War sovereign Soaring The Heavens ตอนที่ 1934
ตอนที่ 1,934 : เซียนอมตะข้ามภพ! หมัดทลายขุนเขาลำน้ำ! ข้อได้เปรียบที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของต้วนหลิงเทียนก็คือ ‘ความเร็ว’ เรื่องนี้เป็นอะไรที่เหล่าศิษย์แท่นบูชาเต่าทมิฬกระจ่างชัดเจน ทว่ามาวันนี้ พอพวกมันได้เห็นว่าความเร็วของจางจี้กลับเหนือล้ำกว่าความเร็วของต้วนหลิงเทียนเสียอีก! ระยะห่างระหว่างทั้งคู่มันหดกระชั้นเข้ามาทุกที! ทุกคนจึงรู้สึกว่าการต่อสู้ครั้งนี้คงจบลงแล้ว… “ข้าล่ะคิดไม่ถึงเลยจริงๆว่าความเร็วของศิษย์พี่จางจี้จะสูงส่งขนาดนี้…ถึงความเร็วของต้วนหลิงเทียนจะเหนือกว่าเมื่อสิบวันก่อน แต่อย่างไรก็ยังไม่สู้ศิษย์พี่จางจี้!” “อันที่จริงความเร็วของต้วนหลิงเทียนก็มิใช่ชั่ว กระทั่งผู้ฝึกตนในขอบเขตเซียนนภาขั้นต้นทั่วไปก็คงยากจะไล่ตามได้! อนิจจาวันนี้คู่มือที่เผชิญหาใช่เซียนนภาขั้นต้นทั่วไปไม่ แต่เป็นยอดฝีมือระดับแนวหน้าในขอบเขตเซียนนภาขั้นต้น ศิษย์พี่จางจี้!” “ดูเหมือนศิษย์พี่จางจี้จะเหลือเพียงครึ่งก้าวบรรลุเซียนนภาขั้นกลางแล้วเป็นแน่…หาไม่ความเร็วคงไม่สูงล้ำขนาดนี้!” … ในขณะที่กล่าวออกความเห็นกันจนดังระงม สายตาของเหล่าศิษย์ที่มามุงชมก็เผยความเฉยเมยออกมา บางคนก็ส่ายหน้าไปมาด้วยความผิดหวัง ตอนแรกพวกมันคิดว่าจะมีศึกพยัคฆ์ปะทะมังกรให้ดูชม แต่มิคาดฟ้าสนั่นกึกก้องกลับต้องได้เพียงละอองพิรุณ…เรื่องราวดูท่ากำลังจะจบลงในอีกไม่นาน “ข้าล่ะอุตส่าห์ออกจากการปิดด่านเพราะเหตุนี้…สุดท้ายช่างน่าผิดหวังยิ่งนัก!” ศิษย์แท่นบูชาเต่าทมิฬบางคนยังกล่าวบ่นออกมาอย่างเสียใจ เพราะมันได้ยินเสียงเอะอะด้านนอกแว่วๆจึงเลือกจะออกจากการกักตัวบ่มเพาะ หมายชมดูอะไรสนุกสนานบันเทิงใจ อนิจจาเรื่องราวการต่อสู้กลับไม่ได้น่าตื่นตาตื่นใจดั่งที่คิด… ทว่าในขณะที่ศิษย์แท่นบูชาเต่าทมิฬกำลังถอดใจนั้นเอง พลันมีเสียงหนึ่งดังขึ้น! และเป็นเสียงที่กระตุ้นความสนใจของพวกมันให้หวนกลับคืนมาอีกครั้ง! “เจ้าคิดว่าข้าเร็วที่สุดได้แค่นี้งั้นเหรอ?” เสียงดังกล่าว ดังออกมาจากปากของต้วนหลิงเทียนเอง! และทันทีที่ต้วนหลิงเทียนกล่าวจบคำ ปีกเพลิงคู่มหึมากลางหลัง พลันปะทุไอพลังน่ากลัวขุมหนึ่งออกมา เปลวเพลิงคล้ายจะลุกโชนเพิ่มพูนขึ้นกว่าปกติ! ชั่วพริบตาร่างต้วนหลิงเทียนที่เหินหลบออกไป ก็มีความเร็วเพิ่มขึ้นราว 2 ส่วน! หากแต่แม้ความเร็วจะเพิ่มขึ้นเพียงราวๆ 2 ส่วน แต่ก็สามารถทิ้งห่างจางจี้ได้อย่างง่ายดาย ถึงขั้นที่จางจี้ได้แต่ตามมากินฝุ่นเท่านั้น! เห็นร่างต้วนหลิงเทียนอยู่ๆก็ระเบิดความเร็วทิ้งห่างออกไปแบบนี้ สีหน้าจางจี้เปลี่ยนไปทันใด มันไม่คิดไม่ฝันเลยจริงๆว่าที่แท้ต้วนหลิงเทียนจะรวดเร็วขนาดนี้…อีกฝ่ายกระทั่งปกปิดความเร็วไว้ถึง 2 ส่วน! จังหวะนี้มันอดหงุดหงิดใจเสียไม่ได้! ความเร็วในปัจจุบันของต้วนหลิงเทียน ถึงแม้จะยังไม่ถึงระดับยอดฝีมือเซียนนภาขั้นกลาง แต่ก็ไม่ห่างมากเท่าไหร่ อย่างน้อยๆความเร็วนี้ก็เหนือกว่าความเร็วสูงสุดที่มันใช้ออกได้อยู่ราวๆ 2 ส่วน! ความเร็วเหนือกว่า 2 ส่วนเรื่องนี้จะให้พูดอย่างไร? ความจริงเรื่องนี้ไม่ต้องกล่าวใดให้มาก เพียงมองจากความจริงที่ต้วนหลิงเทียนสามารถทิ้งห่างจางจี้ไว้ให้กินฝุ่นด้านหลังในชั่วพริบตาก็ทราบได้… “ระ…เร็วอะไรจะขนาดนี้!!” “บ้าไปแล้ว! ความเร็วนี่มัน…อาจจะเหนือกว่าพวกเซียนนภาขั้นกลางทั่วไปแล้วด้วยซ้ำ!!” “ความเร็วระดับนี้มันจะเกินตัวไปแล้ว!” “ให้ตายเถอะ ต่างจากเมื่อ 10 วันก่อนลิบลับเลย!” …… การที่อยู่ๆต้วนหลิงเทียนระเบิดความเร็วออกมาในฉับพลันแบบนี้ ไม่เพียงแต่จะทำให้จางจี้หน้าเสีย ยังสร้างความตกตะลึงพรึงเพริดให้แก่เหล่าศิษย์แท่นบูชาเต่าทมิฬมุงอีกด้วย! “ความเร็วนี่มันอะไรกัน…เร็วยิ่ง!” ใบหน้าเจียงชูกลายเป็นเคร่งขรึมขึ้นมาเช่นกัน ถึงแม้กล่าวได้ว่าเท้าครึ่งนึงของมันได้ย่ำเหยียบอยู่ในขอบเขตเซียนนภาขั้นกลางแล้ว จนทำให้ความเร็วของมันก็ไม่ได้ต่างอะไรไปจากเซียนนภาขั้นกลางทั่วๆไป แต่หากเทียบกับความเร็วที่ต้วนหลิงเทียนเผยออกตอนนี้ น่ากลัวว่าจะยังด้อยกว่ากันเกือบ 2 ส่วน! ความเร็วของมันตอนนี้อย่างดีก็พอๆกันกับจางจี้เท่านั้นเอง! ‘ไม่คิดเลยว่าออกจากการปิดด่านบ่มเพาะมาครั้งนี้ พลังฝีมือจางจี้จะก้าวหน้าไปมาก…ตอนนี้มันสามารถไล่ตามข้าทันแล้ว!’ จางจี้นั้นเรียกว่าเป็นอริเก่าของเจียงชูก็ว่าได้ การได้เห็นคู่ปรับตัวพลังฝีมือก้าวหน้าไล่ตามมาติดๆ ย่อมทำให้มันอดกดดันขึ้นมาเสียไม่ได้ “มันก็แค่ 10 วันเองมิใช่หรือ…ไฉนต้วนหลิงเทียนถึงได้แลคล้ายจะเปลี่ยนไปเป็นคนละคนเลยเล่า!” “นั่นสิ แม้ความเร็วที่ใช้ออกเมื่อ 10 วันก่อนจะถือว่ารวดเร็วแล้ว แต่อย่างดีก็เพียงทัดเทียมกับเซียนนภาขั้นต้นทั่วๆไป…ทว่าตอนนี้ความเร็วของต้วนหลิงเทียนจะกล่าวว่าทัดเทียมกับยอดฝีมือเซียนนภาขั้นกลางก็ไม่เกินเลย! นี่มันเหลือเชื่อเกินจริงเกินไป!!” “ไม่น่าเชื่อจริงๆ…ทำได้อย่างไรกัน?” “ในช่วง 10 วันที่ผ่าน…ผู้แซ่ต้วนพึ่งทะลวงด่านจริงๆหรือ? เรื่องนี้ข้ายากจะยอมรับนัก!” … ความเร็วที่ระเบิดออกมาของต้วนหลิงเทียน ทำให้ศิษย์ที่ชมดูอยู่ตกใจไม่น้อย เหล่าศิษย์ที่ถึงกับตะลึงอึ้งค้างไปส่วนใหญ่จะเป็นศิษย์ที่ได้ชมดูเรื่องราวการต่อสู้ของต้วนหลิงเทียนกับกู่หลงเมื่อ 10 วันก่อน ฉากเรื่องราวการต่อสู้เมื่อ 10 วันที่แล้วพวกมันยังจดจำได้ชัดเจน วันนั้นต้วนหลิงเทียนก็เร็วมากแล้ว! ทว่าพึ่งผ่านไปได้ 10 วัน ความเร็วของต้วนหลิงเทียนกลับเพิ่มสูงขึ้นอย่างมาก ถึงขั้นที่ใจของพวกมันอดสั่นไปเสียไม่ได้! นั่นเพราะความเร็วที่เพิ่มพูนขึ้นมามันเกินจริงเกินไป! “ฮึ่ม! ถึงแม้เจ้าจะเร็วกว่าข้าแล้วยังไง แต่พลังของเจ้าเล่า? รู้สึกพลังเจ้าที่สูงได้ขนาดนี้จักเป็นเพราะเวทย์พลังมิใช่หรือ แล้วผลของมันอยู่ได้นานเท่าไหร่เล่า? หมดสิ้นเมื่อใดเจ้ามันก็เท่านั้น!” เมื่อเห็นว่าตัวเองไม่อาจไล่ตามต้วนหลิงเทียนได้ทันอีกต่อไป จางจี้พลันชะลอร่างลงเล็กน้อย ค่อยกล่าววาจาเหยียดหยามออกมา “ตอนนี้เจ้าหนีได้ก็หนีไปเถอะ…หาไม่แล้วรอจนเวทย์พลังของเจ้าหมดเวลาเมื่อใด ข้าจะทุบตีเจ้าให้ยับ! เอาให้นอกจากบิดามารดาจดจำไม่ได้แล้ว เจ้ายังต้องร่ำร้องขอความตาย! หากเจ้ากลัวก็รีบไสหัวหนีไปเยี่ยงสุนัขหางจุกตูดเสีย…มิฉะนั่นพอถึงทีของข้าเมื่อใด แม้ข้าจะไม่อาจฆ่าเจ้าหรือทำให้เจ้าพิการได้ตามกฏ แต่ข้ายังสามารถทำให้เจ้าทุกข์ทรมานจนต้องสงสัยในชีวิต!!” วาจาท้ายประโยคของจางจี้ยิ่งมายิ่งเย็นลง ยิ่งประโยคสุดท้ายยังคล้ายจะผุดแทรกขึ้นมาจากหล่มน้ำแข็ง บรรยากาศโดยรอบเหมือนจะตกลงหลายองศา! “จางจี้…” และในตอนนี้เอง ต้วนหลิงเทียนที่เหินร่างหลบออกไปก่อนหน้า พลันหยุดลงและหันกลับมามองจางจี้ด้วยทีท่ายสงบไร้แยแส กล่าวออกด้วยน้ำเสียงเฉยเมยว่า “ถึงแม้ข้าจะรู้ว่าตอนนี้เจ้ากำลังพยายามจะยั่วยุข้าด้วยคำพูดโง่ๆ…แต่ข้ายังจะบอกอะไรเจ้าไว้อย่าง ไม่ว่าจะก่อนหน้าหรือกระทั่งตอนนี้ข้าไม่ได้มีความคิดจะหนีเจ้าแม้แต่น้อย! อาศัยพลังฝีมือเพียงเท่านี้ของเจ้า…ยังไม่มากพอถึงขั้นทำให้ข้าต้องหนี!” โอ! สวรรค์! ให้ตายเถอะ!! สิ้นคำต้วนหลิงเทียน เหล่าศิษย์แท่นบูชาเต่าทมิฬก็อุทานกันออกมาอย่างฮือฮา “วาจาเขื่องโขคำโตทารกน้อยยังกล่าวได้…หากเจ้าไม่คิดหนีจริง เช่นนั้นเจ้ากล้าสู้กับข้าจางจี้ตรงๆหรือไม่เล่า?” จางจี้หัวเราะเยาะก่อนค่อยกล่าวเย้ยเยาะออกมา “หากเจ้ามิกล้า ข้าแนะนำให้เจ้าไปหาอันใดมาคลุมหัวเสีย หรือเจ้าอย่าได้อาศัยอยู่ในแท่นบูชาเต่าทมิฬอีกต่อไปเลย! เพราะเจ้ามันก็แค่ตัวน่าอายขายหน้าของลัทธิบูชาไฟ!!” ถึงแม้ว่าต้วนหลิงเทียนจะรู้ดีว่าจางจี้เพียงแค่ใช้ถ้อยคำขยะมายั่วยุให้เขาโกรธ แต่พอฟังแล้วเขาก็รู้สึกของขึ้นด้วยไม่สบอารมณ์อยู่ดี! “จางจี้…ในเมื่อเจ้าอยากปะทะกับข้าตรงๆนัก ถ้างั้นข้าจะจัดให้ตามเจ้าขอ!” ต้วนหลิงเทียนกล่าวออกเสียงเย็น จบคำยังกระตุ้น ปีกอีกาทองคำ ให้ระเบิดพลังออกมาอีกครั้ง เพียงชั่วพริบตาคนก็พุ่งตัดฟ้าจี้เข้ามาเจียนบรรลุถึงเบื้องหน้าจางจี้! กระบี่เล่มหนึ่งผุดโผล่จากความว่างเข้ามือทั้งเสือกแทงจี้ขวางออกไปเบื้องหน้า ปลดปล่อยเวทย์พลังเซียนอมตะข้ามภพทันที!! ซุ่มมมม!! ภายใต้ทุกสายตาของผู้คนอยู่ดีๆร่างต้วนหลิงเทียนที่พุ่งทะยานสวนเข้ามาหาจางจี้ด้วยความเร็วสูงล้ำ พลันหักศอกพุ่งขึ้นฟ้าไปด้วยความเร็วอัศจรรย์! ก่อนที่ร่างคนจะอันตรธานหายไปจากสายตาผู้คนชั่ววูบหนึ่งค่อยปรากฏออกมาอีกครั้ง!! อย่างไรก็ตาม ต้วนหลิงเทียนทะยานขึ้นฟ้าไปเพียงหนึ่ง หากแต่พุ่งแทงกระบี่ลงมาถึง 3! อีกทั้งร่างต้วนหลิงเทียนทั้ง 3 นี้ แม้จะมองมุมใดก็มิอาจบ่งบอกได้ถึงความแตกต่าง! แต่ละร่างที่แทงกระบี่ลงมายังปลดปล่อยพลังกระบี่น่าพรั่นพรึงแฝงเร้นไปด้วยจิตสังหารอ่อนๆ รอบกระบี่ทั้ง 3 ยังมีไอพลังอาคมจากอาคมเซียนร้อยอาคมปลดปล่อยออกมาเต็มพลัง! “สวรรค์ช่วย! นั่นมันเวทย์พลังอันใดกัน!!” “นะ…น่ากลัวยิ่งนัก นั่นมันพลังอะไรกัน!?” “ทรงพลังถึงขั้นนี้…ข้าเกรงว่าคงเป็นได้แค่เวทย์พลังชั้นสูงสถานเดียว!!” … จังหวะนี้เหล่าศิษย์แท่นบูชาเต่าทมิฬที่ได้เห็นภาพเรื่องราว อดไม่ได้ที่จะตื่นตระหนกและหวั่นหวาดพลังอำนาจของเวทย์พลังเซียนอมตะข้ามภพที่ต้วนหลิงเทียนใช้ออก! ถึงแม้ต้วนหลิงเทียนจะยังไม่มีเวลาทำความเข้าใจเซียนอมตะข้ามภพให้บรรลุขั้นตอนความสำเร็จเหนือกว่านี้ แต่อย่างไรก็ตามด้วยเซียนอมตะข้ามภพที่ใช้ออกผสานไปด้วยเคล็ดพลังของยอดใจกระบี่ขั้นที่ 2 เงากระบี่สัมพันธ์ใจ อำนาจของมันก็มิใช่ชั่ว! เพียงมองปราดเดียวผู้คนก็ตระหนักได้ทันทีว่านี่คือเวทย์พลังชั้นสูง! “ข้าจำได้ว่าเมื่อ 10 วันก่อน ศพของกู่หลงคล้ายมีรอยกระบี่ 3 รอยตามจุดตาย…หรือที่แท้มันจะตกตายด้วยกระบวนท่านี้!?” “ไม่ผิดแน่! นี่สมควรเป็นกระบวนท่าสังหารที่ต้วนหลิงเทียนใช้ดับชีวิตกู่หลงวันนั้น! แต่เป็นเพราะเขตแดนประหลาดนั่นปิดกั้นสายตาข้าจึงมิอาจแลเห็น! ข้าเองก็นึกเสียดายไม่น้อย…มาวันนี้ข้ารู้แล้วว่าต้วนหลิงเทียนลงมืออย่างไรในเขตแดนนั่น!!” “สมควรเป็น 3 กระบี่สังหารนี้แน่! ข้าไม่คิดว่านี่จะเป็นเพียงวรยุทธ์กระบี่เด็ดขาด! สมควรเป็นเวทย์พลังระดับสูง!!” ……… ความสนใจของเหล่าศิษย์แท่นบูชาเต่าทมิฬบัดนี้ ได้ถูกเวทย์พลังเซียนอมตะข้ามภพของต้วนหลิงเทียนดึงดูดไปหมดสิ้น กระบี่ทั้ง 3 ที่ร่วงหล่นฟ้าทิ่มแทงลงมา ประหนึ่งกระบี่ของเทพเซียนที่ข้ามภพมาจากแดนสวรรค์! เซียนอมตะข้ามภพ! “วะ…เวทย์พลังระดับสูง 3 สาย…อะไรกัน…” เจียงชูที่ชมมองเรื่องราวอยู่ไกลๆ ตอนนี้ลูกตาก็อดไม่ได้ที่จะเบิกกว้างไปด้วยความตกตะลึง ฉากเรื่องราวเบื้องหน้าไม่เพียงทำให้มันตกใจ ยังตกใจหนักมาก!! “นี่มันอะไรกัน! เจ้านั่นมันก็แค่เซียนปฐพีขั้นกลางมิใช่หรือไร…ไฉนกลับมีการโจมตีรุนแรงระดับนี้ได้? ดูเหมือนเวทย์พลังสนับสนุนของมันจักเป็นเวทย์พลังขั้นสูงมิผิดแน่! นอกจากนั้นเวทย์พลังสายกระบี่ที่มันกำลังใช้อยู่ ก็มิพ้นเป็นเวทย์พลังขั้นสูงอีกเช่นเดียวกัน! ยังไม่ต้องกล่าวถึงเวทย์พลังปีกเสริมการเคลื่อนไหวนั่น สิบในสิบล้วนเป็นเวทย์พลังขั้นสูงแน่!!” สีหน้าจางจี้เผยความขรึมเคร่งออกมาทันที เมื่อเผชิญหน้ากับเวทย์พลัง เซียนอมตะข้ามภพของต้วนหลิงเทียน ขณะเดียวกันใบหน้าของมันก็เต็มไปด้วยความตกใจ “ไหวพริบอันใดปฏิภาณอันใดถึงทำให้มันรู้แจ้งถึงเวทย์พลังชั้นสูง 3 ชนิดได้! ไฉนเจ้าต้วนหลิงเทียนอะไรนี่ถึงทำแบบนี้ได้กัน!?” ตอนนี้ในใจของจางจี้พลันมีเพลิงหนึ่งลุกโชนขึ้นมา เป็นเพลิงแห่งความอิจฉาที่แทบจะมอดไหม้ผลาญเผาอยู่ในใจ! เพราะตัวมันจางจี้นั้นถึงแม้จะเป็นถึงเซียนนภาขั้นต้นแล้วแท้ๆ แต่ถึงทุกวันนี้มันยังพึ่งเข้าใจเพียงเวทย์พลังขั้นกลาง 2 ชนิดและเวทย์พลังขั้นสูงอีกแค่ชนิดเดียวเท่านั้น…! แต่ทว่าชายเบื้องหน้าของมัน เป็นแค่ผู้ฝึกตนขอบเขตเซียนปฐพีขั้นกลางแท้ๆ กลับประสบความสำเร็จในการทำความเข้าใจและเพาะสร้างต้นแบบเวทย์พลังขั้นสูงไว้ใช้งานได้ถึง 3 ชนิดแล้ว!! ใจมันไหนเลยจะไม่ท่วมท้นไปด้วยความอิจฉาริษยาได้!! จางจี้ที่ใจแทบไหม้ไปด้วยไฟอิจฉามองต้วนหลิงเทียนทั้ง 3 ที่เสือกกระบี่ทิ่มแทงลงมาด้วยสายตาเยียบเย็น จิตอำมหิตลึกลงไปในแววตายิ่งมาก็ยิ่งมาก! หากสายตาของมันเหมือนมีดดาบที่สามารถฆ่าคนได้ล่ะก็ ป่านนี้ต้วนหลิงเทียนคงได้ถูกฆ่าตายไปแล้วกระทั่งมิวายศพยังแหลกเป็นพันเป็นหมื่นชิ้น “ฮึ่ม! ทักษะกระบี่ยอดเยี่ยม หากแต่ผู้ใช้อ่อนด้อย!!” เผชิญหน้ากับกระบี่ฉาบพลังน่ากลัวที่แทงลงจากฟ้าทั้ง 3 จางจี้คำรามออกมาดังลั่น สองสะบัดออกฉับไว ปรากฏสนับมือคู่หนึ่งผุดโผล่ขึ้นจากความว่างสวมเข้ามือทันที! สนับมือสีดำคู่นี้มีสีดำสนิทไม่สะท้อนแสง ไม่ทราบทำมาจากวัสดุอะไร อย่างไรก็ตามเป็นในเมื่อมันเป็นศาสตราเซียนที่ตัวตนขอบเขตเซียนนภาเลือกจะใช้ยามนี้ เห็นชัดว่าคงมิใช่สนับมือร้ายๆทั่วไปแน่! “หมัดทลายขุนเขาลำน้ำ!!” เผชิญหน้ากับเซียนอมตะข้ามภพของต้วนหลิงเทียนทั้ง 3 จ้างจี้ไม่คิดหลีกหลบ! เกร็งพลังจากทั่วร่างควบผนึกลงสู่หมัดทั้งสองอันมีสนับมือสีดำสนิทสวมไว้! ปะทุพลังเกรี้ยวกราดชกสวนออกไปทันที!!
คอมเม้นต์