War sovereign Soaring The Heavens ตอนที่ 1860

อ่านนิยายจีนเรื่อง War Sovereign Soaring The Heavens ตอนที่ 1860 3Novel | อ่านนิยายออนไลน์ นิยายแปลไทย อ่านนิยายฟรี.

ตอนที่ 1,860 : 10 อาคมเซียน!
 
เห็นสีหน้าที่เปลี่ยนแปลงไปของต้วนหรูเฟิง กู่มี่ และกู่ลี่…ตี้ชานอดไม่ได้ที่จะเผยยิ้มออกมาด้วยความสบายใจ
 
‘สงสัยนักว่านายน้อยตำหนักเมฆาครามผู้นี้มันไปเอาความมั่นใจมาแต่ที่ใดกันแน่ เรื่องราวมาถึงขั้นนี้แล้วแต่ยังแลดูไม่สะทกสะท้านอันใด’
 
แต่พอหันกลับมาเห็นท่าทางต้วนหลิงเทียน ตี้ชานอดไม่ได้ที่จะสงสัย
 
‘หืม?’
 
ทว่าในขณะที่ตี้ชานกำลังมองสำรวจต้วนหลิงเทียนด้วยความสงสัยนั้นเอง มันสังเกตเห็นว่าในแววตาของต้วนหลิงเทียนคล้ายมีประกายแห่งความหวาดกลัวเผยออกมาวูบหนึ่งก่อนที่จะหายไป!
 
แม้ความหวาดกลัวนั่นจะโผล่ออกมาแค่วูบเดียว แต่มันมั่นใจว่าเห็นไม่ผิดแน่!
 
‘ที่แท้นายน้อยตำหนักเมฆาครามก็มิได้สงบอย่างที่ตาเห็น…หากมันกล้าเอ่ยคำสาบานนั่นออกมา วันนี้มันตายแน่!’
 
ตี้ชานครุ่นคิดในใจ
 
คำสาบานที่ตี้จิ่วกล่าวออกมาเมื่อครู่ เป็นมันที่ส่งเสียงไปบอกตี้จิ่วเอง
 
เพราะมันกลัวว่าต้วนหรูเฟิงจะสอดมือเขามาแทรกแซง
 
มันย่อมรู้พลังของตัวเองดี หากต้วนหรูเฟิงคิดสอดมือช่วยเหลือต้วนหลิงเทียนล่ะก็ มันเองก็ไม่อาจขวางต้วนหรูเฟิงไม่ให้ช่วยต้วนหลิงเทียนได้แน่
 
เช่นนั้นจะดีเสียกว่าหากเลือกที่จะกำจัดความเป็นไปได้ข้อนี้ออกไปก่อน!
 
ตราบใดที่ต้วนหลิงเทียนกล่าวคำสาบานตามถ้อยคำที่มันบอกตี้จิ่วไปเมื่อครู่ ต่อให้ต้วนหรูเฟิงยื่นมือเข้าช่วย ต้วนหลิงเทียนก็ไม่อาจหนีความตายได้พ้น!
 
เพราะแม้ต้วนหรูเฟิงจะช่วยให้ต้วนหลิงเทียนรอดจากการลงมือสังหารของตี้จิ่วได้จริง แต่สุดท้ายอัสนีสวรรค์ก็จะเป็นผู้ลงดาบประหารต้วนหลิงเทียนเอง!
 
ในฐานะที่เป็นถึงผู้นำเผ่าพันธุ์มังกร ตี้ชานย่อมไม่ใช่ตะเกียงประหยัดน้ำมัน!
 
ด้วยเหตุนี้ สีหน้าต้วนหรูเฟิงถึงได้เปลี่ยนไปทันทีเมื่อได้ยินคำของตี้จิ่ว
 
“เทียนเอ๋อ หากเจ้าไม่มั่นใจ…สัญญา 5 ปีนั่น…เจ้าเพียงล้มเลิกไปเถอะ!”
 
ต้วนหรูเฟิงเร่งส่งเสียงถึงต้วนหลิงเทียนทันที
 
ในใจของมันความปลอดภัยของลูกชายสำคัญเหนือสิ่งอื่นใด
 
ทันใดนั้นเอง ตี้จิ่วพลันกล่าวคำสาบานออกมาเสียงดังลั่น! จนอัสนีเบื้องบ้นฟาดผ่าลงมา 9 คำรบ ตอบรับคำสาบานและมีผลบังคับใช้!!
 
“ต้วนหลิงเทียน ถึงตาเจ้าแล้ว!”
 
หลังกล่าวคำสาบานจบ ตี้จิ่วก็มองเหยียดต้วนหลิงเทียนทั้งกล่าวเย้ยออกมาทันที “หรือ…เจ้ารู้สึกเสียใจขึ้นมาแล้ว”
 
แววตาที่ตี้จิ่วใช้มองต้วนหลิงเทียน ยังเต็มไปด้วยความปรามาสท้าทาย!
 
เผชิญหน้ากับคำท้าทายของตี้จิ่ว ลูกตาต้วนหลิงเทียนเพียงทอประกายลี้ลับออกมาวูบหนึ่ง ค่อยกล่าวคำสาบานออกมาเช่นกัน
 
เปรี๊ยง! เปรี๊ยง! เปรี๊ยง! เปรี๊ยง!
 

 
เมื่ออัสนีฟ้าลั่นดัง 9 คำรบ ก็หมายความว่าคำสาบานของต้วนหลิงเทียนนั้น สวรรค์ได้ตอบรับแล้วเช่นกัน!
 
ตอนนี้ไม่ว่าจะตี้จิ่วหรือต้วนหลิงเทียน ก็ไม่อาจกลับคำพูดได้อีก ต่อให้คิดเสียใจก็ช้าไปแล้ว…
 
เพราะสุดท้ายไม่ว่าวันนี้ทั้งคู่จะฆ่ากันจนตาย หรือจะตายเพราะมีคนช่วย ก็ล้วนต้องมีคนตกตายแน่ๆหนึ่งคน!
 
และคำสาบานที่ต้วนหลิงเทียนพึ่งกล่าว ก็ตัดหนทางรอดเพราะหวังให้ต้วนหรูเฟิงช่วยเหลือออกไปอย่างสมบูรณ์
 
“เทียนเอ๋อ เจ้าระวังตัวด้วย”
 
ตอนนี้ต้วนหรูเฟิงก็รู้ดีว่าคำกล่าวอื่นใดล้วนไร้จำเป็นอีกต่อไป ในเมื่อลูกชายมันกล่าวคำสาบานตามคำตี้จิ่วไปแล้วแบบนี้ เห็นได้ชัดว่าลูกชายของมันมีความมั่นใจ มันจึงทำได้แค่เลือกจะเชื่อใจในตัวบุตรชาย
 
“น้องหลิงเทียน! รีบฆ่าตัวบัดซบตี้จิ่วนี่เสีย!!”
 
แม้กู่ลี่จะไม่ค่อยเห็นด้วยกับการตัดสินใจของต้วนหลิงเทียน แต่ในเมื่อเรื่องมันบานปลายมาถึงขั้นนี้แล้ว มันก็ได้แต่ส่งกำลังใจให้ต้วนหลิงเทียนเต็มที่!
 
แม้กู่มี่จะไม่กล่าวอะไรออกมา แต่สายตาเปี่ยมกังวลนั่น ก็บอกให้รู้ว่ามันห่วงนายน้อยตำหนักเมฆาครามมากเพียงใด
 
“ดี ดี …ดีมาก! ต้วนหลิงเทียนเจ้านับว่าไม่ทำให้ข้าผิดหวังจริงๆ!”
 
เห็นต้วนหลิงเทียนกล่าวคำสาบานต่อทัณฑ์สวรรค์เก้าเก้าออกมาแบบนี้ ตี้จิ่วรู้สึกยินดีปรีดานัก!
 
“ยามนั้นเจ้ากล้าหลอกข้า…วันนี้ข้าจะให้เจ้าตายอนาถ!!”
 
ตี้จิ่วถลึงตามองต้วนหลิงเทียนเขม็ง ในลูกตาเอ่อล้นไปด้วยรังสีสังหาร!
 
วันนั้นมันเดินทางไปเกาะป้านเยว่เพื่อสืบหาเบาะแสการตายของบุตรชาย ตี้ยง แต่ไปๆมาๆสุดท้ายกลับจบลงโดยการถูกต้วนหลิงเทียนหลอกจนหัวปั่น…ย้อนคิดถึงวันนั้นคราใดมันรู้สึกละอายใจนัก!
 
ตอนนี้ไม่สำคัญอีกต่อไปแล้ว…ว่าใครจะเป็นคนฆ่าตี้ยง ลูกชายมัน…
 
มันเพียงอยากฆ่าต้วนหลิงเทียนที่กล้าปั่นหัวมันให้ตาย! ยึดตราผนึกมารนั่นไปส่งมอบให้เผ่าพันุ์มังกรที่ภูมิภาคเบื้องบน เพื่อสร้างคุณูปการอันยิ่งใหญ่!!
 
ในสายตาของมัน ต้วนหลิงเทียนก็เหมือนคนที่ตายไปแล้ว!
 
“หากเจ้าอยากให้ข้าตาย…นั่นก็ต้องดูว่าเจ้ามีปัญญาสามารถพอไหม”
 
ต้วนหลิงเทียนกล่าวออกด้วยใบหน้าเย้ยหยันหลังได้ยินคำของตี้จิ่ว
 
“อะไร เจ้าแคลงใจพลังฝีมือของข้ารึ?”
 
ตี้จิ่วคล้ายได้ยินเรื่องชวนหัวแห่งปี อดไม่ได้ที่จะหัวเราะร่าขึ้นมา
 
เสียงหัวเราะดังไปพักหนึ่งค่อยหยุดลง “แม้ข้าไม่รู้ว่าเจ้าไปเอาความกล้ามาจากที่ใดกันแน่ ตัวเจ้าที่เป็นแค่อริยะเซียนขั้นกลางถึงได้หาญกล้าท้าทายประลองเป็นตายกับเซียนปฐพีขั้นต้นอย่างข้า! ฆ่าเจ้าน่ะหรือ? เหอะ! สำหรับข้ามิต่างอันใดจากบดบี้มดสักตัว!”
 
ทันทีที่ตี้จิ่วกล่าวคำนี้ออกมา ความโกลาหลพลันบังเกิดขึ้นทันที
 
“อะไร!? ต้วนหลิงเทียนคนนี้พึ่งบรรลุถึงอริยะเซียนขั้นกลางเท่านั้นเหรอ?”
 
“เป็นไปไม่ได้!”
 

 
เหล่าคนของขุมพลังกึ่งชั้น 3 หลายคนอดไม่ได้ที่จะส่ายหน้าออกมา เพราะเรื่องนี้ฟังดูเหลวไหลนัก
 
แน่นอนว่ายังมีหน่วยกล้าตายที่กล้าแผ่สำนึกเทวะออกไปสำรวจพลังฝึกปรือต้วนหลิงเทียนเพื่อยืนยันข้อเท็จจริง!
 
“มารดามันเถอะ! เป็นอริยะเซียนขั้นกลางจริงๆ!!”
 
“สวรรค์! ด่านพลังฝึกปรือของนายน้อยตำหนักเมฆาครามเป็นเพียงอริยะเซียนขั้นกลางจริงๆ! นิ…นี่ในใจเขาคิดอันใดอยู่กันแน่?”
 
“เสียสติ! จ้าวตำหนักน้อยคนนี้เสียสติไปแล้ว!!”
 

 
เมื่อหน่วยกล้าตาย ที่สำรวจพลังฝึกปรือของต้วนหลิงเทียนกล่าวออกมา ผู้ชมยิ่งอื้ออึงกันไปใหญ่
 
นั่นเพราะทุกคนพลันตระหนักได้แน่ชัดแล้ว…ว่าต้วนหลิงเทียนยังเป็นแค่อริยะเซียนขั้นกลางจริงๆ!
 
“อริยะเซียนขั้นกลางงั้นเหรอ?”
 
ผู้นำตลาดมืดหยินชาน ตู้กู เองก็อดใจไม่ไหวหลังได้ยินคำฮือฮาของผู้ชม เลือกที่จะแผ่พุ่งสำนึกเทวะออกไปตรวจสอบพลังฝึกปรือต้วนหลิงเทียนด้วยตัวเองทันที ไม่นานมันก็พบพลังฝึกปรือของต้วนหลิงเทียน…
 
“กลับเป็นอริยะเซียนขั้นกลางจริงๆ…”
 
เมื่อค้นพบพลังฝึกปรือของต้วนหลิงเทียน ตู้กูที่มักแลดูสงบมากปัญญา มาตอนนี้ถึงกับทำหน้าเหวอออกมาให้เห็น
 
ขณะเดียวกันนั้นเอง รองผู้นำตลาดมืดหยินชานทั้ง 2 ที่ยืนอยู่ด้านหลังตู้กูก็อดใจไม่ไหว เลือกจะสำรวจพลังฝึกปรือต้วนหลิงเทียนเช่นกัน และพอพวกมันยืนยันพลังฝึกปรือได้แน่ชัด ก็อดไม่ได้ที่จะตกอกตกใจกันยกใหญ่!
 
“ปะ…เป็นไปได้อย่างไรกัน! หากต้วนหลิงเทียนผู้นี้เป็นหลิงเทียนของตำหนักฟ้าลี้ลับจริง มิใช่พลังฝึกปรือสมควรไม่ด้อยไปกว่าอริยะเซียนขั้นยิ่งใหญ่หรอกหรือไร…และนั่นมันเรื่องราวตั้งแต่ปีที่แล้วด้วยซ้ำ!”
 
หน่วยข่าวกรองของตลาดมืดหยินชานนับว่าน่ากลัวไม่น้อย พวกมันจึงรู้ดีว่าหลิงเทียนได้ฆ่ากลุ่มคนที่มีพลังฝึกปรือขอบเขตอริยะเซียนขั้นเชี่ยวชาญของสกุลจ้าวอย่างไร ยังฆ่าได้แม้แต่ศิษย์ตำหนักฟ้าลี้ลับของสกุลจ้าวที่บรรลุถึงอริยะเซียนขั้นสูงสุดด้วยซ้ำ!
 
ด้วยเหตุนี้พวกมันจึงไม่อาจจะทำใจเชื่อได้ลงคอว่าพลังฝึกปรือของต้วนหลิงเทียนมีเพียงอริยะเซียนขั้นกลางเท่านั้น
 
“เป็นไปได้หรือไม่…ที่พลังฝึกปรือของต้วนหลิงเทียนจักถดถอยลง?”
 
จงฉีชานกล่าวออกมาด้วยความประหลาดใจ
 
“เรื่องนี้แปลกประหลาดยิ่งนัก”
 
เฝิงปู่อี้หน้านิ่วคิ้วขมวด ด้วยมันไม่เข้าใจจริงๆว่านี่มันเรื่องอะไรกันแน่
 
“ในภูมิภาคเบื้องบนของดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋า มียอดอัจฉริยะที่สามารถสำแดงพลังฝีมือที่อยู่เหนือพลังฝึกปรืออยู่บ้าง…แต่สถานการณ์เช่นนี้ในภูมิภาคเบื้องล่างเราแทบไม่เคยปรากฏ”
 
ตู้กูที่คืนสติกล่าวออกมาเสียงเรียบ “จากที่ข้าดู น่ากลัวพลังฝีมือที่แท้จริงของต้วนหลิงเทียนคนนี้…สมควรไม่ด้อยไปกว่าตี้จิ่ว!”
 
ฟังจากคำพูดของตู้กู เห็นชัดว่ามันเชื่อมั่นในตัวต้วนหลิงเทียนไม่น้อย
 
ไม่ด้อยไปกว่าตี้จิ่วงั้นหรือ?
 
ด่านพลังอริยะเซียนขั้นกลางเนี่ยนะ จะมีพลังทัดเทียมกับเซียนปฐพีขั้นต้นได้!
 
ไม่ว่าจะจงฉีชานหรือเฝิงปู่อี้ จะร้อยหรือหมื่นส่วนก็ไม่เชื่อเรื่องนี้สักกะผีกเดียว!
 
แต่พวกมันย่อมไม่กล้ากล่าวออกมาว่าเป็นไปไม่ได้ เพราะนั่นจะเป็นการหักหน้าท่านผู้นำของพวกมัน!
 
“เพียงพลังฝึกปรืออริยะเซียนขั้นกลาง…กลับหาญกล้าท้าประลองเป็นตายกับเซียนปฐพีขั้นต้น เรื่องนี้แปลกประหลาดยิ่ง…”
 
“มิผิด! ว่าที่ผู้นำเผ่าพันธุ์มังกรของพวกเราจะอย่างไรก็มีด่านพลังเซียนปฐพีขั้นต้น! จริงอย่างที่กล่าว…ว่าคิดฆ่าอริยะเซียนขั้นกลางแทบไม่ต่างใดจากบี้มดสักตัว!”
 
“เฮอะ! คนที่มันกล้ายั่วยุท้าทายเผ่าพันธุ์มังกรของพวกเรา ล้วนถูกสวรรค์ลิขิตให้ตายตกทั้งสิ้น!”
 

 
มองไปยังต้วนหลิงเทียนที่กำลังยืนเผชิญหน้ากับตี้จิ่ว คนของเผ่าพันธุ์มังกรตื่นเต้นคึกคักกันไม่น้อย
 
“ฆ่า!”
 
“ฆ่ามัน!”
 
“ฆ่ามัน!”
 
……
 
เหล่าคนในเผ่าพันธุ์มังกรที่ยังเป็นรุ่นเยาว์ถึงกับตะโกนร่ำร้องออกมาอย่างห้าวหาญ จังหวะนี้พวกมันไม่สนใจแม้แต่น้อยว่าต้วนหรูเฟิงจะยังอยู่หรือไม่ ล้วนเอาสะใจเข้าว่า
 
“อ้อ…ไม่ต่างอะไรกับบดบี้มดงั้นเหรอ?”
 
แววตาของต้วนหลิงเทียนยิ่งมายิ่งเฉยเมยไร้อารมณ์ มุมปากค่อยๆเผยอยิ้มบางๆหลังได้ยินคำของตี้จิ่ว กล่าวออกด้วยถ้อยคำไม่ขาดการเย้ยหยันแม้แต่น้อย “ข้าอยากรู้นัก ว่าที่ผู้นำเผ่าพันธุ์มังกรจะฆ่าข้าให้เหมือนบี้มดยังไง…”
 
“ข้าจักให้เจ้าได้รู้สมใจ ว่าทำอย่างไร!!”
 
ท่ามกลางสายตาของผู้คน ตี้จิ่วแสยะยิ้มเย็นชา ก่อนที่จะเริ่มเคลื่อนร่างลงมือ!
 
ซู่ม!
 
ร่างตี้จิ่วคล้ายแปรเปลี่ยนกลับกลายเป็นอัสนีสายหนึ่ง พุ่งวาบตัดฟ้าจี้เข้าหาต้วนหลิงเทียนทันที!
 
แม้มันจะยังไม่ได้ใช้พลังทั้งหมดแต่ความเร็วของมันตอนนี้ก็เทียบได้กับเซียนมนุษย์ขั้นสูงสุด!
 
ในสายตาของมัน เพียงความเร็วระดับนี้ ต้วนหลิงเทียนก็มองตามไม่ทันแล้ว!
 
เห็นว่าตี้จิ่วลงมือจู่โจมมาด้วยความเร็วเพียงเท่านี้ ต้วนหลิงเทียนก็แสยะยิ้มออกมาอย่างพึงใจ
 
นี่มันดูถูกเขาขนาดนี้เลยรึ?
 
‘ในเมื่อเจ้าประเคนถวายโอกาสอันดีใส่พานมาแบบนี้ หากข้าไม่รับไว้ก็โง่เต็มที!’
 
ชั่วเวลาประหนึ่งอัสนีวาบฟ้า ต้วนหลิงเทียนที่พึมพำในใจพลันปะทุพลังออกมาอย่างเกรี้ยวกราด! ปราณสุริยันแรกกำเนิดพุ่งเชี่ยวดั่งน้ำหลากไปตามชีพจรเซียนทั้ง 99 สาย บรรลุถึงช่องพลังทั่วร่างในเวลาพริบตา! กระทั่งมวลพลังที่จ่ายส่งไปยังแผ่นหลังยังหนาแน่นกว่าที่ใด!!
 
พั่บ! พั่บ!
 
ทันใดนั้นเองปราณสุริยันแรกกำเนิดขุมหนึ่งพลันผนึกควบแน่น ก่อเกิดเป็นปีกสีทองขนาดใหญ่โตคู่หนึ่ง…เป็นปีกอีกาทองคำ!
 
ในเวลาเดียวกันนั้น ในมือของเขายังปรากฏกระบี่ยาว 3 ฉื่อสีดำสนิทไร้แสงสะท้อนอันใด ผุดโผล่จากความว่างกระชับเข้ามือ!
 
กระบี่นี้แลดูมีรูปลักษณ์ธรรมดานัก แต่หากมองให้ชัดทั่วใบกระบี่ด้ามจับสีดำสนิทนั่น…กลับมีร่องรอยอักขระขารึกมากมายร้อยเรียงไว้อย่างหนาแน่น!
 
กระบี่นี้ จารึกอาคมเซียนไว้ทั้งสิ้น 10 อาคม!
 
ในดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋านอกจากยอดศาสตราเซียนแล้ว ศาสตราเซียนที่ดีที่สุดก็คือศาสตราเซียนระดับนภาโดดเด่น!
 
และหากอยากยกระดับศาสตราเซียนระดับนภาโดดเด่นให้ทวีความร้ายกาจมากยิ่งขึ้นก็ เห็นทีจะมีแต่การจารึกอาคมเซียนลงไปเท่านั้น!
 
พลังอำนาจของอาคมเซียนนั้น แม้จะแค่อาคมเดียวก็นับว่าส่งผลเลิศล้ำสำหรับผู้ที่อยู่ใต้ขอบเขตเซียนมนุษย์แล้ว
 
ทว่าสำหรับตัวตนที่มีพลังฝึกปรือเหนือกว่าขอบเขตเซียนมนุษย์ขึ้นไป หากไม่นับเรื่องระดับสูงต่ำของระดับอาคมเซียน ขอเพียงมีอาคมเซียนยิ่งมาก ศาสตราเซียนเล่มนั้นก็ยิ่งแข็งแกร่ง!
 
เป็นธรรมดาที่ยิ่งมีอาคมเซียนหนุนเสริมมากบท โดยเฉาะเป็นอาคมเซียนชุดที่ส่งเสริมกันเองทั้ง 10 บท ศาสตราเซียนก็จะยิ่งมีพลังอำนาจสูงส่ง!
 
และศาสตราเซียนที่มีอาคมเซียนจารึกไว้นั้นไม่ต้องถึง 10 อาคม…เพียง 7 อาคม ก็ถือเป็นศาสตราเซียนที่ถือว่ามีระดับสูงล้ำมากแล้ว! เพราะศาสตราเซียนเหล่านี้ มีเพียงปรมาจารย์จารึกเซียนระดับ 7 ดาวขึ้นไปเท่านั้นที่สามารถจารึกลงไปได้…
 
และในภูมิภาคเบื้องล่างแห่งนี้ ศาสตราเซียนที่มีอาคมเซียนจารึกไว้ถึง 10 อาคมก็ถือเป็นศาสตราเซียนที่หาได้ยากยิ่งนัก!
 
กระทั่งในขุมพลังกึ่งชั้น 3 ก็ใช่ว่าจะมีใช้กันทุกขุมพลัง!
 
กระบี่อันเป็นศาสตราเซียน 10 อาคมในมือต้วนหลิงเทียน เป็นบิดาเขามอบให้ระหว่างเดินทางออกจากตำหนักเมฆาครามมายังเผ่าพันธุ์มังกร
 
วู้มมม!!
 
เมื่อปีกอีกาทองคำบนแผ่นหลังของต้วนหลิงเทียนสยายออกกว้าง เพลิงสีทองพลันปะทุออกมาท่วมปีก! ไม่เพียงเท่านั้นกระบี่ 10 อาคมเซียนในมือก็ปรากฏแสงสีทองฉาบเคลือบเอาไว้ดั่งเพลิงไฟเช่นกัน!
 
ตอนนี้ทั้งปีกทั้งกระบี่ต่างแผ่พุ่งกลิ่นอายพลังอันน่าหวาดกลัวออกมาชวนให้ขนลุก แสงพลังยังสว่างเจิดจ้าปานดวงตะวัน! ทิ่มแทงแยงตาผู้คนไปทั่วทิศ!!

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด