War sovereign Soaring The Heavens ตอนที่ 1889
ตอนที่ 1,889 : ราชาเม็ดยา ‘ซุนยิง’ “มันกำลังลอบจับตาดูพวกเจ้าอยู่…” และในขณะที่ชายชราซ่อนตัวแอบดูพวกต้วนหลิงเทียนในมุมมืดนั้นเอง เสียงหนึ่งก็ดังขึ้นในหูต้วนหลิงเทียน ทันใดนั้นต้วนหลิงเทียนก็ส่งเสียงไปหากู่ลี่และจูลู่ฉีทันที “พวกท่านเริ่มแสดงได้แล้ว!” แสดง! เมื่อได้ยินต้วนหลิงเทียนส่งเสียงกล่าวบอก ไม่ว่าจะกู่ลี่หรือจูลู่ฉี ก็ชักสีหน้าตกตะลึงทันที “เจ้านั่นสมควรเป็นยอดฝีมืออันร้ายกาจนัก มารดาของมันเถอะสามารถขโมยสมุนไพรทั้งสวนได้ในชั่วพริบตา! ตั้งแต่ต้นจนจบข้ายังไม่ทันรู้ตัวด้วยซ้ำว่ามันเกิดอะไรขึ้น…พอลุกขึ้นมาหลังถูกซัด พวกก็กวาดสมุนไพรทั้งโอสถวิญญาณไปเหี้ยนแล้ว” ต้วนหลิงเทียน กู่ลี่และจูลู่ฉีเริ่มกล่าววาจาออกมาด้วยสีหน้าหวาดกลัวระคนตกใจทันที คล้ายเรื่องราวเมื่อครู่มันน่ากลัวและอันตรายมาก “โชคดีนักที่พวกเราไม่กล้าพอจะแข็งขืนต่อต้านมัน หาไม่แล้วคงไม่ใช่แค่ถูกซัดปลิว เผลอๆจะตกตายเอาได้ง่ายๆ! ภูมิภาคเบื้องบนไฉนถึงได้น่ากลัวขนาดนี้กัน…” กู่ลี่กล่าวออกด้วยน้ำเสียงกังวล “พลังฝีมือของหัวขโมยสูงส่งนัก…ไม่รู้เจ้าของสวนสมุนไพรจะต่อกรกับมันได้หรือไม่ กระทั่งหากตามไปไม่ทันข้ากลัวว่าสมุนไพรกับโอสถวิญญาณเลิศล้ำพวกนั้นคงหายไปหมดสิ้นแน่!” จูลู่ฉีกล่าวเสริมออกมาอย่างเหมาะเจาะ ต้วนหลิงเทียนและพวกทั้ง 3 กล่าวคำออกมาราวกับไม่รู้ว่ามีผู้ใดลอบจับตาดูอยู่ อีกทั้งวาจาเรื่องราวยังสมจริงนัก ชายชราที่ซุ่มจับตาดูอยู่ตั้งแต่ตั้น มาตอนนี้ก็วางใจและเชื่อว่าไม่มีใดผิดพลาด ครู่ต่อมามันก็เร่งเหินร่างมุ่งหน้าลงใต้ด้วยความเร็วสูงสุดทันที ซุ่มมม!! ชายชราเหินร่างแหวกฟ้าไปฉับไวนัก เหนือฟ้าบังเกิดถนนฟ้าลากยาวไปเป็นทาง พริบตาก็ราวกับจะพุ่งลัดขอบฟ้าไปแล้ว นับเป็นความเร็วอันน่ากลัวไม่ใช่ชั่ว! “กี่ปีมาแล้ว…ที่ไม่มีใครกล้ายั่วโมโหข้า ซุนยิง ผู้นี้!ไม่ว่าใครหน้าไหนที่มันกล้าขโมยของๆข้าซุนยิงผู้นี้…มันต้องตาย!!” ลูกตาชายชราเผยประกายดุร้ายอาฆาต เสียงกล่าวยังเย็นเยียบจับกระดูก ซุนยิง! หากมีคนของภูมิภาคเบื้องบนแต่กำเนิดมาได้ยินวาจาอาฆาตนี้ของชายชรา เกรงว่าพวกมันไม่ตกตะลึงก็คงไม่ได้! ซุนยิงนั้นก็คือราชาเม็ดยา ผู้ที่มีชื่อเสียงเลื่องลือในภูมิภาคเบื้องบนของดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋านัก อีกทั้งมันยังไม่ได้เป็นปรมารจารย์เซียนหลอมที่มีความสามารถในด้านรักษาและหลอมเม็ดยาเป็นเลิศเท่านั้น ตัวมันยังอยู่ในอันดับที่ 300 ของรายนามยอดเซียนอีกด้วย!! อย่างไรก็ตามซุนยิงคงไม่คิดไม่ฝันเลยจริงๆว่ามันจะถูก คน 3 คนที่พึ่งมาจากภูมิภาคเบื้องล่างหลอกต้มเสียแล้ว! เหตุผลที่มันไม่ได้ตระหนักเลยว่ามันถูกหลอมต้มจนเปื่อย เพราะกระทั่งหลับมันยังไม่อาจฝันถึงว่าต้วนหลิงเทียนกับพวกทั้ง 3 จะสัมผัสได้ถึงสำนึกเทวะของมัน ล่วงรู้ว่ามันลอบจับตาดูอยู่… ซุนยิงย่อมเป็นผู้ที่มั่นใจในพลังฝีมือของตัวเองนัก! แน่นอนว่าสาเหตุที่ทำให้เกิดเรื่องราวเช่นนี้ได้ เพราะซุนยิงไม่อาจล่วงรู้ได้เลยว่าโลกหล้า กลับมีตัวตนที่เรียกว่า ‘ผู้เฒ่าหั่ว’ ดำรงอยู่… หากมันล่วงรู้ว่ามีตัวตนอย่าง ‘ผู้เฒ่าหั่ว’ ดำรงอยู่ มันคงให้ต้วนหลิงเทียนและอีก 2 คนกล่าวคำสาบานต่อทัณฑ์สวรรค์เก้าเก้าแล้ว เพื่อให้รู้แน่ชัดว่าต้วนหลิงเทียนกับพวกไม่ได้ขโมยของมันไปจริงๆ ทว่าตัวตนที่ทรงพลังและฝึกปรือมาถึงขอบเขตเดียวกับซุนยิง… เว้นแต่จะไร้หนทางเลือกอื่นใดแล้ว พวกมันย่อมไม่คิดให้ใครกล่าวคำสาบานแบบนั้นเด็ดขาด หาไม่แล้วพวกต้วนหลิงเทียนทั้ง 3 คงไม่รอดตัวไปแบบนี้ ซุนยิงเหินร่างจากไปไม่ทันไร ต้วนหลิงเทียนก็ได้รับแจ้งจากผู้เฒ่าหั่วทันที เขาเร่งกล่าวบอกกู่ลี่กับจูลู่ฉีอย่างไม่รอช้า “มันเหินร่างมุ่งหน้าลงใต้แล้ว สมควรไม่ย้อนกลับมาในเวลาสั้นๆ…พวกเรารีบมุ่งหน้าไปทางทิศตะวันตกด้วยความเร็วสูงสุดสักเดือนเถอะ จากนั้นค่อยคิดว่าจะทำยังไงต่อไป!!” “ได้!” ตอนนี้ไม่ว่าจะกุ่ลี่หรือจูลู่ฉี ล้วนรอฟังคำชี้นำของต้วนหลิงเทียนทั้งสิ้น หลังจากที่ทั้ง 3 เหินร่างขึ้นฟ้า ก็มุ่งหน้าไปยังทิศตะวันตกทันทีโดยไม่กล้าแม้แต่จะหยุดหันไปมองแม้แต่ครั้งเดียว “โชคดีนักที่ชายชรานั่นเพียงแค่ตรวจสอบแหวนพื้นที่และลอบจับตาดูพวกเรา ไม่สั่งให้พวกเรากล่าวคำสาบานต่อทัณฑ์สวรรค์เก้าเก้า ไม่งั้นพวกเราทุกคนต้องตายแน่!” ระหว่างเดินทาง กู่ลี่อดไม่ได้ที่จะกล่าวออกมาด้วยความรู้สึกว่าตัวเองโชคดีนัก “มิผิด” จูลู่ฉีก็เห็นด้วยอย่างยิ่งหลังได้ยินคำของกู่ลี่ สังเกตให้ดีตอนนี้แผ่นหลังมันถึงกับชุ่มโชกไปด้วยเหงื่อเย็น “อย่างไรก็ตามข้าเกรงว่ากระทั่งหลับมันยังคงไม่อาจฝันถึง ว่าพวกเราจะฉวยโอกาสลงมือตอนที่มันละเลยความระวังช่วงที่มันไม่ได้เฝ้าจับตาสวนยา นอกจากนี้มันคงไม่อาจคิดคาดจินตนาการได้ว่าน้องหลิงเทียนมีวิธีตรวจจับสำนึกเทวะของมันที่ลอบจับตามองพวกเรา กระทั่งยังคงไม่อาจคิดได้ว่าพวกเราจะเสแสร้งเล่นละครในเวลาอันเหมาะสมเช่นนั้น…” กู่ลี่กล่าวออกขณะหันไปมองต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาชื่นชม “ถูกแล้ว” จูลู่ฉีพยักหน้าอย่างเห็นด้วย จนถึงตอนนี้มันเองก็ยังไม่ทราบจริงๆว่าที่แท้ต้วนหลิงเทียนทำอย่างไรกันแน่ถึงสามารถตรวจจับสำนึกเทวะของอีกฝ่ายได้ว่าจับตาดูอยู่หรือไม่ได้ดูอยู่… ต้องทราบด้วยว่าแม้พลังฝึกปรือของมันจะอยู่เหนือกว่าต้วนหลิงเทียน กระทั่งมันยังมั่นใจว่าพลังฝีมือเหนือล้ำกว่าต้วนหลิงเทียน ก็ยังไม่อาจจับสัมผัสสำนึกเทวะของเจ้าของสวนสมุนไพรได้เลย… ทว่าต้วนหลิงเทียนไม่ได้กล่าวออกถึงเรื่องนี้ กู่ลี่กับจูลู่ฉีเองก็ไม่คิดจะถาม สุดท้ายแล้วทุกคนล้วนมีความลับส่วนตัว… ได้ฟังบทสนทนาระหว่างกู่ลี่กับจูลู่ฉี เหงื่อกาฬต้วนหลิงเทียนก็อดไม่ได้ที่จะไหลโจ๊กชุ่มโชกไปทั้งแผ่นหลัง เพราะที่ทั้งคู่กล่าวคือปัญหาที่เขากังวลและคิดไม่ตกแต่แรก… “ผู้เฒ่าหั่ว ไฉนท่านถึงได้มั่นใจนักเล่า…ว่ามันจะไม่ใช้ให้พวกเรากล่าวคำสาบานต่อทัณฑ์สวรรค์เก้าเก้า?” ต้วนหลิงเทียนอดไม่ได้ที่จะกล่าวถามผู้เฒ่าหั่วออกมา ก่อนหน้านี้เขาก็ถามผู้เฒ่าหั่วแล้ว ว่าหากเจ้าของสวนสมุนไพรให้กล่าวคำสาบานขึ้นมาจะทำอย่างไร ทว่าเป็นผู้เฒ่าหั่วที่กล่าวบอกออกมาอย่างมั่นใจ ว่าอีกฝ่ายไม่มีทางให้พวกเขากล่าวคำสาบานแน่ และนั่นจะทำให้แผนการดำเนินไปอย่างราบรื่น… ถึงแม้จะยังรู้สึกไม่สบายใจและกังวลถึงเรื่องนี้มาตลอด แต่สุดท้ายต้วนหลิงเทียนก็เลือกที่จะเสี่ยง! พอสามารถดำเนินตามแผนได้สำเร็จ ชนะเดิมพันออกจากสวนสมุนไพรมาได้… ทำให้เขามีความสุขความยินดีนัก กระทั่งลืมเรื่องราวความกังวลก่อนหน้าออกไปหมดสิ้น… แต่ตอนนี้พอได้ยินกู่ลี่กับจูลู่ฉีสนทนากัน เขาจึงฉุกคิดขึ้นมาได้อีกครั้ง เลยอดไม่ได้ที่จะกล่าวถามผู้เฒ่าหั่วออกมา “เป็นเพราะความคิดอันคุ้นชิน…” ผู้เฒ่าหั่วกล่าว “ความคิดอันคุ้นชิน?” ต้วนหลิงเทียนกล่าวถามด้วยความสงสัย “มิผิด เป็นความคิดอันคุ้นชินของยอดฝีมือ! ในสายตาเจ้าของสวนสมุนไพร พวกเจ้าทั้ง 3 ไม่ได้แตกต่างอะไรไปจากมด มันอยากรู้อะไรจากพวกเจ้า มันย่อมมีวิธีการของมันเองไหนเลยจำต้องพึ่งพาคำสาบานต่อทัณฑ์สวรรค์เก้าเก้า?” ผู้เฒ่าหั่วกล่าวอธิบายให้เขาฟัง ทั้งยกตัวอย่าง “เจ้าลองคิดดูเอาเถอะ หากเจ้าย้อนกลับไปทวีปมนุษย์แล้วคิดเค้นความอันใดจากพวกมัน เจ้าจะใช้ให้พวกมันกล่าวคำสาบานต่อทัณฑ์สวรรค์เก้าเก้าหรือไม่? แล้วเจ้าใช่รู้สึกเสียหน้าหรือไม่หากต้องใช้วิธีเช่นนี้เค้นความจากพวกมัน?” ต้วนหลิงเทียนได้ยินวาจานี้ก็ถึงกับเงียบไปพักหนึ่ง ครู่ต่อมาพอเขานึกว่าหากตกอยู่ในสถานการณ์เดียวกันกับเจ้าของสวนสมุนไพรจริง และต้องมาเค้นความจากมด 3 ตัว…ไม่แคล้วเขาก็จะใช้พลังวิธีของตัวเองตามจิตใต้สำนึก แทนที่จะใช้ให้พวกมันกล่าวคำสาบานต่อทัณฑ์สวรรค์เก้าเก้า “มันคงคิดไม่ถึงว่าข้าจะมีท่านผู้เฒ่าหั่วคอยช่วยเหลือ…ไม่งั้นมันคงต้องเสียใจกับการกระทำของมันแน่!” เมื่อดึงสติกลับจากความคิดที่ล่องลอย มาตอนนี้ต้วนหลิงเทียนก็รู้แล้วว่าความคิดอันคุ้นชินของยอดฝีมือคืออะไร มันไม่ได้มีอะไรมากมายไปกว่าอัตตาและถวามถือดีอย่างหน้ามืดตามัวในตัวเองแม้แต่น้อย! “นอกจากนี้คนทั่วไป ไหนเลยจะทราบได้ว่าเจ้ามีของอย่างเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติไว้เก็บสิ่งของ” ผู้เฒ่าหั่วกัวเราะออกมาดังร่า “ไม่ว่าจะอะไรก็ตาม คราวนี้พวกเราพ้นเคราะห์เพราะท่านผู้เฒ่าหั่วคนเดียว…ต้องขอบคุณท่านแล้วผู้เฒ่าหั่ว!” ต้วนหลิงเทียนกล่าวขอบคุณผู้เฒ่าหั่วจากใจจริง ถึงแม้ตอนนี้เขาจะเป็นเจ้าของเจดีย์หลิงหลง 7สมบัติ และผู้เฒ่าหั่วก็เป็นผู้ที่ตกอยู่ในอำนาจสะกดของเจดีย์ กล่าวได้ว่าเขาเป็นเจ้านายของผู้เฒ่าหั่ว…แต่เขาก็ไม่เคยปฏิบัติต่อผู้เฒ่าหั่วในฐานะบริวารแม้แต่น้อย ยังยึดถือผู้เฒ่าหั่วเป็นผู้อาวุโสคนหนึ่งมาโดยตลอด และปรากฏว่าเขากระทำได้ถูกต้องแล้ว อย่างน้อยๆผู้เฒ่าหั่วก็พยายามช่วยเหลือเขาอย่างเต็มที่ ไม่มีปิดซ่อนอะไร ในขณะที่ต้วนหลิงเทียนและพวกมุ่งหน้าสู่ทิศตะวันตกไปได้ราวๆ 10 วัน ซุนยิงที่มุ่งหน้าลงใต้ไปด้วยความเร็วสูงสุดกลับไม่พบแม้แต่ร่องรอยของหัวขโมยใดๆ “พลังฝีมือของเจ้าหัวขโมยนั่นมันมิได้ด้อยไปกว่าข้างั้นหรือ?” ซุนยิงมองไปยังขอบฟ้าว่างเปล่าและผืนดินรกร้างไร้ผู้คนด้านล่างอย่างเลื่อนลอย สีหน้าแลดูบิดเบี้ยวอัปลักษณ์นัก! หลังจากครุ่นคิดอยู่สักพักมันก็คิดว่าเรื่องนี้แทบเป็นไปไม่ได้เลย ทั่วทั้งดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าแห่งนี้ หากวัดกันในแง่ของพลังฝีมือแล้วมีเพียงแค่ 200 กว่าคนเท่านั้นที่ร้ายกาจเหนือมัน… ทว่าคนที่พลังฝีมือสูงส่งเหล่านั้น ไหนเลยจะประพฤติตัวต่ำตมเป็นหัวขโมย? ยิ่งไปกว่านั้น ในสายตาของยอดฝีมือเหล่านั้น ต่อให้พวกมันมีพลังมากพอจะก่อการอุกอาจแบบนี้ได้ แต่ไหนเลยจะมีใครกล้าลงมือเพื่อสร้างความหมางใจกับมัน? ในดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าแห่งนี้ จริงอยู่ที่หากวัดกันในแง่ของพลังฝีมือต่อสู้ ตัวมันจะอยู่ในอันดับที่ 300 ของรายนามยอดเซียน… ทว่าหากเป็นเรื่องของโอสถเซียน เม็ดยาอมตะเล่า?กระทั่งด้วยฐานะปรมาจารย์เซียนหลอมที่สามารถหลอมโอสถเสมือนเซียนอมตะได้ มันจึงถือว่าเป็น 1ใน 3 ปรมาจารย์เซียนหลอมที่มีความสามารถด้านโอสถและการแพทย์สูงส่งที่สุดในแดนดิน! ไม่คุ้มที่จะมาบาดหมางกับมันด้วยเรื่องสมุนไพรและโอสถวิญญาณพวกนั้น! “หรือจะเป็นสหายเก่าข้าลงมือ…” ทันใดนั้นสองตาซุนยิงพลันทอประกายเรืองวูบ ในบรรดาคู่แข่งของมันเกรงว่าคงมีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่ทำแบบนี้ได้… ทว่าคิดไปได้ไม่ทันไร ซุนยิงก็ปัดความคิดนี้ตกไปทันที ‘ช้าก่อน! ในดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าผู้ที่ล่วงรู้ตำแหน่งที่ตั้งสวนสมุนไพรของข้ามีไม่เกิน 5 คน และคงไม่มีใครใน 5 คนนั้นคิดกระทำเรื่องพรรค์นี้แน่…’ ‘หรือพวกมดปลวกจากภูมิภาคเบื้องล่างมีปัญหา!’ พอคิดถึงจุดนี้ ซุนยิงก็ดึงสติกลับคืนทันที และเมื่อมันเร่งย้อนกลับไปยังสวนสมุนไพร มันก็พบว่ามดปลวกในสายตาของมันทั้ง 3 ได้หนีหายไปแล้ว ไม่ว่ามันจะพุ่งร่างตระเวนค้นหาตามทิศเหนือออกตกมากเพียงใด ก็ไม่พบร่องรอยใดๆของทั้ง 3เลย… จังหวะนี้มันจึงมั่นใจได้ทันทีว่าทั้ง 3 ได้หลบหนีจากไปตั้งนานแล้ว “พวกมันหนีไปแล้วจริงๆ…หรือพวกมันกระทำเรื่องนี้?!” ไม่ทราบตั้งแต่เมื่อใด ตอนนี้สองตาของซุนยิงทอประกายดุร้ายอำมหิตนัก รังสีฆ่าฟันฟุ้งบตลบไปหมด ทว่าจนถึงตอนนี้ซุนยิงยังไม่ปักใจคิดว่าต้วนหลิงเทียนกับพวกทั้ง 3 จะเป็นมือดีที่ขโมยสมุนไพรวิญญาณทั้งโอสถวิญญาณของมันไป ก่อนอื่นเลยมันไม่คิดว่าพวกต้วนหลิงเทียนจะกล้าลงมือภายใต้จมูกของมัน เพราะทั้ง 3 คนย่อมไม่มีทางล่วงรู้ได้เลยว่ามันจับตาดูอยู่หรือไม่… ประการที่สองมันไม่คิดว่าต้วนหลิงเทียนกับพวกจะกล่าววาจาเหลวไหลออกมาหลังมันหายตัวไป เพราะอีกฝ่ายไม่น่าจะล่วงรู้ว่ามันเลือกจะซ่อนตัวและลอบจาตาดูอยู่แบบนั้น… ‘อย่างไรเสียถึงแม้พวกันจักมิใช่หัวขโมยสมุนไพรและโอสถวิญญาณในสวนของข้า ลำพังที่พวกมันกล้าขัดคำสั่งของข้าโทษพวกมันคือตายสถานเดียว!หากข้าเจอพวกมันอีกครั้งในอนาคต พวกมันต้องตาย!!’ ซุนยิงตัดสินใจพิพากษาโทษตายให้พวกต้วนหลิงเทียนในใจเรียบร้อย…
คอมเม้นต์