว่ยเหอก็เป็นอาวุโสเพลิงทองแดงที่มีรากวิญญาณสีน้ำเงินคนหนึ่ง! อย่างไรก็ตามกลับมีคนจงใจแพร่ข่าวลือเรื่องเว่ยเหอแคลงใจในความยุติธรรมของหอคุมกฏออกมา…เรียกว่าไม่ต่างใดจากราดน้ำมันรดกองไฟแม้แต่น้อย!” “หอคุมกฏเป็นดั่งสถานที่ทรงเกียรติและคงความศักดิ์สิทธิ์นัก…หากกระทั่งเว่ยเหอที่กล้าไม่เคารพทั้งดูหมิ่นหอคุมกฏยังไม่ถูกตัดสินโทษตาย ไยจะไม่เป็นการลดทอนความน่าเชื่อถือของหอคุมกฏเอง? ในลัทธิบูชาไฟเราใครบ้างไม่รู้ว่าหอคุมกฏเป็นสถานที่ๆมิอนุญาตให้ผู้ใดดูหมิ่นหยามหยันได้! หากคนที่ไม่เห็นหัวหอคุมกฏยังมีชีวิตอยู่หลังทำเรื่องเช่นนี้ แล้วต่อไปผู้ใดจะกริ่งเกรงอำนาจของหอคุมกฏอีก? ผู้คนไม่แห่กันคลางแคลงสงสัยจนฟ้องร้องว่าหอคุมกฏไร้ความยุติธรรมกันวุ่นวายรึ?” ต้องกล่าวเลยว่าเจ้าของเสียงคนนี้ มันทราบเรื่องราวกระจ่างปานเห็นมากับตา “มันก็จริงอย่างที่เจ้าพูดมา…ว่าแต่ที่แท้เว่ยเหอไปดูหมิ่นหอคุมกฏอย่างไรกันแน่?” อีกเสียงกล่าวถามด้วยสงสัย “สหาย…เจ้าควรออกจากบ้านบ้าง! เรื่องมันเป็นเช่นนี้ เห็นว่าเว่ยเหอนั้นได้ยื่นฟ้องร้องด้วยไม่เห็นชอบกับการคัดสินคดีของอาวุโสคุมกฏกัวฉงเรื่องต้วนหลิงเทียน เช่นนั้นมันจึงไปหอคุมกฏเพื่อร้องเรียนอาวุโสกัวฉงว่าใช้อำนาจโดยมิชอบเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัว!” เสียงแรกกล่าวออกอีกครั้ง “ข้าได้ยินมาว่าทางหอคุมกฏก็ไม่ได้นิ่งดูดาย ยังส่งผู้อาวุโสคุมกฏมาท่านหนึ่งเพื่อตรวจสอบเรื่องราวถึงแท่นบูชาเต่าทมิฬเรา…สุดท้ายความจริงปรากฏก็พบว่าที่แท้เป็นเว่ยเหอใส่ร้ายป้ายสีอาวุโสคุมกฏกัวฉงทั้งเพ!” “เหอะๆที่แท้ก็เป็นเช่นนี้…เว่ยเหอมิเพียงมิอาจล้างแค้นให้ศิษย์ที่ตายตกได้ สุดท้ายยังต้องเป็นฝ่ายังเวยชีวิตเสียเอง” เสียงคนหลังดังขึ้นเข้าหูต้วนหลิงเทียน ‘ดูเหมือนว่าสุดท้ายอาวุโสกัวฉงก็ทำตามที่ข้าบอกสินะ…’ มุมปากต้วนหลิงเทียนยกยิ้มเฉยเมยออกมา เมื่อได้รู้ว่าสุดท้ายกัวฉงก็ทำตามคำชี้แนะของเขา “ต้วนหลิงเทียน” ในขณะที่ต้วนหลิงเทียนกำลังคิดถึงกัวฉง พลันมีเสียงหนึ่งดังก้องฟ้ามาแต่ไกล เจ้าของเสียงที่กล่าวเรียกก็เป็นชายชราร่างกำยำคนหนึ่งที่คุ้นตา… เป็นกัวฉง! กัวฉงได้มาตามนัดหมาย เพื่อพาต้วนหลิงเทียนไปยังเหมืองลำดับที่ 1 ที่แท่นบูชาจตุรลักษณ์รับผิดชอบร่วมกัน “อาวุโสกัวฉงหลังจากที่ท่านปล่อยข่าวออกไปแล้ว ทางหอคุมกฏที่ดินแดนสักดิ์สิทธิ์ได้ตรวจสอบหรือไม่ว่าเป็นผู้ใดปล่อยข่าว?” ต้วนหลิงเทียนอดไม่ได้ที่จะกล่าวถามออกมา ขณะเดินทางไปยังเหมืองลำดับที่ 1 “ย่อมตรวจสอบ” กัวฉงพยักหน้ารับ ก่อนที่จะมองต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาลึกซึ้ง “เรื่องราวเป็นอย่างที่เจ้าว่าเอาไว้มิมีผิด…หลังหอคุมกฏพบว่าเป็นข้าที่ปล่อยข่าวลือนี้เอง พวกมันก็มิได้สร้างปัญหาอะไรให้ข้า” ทุกเรื่องราวเป็นไปดั่งที่ต้วนหลิงเทียนได้กล่าวไว้หมดสิ้น ด้วยเหตุนี้ทำให้กัวฉงอดไม่ได้ที่จะตื่นตระหนกกับความคิดอ่านของต้วนหลิงเทียน ที่คาดการณ์เรื่องราวทั้งหมดได้ในเวลาอันสั้น ในใจมันยังอดลอบตัดสินไปเสียไม่ได้… ต่อให้มันต้องเผชิญหน้ากับหลี่อันหรือแตกหักกันมันก็ยอม แต่มันจะไม่ยอมเป็นศัตรูกับต้วนหลิงเทียนอย่างเด็ดขาด! เพราะต้วนหลิงเทียนคนนี้ทำให้มันรู้สึกถึงอันตรายได้มากกว่าหลี่อัน! “เว่ยเหอถูกตัดสินประหารชีวิตแบบนี้…ให้ข้าเดาตอนนี้หลี่อันคงจุกอกอยู่ไม่น้อยสินะ?” ต้วนหลิงเทียนแสยะยิ้มออกมาอย่างสนุกสนาน ในสายตาของเขา ครั้งนี้นับว่าหลี่อันมันเลือกจะผลักศิษย์เอกของตัวเองลงหลุมแล้วจริงๆ! หากไม่ใช่เพราะเว่ยเหอถูกหลี่อันฝังหัวมาว่า พรสวรรค์รากวิญญาณของเขาเป็นแค่รากวิญญาณสีเหลือง ไหนเลยเว่ยเหอจะหาญกล้าทัดทานเรื่องนี้ถึงขั้นยื่นฟ้องอาวุโสกัวฉงว่าใช้อำนาจโดยมิชอบ!? กล่าวได้ว่าครั้งนี้เว่ยเหอมันแส่หาที่ตายเองแท้ๆ! แต่เหตุผลที่มันแส่หาที่ตาย หลี่อันย่อมไม่อาจหลีกเลี่ยงความรับผิดชอบไปได้! “เว่ยเหอได้ถูกหอคุมกฏในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ตัดสินโทษตาย ทั้งคนก็ถูกประหารไปเมื่อ 3 วันก่อน…ทว่าข่าวดังกล่าวพึ่งมาถึงแท่นบูชาเต่าทมิฬของพวกเราวันนี้ ข้าเชื่อว่าตอนนี้หลี่อันก็สมควรได้รับทราบเรื่องราวที่เกิดขึ้นแล้วเช่นกัน” กัวฉงกล่าว เป็นอย่างที่กัวฉงว่าไว้ไม่มีผิด ข่าวความเคลื่อนไหวดังกล่าวได้ล่วงรู้ถึงหูหลี่อันเรียบร้อยแล้ว เปรี๊ยงงง!! เสียงสนั่นลั่นขึ้น โต๊ะหินอ่อนเบื้องหน้าหลี่อันที่โชคร้ายได้แหลกสลายกลับกลายเป็นผงธุลีไปอย่างไม่เต็มใจ “เว่ยเหอ…เป็นอาจารย์ผิดต่อเจ้าแล้ว!” หน้าของหลี่อันจมลง ลูกตาทั้งสองยังแดงรื้นเผยหยาดน้ำตาเอ่อคลอ ทั่วร่างปรากฏไอพลังเย็นเยียบเสียดกระดูกแผ่พุ่งออกมาไม่หยุด พาลให้อุณหภูมิโดยรอบเหมือนจะลดต่ำไปหลายองศา เว่ยเหอเป็นศิษย์เอกของมัน ทั้งยังเป็นศิษย์คนแรกของมัน! มันยังมีความรู้สึกให้ลูกศิษย์คนนี้ลึกซึ้งนัก ยังแลเห็นอีกฝ่ายไม่ต่างอะไรจากลูกชายแท้ๆของตัวเอง! ทว่าตอนนี้ศิษย์ที่เป็นดั่งลูกชายแท้ๆของมันกลับตกตายไปแล้ว! “เป็นข้าที่ประเมินต้วนหลิงเทียนต่ำเกินไป…ไม่อยากจะเชื่อเลยจริงๆว่าสุดท้ายมันกลับมีพรสวรรค์รากวิญญาณสีน้ำเงินไปได้!” เมื่อได้รับการยืนยันแล้วว่าต้วนหลิงเทียนมีพรสวรรค์รากวิญญาณสีน้ำเงินจริงๆ หลี่อันบังเกิดความรู้สึกกดดันไม่น้อย ยิ่งไปกว่านั้นพอได้รับทราบว่าศิษย์เอกของมันถูกประหารตายไปเพราะเรื่องนี้ ใจยิ่งอยากรุดเร่งไปสับร่างต้วนหลิงเทียนให้แหลกเป็นหมื่นๆชิ้นนัก! เรียกว่าการตายของเว่ยเหอ หลี่อันโทษว่าเป็นความผิดของต้วนหลิงเทียนทั้งหมด! ตอนนี้ความรู้สึกอยากฆ่าต้วนหลิงเทียนให้ตายของมัน นับว่าพุ่งสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์! “ต้วนหลิงเทียนเจ้ากลับทำให้ข้าสูญเสียคนที่ข้ารัก…เช่นนั้นข้าจักให้เจ้าได้ลิ้มรสความรู้สึกนี้ดูบ้าง!” คิดถึงจุดนี้ลูกตาหลี่อันก็เผยประกายเยียบเย็นพุ่งวาบออกมา วินาทีต่อมาร่างมันก็เหินออกจากเขตที่พักผู้อาวุโสของแท่นบูชาเต่าทมิฬทันที ทิศทางที่มันเหินร่างเหาะไป เห็นชัดว่าชี้ไปที่แท่นบูชาพยัคฆ์ขาว!
คอมเม้นต์