War sovereign Soaring The Heavens ตอนที่ 1837
ตอนที่ 1,837 : นัดหมาย 5 ปี! ไม่กี่วันหลังจากนั้น นอกจากจะไปปรนนิบัติดูแลลี่หลัวทุกเช้าแล้ว ต้วนหลิงเทียนก็ใช้เวลาอยู่ร่วมกับลี่เฟยและต้วนเนี่ยนเทียน ได้อุ้มต้วนเนี่ยนเทียนพร้อมนั่งหยอกเย้าลี่เฟยแบบนี้ ทำให้ต้วนหลิงเทียนรู้สึกเสมือนเขาเป็นคนที่โชคดีที่สุดในโลก แน่นอนว่าคงจะดีกว่านี้หากที่นี่มีเค่อเอ๋อกับลูกอยู่ด้วย ‘ตอนนี้ข้าได้พบท่านพ่อท่านแม่กับเสี่ยวเฟยเอ๋อและลูกแล้ว เรื่องที่ข้ายังค้างคาใจในภูมิภาคเบื้องล่างแห่งนี้ก็เห็นแต่จะมีเพียงหาเทียนหวู่ไม่พบ หากนางยังอยู่ภูมิภาคเบื้องล่างและไม่เกิดเรื่องอันใด นางสมควรได้ยินนานแล้วว่าที่ตำหนักฟ้าลี้ลับมีอัจฉริยะนามหลิงเทียน…’ ‘คราวนี้ต่อให้นางไม่มั่นใจเพียงใด นางก็จำต้องมาที่ตำหนักฟ้าลี้ลับเพื่อยืนยันตัวตนของข้า…แต่จนถึงวันที่ข้าจะจากมา กลับไม่มีข่าวแจ้งว่ามีใครมาขอพบข้าเลย’ แม้ต้วนหลิงเทียนคิดจะขึ้นไปภูมิภาคเบื้องบนเพื่อตามหาเค่อเอ๋อกับลูก แต่เขาก็ไม่อาจไม่ห่วงเฟิ่งเทียนหวู่ได้ ถึงแม้เขากับเฟิ่งเทียนหวู่กล่าวไปจะยังไม่ได้มีสัมพันธ์ฉันท์สามีภรรยา หากแต่ความรักก็ได้ตกผลึกแล้ว… ก่อนนี้หากกล่าวว่าเขาเห็นเฟิ่งเทียนหวู่เป็นสหายอันดี ทว่าวันนั้นที่นางยินดีสละชีวิตเพื่อเขา ใจเขาก็ได้แปรเปลี่ยนไปแล้ว ที่มีให้นางตอนนี้คือความรักจากใจ ‘เรื่องนี้ต้องปรึกษากับท่านพ่อ ยังต้องให้ท่านพ่อช่วยเหลือ’ เมื่อคิดว่าเฟิ่งเทียนหวู่อาจจะยังตามหาเขาอยู่ที่ไหนสักแห่งในภูมิภาคเบื้องล่าง ต้วนหลิงเทียนก็เล่นกับลูกน้อยและอยู่กับลี่เฟยอีกพักหนึ่ง ค่อยผละมาเพื่อไปหาต้วนหรูเฟิง “ท่านพ่อ ข้าอยากให้ท่านช่วยข้าตามหาคนๆหนึ่ง” ต้วนหลิงเทียนที่มาพบต้วนหรูเฟิงก็เปิดประตูเห็นภูผากล่าวออก “หาใครหรือ?” ต้วนหรูเฟิงโค้งคิ้วถามด้วยสงสัย “เฟิ่งเทียนหวู่” ต้วนหลิงเทียนกล่าวตอบ “เทียนหวู่? อ้อ! ข้าเคยได้ยินเฟยเอ๋อกล่าวถึงนางอยู่บ้างตอนอยู่ที่ทวีปมนุษย์ ว่านางเป็นเด็กดีทั้งรักเจ้าจากใจ กระทั่งยินดีสละชีวิตเพื่อเจ้า แต่ที่ข้ารู้พวกเจ้าขาดการติดต่อกันตั้งแต่ที่ทวีปมนุษย์ไม่ใช่หรือ…หรือจนบัดนี้แล้วเจ้ายังไม่ได้เจอนาง?” ต้วนหรูเฟิงเคยได้ยินเรื่องเฟิ่งเทียนหวู่จากลี่เฟยมาก่อนแล้ว เช่นนั้นพอได้ยินคำของต้วนหลิงเทียนมันย่อมล่วงรู้ทันทีว่าอีกฝ่ายเป็นใคร “ข้าได้เจอกับนางแล้วที่ประเทศฝูเฟิง นางอยู่ในนิกายอัคคีล่องลอยที่เป็นขุมพลังชั้น 6 ของภูมิภาคเบื้องล่างนี่เอง แต่พอเรื่องข้าครอบครองตราผนึกมารแดงออกมา ข้าก็เลยต้องรีบออกจากประเทศฝูเฟิงเลยจากนางไปโดยไม่ทันได้ลา นางเองก็กังวลเรื่องข้าไม่น้อย เลยออกตามหาข้าไปทั่วจนไปถึงบ้านสหายข้าคนหนึ่ง…แต่ตอนนั้นข้าไปทำธุระพอดี” กล่าวถึงตรงนี้ต้วนหลิงเทียนรู้สึกหนักใจนัก “หลังจากข้าเสร็จธุระแล้ว…กลับมาบ้านสหายก็พบว่านางออกไปก่อน ข้าจึงลองย้อนกลับไปนิกายอัคคีล่องลอย แต่ก็พบว่านางยังไม่กลับมา ทำให้ข้าเองก็ไม่รู้ว่านางไปไหน…ไม่ได้ยินข่าวคราวของนางอีกเลย” ต้วนหลิงเทียนกล่าวออกด้วยน้ำเสียงจริงจัง “ช่างเป็นสาวน้อยที่รักมั่นนัก…” ต้วนหรูเฟิงระบายลมหายใจออกมาอย่างทอดถอน ขณะเดียวกันก็มองหลิงเทียนด้วยสายตาขึงขัง “เทียนเอ๋อโลกนี้มีทั้งสิ่งที่พึงกระทำและต้องกระทำ…ในเมื่อสาวน้อยเทียนหวู่รักเจ้าถึงเพียงนี้ เจ้าอย่าได้ปล่อยนางไปและทำให้นางเสียใจเด็ดขาด! ในโลกที่ยึดถือเพียงพลังฝีมือเข้มแข็งเป็นจ้าวเช่นนี้ ยากนักที่จะได้พบพานคนที่เสียสละให้เจ้าได้ถึงขนาดนี้!” “ข้ารู้แล้วท่านพ่อ” ต้วนหลิงเทียนพยักหน้ารับ ตั้งแต่วันที่เขารู้ตัวว่าคิดอย่างไรกับเฟิ่งเทียนหวู่ เขาก็ไม่คิดที่จะปล่อยนางไปและทำให้นางผิดหวังชั่วชีวิต! ชีวิตนี้ของเขาก็มีไว้เพื่อนางเช่นกัน! “เอาล่ะ…เจ้าวาดรูปเหมือนของนางให้ข้ามาเถอะ ข้าจะได้เอาไปแจกจ่ายให้ทั่วฐานปฏิบัติการ! คนของตำหนักเมฆาครามจะเป็นหูเป็นตาหานางให้เจ้าเอง!” ต้วนหรูเฟิงกล่าวออก ต้วนหลิงเทียนที่ได้ยินก็รีบวาดรูปเฟิ่งเทียนหวู่ให้ทันที ภาพจำและความเข้าใจของเฟิ่งเทียนหวู่ในใจเขา ก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าลี่เฟยและเค่อเอ๋อ เช่นนั้นภาพเหมือนของเฟิ่งเทียนหวู่ไม่เพียงแต่จะเหมือนจริงเท่านั้น หว่างคิ้วในรูปวาดยังให้อารมณ์ความรู้สึกเหมือนเจ้าตัวทุกประการ เห็นภาพในมือต้วนหลิงเทียน ต้วนหรูเฟิงอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมาด้วยอารมณ์ซับซ้อน “เจ้าตัวแสบน้อยผู้นี้ไม่ทราบไปทำเสน่ห์มาจากที่ใด สตรีงดงามปานนี้กลับมาตกหลุมรักเจ้าหมดใจกระทั่งยินดีสละชีวิตเพื่อเจ้าได้! เรื่องนี้เจ้านับว่าร้ายกาจเหนือข้านัก!!” ได้ยินวาจาครึ่งประโยคแรกของต้วนหรูเฟิง ต้วนหลิงเทียนยังเฉยๆไม่ได้รู้สึกอะไร หากแต่วาจาครึ่งประโยคหลังของต้วนหรูเฟิงคล้ายเขาสัมผัสได้ถึงความอิจฉาประการหนึ่ง พาลให้มุมปากยกแสยะขึ้นมาทันที “อะไรท่านพ่อ ท่านอยากมีสาวอีกสักคนหรือ? เช่นนั้นข้าไปบอกท่านแม่ให้ เผื่อท่านแม่จะได้ช่วยท่านเลือกหาอีกแรง ดีหรือไม่?” ต้วนหลิงเทียนแสยะยิ้มถามออกมา “เทียนเอ๋อเจ้ากล่าวเหลวไหลอันใด!?” หน้าต้วนหรูเฟิงเปลี่ยนไปทันควัน ยังมองจ้องต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาดุร้าย หากแต่ต้วนหลิงเทียนกลับหยีตามองมาเขม็งคล้ายรู้เท่าทันความคิด ต้วนหรูเฟิงจึงได้แต่หลบสายตาดังกล่าว “อะแฮ่มๆ…”หลังจากนั้นมันค่อยกระแอมไอออกมาสองครั้งแก้เขิน “เอาล่ะข้าเพียงล้อเล่นเท่านั้น เจ้าอย่าได้เอาเรื่องนี้ไปบอกกับแม่เจ้าเชียว” “อย่าเอาเรื่องอะไรมาบอกข้างั้นเหรอ?” สิ้นคำต้วนหรูเฟิง ลี่หลัวที่ไม่ทราบมาตั้งแต่เมื่อไหร่ บังเอิญได้ยินวาจาท้ายประโยคของต้วนหรูเฟิงก่อนหน้า จึงมองถามต้วนหลิงเทียนด้วยสงสัย เมื่อเห็นบิดาทำหน้าเหวอทั้งลอบขยิบตามาให้ ต้วนหลิงเทียนอดไม่ได้ที่จะรู้สึกขบขันในใจ แต่ไม่คิดจะเปิดโปงอะไร “ไม่มีอะไรหรอกท่านแม่…ข้าเพียงขอให้ท่านพ่อช่วยตามหาเทียนหวู่ให้ข้าน่ะ และท่านพ่อคิดว่าเรื่องนี้ไม่ต้องบอกท่านแม่ก็ได้ ท่านแม่จะได้ไม่ต้องเป็นกังวล” “เกิดเรื่องอันใดขึ้นกัน? สาวน้อยเทียนหวู่นั่นแม่ก็ได้ยินเรื่องเล่าของนางมาแล้ว แม่รู้สึกถูกชะตายิ่ง…สตรีที่จิตใจดีงามทั้งรักเจ้าถึงเพียงนั้นช่างหาได้ยากยิ่งนัก!” ลีหลวกล่าวถึงเฟิ่งเทียนหวู่ในแง่ดีนัก นางเองก็ได้ยินลี่เฟยเล่าเรื่องของเทียนหวู่มาบ้างแล้ว และทราบว่าอีกฝ่ายมีใจให้กับบุตรชายของตัวเองเช่นกัน ในโลกนี้คนที่นางห่วงใยมากที่สุดก็คือต้วนหรูเฟิงสามีของนาง และอีกคนก็คือต้วนหลิงเทียนบุตรชายของนาง นางเองก็สละได้กระทั่งชีวิตเพื่อสามีและลูกชาย เช่นนั้นแล้วกับสตรีที่สามารถสละได้กระทั่งชีวิตเพื่อลูกชายนาง ไหนเลยนางในฐานะมารดาจะไม่รู้สึกถูกชะตาและชมชอบจากใจ? “อา…นี่น่ะหรือแม่หนูเฟิ่งเทียนหวู่….” ไม่นานลี่หลัวก็ได้เห็นรูปเหมือนเฟิ่งเทียนหวู่ในมือของต้วนหรูเฟิง แรกเห็นลี่หลัวก็รู้สึกถูกสตรีในภาพวาดดึงดูดนัก “ช่างเป็นโฉมงามล่มเมืองโดยแท้! ยิ่งดูยิ่งน่ารักนัก! หากนางคลอดหลานสาวให้ข้าล่ะก็…หลานข้าคนนี้โตขึ้นต้องเป็นโฉมงามล่มเมืองแน่นอน!!” เมื่อมีหลานชายแล้ว ลี่หลัวก็อยากได้หลานสาวเช่นกัน ถึงแม้ว่านางจะรู้ดีว่าตอนนี้เค่อเอ๋อสมควรคลอดลูกแล้ว แต่นางก็ไม่รู้ว่าจะได้ลูกชายหรือลูกสาว ได้ยินคำพูดนี้ของลี่หลัว ต้วนหลิงเทียนอดไม่ได้ที่จะเขินไปเล็กน้อย เขายังไม่แม้แต่จะหาตัวเฟิ่งเทียหวู่พบด้วยซ้ำ นับประสาอะไรกับเรื่องอื่น… อย่างไรก็ตามเมื่อมารดามีความสุข เขาก็ไม่คิดจะกล่าวขัดอะไร “เทียนเอ๋อลูกให้พ่อตามหาตัวเทียนหวู่แทนเช่นนี้…เพราะลูกคิดจะไปภูมิภาคเบื้องบนแล้วงั้นหรือ?” ลี่หลัวมองถามต้วนหลิงเทียน ในแววตาของนางเผยความกังวลอย่างเห็นได้ชัด “ใช่แล้วท่านแม่” ต้วนหลิงเทียนพยักหน้า “แต่ข้าจะยังอยู่ที่ภูมิภาคเบื้องล่างอีกพักหนึ่ง…ให้ข้าทะลวงด่านพลังและปรับตัวได้ก่อน ข้าถึงจะไป” ก่อนที่จะขึ้นไปยังภูมิภาคเบื้องบนนั้น ต้วนหลิงเทียนคิดจะเพาะสร้างเวทย์พลังปีกอีกาทองคำให้บรรลุถึงรูปแบบที่ 2 เสียก่อน ถึงตอนนั้น เมื่อด่านพลังเขาทะลวงผ่านถึงอริยะเซียนขั้นต้น ไม่เพียงแต่พลังอำนาจของเขาจะทัดเทียมกับเซียนมนุษย์ขั้นต้น ยามใช้ออกด้วยเวทย์พลังปีกอีกาทองคำรูปแบบที่ 2 ความเร็วของเขาจะทะยานไปเทียบได้กับเซียนมนุษย์ขั้นเชี่ยวชาญ! อีกทั้งเวทย์พลังที่เขาครอบครองอยู่ก็ใช่ว่าจะมีแต่ปีกอีกาทองคำเท่านั้น ยังมีเซียนอมตะข้ามภพ ปฐมเวทย์กลืนกิน และร่างทองลิ่วเหอ! เวทย์พลังเสริมการเคลื่อนไหว เวทย์พลังสายจู่โจม เวทย์พลังสายสนับสนุน และ เวทย์พลังสายป้องกัน… เรียกว่าเขามีครบถ้วน! แน่นอนว่าในบรรดาเวทย์พลังที่เขามี ร่างทองลิ่วเหอนั้นเป็นแค่เวทย์พลังระดับกลางเท่านั้น ไม่คู่ควรอยู่บ้างหากจะนำไปเทียบกับเวทย์พลังอื่นๆ ‘ถึงตอนนั้นก็ทนๆใช้ไปก่อนแล้วกัน คิดซะว่ามีไว้แก้ขัด วันหน้าค่อยหาเวทย์พลังที่ดีกว่านี้แล้วเพาะสร้างมันทีหลัง’ ใจต้วนหลิงเทียนครุ่นคิดวาดแผนไว้เสร็จสรรพ และน่ากลัวว่าหากใครล่วงรู้ความคิดนี้คงได้กระอักเลือดออกมาสัก 3 ถัง! ผู้อื่นได้รับเวทย์พลังระดับกลางมาเพาะสร้างสักบทก็ดีใจจนเนื้อเต้นแล้ว แต่สำหรับต้วนหลิงเทียนเวทย์พลังระดับกลางเพียงมีไว้แก้ขัด? ทนๆใช้ไปก่อน? แม้ต้วนหลิงเทียนจะกล่าวตอบมาแบบนั้น แต่ลี่หลัวก็รู้สึกได้ว่าบุตรชายของตัวคงอยู่ในภูมิภาคเบื้องล่างอีกไม่นานแล้ว หากเลือกได้นางก็หวังจะให้บุตรชายอยู่กับนางไปนานๆ ไม่ต้องไปไหนได้ก็ยิ่งดี แต่นางรู้ดีว่านั่นจะเป็นการขัดขวางโชคชะตาของบุตรชาย บุตรชายตัวน้อยในวันวานของนาง บัดนี้เติบใหญ่เป็นบุรุษองอาจกล้าหาญเต็มตัวแล้ว มีภาระหน้าที่และสิ่งที่ต้องกระทำมากมาย! “หลัวเอ๋อเจ้าออกไปรอข้าก่อนสักครู่ ข้ามีเรื่องบางประการต้องพูดกับเทียนเอ๋อเป็นการส่วนตัว…” ต้วนหรูเฟิงมองกล่าวกับลี่หลัวเสียงอ่อน ได้ยินวาจาของสามี นางก็รู้ได้ทันทีว่าเรื่องที่สามีคิดกล่าวกับบุตรชายนั้น สามีไม่อยากให้นางได้ยิน ดังนั้นนางจึงพยักหน้ารับ ค่อยหันหลังกลับและเดินจากไปทันที นางรู้ดีว่าสมควรมีเรื่องบางประการที่บุตรชายนางต้องเสี่ยงอันตรายอีกแน่…สามีขอให้นางออกไปสมควรเป็นเพราะอีกฝ่ายไม่อยากให้นางเป็นกังวล… “ท่านพ่อ ท่านมีอะไรจะพูดกับข้าหรือ แถมเรื่องนี้กระทั่งท่านแม่ยังไม่อาจอยู่ฟัง?” ต้วนหลิงเทียนขมวดคิ้ว “สิ่งที่แม่เจ้าไม่อยากได้ยินที่สุดคือเรื่องที่เจ้าต้องไปเสี่ยงอันตราย…และพอดีสิ่งที่ข้ากำลังจะบอกเจ้าก็นับเป็นเรื่องที่เสี่ยง…ทั้งยังอันตรายยิ่ง!” ต้วนหรูเฟิงถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ “หืม? เรื่องอะไรเหรอท่านพ่อ?” ต้วนหลิงเทียนกล่าวถามด้วยความสงสัย “เจ้ายังจดจำได้หรือไม่ ว่าเกาะป้านเยว่ที่เจ้าครอบครองรวมถึงนิกายหลิงเทียนของเจ้า ถูกมังกรเทพยาดาสีทอง 5 กรงคนหนึ่งทำลาย?” ต้วนหรูเฟิงกล่าวถาม “ตีจิ่ว!” ลูกตาต้วนหลิงเทียนหดเล็กลงทันใดหลังได้ยินคำของต้วนหรูเฟิง ลมหายใจยังรุนแรงขึ้นอย่างไม่ทันรู้ตัว แม้เรื่องราวมันจะผ่านมานานปีแล้วสำหรับเขา หากแต่เหตุการณ์ในตอนนั้น ภาพซากปรักหักพังของนิกายหลิงเทียน pยังมีบรรดาศพที่ไร้ใครกลบฝังนั่น ต้วนหลิงเทียนยังคงจดจำได้ทุกรายละเอียดไม่มีวันลืม! กระทั่งยามค่ำคืน บ่อยครั้งที่เขาจะหลับและฝันเห็นใบหน้ามากมายที่เคยอยู่ในความดูแลของเขา ทุกคนร่ำร้องให้เขาฆ่าตี้จิ่วเพื่อล้างแค้น! “มิผิด มันคือตี้จิ่ว!” ต้วนหรูเฟิงพยักหน้า และเริ่มเล่าเรื่องราวที่ตัวมันบุกไปยังเผ่าพันธุ์มังกร กระทั่งทำสัญญานัดหมายประลอง 5 ปี ที่กำลังจะครบกำเนิดในอีก 10 เดือนหลังจากนี้ออกมา “…ตอนนี้ใกล้ถึงเวลานัดหมายประลอง 5 ปีแล้ว…เจ้าจะต้องสู้กับตี้จิ่วเพื่อแย่งชิงสิทธิ์เข้าใช้สระชำระมังกร!” “สระชำระมังกร!?” ลูกตาต้วนหลิงเทียนลุกวาวขึ้นมาทันใด นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้ยินคำสระชำระมังกร จึงกล่าวถามบิดาออกมา “สระชำระมังกรเป็นดั่งดินแดนศักดิ์สิทธิ์ของเผ่าพันธุ์มังกร มันจะเปิดออกทุกๆ 5,000 ปี ด้านในมีพลังวิญญาณฟ้าดินเหลวที่สั่งสมมาเป็นเวลา 5,000 ปี เมื่อมังกรเยาว์วัยเข้าไปใช้งานต่อให้ไร้พรสวรรค์เพียงใด ก็สามารถยกระดับพลังฝึกปรือได้อย่างก้าวกระโดดทั้งสิ้น!” หลังจากนั้นต้วนหรูเฟิงก็กล่าวเสริมออกมา “หากไม่ใช่เพราะผู้นำเผ่าพันธุ์มังกรคนปัจจุบันไม่ได้เข้าสระชำระมังกร…ตอนนี้พลังอำนาจของเผ่าพันธุ์มังกรไม่มีทางด้อยกว่าตำหนักเมฆาครามและตลาดมืดหยินชานแน่!” ……
คอมเม้นต์