War sovereign Soaring The Heavens ตอนที่ 1849
ตอนที่ 1,849 : ความเร็วของปีกอีกาทองคำ! เนื่องจากปราณสุริยันแรกกำเนิดของต้วนหลิงเทียน ทำให้แม้พลังฝึกปรือของต้วนหลิงเทียนจะพึ่งบรรลุอริยะเซียนขั้นต้น หากแต่พลังความแข็งแกร่งกลับเทียบได้กับเซียนมนุษย์ขั้นต้นแล้ว! และด้วยความที่ปราณสุริยันแรกกำเนิดของเขาเทียบได้กับปราณแรกกำเนิดของเซียนมนุษย์ขั้นต้น ทำให้แม้พลังฝึกปรือจะมีเพียงอริยะเซียนขั้นต้น แต่เขาก็สามารถใช้เวทย์พลังออกมาได้! “ปีกอีกาทองคำ!” เพียงห้วงคิด แผ่นหลังของต้วนหลิงเทียนพลันมีปีกสีทองคู่หนึ่งงอกเงยออกมา! ปีกคู่นี้ควบรวมก่อเกิดจากปราณสุริยันแรกกำเนิด มันจึงส่องแสงสีทองสว่างสดใส มองไกลๆยังคล้ายมีสุริยันดวงน้อยสองดวงลอยล่องอยู่ด้านหลังต้วนหลิงเทียน ‘จากที่ผู้เฒ่าหั่วบอกไว้ ทันทีที่ข้าบรรลุถึงอริยะเซียนขั้นต้น ด้วยอำนาจของปีกอีกาทองคำรูปแบบที่ 2 ความเร็วของข้าจะทัดเทียมกับเซียนมนุษย์ขั้นเชี่ยวชาญ…ไหนลองดูซิ!’ สิ้นความคิดต้วนหลิงเทียนก็เริ่มกระตุ้นควบคุมปีกสีทองคู่งามที่แผ่นหลังทันที มองไปเห็นเพียงปีกสีทองกระพือสะบัดเบาๆ จากนั้นก็ปรากฏลำแสงสีทองสายหนึ่งพุ่งทะยานขึ้นฟ้าไปด้วยความเร็วสูงล้ำ! เพียงเวลาชั่วพริบตา ร่างต้วนหลิงเทียนก็พุ่งไปหยุดห่างจากผนังเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติไม่กี่ก้าว “โคตรเร็ว!” ต้วนหลิงเทียนที่ทดลองใช้พลังอำนาจของปีกอีกาทองคำ ไม่ทันรู้ตัวด้วยซ้ำร่างก็บรรลุถึงขอบผนังเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติเสียแล้ว! ต้องทราบด้วยว่าก่อนหน้านี้ความเร็วของเขายังพึ่งเทียบได้กับอริยะเซียนขั้นสูงสุดเท่านั้น… แต่ตอนนี้ยามใช้ออกด้วยเวทย์พลังปีกอีกาทองคำที่ยกระดับเป็นรูปแบบที่ 2 แล้ว ความเร็วของเขาก็พุ่งทะยานไปถึงขอบเขตเซียนมนุษย์ขั้นเชี่ยวชาญ! เป็นธรรมดาที่เขาจะไม่อาจตั้งตัวได้ทัน เพราะความต่างของความเร็วก่อนและหลังมันมากมายมหาศาลเกินไป! ประหนึ่งเด็กแรกเกิดที่อยู่ๆก็กลายเป็นผู้ใหญ่ทันที จึงยากจะปรับตัวได้ในเวลาอันสั้น! “นี่น่ะหรือ…ความเร็วของเซียนมนุษย์ขั้นเชี่ยวชาญ!” ต้วนหลิงเทียนคล้ายเด็กน้อยได้ของเล่นใหม่ ใช้เวทย์พลังปีกอีกาทองคำเหินเล่นไปทั่วชั้น 3 เจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติไม่หยุด! พริบตาต่อมาร่างเขาก็เหินร่างวนรอบชั้น 3 เจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติด้วยความเร็วสูง! ทำให้คล้ายจะมีมหาพายุก่อเกิดขึ้นทั่วชั้น 3 ของเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติทันที ร่างต้วนหลิงเทียนเองก็กลมกลืนไปกับพายุดังกล่าว “เร็วจริงๆ!” “จะเร็วเกินไปแล้ว!!” “ให้ตาย! นี่มันเร็วเหลือเชื่อนัก!!” … ยิ่งใช้ยิ่งช่ำชองเชี่ยวชาญ ต้วนหลิงเทียนที่ตระหนักได้ถึงความเร็วที่เพิ่มพูนจากเวทย์พลังปีกอีกาทองคำ ตื่นเต้นไปทั้งวัน กว่าที่อารมณ์ของเขาจะสงบลงได้ ครืนนน!! หลังจากที่หยุดร่างลง ต้วนหลิงเทียนก็สลายปีกอีกาทองคำทิ้ง หากแต่พายุใต้ฝุ่นอันรุนแรงยังไม่ซาลง พายุใต้ฝุ่นมหึมาที่กำลังหมุนวนเร็วรี่และมีเส้นรอบวงเท่าพื้นที่ชั้น 3 ของเจดีย์นั้น เกิดจากการเคลื่อนตัวของอากาศที่รวดเร็วเกินไปเพราะการเหินบนวนรอบเจดีย์ของต้วนหลิงเทียน แต่เมื่อไร้การกระตุ้นจากต้วนหลิงเทียน ไม่นานมันก็ค่อยๆซาลงจนหายไป ต้วนหลิงเทียนตอนนี้กำลังนั่งขัดสมาธิกลางอากาศ ข้อมูลอันเต็มไปด้วยเคล็ดความซับซ้อนหนึ่งปรากฏขึ้นมาในใจ ข้อมูลดังกล่าว แน่นอนว่าเป็นข้อมูลของเวทย์พลัง ปฐมเวทย์กลืนกิน! ตอนนี้แม้มองไปคล้ายต้วนหลิงเทียนกำลังนั่งพลับตาพักฟื้นพลัง หากแต่ที่จริงแล้วเขากำลังทำความเข้าใจเวทย์พลัง ปฐมเวทย์กลืนกิน เมื่อใจต้วนหลิงเทียนจมดิ่งไปกับภวังค์ทำความเข้าใจ คนก็แน่นิ่งไปเป็นรูปปั้นปางสมาธิกลางหาว! เวลาค่อยๆไหลผ่านไปอย่างเงียบงัน 1 วันผ่านไป 2 วันผ่านไป 3 วันผ่านไป …… ประมาณ 5 เดือนต่อมาต้วนหลิงเทียนที่นั่งนิ่งสงบไม่ไหวติงมาเนิ่นนาน ในที่สุดก็เริ่มมีความเคลื่อนไหว หากมีใครมาอยู่ข้างๆต้วนหลิงเทียนตอนนี้ และสังเกตให้ละเอียด คงพบว่าพลังวิญญาณฟ้าดินในรัศมี 1 โดยมีต้วนหลิงเทียนเป็นจุดศูนย์กลาง กำลังพุ่งเข้าร่างต้วนหลิงเทียนด้วยความเร็วเกินจริง! เรียกว่าราวกับพลังวิญญาณฟ้าดินรอบกายเขากำลังถูกสูบกลืน! รัศมี 1 หมี่รอบตัวเขา เรียกว่ากลายเป็นสูญญากาศพลังในชั่วพริบตา! จนเมื่อพลังวิญญาณฟ้าดินโดยรอบค่อยๆหลั่งไหลเข้ามาเติมเต็ม พลังวิญญาณฟ้าดินรอบกายเขาค่อยๆหวนคืนกลับมา “เจ๋งจริง! นี่น่ะหรือปฐมเวทย์กลืนกิน!!” ทันใดนั้นร่างต้วนหลิงเทียนที่แน่นิ่งไม้แม้แต่จะกระพริบตามาตลอด 5 เดือนก็ลืมตาขึ้นมา ใบหน้ายังเต็มไปด้วยความตื่นเต้น “ในเวลาเพียงแค่ 5 เดือน ปฐมเวทย์กลืนกินของข้าก็กล่าวได้ว่าบรรลุความสำเร็จขั้นตอน พื้นฐาน แล้ว…นี่มากพอจะแสดงให้เห็นว่าปฐมเวทย์กลืนกินนี่ช่างเหมาะกับข้านัก!” หลังบ่นงึมงำไปสักพักก็คล้ายต้วนหลิงเทียนจะเริ่มเข้าข้างตัวเองเสียแล้ว เขาใช้เวลาไป 5 เดือนก็สามารถทำความเข้าใจ กระทั่งเพาะสร้างใช้งานปฐมเวทย์กลืนกินได้ และหากผู้คนล่วงรู้ว่ามีใครบางคนใช้เวลาเพียง 5 เดือนก็สามารถเพาะสร้างเวทย์พลัง กระทั่งทำสำเร็จจนบรรลุขั้นตอนความสำเร็จพื้นฐาน เกรงว่าคงได้ประหลาดใจกันบ้าง ต้องไม่ลืมว่า ‘ปฐมเวทย์กลืนกิน’ ที่ต้วนหลิงเทียนทำความเข้าใจกระทั่งเพาะสร้างขึ้น ไม่ใช่เวทย์พลังระดับสูงธรรมดาๆ หากข่าวเรื่องนี้แพร่ออกไปต้วนหลิงเทียนคงได้เป็นประเด็นร้อนอีกครั้งแน่นอน! 5 เดือนในเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติชั้น 3 นั้น ด้านนอกยังพึ่งผ่านไปแค่เดือนเดียวเท่านั้น ‘นับรวมเวลาที่ข้าใช้ยกระดับรูปแบบที่ 2 ของปีกอีกาทองคำ ทั้งทะลวงด่านพลังจวบจนถึงเพาะสร้างเวทย์พลังปฐมกลืนกิน…ยังเหลือเวลาอีก 8 เดือนในโลกภายนอก ก่อนที่จะถึงกำหนดสัญญานัดหมายประลอง 5 ปี!’ ณ ตอนนี้ ต้วนหลิงเทียนยังคงรู้สึกกดดันไม่น้อย แม้ตอนนี้เขาจะทำความเข้าใจกระทั่งเพาะสร้างเวทย์พลังปฐมเวทย์กลืนกินไว้ใช้งานได้แล้ว แต่มันยังพึ่งบรรลุขั้นตอนความสำเร็จพื้นฐานเท่านั้น ขอบเขตกลืนกินพลังก็มีแค่ 1 หมี่รอบตัว ยังไม่นับว่าสร้างประโยชน์ให้แก่เขามากสักเท่าไร ‘หลักการ’ ของปฐมเวทย์กลืนกิน คือดูดกลืนพลังมหาศาลรอบกายเพื่อนำมายกระดับพลังในร่างผู้ใช้ ยิ่งรัศมีการดูดกลืนพลังมากเท่าไหร่ พลังงานที่จะได้รับก็ยิ่งมากขึ้นเท่านั้น เช่นเดียวกันกับชายชราที่เขาพบเจอในบททดสอบสุดท้ายของพื้นที่สืบทอดมรดกเวทย์พลัง อีกฝ่ายสามารถดูดกลืนพลังในรัศมีกว้างไกล ถึงขั้นยกระดับพลังจากเซียนขัดเกลาขั้นต้นไปถึงเซียนขัดเกลาขั้นสูงสุดได้…! นี่คือพลังที่แท้จริงของปฐมเวทย์กลืนกิน! และตอนนี้ต้วนหลิงเทียนยังนับว่าห่างไกลจากความสำเร็จเช่นนั้น! “การดูดกลืนพลังงานรอบกายมาเพิ่มพูนให้ตัวเองนับเป็นภาระกับร่างกายไม่น้อย…แต่เพราะร่างกายของข้าแข็งแกร่งกว่ามังกรเทพยาดา 6 กรงเล็บในด่านพลังเดียวกัน! นอกจากนั้นด้วยชีพจรเซียน 99 สายในร่าง ความสามารถในการแบกรับพลังของข้าต้องเหนือกว่าชายชราคนนั้นแน่!!” ตอนนี้ต้วนหลิงเทียนเข้าใจถึงพื้นฐานของปฐมเวทย์กลืนกินแล้ว สิ่งที่เขาต้องกระทำต่อไปคือเพิ่มพูนความเข้าใจ บรรลุถึงขั้นตอนความสำเร็จที่สูงกว่านี้ “หากร่างกายของชายชรานั่นแข็งแกร่งเท่าข้า แม้มันจะใช้ปฐมเวทย์กลืนกินโดยมีเซียนขัดเกลาขั้นต้นเป็นฐานพลัง แต่พลังฝึกปรือของมันสมควรพุ่งไปถึงขอบเขตอริยะเซียนขั้นต้นได้แน่ๆ!” เรื่องนี้ต้วนหลิงเทียนที่เข้าใจปฐมเวทย์กลืนกินถึงระดับพื้นฐานแล้วย่อมตระหนักได้ไม่ยาก ด้วยเหตุนี้ยามเขาใช้ปฐมเวทย์กลืนกิน เขาจะมีความได้เปรียบเหนือคนอื่นๆที่ใช้ปฐมเวทย์กลืนกินนัก! ไม่ใช่ทุกคนที่จะมีร่างกายแข็งแกร่งผิดมนุษย์มนาอย่างเขา! “ในระยะเวลา 8 เดือนหลังจากนี้ ข้าจำต้องออกจากเจดีย์ก่อนถึงกำหนดสักพัก…นั่นหมายความว่าขาคงมีเวลาเหลือในเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัตินี่อีกแค่ราวๆ 3 ปีเท่านั้น” ในเวลา 3 ปีนี้เขาจะทะลวงถึงอริยะเซียนขั้นกลางได้หรือไม่… ต้วนหลิงเทียนเองก็ไม่แน่ใจ! แต่เขารู้ดีว่าต้องสู้สุดใจ! นอกจากนี้แม้เขาจะเพาะสร้างเวทย์พลังปฐมเวทย์กลืนกินได้สำเร็จแล้ว แต่เขายังพึ่งมีความสำเร็จในขั้นตอนพื้นฐานเท่านั้น ยังอีกยาวไกลกว่าจะใช้งานจริงให้เกิดผลเลิศล้ำ! ด้วยเหตุนี้ ตลอด 3 ปีหลังจากนี้ เขาทำได้แค่ทุ่มเทและพยายามให้สุดความสามารถ ทำให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้! นอกจากนี้เขาก็ไม่อาจละเลยการฝึกปรือทำความเข้าใจยอดใจกระบี่ เพราะหากเขาสามารถบรรลุขอบเขตที่ 3 ได้ล่ะก็ พลังฝีมือของเขาก็จะเพิ่มพูนขึ้นเช่นกัน ‘หากมีเวลาเหลือมากพอ ข้าจะลองทำความเข้าใจเวทย์พลัง ‘เซียนอมตะข้ามภพ’ นั่นด้วย…เวทย์พลังนั่นเป็นเวทย์พลังจู่โจมสายกระบี่ หากข้าผสานพลังของยอดใจกระบี่เข้าไปได้ พลังของมันสมควรเพิ่มพูนขึ้นไม่น้อย’ ต้วนหลิงเทียนลอบกล่าวในใจ ดังนั้นตลอดระยะเวลา 3 ปีหลังจากนี้ ต้วนหลิงเทียนจึงยุ่งนัก ไม่มีแม้แต่เวลาจะออกไปนอกเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติ… เวลา 3 ปีในเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติ ด้านนอกก็เป็นเวลา 7 เดือนนิดๆ ดังนั้นถึงแม้กาลเวลาในเจดีย์จะผ่านไปพ้นไปถึง 3 ปีในมุมมองของต้วนหลิงเทียน แต่ในสายตาของคนอื่นมันก็แค่ 7 เดือนนิดๆเท่านั้น เนื่องจากเวลามันสั้นเสียเหลือเกิน หลายคนที่ห่วงใยต้วนหลิงเทียนจึงอดไม่ได้ที่จะเป็นกังวล ต้วนหรูเฟิงยังไม่เท่าไหร่ เพราะสุดท้ายแล้วสัญญานัดหมายประลอง 5 ปี กับตี้จิ่ว ก็เป็นผู้เฒ่าพยากรณ์ชี้แนะให้กระทำ ด้วยความเชื่อมั่นในตัวผู้เฒ่าพยากรณ์รวมถึงความมั่นใจที่บุตรชายเผยออก ทำให้มันเลือกจะเชื่อมั่นว่าบุตรชายต้องสามารถเอาชนะตี้จิ่วได้ แต่แน่นอนว่ามันยังอดไม่ได้ที่จะกังวลในใจอยู่บ้าง… ส่วนกู่ลี่ที่เคี่ยวกรำตัวเองด้วยการประลองช่วงชิ่งไต่อันดับในแท่นเมฆาครามนั้น มันคิดว่าครั้งนี้ต้วนหลิงเทียนวู่วามมุทะลุเกินไป จึงอดไม่ได้ที่จะหลั่งเหงื่อเย็นแทนต้วนหลิงเทียนอยู่บ่อยครั้งเมื่อคิดถึงเรื่องนี้ มันไม่คิดว่าในเวลาแค่ 8 เดือน ต้วนหลิงเทียนจะสามารถเอาชนะตี้จิ่วได้! เนื่องเพราะความกังวลใจเรื่องต้วนหลิงเทียน และเพราะคิดจะช่วยเหลือต้วนหลิงเทียน แต่รู้ตัวดีว่ามันยังอ่อนแอเกินไป ทำให้กู่ลี่รู้สึกกดดันไม่น้อย ยังผลให้มันขยันฝึกปรือ กระทั่งทำให้พลังบ่มเพาะก้าวหน้าขึ้นอย่างรวดเร็ว นี่เป็นเรื่องที่มันเองก็ไม่คิดไม่ฝันมาก่อน ยิ่งกดดันยิ่งมีแรงจูงใจ! คำนี้สามารถใช้อธิบายกู่ลี่ได้ดีทีเดียว นอกจากนี้ยังมีอีกหลายคนที่กังวลแทนต้วนหลิงเทียนนอกเหนือจากต้วนหรูเฟิงและกู่ลี่ ตัวอย่างเช่นลี่หลัว กับลี่เฟย แม้ว่าต้วนหลิงเทียนกับต้วนหรูเฟิงจะไม่ได้กล่าวถึงเรื่องนี้ แต่สัญญานัดหมายประลอง 5 ปีนั่น ในที่สุดก็ถูกเผ่าพันธุ์มังกรแพร่ออกมา! ถึงแม้ว่าข่าวนี้จะไม่ได้แพร่กระจายออกไปเป็นวงกว้าง แต่กระนั้น ลี่หลัวในฐานะภรรยาของจ้าวตำหนักเมหาครามย่อมล่วงรู้! “8 เดือนหลังจากนี้เทียนเอ๋อกับตี้จิ่วนั่นต้องประลองกันหรือ? นี่มันเรื่องอะไรกัน ไฉนอยู่ๆเทียนเอ๋อต้องไปประลองชิงสิทธิ์เข้าสระชำระมังกรอันใดนั่นด้วย? พี่เฟิงไปทำสัญญานัดหมายประลองกับเผ่าพันธุ์มังกรทำไม!?” ลี่หลัวกับลี่เฟยพากันบุกไปหาต้วนหรูเฟิงทันที เมื่อรับทราบเรื่องราวการประลองและทราบถึงพลังฝึกปรืออันน่ากลัวของตี้จิ่ว! “พี่เฟิงท่านตอบข้ามาเดี๋ยวนี้! ว่าท่านคิดบ้าอันใดอยู่กันแน่ถึงไปทำสัญญาบ้าๆนี่ให้เทียนเอ๋อได้? ตอนนั้นตี้จิ่วมันก็อยู่ในขอบเขตเซียนมนุษย์ขั้นสูงสุดแล้ว! ป่านนี้มันไม่ทะลวงไปถึงเซียนปฐพีแล้วหรือไร?! ท่านให้เทียนเอ๋อไปประลองชิงสิทธิ์เข้าสระบ้าบออันใดนั่น มิใช่ส่งลูกเราไปตายหรือ!?” เมื่อพบต้วนหรูเฟิง ลี่หลัวก็กล่าวออกมาน้ำไหลไฟดับ แววตาเผยความโกรธล้นปรี่ ใบหน้าเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก
คอมเม้นต์